X
    Categories: Don't Do That! คุณครับ อย่าเปิดไมค์ง่ายๆeverYทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Don’t Do That! คุณครับ อย่าเปิดไมค์ง่ายๆ เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน Don’t Do That! คุณครับ อย่าเปิดไมค์ง่ายๆ เล่ม 1

ผู้เขียน : 柚子冰 (You Zi Bing)

แปลโดย : ซิ่งหลัน

ผลงานเรื่อง : 不要轻易开麦 (Bu Yao Qing Yi Kai Mai)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 9

 

ลู่เหยาจือมาตงไห่ร่วมงานแถลงข่าวกำหนดวันฉายของละครสะท้อนชีวิตเรื่องหนึ่งที่เขารับบทพระเอก เนื่องจากเขาถูกกักตัวให้ถ่ายทำอย่างหนักในกองถ่ายเรื่อง ‘กลียุคฉางอัน’ นี่จึงเป็นครั้งแรกหลังจากหลายเดือนที่เขาถูกปล่อยมาออกงานอย่างเปิดเผย ดังนั้นพวกแฟนคลับจึงให้ความสนใจกันมาก พวกหวงหนิว* โก่งราคาบัตรขึ้นไปจนเป็นหมื่น แต่ก็ยังมีสาวๆ ตำหนักเหยาฉือกัดฟันซื้อ เพราะเมื่อเทียบกับเงินแล้ว การไปในงานเพื่อดูพี่ชายที่กว่าจะกลับมาในสังคมปัจจุบันได้นั้นสำคัญยิ่งกว่า

นานมากแล้วที่สาวตำหนักเหยาฉือไม่ได้เห็นเมนของพวกเธอ จึงพากันตื่นเต้นนิดหน่อย พากันพูดคุยในเวยป๋อและกรุ๊ปวีแชตว่าต้องซัพพอร์ตให้ดี ต้องรักษาความเป็นระเบียบในงานให้ดีด้วยเช่นกัน จะทำให้เหยาเหยาเสียหน้าไม่ได้

ที่พวกเธอไม่รู้ก็คือบางทีตัวลู่เหยาจือเองอาจจะตื่นเต้นมากกว่าพวกเธอเสียอีก ซึ่งก็เป็นเหตุผลประมาณเดียวกัน

ห้องพักผ่อนหลังเวทีงานแถลงข่าว ช่างแต่งหน้ากำลังจัดแต่งทรงผมให้ลู่เหยาจือ ถ่ายภาพยนตร์พีเรียดอยู่นานมากจนไม่ได้ออกงานเลย เส้นผมของเขาที่เดิมทีก็ยาวนิดหน่อยอยู่แล้วเลยยิ่งยาวมากขึ้น เป็นระดับความยาวที่สามารถมัดเป็นจุกเล็กๆ ตรงด้านหลังได้พอดี เหมาะกับการจัดแต่งทรงมาก ช่างแต่งหน้าสนิทกับเขา ตอนที่เป่าผมไปก็เริ่มพูดคุย “ช่วงนี้เส้นผมของคุณแย่นะ พักผ่อนไม่พอใช่ไหม” พูดเสร็จไม่ได้รับการตอบกลับ จึงชำเลืองมองแล้วพบว่าลู่เหยาจือเอาแต่มองโทรศัพท์อยู่ตลอด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนิดหน่อย

ช่างแต่งหน้า “ทำไมเหรอ มีเรื่องด่วน?”

ลู่เหยาจือ “ฮะ?” คำหนึ่ง

ช่างแต่งหน้าเห็นท่าทางเซ่อซ่าน่ารักที่ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยของเขา เลยอดยิ้มไม่ได้ “จิตใจล่องลอย คุณกำลังรอคนตอบข้อความเหรอ”

ลู่เหยาจือเหลือบตาขึ้นมองตัวเองในกระจก มีท่าทางจิตใจไม่อยู่กับตัวจริงด้วย ตอนแรกอยากพูดว่าเปล่า แต่รู้สึกว่าเห็นชัดเจนเกินไป ถ้าปฏิเสธจะยิ่งเด่นชัดกว่าเดิม เขาจึงพูด “อืม” เบาๆ แล้วไม่คิดจะพูดต่อ ช่างแต่งหน้าเองก็รู้จักวางตัว ได้แต่แอบคาดเดาอยู่ในใจ งานชิ้นใหญ่อะไรที่ยังไม่คอนเฟิร์มถึงทำให้ลู่เหยาจือกระวนกระวายขนาดนี้

ช่างแต่งหน้าเดาผิดแล้วว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่

สิ่งที่ทำให้ลู่เหยาจือจิตใจไม่สงบก็คืออีกไม่ถึงชั่วโมงงานแถลงข่าวก็จะเริ่มแล้ว แต่หลินจื่อกลับไม่ติดต่อเขามา เจ้าเด็กสตรีมเมอร์จะมาจริงไหม

แต่ว่าบัตรที่ส่งไปก็มีคนเซ็นรับแล้ว ทำไมจะไม่มาล่ะ เขาอยากให้ตัวเองไม่ต้องคิดมากแล้วรอคอยการพบหน้าในอีกสักครู่ก็พอ เขาเป็นคนเลือกบัตรวีไอพีเองกับมือ มันเป็นตำแหน่งที่เห็นหน้าได้ชัดพอดี เขาอยากใช้วิธีนี้เจอหลินจื่อ แล้วก็คิดอยู่ตลอดตั้งแต่วินาทีที่ส่งบัตรไปให้จนถึงตอนนี้ ความจริงเหลืออีกแค่ไม่กี่นาทีแล้ว แต่กลับอดไม่ได้ที่จะเปิดวีแชตดูบันทึกแชตซ้ำไปมา

ทำไมหลินจื่อไม่ติดต่อมาล่ะ

เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะขายตั๋วไปแล้ว เจ้าเด็กสตรีมเมอร์ไม่ใช่คนที่ขาดแคลนเงิน สถานที่จัดงานก็เดินทางสะดวกมาก แถมวันนี้ยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่มาเพราะเรื่องเวลาว่างเลย…งั้นทำไมถึงไม่ติดต่อมา โดยทั่วไปแล้วสถานการณ์แบบนี้จะต้องพูดอย่างมีมารยาทว่า ‘ผมถึงงานแล้ว’ ประมาณนี้นะ แล้วทำไมถึงไม่มีข้อความอะไรเลย

เป็นเพราะช่วงนี้ตัวเองไม่ได้ส่งวีแชตหาเขาเหรอ…ดังนั้นก็เลยเกรงใจไม่กล้าเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน?

ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลแบบนี้จริงงั้นคงต่อว่าไม่ได้ แต่คิดถึงตรงนี้แล้วลู่เหยาจือก็รู้สึกโมโห จบงานแถลงข่าวแล้วอยากบินไปเมืองหลวงแพ่นกบาลแจ็คใจแทบขาด

วันนั้นที่เรื่อง ‘กลียุคฉางอัน’ ถ่ายทำเสร็จและปิดกล้อง ลู่เหยาจือนั่งอยู่บนรถที่กลับโรงแรมยังคิดอยู่เลยว่าในที่สุดก็เป็นอิสระแล้ว วันหยุดสิบกว่าวันหลังจากนี้ไม่เพียงสามารถเล่นเกมดูโอ้กับเจ้าเด็กสตรีมเมอร์ได้ หลังจากแอดวีแชตยังคุยเรื่องอื่นนอกเหนือจากเกมได้ด้วย คิดแล้วมีความสุข

แต่ดีใจได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พอถึงโรงแรมเขาก็เห็นใบหน้าน่ารำคาญของแจ็ค และข่าวที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว

แจ็คพูดอย่างภาคภูมิใจมากว่ามีงานถ่ายปกนิตยสารที่เก็บตกมาจากมือคนอื่นได้ ข้อกำหนดสูงเป็นพิเศษ ต้องรีบเดินทางไปต่างประเทศทันที ไม่ใช่ไปต่างประเทศธรรมดา พวกเขาต้องไปถ่ายที่แอฟริกาใต้!

ลู่เหยาจือไม่มีทางปฏิเสธ เพราะการถ่ายครั้งนี้เป็นหน้าปกเดือนเก้าของนิตยสารแฟชั่นผู้หญิงชั้นนำ ถึงแม้จะไม่ใช่ปกเดี่ยวและไม่ใช่ตัวหลัก แค่ไปเสริมให้นางเอกภาพยนตร์ที่โด่งดังคนหนึ่งเด่นขึ้น แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นหัวนิตยสารเองหรือว่าฐานะของดาราสาวคนนั้น ล้วนสามารถทำให้ชื่อเสียงของลู่เหยาจือเพิ่มขึ้นได้

นิตยสารเสียเวลากว่าครึ่งปีถึงสามารถเชิญนางเอกดังระดับอินเตอร์ที่เก็บตัวมานานออกมาจนได้ นอกจากนี้ยังตัดสินใจแผนการขั้นสุดท้ายของการถ่ายภาพทั้งหมด โดยธีมคือราชินีและอัศวิน เดิมที ‘อัศวิน’ ที่ถูกกำหนดไว้คือดาราชายที่กำลังโด่งดังอีกคนหนึ่งในบริษัทเดียวกันของพวกเขา แต่โชคไม่ดีอย่างมาก ตอนถ่ายภาพยนตร์สลิงของดาราชายคนนั้นเกิดปัญหา ตกลงมาตอนที่ต่อสู้จนขาได้รับบาดเจ็บ เส้นเอ็นและกระดูกเสียหายต้องพักรักษาตัวหนึ่งร้อยวัน ไม่สามารถไปถ่ายภาพได้แล้ว

ไม่รู้ว่าแจ็คทราบข่าวนี้ได้อย่างไร และไม่สนด้วยว่าคนในบริษัทจะนินทาหรือเปล่า เขารีบเอาข้อมูลของลู่เหยาจือเข้าไปหาหัวหน้าบรรณาธิการคนนั้นทันที เดิมทีหัวหน้าบรรณาธิการรู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ค่อยดี แต่บังเอิญว่าผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวคนนั้นอยู่ด้วยพอดี มองรูปของลู่เหยาจือแล้วรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เลว จึงส่งให้นางเอกสาวดูแล้วถามว่าได้ไหม ลู่เหยาจือจึงอาศัยหน้าตาของตัวเองและความหน้าไม่อายของแจ็คคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ได้อย่างเหนือความคาดหมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ตัวเขาเองไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง

การเดินทางครั้งนี้กระชั้นชิดมาก ตอนที่ลู่เหยาจือถือพาสปอร์ตขึ้นเครื่องบิน เขาไม่ได้คิดเลยว่าแจ็คจะทำเพื่อให้เขาตั้งใจกับการถ่ายภาพ อีกฝ่ายไม่ได้เตรียมแม้กระทั่งพ็อกเก็ตไวไฟหรือซิมการ์ดของต่างประเทศให้เขาเลย สถานที่ที่พวกเขาพักก็ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ สัญญาณไวไฟของที่นั่นจะมีหรือไม่มีก็ไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาจึงกลายเป็นเครื่องสำหรับเล่นเกม Anipop* และฟังเพลงเท่านั้น การเดินทางสี่วันจึงขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ลู่เหยาจือรักการทำงาน ดังนั้นในระหว่างการถ่ายภาพจึงตั้งอกตั้งใจโดยไม่ติดอะไร ถึงแม้เขาอยากพัฒนากับหลินจื่อในสภาพความเป็นจริง แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนในเวลาชั่วครู่ชั่วยามนี้ ทว่าปัญหาคือหลังเขากลับประเทศก็พบความจริงเรื่องหนึ่ง ตัวเองไม่มีข้อความเลย ดูเหมือนหลินจื่อไม่สนใจที่ ‘ลู่เหยาจือ’ และ ‘แมรี่’ ไม่ได้ปรากฏตัวเลยแม้แต่น้อย เขายังสตรีมและทำกิจกรรมตามปกติ รีเพลย์ดูบันทึกการสตรีมสามสี่ชั่วโมง ลู่เหยาจือไม่ได้ยิน ‘แมรี่’ แม้สักคำ ส่วนวีแชตยิ่งไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย

