everY
ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 prologue – Chapter 1.1 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1
ผู้เขียน : MINTRAN
แปลโดย : ทันบี
ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง
การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ การสะกดรอยตาม การบูลลี่
ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
prologue
ผมชื่อคิมจูฮยอก
ผมเป็นเบต้า
ผมไม่เคยรู้สึกอายและก็ไม่เคยสงสัยในความจริงข้อนั้นเลยสักนิด
ผมเป็นเบต้ามาจนถึงตอนนี้ และในอนาคตต่อจากนี้ผมก็คงจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน
เขาว่ากันว่าในโลกใบนี้มีประชากรเบต้าอยู่เยอะมาก แต่มันก็ไร้ความหมาย ในเมื่อโลกใบนี้โคจรอยู่รอบบรรดาพวกอัลฟ่าและโอเมก้า โดยมีพวกอัลฟ่าอยู่เป็นจุดศูนย์กลางของอำนาจทั้งหมด และเบื้องหลังของอัลฟ่าเหล่านั้นก็มีโอเมก้าที่คอยควบคุมและบงการอยู่อีกที
ในสมัยที่ผมเป็นนักเรียน ผู้อำนวยการทุกคนก็เป็นอัลฟ่า และพอผมเข้ามหาวิทยาลัยมา เหล่าผู้คนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอัลฟ่าเหมือนกันหมด แม้กระทั่งตอนนี้ทุกอย่างก็ยังคงเป็นมาแบบนั้น นอกจากคนไม่กี่คนแล้ว นับตั้งแต่คณะผู้บริหาร ผู้อำนวยการ หัวหน้าแผนก รวมถึงผู้จัดการในบริษัทของผม ทุกคนเป็นอัลฟ่ากันทั้งหมด ส่วนภรรยาของพวกเขาน่ะเหรอ แน่นอนว่าก็ต้องเป็นโอเมก้าทั้งหมดเหมือนกันไง
เฮ้อ…แม้แต่หัวหน้าอีที่กำลังหอบหายใจถี่อยู่ตรงโน้นก็ยังเป็นโอเมก้าเช่นกัน เขาคนนั้นเป็นโอเมก้าในบริษัทของเราที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบุคคลที่มีอนาคตไกล และตอนนี้ดูเหมือนเขาน่าจะกำลังอยู่ในช่วงฮีตอยู่ เขาถึงได้หอบหายใจรุนแรงมาตั้งแต่เช้า
พอผมถามออกไปว่า ‘เป็นอะไรไหมครับ’
เขาก็ตอบกลับมาว่า ‘มะ…ไม่เป็นไร…แฮก…’ ทั้งที่เหงื่อแตกพลั่กเต็มตัว ซึ่งนอกจากผมแล้ว ทุกคนต่างก็หลงเชื่อคำพูดนั้น
ผมพยายามจะโทรเรียกรถพยาบาล แต่หัวหน้ากลับห้ามผมไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรทั้งที่ยังคงหอบหายใจถี่อยู่อย่างนั้น โลกใบนี้มันบ้าไปหมดแล้วหรือไงกันนะ
โอ๊ะ อัลฟ่าชนชั้นสูงของบริษัทเรากำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามาแล้วนั่น
หัวหน้าแผนกซอกระชากตัวหัวหน้าอีอย่างแรงด้วยแววตาเย็นเยียบ
“หัวหน้าอี นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ”
“ซอฮีแท…นี่ไม่ใช่เรื่องที่…ฮึก…หัวหน้าแผนกซอ…ต้องมาใส่ใจหรอกครับ”
“อีฮยอนแจ!”
“กลับไป…เถอะครับ…!”
“เห็นคุณอยู่ในสภาพแบบนี้แล้วผมจะกลับไปได้ยังไง!”
