ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน สำนักภูษานิล เล่ม 2 บทที่ 4 #นิยายวาย – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ยุทธจักรเริงรมย์ ตอน สำนักภูษานิล เล่ม 2 บทที่ 4 #นิยายวาย

สำนักเขาหานซานนี้มีอาณาเขตกว้างขวาง ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยทางเดินสลับซับซ้อน เข้าไปในลานแห่งหนึ่งก็ทะลุไปเจอลานอีกแห่ง ชวนให้งงงวยยิ่งนัก เสี่ยวชุนเดินวนเวียนจนหัวหมุนไปหมด

เขาเดินทะลุลานเล็กๆ ทั้งสามแห่งที่ตกแต่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผ่านทางเดินมีหลังคาคลุมหกแห่ง สุดท้ายจึงได้เห็นสวนป่ากว้างใหญ่ประดับประดาไปด้วยหมู่ก้อนหินรูปร่างประหลาด ยอดเขาจำลองงดงามแปลกตา

สวนแห่งนี้ดูงดงามเป็นพิเศษ สิ่งก่อสร้างทั้งหมดตั้งอยู่ริมทะเลสาบสีเขียวเข้ม ริมตลิ่งมีต้นไม้ขึ้นเขียวครึ้ม มีอาคารและศาลาตั้งอยู่สองสามหลัง มีผู้คนมาชุมนุมกันไม่น้อย ภูเขาจำลองลูกหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลสาบงดงามที่สุด

ท่ามกลางก้อนหินและน้ำตก หินงอกหินย้อยสลับซับซ้อนตะปุ่มตะป่ำ ต้นไม้สูงเสียดฟ้าหลายต้นเอนอิงพิงกัน มีขั้นบันไดทอดยาวต่อเนื่อง ลดเลี้ยวคดเคี้ยวไปมา สลับซับซ้อนราวกับเขาวงกตจนดูไม่ออกว่าควรจะเข้าตรงไหนออกตรงไหน ดูกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ชวนให้พิศวงยิ่งนัก

เสี่ยวชุนเดินเบียดเสียดเข้าไปในฝูงชน อยากจะหาที่นั่งเหมาะๆ สักแห่ง

ทันใดนั้นก็เห็นเรือสำราญลำหนึ่งค่อยๆ แล่นมาจอดที่กลางทะเลสาบ ซึ่งย่อมต้องมาจอดใกล้กับภูเขาจำลองกลางน้ำมากที่สุด

เสี่ยวชุนสูดลมหายใจจนรู้สึกว่าในอกปลอดโปร่งโล่งสบาย แล้วจึงขับพลังกระโดดข้ามทะเลสาบ ปลายเท้าแตะผิวน้ำเบาๆ ข้ามไปอย่างไร้ร่องรอย วิชาตัวเบาสูงส่งจนคนที่อยู่ตรงนั้นต่างอดแปลกใจไม่ได้

ขณะที่เท้ากำลังจะแตะดาดฟ้าเรือ ไม่รู้ว่าลมปราณภายในหดหายกลับคืนสู่จุดชี่ไห่ได้อย่างไร ร่างของเสี่ยวชุนจึงเอียงวูบแล้วร่วงลงมาทันที

“แม่นาง ระวังด้วย!” ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเขาหานซานรีบทะยานเข้าไปจะช่วยสาวงามทันที เสี่ยวชุนตกใจ รีบกระทืบเท้ากับกราบเรือแล้วพลิกร่างกลางอากาศ กลับตัวลงด้านข้างก่อนจะตกลงไปในเรือเล็ก

เขากัดฟันสะกดกลั้นความเจ็บปวด แล้วพลิกตัวลุกขึ้นยิ้มให้พลางโบกมือ “ข้าไม่ใช่ผู้หญิง!”

ศิษย์ท่าทางทึ่มๆ รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายังคงเดินเข้าไปหา ผู้คนที่ริมทะเลสาบและบนเรือส่งเสียงโห่ร้องเกรียวกราวจนเสี่ยวชุนต้องเหลียวไปมองตาม

แล้วก็เห็นว่าเหนือเสาหินมีร่างสองร่างกำลังโฉบไปมา ร่างหนึ่งสีดำ อีกร่างสีน้ำเงิน ไอกระบี่รุนแรง โผกลับไปกลับมาระหว่างทางเดินเลียบภูเขาจำลอง โฉบกลับไปกลับมาระหว่างทางเดินบนเขา เดี๋ยวไปปรากฏกายด้านนี้ เดี๋ยวก็ผลุบเข้าไปในถ้ำ แล้วโผล่ออกมาจากอีกด้าน

ทันใดนั้นร่างสีดำก็พลิกกายออกอาวุธ ร่างสีน้ำเงินหันมาสกัดจนกระบี่หล่น ถึงตอนนี้ดูเหมือนแพ้หรือชนะจะตัดสินได้แล้ว ทุกคนต่างผุดลุกขึ้นโห่ร้อง “เยี่ยม!”