แม้ไม่ถึงกับทำให้ลู่เหยาจือเสียกำลังใจ แต่ก็เพียงพอที่จะกระทบจิตใจเขา

เขาครุ่นคิด บางทีวันที่จะได้เจอหน้ากันใกล้มาถึงแล้ว ทางหลินจื่อเองก็มีความรู้สึกที่ซับซ้อนเหมือนกับตัวลู่เหยาจือ ดังนั้นเขาก็เลยอดทนรอแล้วรอเล่า รอจนกระทั่งมาถึงวันแถลงข่าว

แต่กลับยังคงรอจนไม่ได้อะไรเลยเหมือนเดิม

 

เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีงานแถลงข่าวจะเริ่มขึ้น ดาราสาวสวี่หลินจู๋ที่แสดงเป็นแฟนสาวในละครซึ่งพัวพันคบๆ เลิกๆ กันมาหลายปีเดินเข้ามาทักทาย พร้อมกับพาพิธีกรที่ทางผู้จัดเชิญมาด้วยกัน เตรียมคุยเรื่องขั้นตอนในอีกสักครู่อย่างง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจตรงกัน นั่งอยู่ในห้องพักผ่อนยังสามารถได้ยินเสียงคนคึกคักที่ด้านนอก สื่อมวลชนกับแฟนคลับทยอยเข้างานแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวของสวี่หลินจู๋กำลังพูดถึงเรื่องที่ต้องระวังกับพิธีกร ส่วนไหนที่สามารถถามได้ ส่วนไหนถามไม่ได้ ลู่เหยาจือไม่สนใจฟังคำพูดที่ห้ามถามตอนสัมภาษณ์ของดาราสาวที่ร่วมงานด้วยกัน พอไม่มีสมาธิก็อดไม่ได้ที่จะไปดูโทรศัพท์มือถือ

ข้อความสุดท้ายที่หลินจื่อส่งให้เขาคือกระต่ายน้อยที่หมุนตัวเป็นวงกลม ซึ่งก็ผ่านไปหลายวันแล้ว และยังคงหมุนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ลู่เหยาจือคล้ายกับคิดตกอะไรอย่างนั้น จึงรีบพิมพ์ตัวอักษรแถวหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

เหยา ใกล้จะเริ่มแล้ว คุณอยู่ในงานหรือยัง

เหยา ตั้งใจดูผมให้ดีนะ 🙂

 

จากนั้นเขาก็วางโทรศัพท์มือถือลง เงยหน้าขึ้นยิ้ม เหมือนยกภูเขาออกจากอก

‘ไร้จุดหมาย’ ละครสะท้อนชีวิตรักและการงานจำนวนสี่สิบตอน กำหนดเวลาเริ่มแถลงข่าวไว้ตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง บริเวณลานด้านนอกโรงแรมตงไห่เบียดแน่นไปด้วยสื่อมวลชนที่ได้รับเชิญและแฟนคลับผู้โชคดี ป้ายไฟแบนเนอร์ของพระเอกนางเอกมองแล้วทำให้คนตาลาย เสียงเชียร์ดังขึ้นต่อเนื่อง ส่วนพวกแฟนคลับที่เข้าไปในงานไม่ได้ก็ทำได้แค่เฝ้ารอดูไลฟ์สดทางออฟฟิเชียลที่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ตอนนับเวลาถอยหลัง หน้าจอก็ค้างอยู่บ่อยๆ เพราะถูกฟลัดด้วยของขวัญ เห็นได้ชัดเจนว่าลู่เหยาจือบวกกับสวี่หลินจู๋มีกระแสความนิยมอย่างมาก

หลังจากโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ คนเขียนบท และทีมงานกองถ่ายโชว์ตัวเสร็จ ลู่เหยาจือกับสวี่หลินจู๋ที่เป็นพระเอกนางเอกถึงได้ขึ้นเวทีพร้อมกัน

อาจเป็นเพราะว่าเกือบสองเดือนแล้วที่ไม่ได้เห็นลู่เหยาจือในภาพลักษณ์ปัจจุบัน ไม่ใช่ ‘ของค้างสต็อก’ พอแฟนคลับเห็นเขาก็เลยคลั่งกันมาก กรี๊ดกันในงานจนควบคุมไม่ได้ ซับกระสุนในแพลตฟอร์มไลฟ์ก็เต็มจนมองไม่เห็นหน้า เขายังคงมีท่าทางเย็นชาเหมือนเดิม หลังจากยิ้มอย่างมีมารยาทเล็กน้อยแล้วก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรมากอีก แต่สาวตำหนักเหยาฉือก็ชอบความรู้สึกเว้นระยะห่างแบบนี้ เสียงกรี๊ดจึงยิ่งดังมากขึ้น รอจนลู่เหยาจือหยิบไมโครโฟนพูดว่า “เงียบหน่อยครับ” ถึงได้ค่อยๆ สงบลง

แฟนคลับเองก็ใจเต้นใจสั่นอยู่นานจนหัวสมองเลอะเลือน ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าหลังจากลู่เหยาจือปลอบโยนแฟนคลับเสร็จ สายตาที่มองหาอะไรอยู่ไม่ไกลก็เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่มีคนชี้ออกมาว่าหลังการไลฟ์ครั้งนี้เริ่มต้นไม่นาน ดูเหมือนลู่เหยาจือใจลอยอยู่บ้าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร จากนั้นก็โทษว่าตารางงานแน่นเกินไป พี่ชายเลยเหนื่อย

