everY
ทดลองอ่าน ฮ่องเต้โฉมงามพลิกแผ่นดิน เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย
บทที่ 12
หัวหน้าทหารองครักษ์คุ้มกันฮ่องเต้ จนในที่สุดก็มาถึงจวนสกุลเซวียก่อนฝนตก
ในขณะที่ผู้ดูแลจวนกำลังจะถามว่าผู้เดินทางเหล่านี้คือใคร หางตาก็เหลือบไปเห็นตราหยกมังกรที่เอวของกู้หยวนไป๋ หัวใจเต้นตึกตัก สองขาทรุดฮวบลงไปกับพื้น “ผู้ต่ำต้อย ผู้ต่ำต้อย…”
ทั่วทั้งจวนสกุลเซวียต่างได้รับข่าวแล้ว ทันใดนั้นจวนแม่ทัพที่เงียบสงบก็เดือดพล่านราวกับกระทะน้ำมันเดือด แม่ทัพเซวียที่อยู่ในห้องตำราก้าวเท้าฉับๆ ไปที่ประตูจวนพร้อมกับบ่าวรับใช้คนหนึ่ง เดินไปได้ครึ่งทางก็พบกับฮูหยินเซวียที่ถูกสาวใช้ประคองเข้ามาพร้อมสีหน้าตื่นตระหนก ปิ่นปักผมยุ่งเหยิง “ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทเสด็จมาด้วยตัวเองจริงหรือ”
แม่ทัพเซวียไม่ลดความเร็วลงเลย เขาพยักหน้า “ข้าจะไปรับฝ่าบาทที่หน้าประตู เจ้ารีบแต่งกายให้เรียบร้อย ให้ท่านแม่ออกมารับเสด็จ ห้ามให้คนและสิ่งของน่าวุ่นวายอื่นๆ ปรากฏต่อหน้าฝ่าบาทเป็นอันขาด!”
ฮูหยินพยักหน้าหงึกๆ แล้วจูงมือสาวใช้เดินเข้าไปในลานด้านหลังอย่างรวดเร็ว สาวใช้ที่ประคองนางพยายามก้าวฝีเท้าให้ทัน นี่คือฮูหยินที่ก้าวเดินด้วยความเนิบนาบตามปกติที่ไหนกัน ยังต้องให้นางประคองอีกรึ นางเดินไม่ทันฮูหยินด้วยซ้ำ!
ฮูหยินเซวียรีบเดินไปยังลานด้านหลัง ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าเซวียได้รับข่าวแล้วและกำลังเปลี่ยนอาภรณ์เครื่องประดับของนายหญิงตราตั้ง ด้วยการปรนนิบัติของสาวใช้ข้างกาย นางสวมเสื้อคลุมสีแดงลายไหมทองชั้นแล้วชั้นเล่า สาวใช้และบ่าวต่างกระหืดกระหอบผิดจากวันปกติ
ฮูหยินผู้เฒ่าเซวียหน้าแดงระเรื่อราวกับอ่อนเยาว์ลงสิบกว่าปีภายในพริบตา ครั้นนางเห็นฮูหยินเซวียเข้ามา ก็ยิ้มพลางให้สะใภ้เข้ามาใกล้ๆ “ฮุ่ยเหนียง เช้านี้ข้าได้ยินเสียงนกกางเขนร้องเพลงอยู่บนต้นไม้ ตอนแรกก็คิดว่าจะมีเรื่องดีอะไร คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องดีที่ใหญ่หลวงเช่นนี้! ฝ่าบาทเสด็จมาที่จวนด้วยตัวเอง ช่างเป็นเกียรติเสียนี่กระไร”
ฮูหยินเซวียเห็นนางมีจิตวิญญาณเช่นกันก็รู้สึกราวกับเจอแรงสนับสนุน “ท่านแม่ เราควรจัดการกฎในจวนพวกเราอย่างไรดีเจ้าคะ ฝ่าบาทน่าจะเข้ามาเพราะหลบฝน หากฝนไม่หยุด เช่นนั้นฝ่าบาทไม่ต้องค้างแรมในจวนของพวกเราหรือ”
สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเซวียเปลี่ยนไปทันใด คว้ามือของฮูหยินเซวียแน่นพร้อมตักเตือนอย่างจริงจัง “ไม่ว่าฝ่าบาทจะค้างแรมหรือไม่ ฮุ่ยเหนียง เจ้าต้องดูแลคนในจวนของพวกเราให้ดี อย่าให้ผู้ที่มีความคิดยุ่งเหยิงปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาทเป็นอันขาด! อย่านึกว่าข้าไม่รู้ สาวใช้ในจวนหลายคนมักใหญ่ใฝ่สูง หากพวกนางกล้าลอยชายต่อหน้าฝ่าบาท ข้าจะให้พวกนางได้เห็นดี!”
