everY
ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1 บทที่ 2 #นิยายวาย
ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 1
ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)
แปลโดย : ศีตกาล
ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง
การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ
และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 2
คุณชาย
ซ่งเสวียนยังไม่ทันเหยียบเข้าประตูห้องในโรงเตี๊ยมก็เห็นคุณชายเมื่อกลางวันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ อีกฝ่ายขมวดคิ้วน้อยๆ ใช้เสียงเบาสั่งการบางอย่างกับองครักษ์
คุณชายผู้นั้นอายุไม่มาก ทั้งยังมีเค้าโครงใบหน้าอย่างบุรุษโตเต็มวัยที่ค่อนข้างอ่อนโยน
บัดนี้เขาสวมชุดคลุมตัวยาวสีอ่อนเรียบง่าย เส้นผมดำขลับดุจน้ำหมึกแผ่สยายอยู่กลางหลัง เดิมทีสีหน้าของเขาก็ดูอ่อนแออยู่แล้ว ยามนี้ไม่เพียงตื่นตระหนกแต่ยังป่วยไข้ สีเลือดบนใบหน้าจึงจืดจาง เนื้อตัวซีดขาว ขับเน้นให้คิ้วตายิ่งละเมียดงดงาม
ไม่ผิด ซ่งเสวียนใช้คำว่า ‘งดงาม’ มาวางบนศีรษะของบุรุษ
ซ่งเสวียนจำได้ว่าเขาเคยได้ยินมาเรื่องหนึ่ง คณิกาอันดับหนึ่งของหอวั่นฮวาแห่งเมืองเซิ่งจิงคือคนงามยามป่วยไข้ ทุกครั้งที่นางป่วยดูราวกับซีซือ* กุมหัวใจจึงได้ฉายาว่า ‘ซีซือน้อย’ มา
ตอนกลางวันซ่งเสวียนไม่ทันสังเกต ทว่าบัดนี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งปล่อยผมอยู่ข้างโคม ซ่งเสวียนก็พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ไม่รู้ว่าคุณชายท่านนี้หากเทียบกับซีซือแล้วผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ
คุณชายเห็นสายตาของเขาจึงชะงักถาม “อาจารย์ ท่านมองอะไรหรือ”
ซ่งเสวียนอ้าปากเอ่ยคำออกมาราวกับไม่ผ่านสมอง “มองอิริยาบถดั่งเทวาของคุณชาย”
เมื่อคำพูดนี้สิ้นสุดลง อากาศในห้องก็แข็งค้างไปชั่วขณะ
“อาจารย์เชิญเข้ามา” คุณชายเองก็เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังอดกลั้นไม่ให้ฟาดเขาอยู่หรือไม่ จากนั้นค่อยเอ่ยช้าๆ “ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าอาจารย์มีพลังวิเศษ ทำตัวไม่เหมาะสม หวังว่าท่านจะให้อภัย”
ซ่งเสวียนใบหน้ายิ้มแย้มเช่นปกติ “ที่ใดกันๆ แค่ผู้มีวิชาคนหนึ่งในยุทธภพ ข้าน้อยเรียกลมเรียกฝนไม่ได้ ส่วนคุณชายนั้นเรียกมาไล่ไปได้ จะขลาดเขลาไปบ้างก็เป็นเรื่องสมควร”
มือที่ถือพัดอยู่บีบแน่นขึ้น ทว่าสีหน้าของคุณชายกลับไม่เปลี่ยน “อาจารย์กล่าวให้ขบขันแล้ว”
ตอนที่ซ่งเสวียนเดินเข้ามาในห้องก็มีกลิ่นคาวเลือดระลอกหนึ่งโชยมาเตะจมูก
เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เมื่อเพ่งมองก็พบว่าที่มุมห้องมีคนสวมชุดดำตัวโชกเลือดนอนอยู่ สองแขนถูกตัดด้วน เหลือเพียงลำตัวขยับดิ้นสองสามครา ลำคอส่งเสียงแหบพร่าดังครืดคราดออกมา