เสียงโห่ร้องยังไม่ทันขาด ร่างสองร่างท่ามกลางภูเขาหินก็ผลัดกันรุกไล่ จู่ๆ ร่างสีดำก็หมดแรงแล้วร่วงหล่นลงจากหินผาสูงสิบกว่าจั้ง ร่างสีน้ำเงินรีบยั้งกระบี่ไว้ทันทีแล้วยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

แต่ชั่วพริบตานั้นเองร่างสีดำก็กระทืบเท้าแล้วเหินขึ้นฟ้าราวกับนกนางแอ่น ก่อนจะซัดฝ่ามือใส่หน้าอกของร่างสีน้ำเงิน

ร่างสีน้ำเงินได้รับบาดเจ็บหนักจนซวนเซ โงนเงนไปมาอยู่สองครั้งก็ร่วงตกจากก้อนหินลงสู่ทะเลสาบใส ผิวน้ำแตกกระจายเป็นฟอง น้ำกระเพื่อมไหวเป็นระลอกคลื่นต่อๆ กัน

เสี่ยวชุนมองเห็นภาพทั้งหมดอย่างชัดเจนกับตาตัวเองจึงเข้าใจทั้งหมด ที่แท้นอกจากนี่จะเป็นการประลองยุทธ์แล้ว ยังมีการใช้อุบายด้วย ตอนที่ร่างสีดำนั้นซัดฝ่ามือออกไป มีรังสีอำมหิตวาบขึ้นเพียงแวบเดียว เห็นได้ชัดว่าซ่อนอาวุธลับไว้

สองคนที่อยู่ด้านบนนั้น คนที่สวมชุดสีน้ำเงินก็คือหานหาน หานหานผู้นั้นช่างเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น หุนหันพลันแล่นตรงไปตรงมา มาพบกับคู่ต่อสู้ที่มากอุบายเช่นนี้ เกรงว่านอกจากจะต้องเสียเปรียบแล้วคงไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีก

เสี่ยวชุนเข้าไปเบียดเสียดกับผู้คนด้านหน้าเรือสำราญคอยดูเรื่องสนุก ชายแก่ที่เป็นชาวยุทธ์แต่งกายทะมัดทะแมงหลายคนหันมามองเสี่ยวชุนด้วยความสงสัย แต่พอเห็นว่าเป็นหญิงแต่งกายปอนๆ ผมเผ้ากระเซิงก็หมดความสนใจแล้วหันกลับไปดูการประลองยุทธ์ต่อ มองดูจอมยุทธ์หนุ่มชุดดำที่ชนะคู่ต่อสู้หลายคนติดๆ กันด้วยความชื่นชม

ศิษย์สองสามคนรีบลงเรือเล็กไปพาตัวหานหานกลับมา เสี่ยวชุนไม่สนใจไยดีสายตาผู้คนรอบข้าง เดินฝ่าฝูงชนเข้าไป ก้าวพรวดๆ ไปอยู่ต่อหน้าหานหาน ยิ้มร่าพลางมองดูเขา

“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” หานหานต่อสู้มาหลายชั่วยามจนหมดเรี่ยวแรง แต่พอเห็นว่าคนที่สลบไสลไปเป็นเดือนฟื้นขึ้นมาในวันนี้ก็ตกใจจนยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงพลางอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าตอนยืดตัว เอวที่บาดเจ็บอยู่ก็ลั่น ‘กร๊อบ’ เจ็บเสียจนเหงื่อเย็นซึมออกมา

เสี่ยวชุนแทบไม่ต้องคิด รีบล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ

แต่การกระทำนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกใจ

เขาจะเอามือล้วงเข้าไปในอกเสื้อทำไมกัน

คลำไปคลำมา นอกจากหมั่นโถวที่ยังร้อนสองลูกแล้วก็ยังมีขวดยาหลากสีอีกหลายขวด

เขาหยิบออกมาดูทีละขวด สุดท้ายก็พบว่าใต้ขวดมีตัวอักษรเล็กๆ เขียนไว้ จึงเลือกหยิบยารักษาบาดแผลออกมาแล้วป้อนใส่ปากหานหานเสียเลย