ฮูหยินเซวียเข้าใจแล้วก็พยักหน้า ทั้งยังกล่าวด้วยความกังวล “ท่านแม่ เช่นนั้นหลินเกอเอ๋อร์กับเหล่าอี๋เหนียง ต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือไม่”
น้ำเสียงฮูหยินผู้เฒ่าเซวียล้ำลึก “ไม่ได้! ให้ลูกหย่วนเข้าเฝ้าผู้เดียวพอ ฮุ่ยเหนียง เจ้าอย่าได้ชักช้าอีกเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจัดการตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทพร้อมกับข้า”
ฮูหยินเซวียพยักหน้า ส่งคนไปบอกกล่าวเซวียหย่วนก่อนที่จะตอบว่า “เจ้าค่ะ”
ทางนี้ฮูหยินเซวียกับฮูหยินผู้เฒ่าเซวียเริ่มง่วนกันแล้ว ส่วนทางนั้นแม่ทัพเซวียได้พาบ่าวรับใช้มากมายรุดไปที่หน้าประตูจวน ฝนตกแรงมาก หัวใจของแม่ทัพเซวียจุกมาอยู่ที่ลำคอ
ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ถูกคุ้มกันท่ามกลางผู้คนจากที่ไกลๆ และเม็ดฝนโปรยปรายนอกจวนไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้เปียกปอนจึงถอนหายใจโล่งอก แม่ทัพเซวียรีบเดินขึ้นหน้า ยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลง “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
ฮ่องเต้กล่าวอย่างอ่อนโยน “เซวียชิง ลุกขึ้นเถิด”
แม่ทัพเซวียพาเหล่าบ่าวรับใช้ลุกขึ้นยืน เขาเงยหน้าขึ้นมอง ฮ่องเต้ขี้หนาว แม้จะไม่โดนฝนสักเม็ดทว่ากลับถูกลมหนาวพัดจนริมฝีปากขาวซีด สีหน้าก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก แม่ทัพเซวียกระวนกระวายใจยิ่ง ข้ารับใช้ผู้รู้งานที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบส่งเสื้อคลุมตัวใหญ่ให้
เถียนฝูเซิงคลุมเสื้อคลุมตัวใหญ่ให้กับกู้หยวนไป๋ กู้หยวนไป๋ไอสองสามครั้ง มือและเท้าของเขาเย็นลงเล็กน้อย “วันนี้ใส่เสื้อตัวบางออกจากวัง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีฝนตกหนัก โชคดีที่จวนสกุลเซวียอยู่ใกล้ๆ เจิ้นต้องรบกวนเซวียชิงแล้ว”
แม่ทัพเซวียรีบพูด “ฝ่าบาทเสด็จมาด้วยตัวเองนับเป็นวาสนาของกระหม่อม จะพูดว่ารบกวนได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบ แม่ทัพเซวียประสานมือหันไปทางเหอชินอ๋อง ลดมือลงแล้วกล่าว “คารวะเหอชินอ๋อง”
เหอชินอ๋องพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ท่านแม่ทัพเซวีย”
กู้หยวนไป๋เบี่ยงหน้าไออีกสองสามที ไอหนาวพัดขึ้นมาจากปลายเท้า ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกนี้แย่มากราวกับเป็นสัญญาณก่อนล้มป่วย เถียนฝูเซิงที่คอยสังเกตเขาอยู่ตลอดเวลารีบพูดขึ้น “ท่านแม่ทัพเซวีย อย่าพูดมากอีกเลย ฝ่าบาทต้องรีบเข้าจวนเพื่อหลบลมหนาว”