ลู่เหยาจือรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างจริงๆ เพราะเห็นคนซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งของบัตรสองใบนั้นที่ตัวเองให้ไปเป็นสุภาพสตรีสองคนที่อายุใกล้เคียงกัน เพราะอยู่ค่อนข้างไกลนิดหน่อยเลยมองเห็นหน้าตาไม่ชัดเจน แต่ด้วยสถานที่แบบนี้ พวกเธอจึงตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ บนใบหน้าเองก็ประดับด้วยรอยยิ้ม ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกสบายใจ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงนึกว่าเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับกองถ่ายหรือทางแพลตฟอร์ม เพราะในฐานะ ‘แฟนคลับ’ พวกเธอดูจะมีอายุมากสักหน่อย แต่ลู่เหยาจือก็นึกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สองคนในนี้น่าจะมีคนหนึ่งที่เป็นแม่ของหลินจื่อซึ่งชอบตัวเองอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่ง…ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่ใช่หลินจื่อแน่นอน

แล้วเขาก็ไม่ได้มา

ถ้าบอกว่าไม่ผิดหวังก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ลู่เหยาจือจึงมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า ‘ไม่ได้เจออีกฝ่ายง่ายๆ อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย’ ดูท่าเมื่อก่อนที่ตัวเองนึกว่าหลินจื่อพูดพึมพำอะไรจำพวก ‘ลู่เหยาจือหล่อมาก’ ‘หลิงถ่งคล้ายเขาก็เลยหล่อ’ เป็นเพราะว่าชอบตน แต่ที่จริงคือเขาหลงตัวเองเกินไป ถ้ามีความรู้สึกชอบ ‘ลู่เหยาจือ’ จริง อีกฝ่ายก็คงใส่ใจมาตั้งนานแล้ว หลายวันนี้ตัวเองจะต้องมากระวนกระวาย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคอยเฝ้าวีแชตเหรอ

พอคิดดูแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล สำหรับหลินจื่อแล้ว ดูเหมือนลู่เหยาจือเป็นคนที่ค่อนข้างอยู่ห่างไกลมาโดยตลอด ส่วนคนที่สนิทสนมกับเขา สามารถคุยเล่นหยอกล้อ เล่นเกมด้วยกันได้คือแมรี่ ไม่ใช่ลู่เหยาจือ

เขาเองก็คิดถึงจุดนี้ได้นานแล้ว ถึงได้คิดวิธีหนึ่งออกหลังจากเกิดเรื่องคำค้นหายอดนิยม อยากอาศัยโอกาสนี้ใช้ฐานะของ ‘ลู่เหยาจือ’ ไปสนิทสนมกับหลินจื่อ แต่เรื่องราวไม่ได้พัฒนาไปตามที่เขาคาดหวัง หลินจื่อไม่ได้สนใจลู่เหยาจือขนาดนั้น เหยื่อที่ลู่เหยาจือล่อ หลินจื่อกลับไม่ได้งับ

แต่ลู่เหยาจือไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ มาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เล็กจนโต ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่เขาถูกใจ ต่อให้พ่ายแพ้ยับเยินแต่เขาก็ต้องคว้ามาไว้ในมือให้ได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ได้ จิตใจของลู่เหยาจือก็ค่อยๆ ฮึกเหิมขึ้นมา พิธีกรกำลังถามถึงพอดีว่าในเรื่องทำไมพระเอกที่เป็นเด็กหนุ่มยากจนถึงจีบนางเอกที่เป็นสาวสวยรวยอายุมากกว่าได้ มีเคล็ดลับอะไรมาแบ่งปันกับทุกคนบ้าง

ลู่เหยาจือพูดยิ้มๆ “ทำไมนายพรานถึงล่อลวงสัตว์ที่ถูกล่าให้เข้ามาในกับดักของตัวเองได้ ขอให้ทุกคนไปดูด้วยตัวเองนะครับ ถ้าสามารถใช้เพียงประโยคสองประโยคมาแบ่งปันได้ จะเรียกว่าเป็นนายพรานที่ดีได้ยังไงกันครับ” ไม่ผิด ลู่เหยาจือคือนายพรานที่มีความอดทนคนหนึ่ง

ประโยคนี้แมนเป็นที่สุด ท่าทางที่ลู่เหยาจือพูดช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มก็หล่อเท่จนทำให้แฟนคลับขาอ่อน ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีคนไปวิเคราะห์ว่าทำไมเขาถึงใจลอยไปครู่หนึ่ง ก่อนจู่ๆ จะเหมือนเกิดประกายความคิดจนสภาพกลับมาเป็นปกติ ถึงอย่างไรก็เป็นหนุ่มหล่อประเภทเกลือที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หน้าเกลือ นิสัยก็เกลือ จะเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมายังไงแต่ก็ไม่ทำให้ ‘ภาพลักษณ์พังทลาย’

แล้วงานแถลงข่าวที่สถานการณ์ภายนอกดูสงบสุข ทว่าทำให้อารมณ์ของลู่เหยาจือเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ก็จบลงแบบนั้น นอกเหนือจากตอนทำงานลู่เหยาจือจะคอยแอบสังเกตตรงที่นั่งของคุณแม่หลินและเพื่อนของเธออยู่ตลอด เห็นพวกเธอยิ้มมีความสุขมากก็วางใจ คิดว่าต่อให้หลินจื่อไม่ได้มาด้วยตัวเอง จะดีจะดีเลวอย่างไรกลับไปคุณแม่หลินชมเขาสักประโยคสองประโยคก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว แต่ที่คิดไม่ถึงก็คืองานแถลงข่าวเพิ่งเสร็จสิ้น เขาลงจากเวที ผู้ช่วยก็วิ่งเข้ามาพูดว่าพี่ลู่ มีคุณน้าหน้าตาดีมากสองคนอยากพบคุณ เพราะว่าพวกเธอถือบัตรที่คุณมอบให้ ผมเช็กจนแน่ใจแล้ว ก็เลยให้พวกเธอรออยู่ในห้องพักผ่อน คุณอยากพบพวกเธอไหม

ลู่เหยาจือตะลึงงันครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจได้ภายในไม่กี่วินาทีว่าพบ

เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเดินไปทางห้องพักผ่อน โดยไม่รู้เลยว่าที่นั่นมีอะไรกำลังรอคอยตัวเองอยู่

 

