everY
ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1 บทที่ 16 #นิยายวาย
ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1
ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)
แปลโดย : ศีตกาล
ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง
การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ
และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 16
ความจริง
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฉางหนิงเป็นภูเขาลูกหนึ่ง พญายมราชส่งคนปีนขึ้นไปเสาะหา ไม่นานก็พบร่องรอยว่ามีคนเคยก่อไฟอยู่บนเขาจริง
ทหารสืบเสาะไปตามร่องรอย หาจนไปถึงวัดร้างแห่งหนึ่งบนยอดเขา ป้ายชื่อเสียหายไปมาก พอมองเห็นข้อความเลือนรางว่า ‘วัดคูเฉวียน’
พญายมราชได้ฟังก็หวนนึกถึงถ้อยคำที่ซ่งเสวียนพูดไว้เมื่อวาน
‘หาในป่าโบราณ หาในธารว่างเปล่า’ เมื่อนำอักษรมาผสานกันจะได้คำว่า ‘คูเฉวียน’* พอดี
เหลือเชื่อยิ่งนัก หรือเขาจะทำนายถูกต้องจริงๆ?
พญายมราชหิ้วความสงสัยเต็มท้องเดินขึ้นเขามา นึกไม่ถึงว่าหลังเหยียบย่างเข้าเขตวัดจะต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
เขาเคยลงมือคร่าชีวิตคนไปไม่น้อยก็จริง แต่กลับพบเห็นภาพสยดสยองเช่นนี้น้อยครั้งนัก
กลางวัดมีเพียงศพเดียว ดูจากรูปร่างคร่าวๆ คงเป็นเด็กหนุ่ม คาดว่าจะเสียชีวิตมาระยะหนึ่งแล้ว
ศพนั้นถูกสุนัขจรจัดหลายตัวรุมล้อม กำลังกัดกินเนื้อหนังตัวละคำสองคำ ใบหน้าเหวอะหวะไปนานแล้ว กลายเป็นเลือดเนื้อเละเทะรูปคน
ทหารโดยรอบพากันเบือนหน้าหนี มิอาจทนมองได้อีก
พญายมราชอดทนต่อความปั่นป่วนในท้อง สั่งให้คนไล่ตะเพิดสุนัขจรจัดเหล่านั้นแล้วตรวจสอบศพ
ผู้ติดตามข้างกายส่งหยกประดับถุงหนึ่งมาให้พลางเอ่ยเสียงเบา “ใต้เท้า นี่คือของที่ค้นได้จากศพขอรับ”
พญายมราชพินิจดูให้ละเอียด ในถุงนั้นมีหยกประดับสลักตัวอักษรอวิ๋น ด้านบนยังมีรอยเลือดติดอยู่
นั่นเป็นหยกชั้นดี เนื้อใสกระจ่างงดงาม ฝีมือการสลักประณีต เหลือบประกายสีน้ำเงิน ด้านบนไม่มีลวดลายพิเศษอื่นใด แต่กลับทำให้พญายมราชต้องตะลึงงัน
เขาเช็ดรอยเลือดที่ติดอยู่ด้านบน หลังเก็บหยกใส่แขนเสื้อเรียบร้อยค่อยเอ่ยเสียงดัง “คนผิดตายไปแล้ว! พวกเจ้าค้นบริเวณใกล้เคียงว่ายังมีร่องรอยใดอีกหรือไม่!”
แม้ยังไม่เข้าใจ แต่ทุกคนล้วนไม่ยินดีจะอยู่ในพื้นที่เดียวกับศพน่าสยดสยองนี้อีก ต่างคนต่างรีบไปเสาะหาร่องรอยอื่นทันที
พญายมราชบีบหยกแน่น เอ่ยสั่งซ้ายขวา “พวกเจ้าไปเชิญซ่งเสวียนผู้นั้นมาหาข้า”
พวกเขายังไม่ทันรับคำก็ถูกพญายมราชถีบเข้าเต็มอก “ข้าบอกให้รีบไป!”