แม่ทัพเซวียให้ทางทันทีและนำฮ่องเต้ไปยังห้องโถง กู้หยวนไป๋โอบกระชับเสื้อคลุม สีหน้าที่ซีดเผือดก่อนหน้านี้ถูกย้อมด้วยสีแดงระเรื่อที่ค่อนข้างผิดปกติ
เขารู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย
กู้หยวนไป๋ยังคงไม่ลืมลมหนาวที่เกือบปลิดชีวิตของตนเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเห็นเงาคันธนู งูในถ้วย* รู้สึกว่าขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจจะจับไข้จากลมหนาวอีกคราหนึ่งก็เป็นได้
กู้หยวนไป๋คิ้วตาล้ำลึก หลังจากถูกพาให้ไปนั่งบนเก้าอี้สูง คำพูดประโยคแรกก็คือ “ในจวนของเซวียชิงมีท่านหมอหรือไม่”
เดิมทีแม่ทัพเซวียนึกว่าฮ่องเต้จะเป็นปกติแล้ว เมื่อถูกถามเช่นนี้ก็ได้สติกลับมาฉับพลัน เขาบังคับตัวเองให้สงบนิ่งและให้บ่าวรับใช้ข้างกายรีบไปเชิญท่านหมอ ทั้งยังสั่งให้คนต้มยาและน้ำร้อนมาดับความหนาวเย็นทันทีโดยมิได้รอช้า
เถียนฝูเซิงเช็ดหน้าฮ่องเต้ด้วยผ้าเช็ดหน้า ความร้อนแทรกซึมสู่ฝ่ามือผ่านผ้าไหม เถียนฝูเซิงใบหน้าซีดขาว มือสั่นสะท้านเล็กน้อย “ฝ่าบาท…”
ลมหายใจของกู้หยวนไป๋หนักหน่วงขึ้น ทันใดนั้นเขาก็หลุดขำ “ดูฝนข้างนอกสิ คิดว่าคืนนี้ก็คงไม่หยุดแน่ เกรงว่าเจิ้นต้องพักอยู่ในจวนเซวียชิงเสียแล้ว”
แม่ทัพเซวียคำนับ “บัดนี้กระหม่อมได้เตรียมห้องให้ฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทต้องการจะพักผ่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
กู้หยวนไป๋พยักหน้าและรอท่านหมอมาอย่างใจเย็น ระหว่างที่เขากำลังรอ มือและเท้าของเขาก็เย็นลงเรื่อยๆ ทว่าแก้มของเขากลับค่อยๆ ร้อนผ่าว แม้กู้หยวนไป๋ถูกห่มด้วยเสื้อคลุมแล้ว ทว่าความหนาวเย็นกลับทำให้ตัวเขาตัวสั่นสะท้าน
เขาข่มความผิดปกติเหล่านี้เอาไว้ มุมปากยังคงมีรอยยิ้มสงบนิ่ง เหอชินอ๋องมองดูฝนที่ตกหนักนอกหน้าต่างจากนั้นก็ดูใบหน้าแดงก่ำของฮ่องเต้ มุมปากเหยียดตรง ก้มหน้าลงอย่างหดหู่
วันนี้เขาเป็นคนบอกว่าจะออกจากวัง หากกู้หยวนไป๋เป็นอะไรไปจริงๆ เขาก็ยากที่จะหลุดพ้นจากความผิด
ท่านหมอถูกคนพาตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาน่าจะรู้สถานะของกู้หยวนไป๋แล้วจึงสั่นงกไปทั้งตัว หลังจากหัวหน้าทหารองครักษ์ตรวจสอบตัวท่านหมอแล้วจึงปล่อยเขาเข้าไป กู้หยวนไป๋ยื่นมือออกมา เถียนฝูเซิงม้วนแขนเสื้อขึ้นไปข้างบน เผยให้เห็นข้อมือขาวผ่องดุจหยก
ท่านหมอจับชีพจรครู่หนึ่ง สักพักก็สะบัดมือแล้ววางลง “ฝะ…ฝ่าบาท ไอเย็นไม่ได้ทะลุถึงอวัยวะภายใน ตอนนี้แค่แช่น้ำร้อนๆ ดื่มแกงอุ่นๆ ขับเหงื่อให้ออกมาก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กู้หยวนไป๋เลิกคิ้ว เขาเคยชินกับความระมัดระวังและละเอียดละออของหมอหลวงในวัง บัดนี้ครั้นได้ยินคำพูดที่มิได้ดูแลเขาในฐานะคนเปราะบางดุจแก้วก็รู้สึกมีความสุขมาก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็รบกวนเซวียชิงแล้ว”