หานหานสำลักแล้วไอโขลก ยิ่งไอก็ยิ่งหนักขึ้นทุกทีจนหน้าแดง ซ้ำยังรู้สึกพะอืดพะอมอีกด้วย

ตอนนี้เสี่ยวชุนจึงตัดสินใจทุบหลังหานหานอย่างแรง เมื่อจู่ๆ ถูกทุบอย่างไม่ทันตั้งตัว หานหานก็กระอักเลือดออกมา สาดกระจายเต็มหน้าเต็มตาเสี่ยวชุน

“นายน้อย!” พวกศิษย์ในสำนักต่างร้องเรียกอย่างตกอกตกใจ

เหล่าศิษย์สำนักเขาหานซานเดิมทีละล้าละลังทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างๆ เวลานี้เมื่อเห็นนายน้อยถูกทำร้ายบาดเจ็บ ต่างคนจึงต่างเข้าไปล้อมเสี่ยวชุน สีหน้าถมึงทึง แต่ขณะที่กำลังจะลงมือจับตัวคนร้ายก็กลับเห็นคนร้ายที่ว่าค่อยๆ ทุบหลังให้หานหานด้วยท่าทางผ่อนคลาย พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ไม่เป็นไรแล้ว…ไม่เป็นไรแล้วล่ะ กระอักลิ่มเลือดออกมาได้ก็หายแล้ว”

เวลานี้พวกที่เข้ามารุมล้อมจึงค่อยเข้าใจ ที่แท้พวกเขาเข้าใจอีกฝ่ายผิดไป

“จ้าวเสี่ยวชุนก็มีขวดยาแบบนี้…” หานหานได้สติกลับมา มองดูใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า “เจ้ากับจ้าวเสี่ยวชุนที่แท้มีความสัมพันธ์ใดต่อกัน”

คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กหนุ่มแปลกหน้า แต่หานหานกลับรู้สึกว่าสีหน้ายามเจรจา ท่าทางขี้เล่นอย่างนี้ช่างเหมือนกับจ้าวเสี่ยวชุนราวกับแกะ

เสี่ยวชุนครุ่นคิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มสดใสพลางว่า “เจ้าถามข้า ข้าก็ตอบไม่ได้ หรือเราอาจจะเกิดจากแม่เดียวกันก็เป็นได้”

รอยยิ้มนี้ของเสี่ยวชุน นอกจากหานหานที่ไม่มีท่าทีใดๆ แล้ว เหล่าศิษย์ของสำนักเขาหานซานที่วันๆ เอาแต่ฝึกยุทธ์จนแทบไม่ได้ลงจากเขาต่างก็ตะลึงมองจนเหม่อลอย

พวกเขาไม่เคยเห็นสาวน้อยน่ารักตัวเป็นๆ มายืนต่อหน้าอย่างนี้มาก่อน

วันนี้ได้เห็นใบหน้าอ่อนหวานน่ารักประดับด้วยรอยยิ้มสดใส บนใบหน้านี้ยังมีดวงตาวาววามเจิดจ้าสะกดสายตา แค่ดวงตาวาววับนั่นก็ไม่กระไรนักหรอก แต่ยังมีคิ้วโค้งเรียวยาวดุจใบหลิว รอยยิ้มแบบทีเล่นทีจริงประดับบนปากเล็กๆ รูปกระจับ ทั้งหมดนี้ช่างดูน่ารักอ่อนหวาน แม้จะสวมใส่เพียงเสื้อผ้าธรรมดา แต่กลับไม่อาจปิดบังลักษณะโดดเด่นของความน่ารักได้ ความงามอันโดดเด่นนั้นซ่านซึมออกมาราวกับสายน้ำ เป็นความอ่อนโยนที่น่าใฝ่ฝันหายิ่งนัก

คนเหล่านั้นต่างตะลึงมองจนเป็นเบื้อใบ้อย่างลุ่มหลง

เสี่ยวชุนกลับไม่รู้ตัวเลยว่ารอบข้างมีอะไรผิดแปลกไป จึงเพียงแต่ประคองหานหานที่กำลังเหงื่อโซมกายลุกขึ้นแล้วพาเดินเข้าข้างใน