สองผู้ติดตามที่น่าสงสารกระตุ้นม้าพุ่งเข้าเมืองไป กว่าจะสืบได้ว่าซ่งเสวียนอยู่ที่ใดก็แทบหืดขึ้นคอ พวกเขาเคาะประตูทุบกลอน พาตัวซ่งเสวียนที่นอนหลับไปแล้วออกมา
ซ่งเสวียนยังคงเป็นซ่งเสวียนคนเดิม ชุดผ้าป่านกับแส้ขนจามรีเส้นเดิม เขาเพียงมองใบหน้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของพญายมราชสลับกับศพที่กลายเป็นกองเลือดเนื้อเละเทะบนพื้น ท่าทางดูคล้ายไม่ตื่นตระหนกสักนิด “ใต้เท้า พบกันอีกแล้ว”
พญายมราชชี้ศพพลางเอ่ยถามเสียงเย็น “อาจารย์ ท่านทราบหรือไม่ว่าที่อยู่บนพื้นนี้คือผู้ใด”
“มิใช่คนที่ใต้เท้าตามหาหรอกหรือ” ซ่งเสวียนทราบดีแต่แสร้งทำโง่งม
อีกฝ่ายจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา “ผู้ที่ข้าตามหาคือโจรป่าบนภูเขา ท่านว่าคนผู้นี้ใช่โจรป่าหรือไม่”
“ข้าน้อยอาศัยลิขิตฟ้ามาสนองประสงค์ในใจใต้เท้า ตามหาสิ่งที่ใต้เท้ามุ่งมาดปรารถนาจะตามหาอย่างที่สุด” ซ่งเสวียนเอ่ยไม่ช้าไม่เร็ว “ส่วนเรื่องว่าผู้ที่ใต้เท้าต้องการตามหาเป็นใคร ข้าน้อยไม่ทราบสักนิด”
“ไม่ทราบความอันใด ช่างประเสริฐนัก!” พญายมราชหัวเราะเสียงเย็น “ที่ข้าต้องการตามหาคือคน แต่ท่านกลับหาศพมาให้ข้า ซ่งเสวียน ท่านว่าโลกจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้รึ”
สีหน้าของซ่งเสวียนดูใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่ง “ชะตาเป็นเช่นนี้ ข้าจะหลอกลวงใต้เท้าได้อย่างไร ในเมื่อนี่คือชะตาของเขา ข้าน้อยจะต้านฟ้าเปลี่ยนแปลงได้หรือ ใต้เท้าคงไม่ได้กำลังจะปฏิเสธไม่จ่ายค่าครูให้ข้าน้อยหรอกกระมัง”
พญายมราชจ้องคล้ายต้องการอ่านความคิดเขาให้ทะลุปรุโปร่ง สุดท้ายก็หัวเราะเสียงเย็น ชักกระบี่คู่กายแหวกอากาศดัง ‘ชิ้ง…’ แล้วตบลงบนโต๊ะ
คมกระบี่สะท้อนแสงวาวเย็นเยียบ ยิ่งอยู่ในวัดมืดสลัวเช่นนี้ยิ่งชวนให้พรั่นพรึง
“เรื่องค่าครู อาจารย์ไม่ต้องกังวล” พญายมราชเอ่ยเนิบช้า “ที่ข้าต้องการตามหาคือคนสองคน บัดนี้ยังขาดอีกคนหนึ่ง หากหาอีกคนพบแล้ว ข้าจะจ่ายค่าครูให้ท่านสิบเท่า”
พูดถึงตรงนี้เขาก็เว้นช่วง ยื่นสองนิ้วออกมาลูบคมกระบี่ล้ำค่าเล่มนั้น
“เพียงแต่…หากอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าข้า” พญายมราชผุดยิ้มเย็นเยียบ “ละครฉากนี้คงสนุกน่าดู”
ซ่งเสวียนสีหน้าไม่เปลี่ยน “คนที่ใต้เท้าตามหาคือโจรป่ามิใช่หรือ ข้าไม่มีทางเกี่ยวข้องกับพวกเขาแน่นอน”
“ท่านอย่ามาทำไขสือ” พญายมราชสิ้นความอดทน ตวัดกระบี่ขึ้นไปจ่อที่คอของซ่งเสวียน
“ใต้เท้า!” ข้างนอกพลันมีทหารบุกเข้ามาทำลายบรรยากาศคับขันข้างใน พอเขาเห็นภาพตรงหน้าก็อดย่นคอไม่ได้ “ตะ…ใต้เท้า…”
พญายมราชไม่ได้วางกระบี่ลง “ว่ามา”
“ข้างนอก…พบพวกของโจรป่าขอรับ”
พญายมราชนิ่งงัน “อยู่ที่ใด”
“อยู่ตีนเขาเสี่ยวผิง ห่างจากที่นี่ในระยะทางเดินเท้าไม่ถึงหนึ่งชั่วยามขอรับ”
เขาเสี่ยวผิงเป็นรังเก่าของโจรป่า นับว่าใกล้กับวัดร้างแห่งนี้อยู่
ทหารนายนั้นรายงานต่อ “คนผู้นั้นตายไปหลายวัน เน่าแล้ว น่าจะถูกเชือดคอ ดูจากรูปลักษณ์การแต่งกายล้วนตรงกับในประกาศจับของเรา ที่แขนเสื้อปักรูปดอกซ่อนกลิ่นฝรั่งด้วยขอรับ”