ซ่งเสวียนรู้สึกเย็นวาบที่กลางหลัง ไหนเลยจะมีท่าทีเกียจคร้านเช่นเมื่อครู่ได้อีก แม้แต่น้ำเสียงก็ยังสั่นเครือเล็กน้อย “คุณชาย ท่านกำลังมีภัยหลั่งโลหิต”
คุณชายผู้นั้นยิ้มอ่อน “ขอบคุณอาจารย์ที่ทำนายได้แม่นยำ” จู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้วไอออกมาสองครั้งติดกัน “มัวทิ้งเอาไว้ทำอะไร รบกวนความสงบของข้ากับอาจารย์เสียจริง”
พูดไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียง ‘ฉัวะ’ ดังขึ้น องครักษ์ออกดาบครั้งหนึ่งก็แทงทะลุหัวใจคนชุดดำ ฝ่ายนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดอีก
ความเย็นยะเยือกเกาะกุมก้นบึ้งหัวใจของซ่งเสวียนแน่นยิ่งกว่าเก่า เพียงแต่เขาฝืนทำตัวนิ่งสงบ นั่งอยู่ตรงข้ามคุณชายผู้นั้น
“อาจารย์ ท่านช่างน่าทึ่ง” คุณชายหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดันกล่องไม้จันทน์มาตรงหน้าเขา “ครั้งนี้เชิญท่านมามิได้มีจุดประสงค์อื่น ตรงนี้มีชื่อแซ่และดวงชะตาแปดอักษรของข้าน้อยอยู่ ไม่ทราบจะรบกวนท่านช่วยทำนายชะตาให้สักหน่อยได้หรือไม่”
ซ่งเสวียนกวาดตามองแถบกระดาษพลางแง้มกล่องดูเล็กน้อย ชั่วอึดใจถัดมาสายตาก็ต้องไหววูบเมื่อเห็นเงินเต็มกล่อง
แต่เขารู้ดีว่าเงินก้อนนี้ไม่ได้จะหยิบฉวยเอาง่ายดายปานนั้น “ชะตานี้ข้าทำนายไม่ได้”
คุณชายผู้นั้นถาม “อาจารย์ยังไม่ทราบว่าข้าจะถามเรื่องใด ไยจึงบอกว่าทำนายไม่ได้เล่า”
ซ่งเสวียนดันแถบกระดาษคืนไป “ชื่อแซ่คุณชายเป็นของปลอม จะทำนายได้อย่างไร”
ซ่งเสวียนไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับอีกฝ่าย หากแต่กระจ่างดีว่าครานี้ตนน่าจะถูกชักจูงมาพัวพันกับคนใหญ่คนโตเสียแล้ว
ถูกลอบสังหาร กระทั่งชื่อแซ่ก็ไม่กล้าเปิดเผย วิธีจัดการกับมือสังหารยังเด็ดขาดปานนี้ น่ากลัวว่าคุณชายน้อยตรงหน้าจะไม่ใช่คนธรรมดา
ในที่สุดรอยยิ้มของคุณชายผู้นั้นก็เลือนหายไปบ้าง เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ถือพัดเคาะโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่สักพักถึงเอ่ย “ชื่อข้ามีคำเดียวคือซี มาจากซีเหอ* อาจารย์จะทราบได้หรือยังว่าการเดินทางครั้งนี้ของข้าจะปลอดภัยหรือไม่”
ซ่งเสวียนกล่าวอยู่ในใจ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะปลอดภัยหรือไม่ ข้ารู้เพียงว่าตอนนี้ข้าไม่ปลอดภัยอย่างมาก
ทว่าใบหน้าของเขากลับสงบนิ่ง นับนิ้วพึมพำด้วยท่าทางน่าพิศวง คำนวณฟ้าดินส่งเดชอยู่พักหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางอย่างอาจารย์ผู้พยากรณ์ดวงชะตา “ในระหว่างนี้เคราะห์ของคุณชายซีเกรงว่าจะยังไม่ผ่านพ้น”
