ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน สำนักภูษานิล เล่ม 2 บทที่ 3 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน สำนักภูษานิล เล่ม 2 บทที่ 3 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 3

 

พอหาที่ซ่อนตัวเป็นถ้ำในภูเขาอันเงียบสงบได้ เสี่ยวชุนก็วางร่างสาวน้อยที่หมดสติเพราะเสียเลือดมากเกินไปลงบนกองหญ้าแห้งที่ปูไว้สำหรับรองนอน

บาดแผลบนตัวหญิงสาวนับว่าสาหัสอยู่ แต่มีเขาหมอเทวดาอยู่ที่นี่ด้วยย่อมต้องโชคดี ไม่มีทางถึงคราวชะตาขาดแน่นอน

เสี่ยวชุนล้วงเอาขวดยาหลากสีออกมาจากอกเสื้อ ครวญเพลงเบาๆ ขณะปั้นยา สุดท้ายยังเติม ‘โลหิตวิตก’ ซึ่งเป็นโอสถวิเศษรักษาบาดแผล มีหนึ่งเดียวทั้งในสวรรค์และบนพิภพ ใช้ห้ามเลือดและละลายลิ่มเลือด เดินทางท่องไปทั่วยุทธภพต้องมีพกไว้ติดกาย จากนั้นก็รอให้สาวน้อยฟื้นขึ้นมาอย่างอดทน บอกวิธีทายาภายนอกและกินยาแล้วเดินออกไปข้างนอก

เมื่อถึงเวลาที่คำนวณไว้เขาก็กลับมา หญิงสาวชุดดำกินยาและทายาเสร็จแล้ว กำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟที่ก่อขึ้น ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรแล้ว

“เจ้าช่วยข้าทำไม” หญิงสาวเขี่ยกองไฟ ขณะที่พูดก็จงใจเอียงคอดูซื่อๆ น่ารักไร้เดียงสา

แต่ก็เพราะท่าทางแบบนี้ เสี่ยวชุนจึงรู้สึกว่านางช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

เสี่ยวชุนเดินไปนั่งลงข้างกองไฟ ยักไหล่แล้วว่า “ก็เจ้าขอให้ข้าช่วย ข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร”

“เจ้าจะไม่ช่วยก็ได้นี่ ไม่มีใครบอกสักหน่อยว่าเจ้าต้องช่วย” นางพูดจากับเสี่ยวชุนเหมือนอ้อมค้อมไปมา พูดไปปากก็มู่ทู่ไปด้วย

เสี่ยวชุนยิ้มแล้วว่า “แต่จะไม่ช่วยก็เห็นทีว่าจะยากหน่อย นิสัยหมอแก้ยาก เห็นคนบาดเจ็บ คนป่วย คนเป็นลม หรือคนตาย ขอเพียงร่างกายยังอุ่น ไม่ถึงฆาตดี จะไม่เอาตัวมารักษาให้หายดีจนลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นก็คงจะไม่ได้หรอก”

“แม้แต่คนตายก็รักษาจนฟื้นได้ด้วยหรือ” หญิงสาวไม่เชื่อเด็ดขาด สองตากลมโตมีชีวิตชีวาจ้องมองดูจนเบิกกว้าง “ข้าเคยได้ยินว่าในโลกนี้มีแค่สามคนที่ทำได้ คนหนึ่งหนีไม่พ้นความตาย กลับไปหาพญายมแล้ว คนหนึ่งเป็นหมอที่เร้นกายในที่ห่างไกลนับร้อยลี้ ไม่เผยตัวออกมา อีกคนคือจ้าวเสี่ยวชุนที่ผู้คนกล่าวขานว่ารักษาเก่งกาจ แม้แต่คนตายก็ฟื้นได้ เพียงยกมือคนเจ็บก็กลับมามีชีวิต เจ้าเป็นคนไหนกันล่ะ”

“พูดได้ดีๆ ข้าไร้ความสามารถ ข้าคือจ้าวเสี่ยวชุนผู้นั้นแหละ” เสี่ยวชุนประสานมือคารวะพลางยิ้มอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เขาไม่ใช่ ‘คนที่ตายไปแล้ว’ หรือ ‘คนที่เร้นกาย’ อันที่จริงเสี่ยวชุนคุ้นเคยดีกับคนที่เร้นกาย เพราะเขาผู้นั้นและเสี่ยวชุนอาศัยอยู่ในหุบเขาเทพเซียนเหมือนกัน คนผู้นั้นคืออาจารย์ของเขาเอง

จู่ๆ สาวน้อยผู้นั้นก็มองดูเขาด้วยสายตาลี้ลับอยู่ครู่ใหญ่ราวกับคิดถึงอะไรบางอย่าง ประเดี๋ยวเอียงคอ ประเดี๋ยวส่ายศีรษะ สุดท้ายก็เผยไรฟันขาวออกมาเป็นรอยยิ้มไร้พิษสง

“ที่แท้เจ้าก็คือจ้าวเสี่ยวชุนจริงๆ ไม่คิดว่าข้าจะบังเอิญมาพบเจ้าได้ ทั้งยังได้เจ้ามาช่วยชีวิตไว้” น้ำเสียงนางฟังดูเหมือนไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่าอารมณ์ที่เผยออกมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจนี้ก็ถูกกลบเกลื่อนไปได้อย่างรวดเร็ว