ประกาศจับนั้นพญายมราชเป็นผู้ลงนามเอง รายละเอียดทั้งหมดคือเบาะแสของโจรป่าผู้กระทำผิดที่พวกเขาได้มา
บุรุษ อายุยี่สิบต้น หน้าขาวไร้หนวดเครา สวมชุดหรูซานผ้าป่าน แขนเสื้อปักรูปดอกซ่อนกลิ่นฝรั่ง
นั่นคือการแต่งตัวของซ่งเสวียนในวันที่ขึ้นเขา
พญายมราชอยู่ตรงหน้าซ่งเสวียนแท้ๆ แต่กลับถามใครก็ไม่รู้ “เสื้อผ้านั้นสวมเอาไว้เมื่อใด”
ทหารนายนั้นรายงาน “เสื้อผ้าเน่าไปพร้อมกับศพขอรับ เขาน่าจะสวมตอนที่เสียชีวิต เมื่อครู่นักชันสูตรแจ้งข่าวมาแล้ว โจรป่าที่อยู่ในวัดตายด้วยอาการโรคหัวใจกำเริบ”
พญายมราชเงียบไปครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ ลดกระบี่ลง “ข้าจะไปดูด้วยตนเอง”
ผู้ติดตามค้อมกายรับคำ
ซ่งเสวียนที่อยู่ด้านหลังเอ่ยถามช้าๆ “บัดนี้ใต้เท้าเชื่อข้าแล้วหรือ”
พญายมราชหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป เขาอดแค่นเสียงหัวเราะไม่ได้ “เชื่อท่านรึ ท่านเองก็มองข้าเป็นถุงสุราห่อข้าว* คิดว่าเรื่องพรางเป็นเทพแสร้งเป็นผีเช่นนั้นจะหลอกข้าได้หรือ”
ซ่งเสวียนกลับเอ่ย “เช่นนั้นที่ข้าน้อยพูดไปมีเรื่องใดเป็นเท็จบ้าง”
พญายมราชจ้องเขาเขม็ง ในดวงตาฉายแววเย็นเยียบไร้จุดสิ้นสุด “ทุกเรื่องล้วนเป็นเท็จ”
“แล้วอย่างไรเล่า” ซ่งเสวียนหัวเราะออกมา “หรือใต้เท้าต้องการความจริง?”
พญายมราชย่อมไม่ต้องการความจริง
ไม่มีขุนนางคนใดต้องการสังหารองค์ชายสักพระองค์ให้ตายด้วยน้ำมือตนเอง
ต่อให้เป็นการสังหารโดยอ้างว่าทำเพื่อกวาดล้างโจรป่าก็ตาม
พญายมราชไม่ใช่คนโง่ หากเขาฟังคำของผู้ที่อยู่หลังม่านจริง เช่นนั้นอำนาจใหญ่ที่สุดในการควบคุมเขาก็จะตกไปอยู่ในมือผู้อื่น
ลอบสังหารองค์ชายย่อมมีโทษใหญ่เทียบเท่าการก่อกบฏ เพียงแต่ชั่วชีวิตนี้ของเขาหากไม่ทำตัวเป็นมีดให้ผู้อื่นใช้งานจนถึงที่สุดก็อาจตายตกได้ทุกเมื่อ
ซ่งเสวียนอ่านความทรงจำจนคาดเดาสถานการณ์ของเขาออก
“ใต้เท้า สองคนที่ท่านต้องการตามหาเกิดขัดแย้งกันที่ตีนเขา คนหนึ่งใช้มีดปาดคออีกคน จากนั้นวิ่งหนีเข้ามาในป่า จู่ๆ โรคเก่าก็กำเริบ ตายอยู่ในวัด” ซ่งเสวียนแต่งนิทานเรื่องหนึ่งออกมาเรียบร้อย “นี่คือความจริง”
เฉกเช่นเรื่องหลอกลวงอื่นๆ ซ่งเสวียนเพียงสร้างสรรค์ความจริงที่พญายมราชต้องการเท่านั้น
จริงเท็จไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือผู้ถูกหลอกต้องการเรื่องราวนี้หรือไม่
และต่อให้พญายมราชรู้ว่านี่เป็นเรื่องเท็จ
เขาก็ยังต้องการมัน
พญายมราชจับจ้องซ่งเสวียนอยู่ครู่ใหญ่ “ท่านเป็นใครกันแน่”
“ครึ่งเซียนซ่ง”
พญายมราชส่งเสียงถุยออกมา
ซ่งเสวียนกลับหัวเราะ “ใต้เท้า คีรีสูงธารายาว วันหน้าพบกันใหม่”
* อักษรของชื่อวัดคูเฉวียน (枯泉) เกิดจากการผสานกันระหว่างอักษรสี่ตัวจากประโยคที่ซ่งเสวียนเอ่ยคือคำว่า ‘ป่าโบราณ (古, 木)’ และ ‘ธารว่างเปล่า (白, 水)’
* ถุงสุราห่อข้าว หมายถึงคนที่ไม่มีประโยชน์ ดีแต่กิน ดีแต่ดื่ม ทำงานทำการไม่เป็นสักอย่าง
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