สีหน้าของทุกคนในห้องต่างดูย่ำแย่ มีเพียงคุณชายที่ยังรักษาสีหน้าให้ไม่เปลี่ยน “อาจารย์มีวิธีแก้ไขหรือไม่”
ในใจซ่งเสวียนยินดีปรีดา คิดเงียบๆ กับตนเองว่าในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาที่ข้าเฝ้ารอแล้ว
เขาล้วงถุงผ้าไหมจากอกเสื้อออกมาวางบนโต๊ะ “ถุงผ้าไหมนี้ข้าทำขึ้นด้วยตนเอง เดิมเอาไว้ป้องกันสิ่งชั่วร้ายหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ คุณชายพกพาเอาไว้ก็จะปกป้องคุ้มครองให้สงบสุข เพียงแต่เคราะห์นี้ของคุณชายร้ายแรงนัก จะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่คงต้องดูที่ดวงชะตาของคุณชายแล้ว”
คุณชายยื่นมือมาจับพลิกดู ถุงผ้าไหมมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ข้างในใส่บางสิ่งที่เป็นแผ่นแข็งๆ และหนักอึ้ง ดูไม่เหมือนเหรียญทองแดงแต่ไม่รู้ว่าคือของสิ่งใด กระนั้นคุณชายกลับไม่ซักถาม เพียงดันกล่องไม้จันทน์บนโต๊ะไปทางซ่งเสวียน “เช่นนี้ยิ่งขอบคุณอาจารย์แล้ว ข้ามอบให้ด้วยความเคารพ ขอท่านอย่าได้เกรงใจ”
ซ่งเสวียนไหนเลยจะเกรงใจเรื่องเงิน เขายื่นมือไปรับกล่องนั้นมา
จู่ๆ บนหลังมือก็พลันมีสัมผัสเย็นเยียบ ซ่งเสวียนก้มลงมอง พบว่ามือเรียวขาวข้างหนึ่งกำลังกดอยู่บนมือของตน
คุณชายกดมือเขาเอาไว้ แววยิ้มในดวงตาเดี๋ยวกระจ่างชัดเดี๋ยวเลือนราง ดูราวกับเปลวเทียนในสายลม “ข้าเชื่ออาจารย์ หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
ซ่งเสวียนเป็นพวกกะล่อนปลิ้นปล้อนไม่กลัวฟ้าดิน เพียงแต่ชั่วขณะนั้นเขากลับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง สุดท้ายจึงอุ้มกล่องนั้น ทำหน้าตาดั่งเซียนสูงส่ง กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะที่มืออุ้มเงิน ในใจก็คิดคำนวณอยู่เงียบๆ เกรงว่าเขาจะอยู่ที่เมืองอันติ้งนี้ต่อไม่ได้แล้ว
คนประกอบอาชีพเช่นเขา ดวงตาล้วนต้องมีแวว เมื่อกลางวันเขาเห็นที่เอวของคุณชายผู้นี้มีหยกประดับสลักเป็นตัวอักษรอวิ๋น ไม่ตรงกับชื่อแซ่ที่เขียนบนกระดาษ เขาจึงสงสัยว่านั่นเป็นชื่อปลอม และผลก็เป็นดังคาด
ยิ่งนึกถึงองครักษ์ซ้ายขวาของอีกฝ่ายที่มีท่าทีไม่ธรรมดา ยื่นมือออกมาก็จ่ายเงินมากมาย กอปรกับรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนในโรงเตี๊ยมแห่งนี้แล้ว เกรงว่าคืนนี้คงจะมีคนคิดลอบทำร้ายเขา
คนเช่นนี้ไม่มีทางเป็นเพียงคุณชายบ้านรวยธรรมดาทั่วไป
หากการเดินทางของคุณชายราบรื่นก็แล้วไปเถิด เขาเพียงบอกว่าถุงผ้าไหมของตนช่วยเลี่ยงภยันตราย แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับคุณชายเข้าจริงๆ เกรงว่าตัวเขาที่อยู่ในเมืองอันติ้งต่อไปจะต้องเผชิญกับอันตรายเสียเอง
ตอนนี้เขาได้เงินก้อนโตมา ไม่ว่าอยู่ที่ใดล้วนตั้งตัวได้อย่างมั่นคง มิสู้หอบเงินก้อนนี้หนีไปให้ไกลแสนไกล ฟ้าใหญ่แผ่นดินกว้าง ขอคนสูงส่งเหล่านี้อย่าได้สนใจจะตามหาเขาเลย