* หวงหนิว คือพวกที่เหมาตั๋วเพื่อมาขายโก่งราคาในภายหลัง

* Anipop เป็นเกมจับคู่ไอคอนน่ารัก 3 อันขึ้นไปเพื่อล้างกระดานทั้งหมด

 

บทที่ 10

 

ตอนได้รับข้อความวีแชตนั้นที่ลู่เหยาจือส่งมา หลินเหว่ยกำลังตกปลาเป็นเพื่อนพ่อของเขา

คุณแม่หลินพารุ่นน้องไปงานแถลงข่าว แล้วส่งพวกเขาสองพ่อลูกมาฉลองวันหยุดสุดสัปดาห์ที่บ้านคุณยายแถบชานเมือง เรื่องราวต่างๆ ในช่วงก่อนหน้าทำให้หลินเหว่ยจิตใจฟุ้งซ่าน การได้มาชานเมืองที่เงียบสงบมองท้องฟ้าตกปลาก็ถือว่าไม่เลว

จู่ๆ ที่ข้างสระน้ำขนาดเล็กก็มีเสียงแจ้งเตือนของวีแชตดังขึ้นกะทันหัน คุณพ่อหลินหันหน้ามามองทันที ทำท่าทางสื่อว่า ‘ทิวทัศน์แบบนี้ทำไมถึงถูกรบกวนด้วยงานได้’ หลินเหว่ยทำปากพูดว่าขอโทษ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปลดล็อก เห็นสองข้อความนั่นที่แฝงความหลงตัวเองไว้เต็มเปี่ยมก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้

หัวเราะเสร็จก็รู้สึกเสียใจ…เพราะตัวเองไม่ได้ไปในงาน

ความหมายในตัวอักษรของลู่เหยาจือเหมือนกับรอคอยให้ตัวเขาไปงาน นี่ทำให้หลินเหว่ยรู้สึกแปลกใจ เดิมทีเขานึกว่าที่ลู่เหยาจือส่งบัตรงานแถลงข่าวให้เป็นเพียงการแสดงออกอย่างหนึ่งว่า ‘เรื่องนี้จบลงตรงนี้’ แอ็กเคานต์แมรี่นั่นก็ไม่เคยออนไลน์อีก ถือได้ว่าเป็นการยืนยันความคิดด้านหนึ่งของเขาที่ว่าไม่ว่าจะเป็นความต้องการของตัวอีกฝ่ายเองก็ตาม หรือว่าเป็นความคิดของบริษัทก็ช่าง ลู่เหยาจือน่าจะไม่ปรากฏตัวด้วยฐานะของแมรี่อีก

หลินเหว่ยพบว่าหลังจากตัวเองสำนึกได้ถึงจุดนี้ก็รู้สึกเศร้าซึมไปบ้าง ผิดปกติไปทั้งตัว แต่เวลานั้นเขาไม่มีกะจิตกะใจไปคิดอย่างละเอียดว่าความเศร้าใจนี้มาจากไหน

เขาก็เลยส่งบัตรไปให้คุณแม่หลินทั้งที่งุนงงแบบนี้

หลังฟังคุณแม่หลินพูดว่า ‘โรงเรียนของเรายังมีครูอีกคนหนึ่งชอบเหยาเหยาเหมือนกัน แม่ให้เธอไปเป็นเพื่อนแม่ได้ไหม’ ปฏิกิริยาตอบสนองของหลินเหว่ยก็คือพยักหน้า รับปากด้วยความมึนงง

ตัวหลินเหว่ยเองอารมณ์ไม่ดี ย่อมไม่ได้สนใจความผิดปกติของคุณแม่หลิน ปกติเธอชอบลากหลินเหว่ยไปตามดาราด้วยกัน แต่ครั้งนี้กลับเสนอไม่ให้หลินเหว่ยไป แถมยังกระตือรือร้นแนะนำให้พวกเขาสองคนพ่อลูกไปผ่อนคลายจิตใจช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่บ้านแถบชานเมืองของคุณยาย ความจริงแล้วเพื่ออะไรก็เห็นได้ชัดเจนมาก เพียงแต่หลินเหว่ยยังว้าวุ่นกับเรื่องของแมรี่ เลยไม่ได้สนใจว่าทำไมแม่ถึงมีความคิดแบบนี้

หลินเหว่ยตามพ่อไปช่วยถอนหญ้ารดน้ำต้นไม้ในสวนผักของคุณยาย นอนกลางวันเสร็จก็ยกม้านั่งไปตกปลา จิตใจของเขาสงบขึ้นไม่น้อย แต่ข้อความสองข้อความนี้เหมือนโยนก้อนหินลงบ่อน้ำในใจเขา จนเกิดเป็นระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไป

จะตอบอะไรล่ะ

เขากำโทรศัพท์มือถือไว้แล้วครุ่นคิด

ขอโทษด้วย ผมไม่ได้ไป?

ขอโทษนะ วันนี้มีธุระนิดหน่อย?

ผมกำลังดูอยู่ สู้ๆ?

การพูดคุยกับลู่เหยาจือโดยตรงทำให้หลินเหว่ยรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

คุณพ่อหลินตกปลาได้แล้ว เขาร้อง “เฮ้ย” ออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ยืนขึ้น เก็บสายเบ็ดอย่างเป็นระเบียบ

หลินเหว่ยที่อยู่ทางนี้คิดอยู่นานมากแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ เขาส่งอีโมจิกระต่ายพนมมือขอโทษไปก่อน จากนั้นก็อธิบายตามความจริงว่าตัวเองมอบบัตรให้เพื่อนของแม่ แต่อีกเดี๋ยวเขาจะไปดูไลฟ์

หลังจากส่งเสร็จเขาก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ถึงแม้ลู่เหยาจือไม่ได้ตอบกลับ เป็นไปได้มากว่าขึ้นเวทีแล้วไม่ทันได้ดู แต่หลินเหว่ยรู้สึกว่ามีอะไรบางสิ่งที่เขาวางลงแล้ว ไม่ว่าต่อไปลู่เหยาจือจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร เขาก็จะยอมรับโดยไม่หวาดหวั่น