“มิกล้า” แม่ทัพเซวียเอ่ย “กระหม่อมจะเตรียมน้ำให้ฝ่าบาท ส่วนน้ำแกงร้อนจะพร้อมในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ”
กู้หยวนไป๋พ่นลมหายใจร้อนๆ ออกมา ขนละเอียดอ่อนบนเสื้อคลุมกระเพื่อมขึ้นลงตามการหายใจของเขา นิ้วสีซีดวางอยู่บนโต๊ะไม้สีดำ กู้หยวนไป๋ลุกขึ้นยืนโดยอาศัยกำลังของมัน
เถียนฝูเซิงกับบรรดาทหารองครักษ์ติดตามเขาอยู่ด้านหลัง กู้หยวนไป๋เดินมาถึงหน้าประตูช้าๆ ขาซ้ายหมดแรงฉับพลัน คนทั้งคนล้มคะมำไปข้างหน้าทว่าถูกคนคนหนึ่งประคองเอวไว้ทัน
มือที่โอบรอบเอวของเขาหนาแน่นและมีพลัง เซวียหย่วนมองฮ่องเต้ที่ตกมาสู่อ้อมแขนของเขา เผยรอยยิ้มที่ดูเคารพนบน้อมออกมา “ฝ่าบาทเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของกู้หยวนไป๋เปลี่ยนไปทันใด เซวียหย่วนปล่อยมือแล้วถวายความเคารพกู้หยวนไป๋พร้อมยิ้มให้อย่างสง่างาม
กู้หยวนไป๋เหลือบมองเขา ไอแล้วเดินผ่านเขาไป เซวียหย่วนหุบยิ้มในขณะที่มองแผ่นหลังของฮ่องเต้จากไป ก่อนหันมาถามผู้เป็นบิดา “ฝ่าบาทจับไข้จากลมหนาวหรือ”
แม่ทัพเซวียและเหอชินอ๋องไม่ได้ยินความเย้ยหยันในน้ำเสียงของเขา แม่ทัพเซวียให้เซวียหย่วนเข้ามาคารวะเหอชินอ๋อง เหอชินอ๋องสีหน้าดูอิดโรยเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้จากไปแล้วก็หาข้ออ้างกลับห้อง
เซวียหย่วนส่งเหอชินอ๋องกลับไปด้วยความนอบน้อมแล้วจึงยืดตัวตรงอย่างใจเย็น แม่ทัพเซวียทอดถอนใจพลางกล่าวอย่างเป็นกังวล “แค่หวังว่าฝ่าบาทจะแคล้วคลาดปลอดภัย”
มุมปากของเซวียหย่วนยกขึ้น “ฝ่าบาทเป็นคนดีสวรรค์ย่อมช่วยเหลือ ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว”
ในชั่วขณะที่เข้าใกล้ฮ่องเต้เมื่อครู่นั้น เซวียหย่วนก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่พุ่งเข้ามา เขาต้องนอนอยู่บนเตียงหลายวันกว่าจะรักษาแผลที่เข่าให้หายสนิท คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถึงคราวที่ฮ่องเต้ต้องนอนในจวนสกุลเซวียบ้าง
เหอชินอ๋องกลับมาถึงห้อง บ่าวรับใช้ของเขาต้องการที่จะไปห้องครัวเพื่อยกน้ำขิงมาให้เขาสักถ้วย แต่เขากลับมาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับเลือดกวางถ้วยหนึ่ง “นายท่าน สกุลเซวียได้เชือดลูกกวางตัวหนึ่ง นี่คือเลือดกวางที่ผ่านการต้มมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังอุ่นๆ อยู่เลยขอรับ เจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์กว่าน้ำขิงมากนัก!”