ซ่งเสวียนคิดคำนวณกระจ่างชัด แต่คาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินถึงประตูห้องกลับได้ยินคุณชายที่อยู่ข้างในโพล่งขึ้นมา “อาจารย์ซ่ง”
ซ่งเสวียนชะงักฝีเท้า หันกลับมายิ้ม “คุณชายมีสิ่งใดจะสั่งหรือ”
“ข้ากับท่าน…เคยพบกันที่ใดหรือไม่”
ผู้นั่งอยู่ที่โต๊ะดูซีดเซียวอ่อนแอ ใบหน้าไร้แววยิ้ม มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่มองสำรวจตรวจตรา ทำทีราวกับต้องการขุดเลือดเนื้อเราะกระดูกของเขาออกมาตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก็ไม่ปาน
ซ่งเสวียนยืนสบตาเขานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “ข้ากับคุณชายอาจมีชะตาต้องกันแต่ชาติก่อน คุณชายจึงรู้สึกคุ้นตากระมัง”
“ช่างเถิด” คุณชายได้ยินคำตอบแบบขอไปทีก็ยกยิ้มราวกับกำลังเย้ยหยันตนเอง “ข้าได้ยินมาว่าที่อยู่ของท่านเก่าโทรมยิ่งนัก มิสู้รั้งอยู่ที่นี่สักระยะเป็นอย่างไร”
ซ่งเสวียนปฏิเสธซ้ำๆ แต่คล้ายจะเห็นรอยยิ้มของคุณชายดูเย็นเยียบขึ้นมา หัวใจของเขาหล่นวูบอย่างอดไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคุณชายไม่คิดปล่อยเขาไปจึงได้แต่พยักหน้าด้วยความจนใจ “คุณชายน้ำใจประเสริฐ เป็นข้าน้อยที่ทำตัวไม่เคารพแล้ว”
หลังเดินพ้นจากอาณาเขตห้อง ศีรษะของซ่งเสวียนคล้ายใหญ่โตขึ้นสองเท่าด้วยความกลัดกลุ้ม
เงินนั่นใช่จะหยิบฉวยมาง่ายดายจริงๆ ร้อนลวกมือเหลือเกิน
ทางด้านคุณชายที่ซ่งเสวียนมิอาจหลีกพ้นได้นั้นกำลังเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ท่าทางคล้ายมีเรื่องให้ครุ่นคิด
จู้หยางค้อมกายถาม “ฝ่าบาท บนตัวมือสังหารไม่มีเบาะแสใด ควรจัดการศพอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
คุณชายหรี่ตาพลางยิ้มออกมา “เฉือนเนื้อให้สุนัขกิน”
จู้หยางไร้ท่าทีแปลกใจ เขาเพียงค้อมกายรับบัญชา เดินไปเปิดหน้าต่างอีกครั้งเพื่อให้อากาศถ่ายเท ก่อนจะจัดเก็บห้องพลางฟังคุณชายที่อยู่ด้านหลังรำพึงชื่อหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงยานคาง “ซ่งเสวียน…ซ่งเสวียน…ช่างแสนบ้าคลั่ง พูดจาไม่เกรงใจใคร ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นทองแดง คนเช่นนี้กลับอาจหาญเรียกตนเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้า” ฟังแล้วไม่รู้ว่าคุณชายกำลังชื่นชมหรือติเตียน “จู้หยาง เจ้าคิดเห็นเช่นไร”
“กระหม่อมเองก็ไม่รู้ชัด คิดว่าเขาอาจเป็นคนแปลกประหลาดอยู่แล้ว หากจะพิกลไปบ้างก็ไม่แปลก” จู้หยางก้มหน้าเอ่ย “เพียงแต่…อาจารย์ซ่งผู้นี้ น่ากลัวว่าจะมีพลังวิเศษอยู่บ้างพ่ะย่ะค่ะ”
คุณชายสนใจขึ้นมา “เพราะเหตุใดกัน”
จู้หยางกระซิบบอก “ตอนที่กระหม่อมไปหาเขาบนเขา เห็นในวัดเลี้ยงหมาป่าหิมะเอาไว้ตัวหนึ่ง”