พวกศิษย์ที่อยู่ข้างกายหานหานรีบตรงเข้ามาช่วยประคอง จากนั้นเสี่ยวชุนก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดอย่างตะกุกตะกัก “เจ้า…เจ้า…ก็เข้าไปนั่งด้วยกันสิ…”

เสี่ยวชุนย่อมจะต้องพยักหน้าตอบรับแล้วเดินไปยังที่นั่งใหญ่ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นที่นั่งของเจ้าบ้านในเรือสำราญ ก่อนจะเข้าไปนั่งกับหานหาน

แต่เขาเป็นคนไม่เรียบร้อย จะนั่งหรือยืนก็ไม่รู้จักกาลเทศะ ก้นยังไม่ทันแตะเก้าอี้ดีก็เอนร่างแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบขอบเก้าอี้ ชะเง้อไปถามหานหานว่า “แล้วนี่มาทำอะไรกันล่ะ มาประลองยุทธ์ มาต่อสู้กันเช่นนั้นหรือ สู้ได้ทีละคนใช่หรือไม่ สนุกตรงไหนกัน ให้ขึ้นไปสู้กันทีละสองสามคนไม่สนุกกว่าหรือ”

“เป็นการประลองอย่างเป็นทางการ เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ หรืออย่างไร” หานหานเหลือบมองเสี่ยวชุนก็รู้สึกว่าเจ้าคนนี้ไม่เอาจริงเอาจังเสียเลย แต่พอคิดถึงอาการบาดเจ็บของเขาก็อดถามไม่ได้ “เจ้าออกมาทำไม ตื่นแล้วก็ควรพักผ่อน อาการบาดเจ็บของเจ้าสาหัสมาก ข้าเชิญหมอมาหลายคนล้วนไม่อาจรักษาให้หายขาดได้” ในน้ำเสียงที่พูดมีแววรู้สึกผิดอยู่ด้วย

เสี่ยวชุนตกตะลึง จากนั้นจึงเผยยิ้ม “เพราะข้าหิวน่ะสิก็เลยต้องตื่น ที่เจ็บป่วยนี้ไม่ได้เป็นเพราะเจ้า แค่เจ้ามาช่วยชีวิตน้อยๆ ของข้าได้ทันท่วงที ข้าก็ซาบซึ้งมากแล้ว”

เสี่ยวชุนไม่ได้รู้ตัวเลยว่าบัดนี้ศิษย์รุ่นใหญ่ของสำนักเขาหานซานหลายคนกำลังส่งสายตาแสดงความชื่นชมมาให้ เขาเปลี่ยนเอาขาอีกข้างมาไขว้ นั่งเอียงกระเท่เร่ รู้สึกว่าร้อนจนเหงื่อออกไปทั้งตัว จึงแหวกคอเสื้อให้ลมพัด ด้วยเหตุนี้จึงเผยให้เห็นหน้าอกที่ขาวผ่องเนียนละเอียดอ่อนนุ่ม

จากนั้นเขาก็ล้วงเอาหมั่นโถวสองลูกที่ยัดใส่อกเสื้อจนตุงออกมากัดคำใหญ่พลางดื่มสุราต่อหน้าต่อตาทุกคนที่ร้องครวญตีอกชกหัว

“เป็นชาย? เป็นชายหรือนี่!” มีบางคนวิ่งไปที่กราบเรือแล้วทำท่าจะโดดน้ำ

หานหานเครียดจนหน้าคล้ำ เห็นเหล่าศิษย์ของสำนักเสียหน้าก็พูดอะไรไม่ออก

“หือ?” เสี่ยวชุนรู้สึกว่าหานหานทำหน้าแปลกๆ จึงยื่นหมั่นโถวให้ “เจ้าหิวรึ เอาไปลูกนึงสิ ข้าแอบเอามาจากห้องครัว!” เขายิ้ม ท่าทางลับๆ ล่อๆ “ข้าเห็นว่าไม่มีคนก็เลยเอามาหลายลูกหน่อย…”

ยังมีศิษย์เส้าหลินอีกคนทะยานขึ้นไปบนเสาหิน สวมจีวรสีเหลือง มีสายประคำเส้นใหญ่คล้องคอ ควงกระบองยาวหวือๆ แต่สู้กันไม่กี่กระบวนท่าก็ถูกคนชุดดำผู้นั้นตีจนร่วงลงมา

Comments

comments

Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com