“เจ้ารู้จักข้ารึ” เสี่ยวชุนหันไปกวาดตามองสาวน้อยผู้นี้หลายครั้ง

หญิงสาวพยักหน้า

คราวนี้เสี่ยวชุนรู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยต่อ “เห็นแก่ที่ข้าช่วยเจ้าไว้ ช่วยตอบคำถามข้าสักสองสามข้อเถอะ”

ไม่รอให้หญิงสาวพูด เสี่ยวชุนก็พูดขึ้นก่อน “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไร เป็นชายหรือหญิง ทำไมตอนข้าตรวจชีพจรเจ้าถึงได้แปลกประหลาดอย่างนั้น เห็นชัดๆ ว่า…” เสี่ยวชุนเหลือบมองหน้าอกของหญิงสาวแวบหนึ่ง ไม่ใช่ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม มีแต่เพียงความสงสัย “แต่ชีพจรกลับไม่ใช่…”

สาวน้อยถลึงตามองเสี่ยวชุนแล้วรีบยกมือขึ้นบังหน้าอก ท่าทางเป็นหญิงทุกกระเบียดนิ้ว “ยุ่งอะไรกับเรื่องข้าอายุเท่าไร เป็นชายหรือเป็นหญิง เจ้านี่แปลกคนจริงๆ ไยไม่ถามว่าเหตุใดข้าจึงถูกสำนักภูษานิลตามไล่ล่าสังหาร เอาแต่คิดคำถามไร้มารยาทขั้นนี้ได้”

“สำหรับข้า การถูกสำนักภูษานิลตามล่าไม่เห็นมีอะไรน่าถาม ประมุขสำนักมารแซ่หลันนั่นเห็นอะไรขัดตาก็ฆ่า ถึงไม่ขัดตาก็ฆ่า อากาศดีเจอคนก็ฆ่า อากาศแย่ไม่สบอารมณ์ก็ฆ่า ข้าไม่เห็นจะนึกสนใจเรื่องพรรค์นั้นเลย” เสี่ยวชุนพูดเจื้อยแจ้ว สองตาเป็นประกายจ้องมองหญิงสาวแล้วถามอย่างสนอกสนใจ “บอกมาเถอะ เจ้าใช้วิชาหดกระดูกแปลงโฉมกับตัวเองใช่หรือไม่ ข้าเคยเห็นเขาใช้มาก่อน เก่งกาจจนบรรลุขั้นสุดยอดเชียวล่ะ เห็นชัดๆ ว่าเป็นชายร่างใหญ่แต่กลับหดตัวลงได้จนมีรูปร่างเท่าหญิงสาว นอกจากนี้ยามเดินเหินก็ยังยักย้ายส่ายสะโพกไปมา แม้แต่หน้าตายังละม้ายหญิงสาวจนแยกแทบไม่ออก เจ้าเคยร่ำเรียนอยู่สำนักเดียวกับเขาหรือไม่ วิชาที่ว่านี้ไปร่ำเรียนมาจากที่ใดกัน หากข้าคิดอยากเรียนบ้างควรไปกราบอาจารย์ท่านไหนดีจึงจะสำเร็จ เรียนวิชานี้คงยากมากสินะ การหดกระดูกหดเส้นเอ็น คนธรรมดาย่อมทนไม่ไหวแน่ๆ!”

หญิงสาวฟังข้อสังเกตอันกระตือรือร้นของเสี่ยวชุนจนได้แต่นิ่งอึ้งตะลึงงัน

“เจ้าอายุเท่าไร” เสี่ยวชุนพูดอีก “จากชีพจรของเจ้า ข้าว่าน่าจะราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดกระมัง!”

สาวน้อยเบ้ปาก สีหน้าเหมือนมองดูพวกอันธพาลกระจอกแล้วตอบว่า “ใช่ ข้าอายุยี่สิบเจ็ด พี่ชายน้อยพอใจหรือยัง”

“ยี่สิบเจ็ดยังมีหน้ามาเรียกข้าว่าพี่ชายน้อย!” เสี่ยวชุนหัวเราะร่า

หญิงสาวทำเสียงหึ น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ “จะบอกให้ อย่านึกว่าเจ้าช่วยข้าไว้แล้วได้คืบจะเอาศอก รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ข้าคือหนึ่งในแปดเซียนชุดดำแห่งสำนักภูษานิล ‘เซียนหนอนพิษว่อหลิง’ หากล่วงเกินข้า เจ้าได้เดือดร้อนแน่”

“โอ้!” เสี่ยวชุนแกล้งเลียนท่าทางของหลิงเซียน ทำเสียงหึขึ้นจมูกบ้าง “เจ้าเห็นข้าทำท่าเหมือนกลัวเจ้าบ้างหรือไม่เล่า”

หลิงเซียนถลึงตาใส่เสี่ยวชุน

เสี่ยวชุนพูดแฝงความนัย “เจ้าเป็นชายหรือมิใช่”