น้ำเสียงของคุณชายสั่นเครือเล็กน้อย “หมาป่าหิมะ? เจ้าเห็นตัวจริงเลยรึ”
จู้หยางพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเกือบจะโดนทำร้ายด้วยซ้ำ มันมีลักษณะอย่างหมาป่าหิมะจริงๆ เพียงแต่อาจารย์ซ่งกลับเรียกมันว่าสุนัขตัวหนึ่ง”
ชาวต้าเหยาเชื่อว่าหมาป่าหิมะมีพลังจิต ว่ากันว่าหลายสิบปีก่อนมันเคยปรากฏกายแถวพื้นที่ทางเหนือตัวหนึ่ง ทำร้ายผู้คนไปนับไม่ถ้วน สุดท้ายแม้จะจับเป็นมาได้ แต่ระหว่างทางนำไปเป็นเครื่องบรรณาการมันก็อดอาหารจนตายไป
นับแต่นั้นมามีเพียงในหนังสือเท่านั้นที่บรรยายลักษณะของมันเอาไว้
จู้หยางอดพูดไม่ได้ “ฝ่าบาทมิสู้เชื่อเขาสักครั้ง ไม่กลัวหมื่นเหตุ กลัวแต่เหตุไม่คาดฝันหนึ่งในหมื่น หากทำให้การเดินทางครั้งนี้ของฝ่าบาทราบรื่นได้ก็คุ้มค่านะพ่ะย่ะค่ะ”
จู้หยางพูดยังไม่ทันขาดคำก็รู้สึกว่าสายตาของคุณชายเลื่อนมาหยุดที่ตัวเขา เห็นแล้วอดใจเต้นระส่ำไม่ได้ นึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ตนไม่ควบคุมปากให้ดี
สายตาคู่นั้นดุจมีดเย็นเยียบ ไม่รู้จะแล่เนื้อเถือหนังเขาหลุดออกมาเมื่อใด ฝ่ายจู้หยางย่อมไม่กล้าพูดมากอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำธุระของตน
“นำถุงผ้าไหมนี้ไปตรวจสอบ หากไม่มีปัญหาข้าจะพกเอาไว้ชั่วคราว” คุณชายชี้ถุงผ้าไหมบนโต๊ะแล้วเอ่ยอย่างเนิบช้า “ส่วนซ่งเสวียนผู้นั้น…จับตาดูเอาไว้” ดวงตาของเขาฉายแววลึกซึ้งขึ้นทีละนิด “ข้าไม่สนใจว่าเขาจะเป็นนักต้มตุ๋นหรือมีความสามารถวิเศษอันใด เจ้าดูเขาไว้อย่าให้คลาดสายตา รอข้ากลับไปเมืองหลวงเมื่อใดค่อยจัดการ แต่หากมีข้อผิดพลาดแม้เพียงนิด เจ้าก็เตรียมหิ้วหัวมาหาข้าได้เลย”
จู้หยางก้มหน้ารับคำสั่ง ในใจนึกประหวั่นอยู่บ้าง
เขาพอเข้าใจพฤติกรรมของคุณชายคร่าวๆ แม้อายุยังน้อย แต่ทำสิ่งใดกลับลงมือเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่รู้เหตุใดจึงสนใจอาจารย์ซ่งผู้นี้นัก
ที่การเดินทางครั้งนี้ของคุณชายจะมีอันตราย พวกเขาเองก็พอรู้ล่วงหน้ามาบ้าง คนในวังสิบคนเกรงว่าจะมีสักเก้าที่หวังให้คุณชายตายอยู่ข้างนอก
ดังนั้นอาจารย์ซ่ง…ซ่งเสวียนท่านนี้จึงน่าสงสัยมากเป็นพิเศษ
แต่หากมีคนส่งเขามาจริงๆ เหตุใดไม่เลือกผู้ที่เสแสร้งแกล้งทำได้เจนจัดมาเสียหน่อย ไม่ใช่พวกหลงละเลิงในกิเลส ดื่มสุรากินเนื้อ เห็นเงินก็ตาโตเช่นนี้
สรุปแล้วคุณชายเชื่อเขาจริงๆ หรือเตรียมจะตลบหลังกันแน่
* ซีซือ หรือไซซีตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็นหนึ่งในสี่ยอดหญิงงามของจีน ได้ฉายาว่า ‘มัจฉาจมวารี’
* ซีเหอ (羲和) เป็นชื่อของเทพีแห่งดวงอาทิตย์และการสร้างปฏิทินในตำนานยุคก่อนบรรพกาลของจีน
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