เหอชินอ๋องรับเลือดกวางมาแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด รสเลือดอุ่นๆ พอแทรกซึมเข้าไปในลำคอและร่างกายก็อบอุ่นขึ้น เหอชินอ๋องพลันเกิดจิตเมตตา เสียใจกับการกระทำของตน “เจ้าไปยกมาอีกถ้วยหนึ่ง ข้าจะนำไปให้ฝ่าบาทด้วยตัวเอง”
บ่าวรับใช้ไปยกเลือดกวางร้อนกรุ่นมาอีกถ้วย เดินตามหลังเหอชินอ๋องเพื่อเตรียมถวายแก่ฮ่องเต้ ห้องของฮ่องเต้คือห้องนอนหลักของจวนสกุลเซวีย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของจวนและค่อนข้างอยู่ไกลจากห้องของเหอชินอ๋อง
เหอชินอ๋องเพียงรู้สึกว่ามีเหงื่อออกท่วมตัวตลอดทาง เลือดกวางที่เพิ่งดื่มไปเห็นผลทันตานัก เหอชินอ๋องรู้สึกราวมีไฟป่ากำลังแผดเผาในร่างกาย มันเผาไหม้จนเขาอดที่จะคลายปกคอเสื้อมิได้
ครั้นใกล้จะเดินถึงหน้าประตูห้องของฮ่องเต้ เหอชินอ๋องเดินผ่านหน้าต่างห้องบรรทมพลางมองเข้าไปข้างในโดยไม่รู้ตัว เขาชะงักฝีเท้าทันใด
ภายในห้องบรรทมฮ่องเต้กำลังเอนกายพิงข้างเตียงอย่างเกียจคร้าน สองเท้าแช่อยู่ในน้ำใสที่ผสมยา โดยมีเถียนฝูเซิงนั่งยองอยู่ข้างๆ ทำความสะอาดเท้าให้กับเขา
ขาทั้งคู่ของกู้หยวนไป๋นี้ไม่ได้เดินมากตั้งแต่เกิดมาจวบจนบัดนี้ ฝ่าเท้าได้รับการปรนเปรอราวผ้าไหมนุ่มละมุน มันถูกดูแลอย่างดีจนโปร่งใสราวกับหยก
น้ำอุ่นขับผิวขาวให้กลายเป็นสีชมพู น้ำใสกระเพื่อมขึ้นลง หยดน้ำกระจายอยู่รอบทิศ ดอกไม้ตากแห้งที่ผสมอยู่ในยาค่อยๆ เบ่งบานในน้ำ แต่งแต้มเท้าหยกคู่นี้ราวกับจิตรกรรมพู่กันอันวิจิตรงดงาม
เสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้น เหอชินอ๋องรู้สึกเพียงว่าไฟป่าในหัวใจของตนถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง สมองของเขาว่างเปล่า รู้สึกเพียงทั่วร่างกายร้อนรุ่มสุดจะเปรียบ ไอร้อนพุ่งเข้าไปในสมองขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ฉากนี้
กลิ่นเลือดกวางในปากเขาเข้มข้นขึ้นทันใด
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน ฮ่องเต้โฉมงามพลิกแผ่นดิน เล่ม 1
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่ Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App
/ SE-ED / Hytexts / comico และ ARN