หลิงเซียนก็ตอบอย่างคลุมเครือเช่นกัน “ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า”

เสี่ยวชุนหัวเราะเสียงลั่น “ข้าก็คิดไว้แล้วว่าเด็กสาวอายุสิบกว่าปีจะมีฝีมือเช่นนี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ตอนที่เจ้าเรียกข้า คำก็พี่ชายน้อย สองคำก็พี่ชายน้อยทีไร ทำเอาข้าขนลุกซู่ทุกที”

หลิงเซียนโกรธเสี่ยวชุนจนตาแทบถลน เสี่ยวชุนรู้สึกว่าหากพูดต่อจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ จึงเก็บสีหน้าขี้เล่นไว้แล้วนั่งเขี่ยกองไฟอยู่ข้างๆ

“อันที่จริงข้าก็รู้สึกอึดอัดใจ” ผ่านไปนานพักใหญ่โดยไม่มีการพูดคุยกัน จากนั้นเสี่ยวชุนจึงค่อยพูดขึ้นทำลายความเงียบ “ข้ารับปากใครคนหนึ่งไว้ว่าจะไม่ก่อเรื่อง ข้าต้องรอเขาอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อเดินทางกลับบ้านด้วยกัน แต่เพราะคำเรียกว่าพี่ชายน้อยของเจ้าเลยทำให้ไขว้เขว ตอนนี้ถ้าคนผู้นั้นกลับมาไม่พบข้าก็ไม่รู้ว่าจะโกรธสักแค่ไหน”

หลิงเซียนนิ่งเงียบแล้วพูดขึ้นช้าๆ “เจ้าช่างดีจริง มีคนให้รอ และคนคนนั้นก็รอเจ้าอยู่”

“อืม” เสี่ยวชุนรับคำเรียบๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก

หลิงเซียนเหลือบมองเสี่ยวชุนสองสามครั้ง ความอิจฉาค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า แต่ทันใดก็กลบเกลื่อนไว้ได้จนไม่เหลือร่องรอย

จ้าวเสี่ยวชุน มนุษย์ยาผู้ที่ร้อยพิษไม่กล้ำกราย ใบหน้าไม่แก่ชราไปตามวัย ประมุขสำนักภูษานิลถึงกับให้ความสนใจในตัวเขา ตวนอ๋องตงฟางอวิ๋นชิงเองก็รักใคร่เขา โอรสลับที่ไม่ได้รับพระราชทานชื่ออย่างเป็นทางการของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน บุตรสุดที่รักแห่งสวรรค์ที่มั่งคั่งและสูงศักดิ์

เหตุใดคนผู้นี้จึงได้ครอบครองสิ่งต่างๆ ที่ตนเองไม่อาจมี หลิงเซียนรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย

“จ้าวเสี่ยวชุน…” หลิงเซียนชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “เจ้าอยากเรียนวิชาหดกระดูกหรือ”

เสี่ยวชุนได้ยินดังนั้นดวงตาก็เบิกกว้างวิบวับ ดูงดงามจนอาจเทียบได้กับดาวประกายพรึก ประกายในนั้นสาดแสงเจิดจ้า

“เจ้ายอมสอนให้ข้ารึ” เสี่ยวชุนถามอย่างระมัดระวัง

“เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ชั่วชีวิตนี้ของข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ แค่สอนวิชาหดกระดูกให้เจ้าก็ไม่นับว่าหนักหนาอะไร อีกอย่างวิชานี้ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรด้วย” หลิงเซียนยิ้ม รอยยิ้มนั้นมีชีวิตชีวาราวกับเป็นยิ้มของเด็กสาวอายุสิบสี่สิบห้า

“ข้าจะเรียน!” เสี่ยวชุนทำท่ากำหมัดอย่างมุ่งมั่น อยากรู้นานแล้วว่าวิชาหดกระดูกนี้เป็นอย่างไรกันแน่ เห็นศิษย์พี่เคยแสดงให้ดูสองสามครั้ง ช่างน่าสนใจยิ่งนัก พูดแล้วก็อยากเรียนขึ้นมาเลยทีเดียว

หลิงเซียนยกมือขึ้นมาดึงหน้ากากหนังมนุษย์ออกแล้วบอกว่า “มองดูให้ดี ตั้งแต่ข้าฝึกสำเร็จ หน้ากากนี้ก็ไม่เคยเปิดออกให้คนทั่วไปได้เห็นมาก่อน”

ร่างกายของหลิงเซียนขยายออกขณะที่เสี่ยวชุนกำลังจ้องมองอยู่ เสี่ยวชุนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกร๊อบๆ เหมือนถูกยืดออก เสียงเสื้อผ้าปริขาด จากนั้นก็ได้เห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวของต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็นต้นไม้สูงชะลูดต่อหน้าต่อตา

พอคืนร่างแล้วหลิงเซียนก็ปาดเหงื่อแล้วเงยหน้าขึ้น เขาเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาราวกับดวงดาวที่อยู่แสนไกล รูปร่างซูบผอม เสี่ยวชุนคิดไว้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนประหลาด คิดไม่ถึงว่าจะดูดีเช่นนี้

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com