หัวหน้าแผนกซอคว้าไหล่ของหัวหน้าอีเอาไว้อย่างแรง เขาที่กำลังขบกรามแน่นถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะลากตัวหัวหน้าอีออกไป หัวหน้าอีเลยจำต้องยอมถูกลากออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรง…
“ผู้ช่วยคิมคะ ทางนี้มีแฟ็กซ์ส่งมาหนึ่งฉบับค่ะ”
“อ๊ะ ครับ”
ต้นเสียงนั้นคืออิมฮันนา พนักงานอาวุโสแผนกการเงิน ผมรับแฟ็กซ์จากเธอมา ก่อนจะเริ่มกรอกข้อมูลของลูกค้าลงไปในระบบประมวลผล โดยที่ไม่มีใครคัดค้านเรื่องที่หัวหน้าแผนกซอกับหัวหน้าอีพุ่งตัวออกไปจากออฟฟิศอย่างกะทันหันในเวลางานเลยสักคน ส่วนผมก็ทำเพียงแค่นั่งเฉยๆ อยู่กับที่แล้วกดรีเฟรชระบบประมวลผลจนนิ้วหงิกเท่านั้น
ตอนสมัยที่เข้ามาทำงานในบริษัทแรกๆ ผมโทรเรียกตำรวจไปโดยที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง นั่นก็เป็นเพราะว่าหัวหน้าแผนกซอตบเข้าที่หน้าของหัวหน้าอีจนล้มพับลงไป
‘จัดการกับกลิ่นน่าขยะแขยงนั่นหน่อยสิครับ’
นี่มันเป็นการใช้ความรุนแรงภายในบริษัทชัดๆ ตอนนั้นผมกำลังจะวิ่งตรงเข้าไปหาผู้จัดการ แต่แล้วก็จำต้องย้อนกลับมายังที่นั่งของตัวเองเพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้จัดการน่าจะไม่อยู่ในวันนั้น เนื่องจากช่วงนั้นผู้จัดการเองก็กำลังยุ่งๆ อยู่กับการประชุมกับคู่ค้าตลอด ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบโทรเรียกตำรวจ ความจริงแล้วผมควรจะต้องโทรไปที่ศูนย์สิทธิมนุษยชนภายในของบริษัท แต่ผมกลับไม่รู้เรื่องนั้น เพราะมันเป็นช่วงที่ผมเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ไม่นาน
‘คะ…คุณตำรวจใช่ไหมครับ!? หัวหน้าแผนกซอเขา…หัวหน้าอี…!’
และแล้วผมก็ถูกตำหนิอย่างหนัก ส่วนเหตุผลนั้นก็เป็นเพราะผมโทรเรียกตำรวจด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตอนนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าต่อให้อัลฟ่าจะทุบตีโอเมก้าไม่ยั้งมือขนาดนั้นก็ไม่เป็นไร ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าแผนกซอกับหัวหน้าอีเองก็ดันเป็นคู่สมรสที่ตบแต่งกันทางผลประโยชน์โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ต้องการ แถมความจริงแล้วหัวหน้าอีก็รักหัวหน้าแผนกซออยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งหัวหน้าแผนกซอเองก็รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นมาโดยตลอด แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วปฏิเสธหัวหน้าอีอย่างเย็นชา ผมไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้จะมีความสัมพันธ์รักๆ ใคร่ๆ ที่น่าอเนจอนาถใจแบบนั้นอยู่ด้วย
แต่ดูเหมือนว่าบรรดาพนักงานในออฟฟิศทุกคนต่างก็รู้เห็นเหมือนกันหมด
เฮงซวย
ผมเรียนจบจากโรงเรียนที่มีแต่พวกเบต้าซึ่งตั้งอยู่ในแถบชนบทของจังหวัดคยองกีที่มีแต่พวกเบต้าอาศัยอยู่มานานจากรุ่นสู่รุ่นเช่นกัน จากนั้นผมก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อพอสมควร มันเป็นมหาวิทยาลัยที่ในอัตราส่วนจำนวนนักศึกษาทั้งหมดนั้นมีพวกเบต้าเรียนอยู่เยอะมากที่สุด ดังนั้นก่อนจะเข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้ผมจึงต้องดูพวกสื่อลามกโดยใช้เหตุผลทางการศึกษาและหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือทางการแพทย์มากมาย แถมภาพยนตร์ก็เลือกดูแต่ภาพยนตร์โรแมนติกเพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับบริษัทแห่งนี้ได้
แต่แล้วผมก็ตระหนักได้ว่า…
เวรเอ๊ย สังคมนี้นี่มันห่วยแตกชะมัด
ด้วยเหตุนั้นผมจึงกะว่าจะทำงานที่นี่ไปอีกประมาณสามปีแล้วค่อยลาออก เงินชดเชยจากการลาออกจำนวนหนึ่งผมจะมอบให้พ่อกับแม่ และหลังจากที่เก็บสะสมเงินได้ก้อนใหญ่แล้วผมก็จะเดินทางไปต่างประเทศและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นเบต้า
ผมยังคงจำรอยฟันสีจางตรงต้นคอของหัวหน้าอีที่ไม่อาจปกปิดมันเอาไว้แม้ว่าจะใช้ผ้าพันแผลปิดไว้ในวันถัดมาหลังจากที่โดนหัวหน้าแผนกซอตบจนล้มลงได้อย่างติดตา และวันนั้นก็เป็นวันที่ทำให้ผมได้ตัดสินใจ
ผมไม่มีทางอนุญาตให้มีความสัมพันธ์แบบไหนก็ตามเกิดขึ้นในอาณาเขตของผมเด็ดขาด
และนี่ก็เป็นการประกาศ ‘เขตห้ามรักแบบฉบับเบต้า’ ของผม