มัวแต่วุ่นวายอยู่กับ ‘แมรี่’ หรือ ‘ลู่เหยาจือ’ อะไรนั่น สับสนกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของสองชื่อนี้ ซึ่งไม่มีประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเลย อารมณ์เปราะบางจนกลายเป็นแบบนี้ไม่สมกับเป็นหลินเหว่ยเลย หลังจากเกิดเรื่องคำค้นหายอดนิยมขึ้นจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยแสดงอารมณ์ด้านลบออกมาให้เห็น แม้แต่ตัวเขาเองยังนึกว่าตัวเองไม่ใส่ใจ แต่มันไม่ใช่ เขาใส่ใจมาก ถึงขนาดพาลโกรธ ‘ลู่เหยาจือ’ ด้วย แต่ลู่เหยาจือก็คือแมรี่ นี่คือเรื่องเกินความคาดหมายที่ทำให้ไม่สบายใจ จะตัดสินว่าถูกหรือผิดก็หาคนคุยด้วยไม่ได้ หลินเหว่ยไม่อยากแสดงความอ่อนแอกับคนอื่น ไม่อยากให้คนในครอบครัวเพื่อนสนิทต้องเป็นห่วง แต่กลับทำให้ตัวเองทุกข์ใจ

แต่ตอนนี้เขาคิดตกอย่างถ่องแท้แล้ว

หลินเหว่ยวางปมปัญหาในใจลง แล้วเก็บโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พอเขาเงยหน้าก็เห็นคุณพ่อหลินหิ้วปลาจี้ตัวโตเอาไว้ ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟัน

“ตอนเย็นต้มน้ำแกงดื่ม” คุณพ่อหลินพูด “ดื่มเสร็จก็กลับเถอะ”

หลินเหว่ย “ครับ”

ถ้าอย่างนั้นก็ได้เวลากลับแล้ว

 

หลังจากนั้นหลินเหว่ยก็ทำงานสตรีมของเขาต่อ ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติโดยไม่มีอะไรพิเศษ วันนั้นหลังลู่เหยาจือเสร็จกิจกรรม ผ่านไปครู่หนึ่งก็ส่งมาว่า

 

‘ไม่เป็นไร’

 

จากนั้นก็มีคุยเล่นกับเขาบ้างบางครั้งในวีแชต แต่ก็หยุดอยู่ที่การทักทายธรรมดาทั่วไป ถ้าโยนฐานะดาราดังของอีกฝ่ายทิ้งไป ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกับเพื่อนมหา’ลัยคนอื่นของหลินเหว่ย

หากจะบอกว่ามีอะไรไม่เหมือน นั่นก็คือหลินเหว่ยเริ่มสนใจตารางงานของลู่เหยาจือขึ้นมาแล้ว เมื่อก่อนต่อให้คุณแม่หลินมาพูดอยู่ข้างหู อย่างมากสุดตอนได้รับสินค้าที่อีกฝ่ายเป็นพรีเซ็นเตอร์ หลินเหว่ยก็จะชำเลืองไปมองสักแวบ ส่วนตอนนี้บางครั้งก็จะคุยด้วยบ้าง เขามีจิตใจที่อยากรู้อยากเห็นต่อลู่เหยาจือนิดหน่อย…ลู่เหยาจือโพสต์โมเมนต์วีแชตน้อยมาก และจากตัวอักษรก็บอกให้รู้ได้ว่าช่วงนี้อีกฝ่ายกำลังยุ่ง

แต่ผลจากการที่หลินเหว่ยเปิดแอ็กเคานต์รองแอบติดตามกลุ่มแฟนคลับ พวกสาวๆ ตำหนักเหยาฉือต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลู่เหยาจือกำลังเที่ยวพักผ่อน ไม่แน่คงกำลังดีอกดีใจที่ได้เล่นเกมทุกวัน

เล่นเกมที่ไหนกันล่ะ หลินเหว่ยมองรายชื่อเพื่อนสนิทที่นอนนิ่งอยู่ในตารางซึ่งออฟไลน์มาสิบสามวันแล้วคิดว่าไม่ได้ออนไลน์เลย!

ลู่เหยาจือกำลังยุ่งอะไร

เขาอยากรู้ แต่ก็คิดว่าต่อให้เป็นเพื่อน อยู่ดีๆ จะไปถามเรื่องงานคงไม่มีมารยาท พอลองคิดดูแล้วเลยถามแบบอ้อมๆ ด้วยการส่งไปว่า

 

‘ใกล้จบซีซั่นแล้ว คุณยังเตรียมขึ้นแรงก์ชาเลนเจอร์อยู่ไหม’

 

ปรากฏว่าผ่านไปหลายชั่วโมง รอจนผ่านมื้อเย็นไปแล้วถึงได้รับข้อความตอบกลับ

 

เหยา ผมคิดว่าซีซั่นนี้ผมหมดหวังแล้ว กำลังจะต้องเข้ากองถ่าย

เหยา ซีซั่นหน้าคงต้องรบกวนผืนป่าโตแล้ว

เหยา [น้ำตาคลอ.gif]

 

หลินเหว่ยขำพรืด คิดในใจว่าลู่เหยาจือน่ารักมากจริงๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า

 

‘OJBK’*

 

แต่ว่ากำลังจะเข้ากองถ่ายนี่ ไม่ว่างขนาดนี้เลย? มีละครใหม่หรือว่าหนังใหม่? หลินเหว่ยกรองข่าวที่เห็นมาเป็นกองอยู่ในหัว แล้วรู้สึกรอคอยขึ้นมานิดหน่อย

ลู่เหยาจือกำลังตั้งใจทำงาน ทางหลินเหว่ยเองก็เหมือนกัน เรื่องคำค้นหายอดนิยมไม่เพียงส่งผลกระทบด้านลบให้เขาเท่านั้น หลังจากผ่านกระแสที่โถมเข้ามาในตอนแรกแล้ว กระแสที่เหลืออยู่ก็ไม่เลว อีกไม่นานสัญญาของเขากับโต้วหลงก็พร้อมที่จะต้องต่อสัญญาแล้ว ช่วงนี้เสี่ยวหลี่โทรมาหาเขาทุกวัน พูดถึงความตั้งใจในการต่อสัญญาและแผนการในอนาคต

หลินเหว่ยพอใจมากที่ได้อยู่กับโต้วหลง ไอ้เลวเมาอวี่ที่เมื่อก่อนชอบมาวุ่นวายกับเขาหนีไปแล้ว เป็นเพราะจำนวนคนดูเพิ่มพรวดขึ้นมาก หากต่อสัญญาก็มีโอกาสที่เงินเดือนพื้นฐานและส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นการอยู่ที่โต้วหลงจึงเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว แต่หลังจากนั้นเสี่ยวหลี่ก็เสนอคำแนะนำอย่างหนึ่ง ทำให้เขาลังเลอยู่บ้าง “หลินจื่อ คุณจะลองคิดเรื่องการเปิดกล้องไหม”

ความจริงหลินจื่อจำได้ไม่ชัดว่าทำไมตอนแรกตัวเองถึงไม่เปิดกล้อง หน้าตาเขาไม่ได้น่าเกลียด ใช้คำของเตี๋ยอิ่งที่เคยเห็นเขามาพูดก็คือ ‘เป็นสตรีมเมอร์ที่หน้าตาเหมือนไอดอล’ ซึ่งห่างชั้นกับคำว่า ‘ไม่ได้น่าเกลียด’ ไปไกลมาก

ตอนแรกเตี๋ยอิ่งก็เคยถาม ‘อ้วนอย่างฉันยังกล้าเปิดกล้อง ยังไงนายก็อยู่ถึงระดับเด็กหนุ่มรูปงาม แล้วทำไมถึงไม่เปิดเผยหน้า’

ตอนนั้นหลินจื่อพูดว่า ‘ฉันชินแล้ว โดยเฉพาะ…’

โดยเฉพาะใบหน้าเด็กกว่าอายุของหลินจื่อ เดิมทีชาวด้อมนกก็ชอบเรียกเขาว่าลูกชายลูกรักอยู่แล้ว ถ้าเปิดกล้องอีก คงได้ถูกล้อไปจนเกษียณเลยจริงๆ

หลินเหว่ยมีดวงตาโตสองชั้นเหมือนคุณแม่หลิน แถมยังมีจมูกที่เชิดเล็กน้อยและลักยิ้มข้างเดียว ตอนอยู่มัธยมปลายถูกคนคิดว่าเป็นนักเรียนมัธยมต้น ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็ถูกคนคิดว่าเป็นเด็กมัธยมปลาย ผู้ชายน่ะ พอถึงวัยต่างก็หวังว่าตัวเองจะเป็นผู้ใหญ่หน่อย ใครจะชอบถูกคนเรียกว่าน้องชายกันล่ะ (พวกด้อมนกยิ่งเกินไปหน่อยถึงขนาดเรียกว่าลูกชายเลย)

แต่เขาคิดอยู่ตลอดไม่ว่าหน้าตาเป็นยังไงก็ถือว่าเป็นของขวัญจากพ่อแม่ทั้งนั้น หลินเหว่ยไม่ได้รังเกียจตัวเอง เพียงแค่ไม่ได้เปิดมาตลอดและไม่มีสถานการณ์ที่ทำให้ต้องเปิด เพราะถึงยังไงอาศัยแค่น้ำเสียงก็มีแฟนคลับได้ ก็เลยไม่ได้คิดเรื่องที่จะเปิดกล้อง แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่หวงสุดชีวิตไม่ยอมให้คนเห็นหน้า รูปในอัลบั้มของแอ็กเคานต์เวยป๋อก็มีรูปเซลฟี่หลายรูปที่ไม่เปิดเผยหน้าตรง อีกอย่างตอนเขาเพิ่งเข้าวงการไม่นานมากเท่าไหร่ ก็มีคนขุดรูปและคลิปตอนที่เขาเข้าร่วมการคัดเลือกค่ายฝึกเยาวชนของสโมสรท้องถิ่นของเกม MOBA อีกเกมหนึ่ง คนที่รู้ว่าเขาหน้าตาประมาณไหนมีเยอะมาก เพียงแค่ช่วงเวลายาวนาน เลยไม่ค่อยชัดเจนเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจหลบเลี่ยง แต่ก็ไม่ได้สมัครใจจะเปิดเผย ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

เสี่ยวหลี่บอกว่าหวังว่าเขาจะเปิดกล้อง หลินเหว่ยเองก็เข้าใจ หากสตรีมเมอร์ชื่อดังของแพลตฟอร์มสามารถเปิดเผยใบหน้าได้ แถมบุคลิกยังไม่เลว ถ้าอย่างนั้นก็จะยิ่งมีโฆษณาและอีเวนต์มากขึ้น เป็นผลดีกับทั้งแพลตฟอร์มและตัวหลินจื่อเอง

หลินเหว่ยเองก็ไม่ได้คิดนานมาก เขาพูดตรงๆ “ได้ งั้นเย็นนี้ให้ผมเปิดเลยไหม ในบ้านมีกล้องตัวหนึ่งเอามาใช้ได้เลย”

เสี่ยวหลี่เปลี่ยนหัวข้อทันที “เฮ้ๆๆ อย่ารีบร้อน ต่อไปคุณคือตัวแทนที่เป็นหน้าเป็นตาของโต้วหลง คุณจะเปิดตัวตามสบายแบบนี้ได้ยังไงกัน ความจริงที่จะพูดต่อไปสิถึงเป็นจุดสำคัญ ถ้าหากคุณยินดีต่อสัญญา ยินดีเปิดเผยใบหน้า งั้น…คุณยินดีร่วมรายการวาไรตี้โชว์ไหม”

หลินเหว่ย “???”

หลินเหว่ย “อะไรนะ”

เสียงที่ถูกรบกวนด้วยคลื่นไฟฟ้าของเสี่ยวหลี่ขาดความสมจริงอยู่บ้าง “แฮมเมอร์กำลังจัดรายการวาไรตี้ออนไลน์เพื่ออุ่นเครื่องการแข่งขัน RPL* ระดับประเทศของ Summon Spirits โดยจะฉายผ่านเว็บไซต์สามเว็บไซต์ แผนการทั้งหมดจัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนเชิญแขกรับเชิญ แขกรับเชิญมีดาราที่กำลังดังแล้วก็มีนักกีฬาอาชีพ ส่วนสตรีมเมอร์น่ะ ฟังจากความหมายของพวกเขาแล้ว เชิญแค่คนเดียว ก็คือคุณ”

หลินเหว่ยตะลึงงัน ที่จริงเขารู้จักรายการวาไรตี้ออนไลน์นี้ ช่วงนี้ตัวเขาเองไปอ่านข่าวในเว็บบอร์ดที่ไม่เผยชื่อและกลุ่มซุบซิบต่างๆ ก็เลยได้เคยเห็นข่าวรายการเกมวาไรตี้ออนไลน์นี้หลายครั้ง แฮมเมอร์อินเตอร์แอ็กทีฟเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นบริษัทใหญ่ การทำเกมเป็นแค่หนึ่งในธุรกิจ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ทำแอนิเมชั่นทำสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ด้วย ระยะนี้ได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของแฮมเมอร์อินเตอร์แอ็กทีฟเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มาก บอกว่าเป็นผู้นำของอินเตอร์เน็ตอุตสาหกรรมภายในประเทศก็ไม่เกินไปนัก รายการ ‘ใครคือซัมมอนสปิริตมาสเตอร์ตัวจริง’ ต้องมีการลงทุนสูงมากแน่นอน ถึงแม้เป็นเพียงแค่รายการวาไรตี้ออนไลน์ แต่ Summon Spirits เป็นที่นิยมในประเทศขนาดนั้น แพลตฟอร์มที่ออกอากาศก็ศักยภาพดี ถึงไม่โด่งดังเป็นพลุแตกแต่ก็ต้องมีชื่อเสียงบ้าง ได้ยินว่ามีดาราไม่น้อยที่กำลังช่วงชิงเพื่อให้ได้เป็นแขกรับเชิญ

ถึงแม้ว่าตามที่สาวๆ ตำหนักเหยาฉือพูด สำหรับลู่เหยาจือแล้วนี่เป็นข่าวลือที่โคตรแย่ ลู่เหยาจือเป็นแขกรับเชิญประจำของรายการวาไรตี้ทีวีที่ดังมาก แล้วจะยอมลดเกียรติมาถ่ายวาไรตี้ออนไลน์นี้ที่มีเพียงแค่เจ็ดตอน ซึ่งเห็นกันอยู่ชัดเจนว่ามีไว้เพื่ออวยนักกีฬาอาชีพ RPL ได้ยังไงกัน

เป็นเพราะเรื่องคำค้นหายอดนิยม ตอนที่ทุกคนกำลังพูดถึงรายการ ‘ใครคือซัมมอนสปิริตมาสเตอร์ตัวจริง’ จึงมีไม่น้อยที่เอ่ยถึงลู่เหยาจือ แต่ทั้งหมดก็ถูกสาวๆ ตำหนักเหยาฉือบอกว่าเป็นการปั้นข่าวเพื่อหลอกแฟนคลับ

หลินเหว่ยเองก็คิดว่าลู่เหยาจือไม่รับรายการนี้ เพราะเป็นการลดระดับของเขาจริง แต่นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือทำไมรายการนี้ถึงเชิญตัวเองล่ะ

ต่อให้เคยขึ้นคำค้นหายอดนิยมคู่กับลู่เหยาจือครั้งหนึ่ง แต่ก็คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง? เขาไม่เหมือนนักกีฬาอาชีพที่มีความสามารถและฐานแฟนคลับ ถึงขนาดไม่เคยเปิดเผยใบหน้าด้วยซ้ำ! ทำไมทีมงานรายการถึงติดต่อโต้วหลงเพื่อหาเขากันล่ะ อีกอย่างฟังจากความหมายของเสี่ยวหลี่ เป็นเพราะโต้วหลงเองก็รู้สึกได้ว่าแฮมเมอร์อินเตอร์แอ็กทีฟเอ็นเตอร์เทนเมนต์และทีมงานรายการให้ความสนใจเขา ถึงได้เสนอเงื่อนไขในการต่อสัญญาที่ดีมากขนาดนั้น

เรื่องนี้ประหลาดนิดหน่อย แต่หลินจื่อไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะดีเลว เขาจึงพูดกับเสี่ยวหลี่ว่า “ผมขอคิดหน่อย แล้วพรุ่งนี้จะให้คำตอบคุณ” ก่อนจะถามอีกว่ามีข้อมูลพื้นฐานของรายการให้ดูหน่อยไหม

เสี่ยวหลี่เดาได้ว่าเขาจะต้องรอบคอบ จึงไม่ได้แปลกใจ “โอเค ผมจะรอข่าวจากคุณ ส่วนข้อมูล ผมเอาที่พวกเขาให้มาทั้งหมดส่งเข้าอีเมลคุณแล้ว คุณค่อยๆ ดูแล้วกัน”

หลินเหว่ยตอบ “อืม” แล้วเตรียมวางสาย

จากนั้นเสี่ยวหลี่ก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ “อ้อ จริงสิ ทางแฮมเมอร์บอกว่าแขกรับเชิญคนอื่นยังไม่แน่นอน แต่เพียงคนเดียวที่ยืนยันมาเข้าร่วมยังมีบุพเพกับคุณนิดหน่อยด้วยนะ…ก็คือลู่เหยาจือ”

…ฮะ?

 

* OJBK มาจากคำว่า O几把K (O Ji Ba K) แปลว่าโอเคก็ได้

* RPL (ROS Pro League) คือชื่อย่อของการแข่งขันลีกอาชีพของ Summon Spirits หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Roar of the soul

  

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Don’t do that! คุณครับ อย่าเปิดไมค์ง่ายๆ เล่ม 1

 

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: