everY
ทดลองอ่าน เบื้องบาทข้า ใต้หล้าล้วนสยบ เล่ม 1 บทที่ 19-20 #นิยายวาย
บทที่ 20
“ท่านคอแข็งนัก”
ตงเหยี่ยนและจงจี่นั่งอยู่บนแท่นสูงชนจอกสุรากันจอกแล้วจอกเล่า กิริยาองอาจ ไม่ลากโคลนคาดน้ำ* เลยแม้แต่น้อย
“เช่นกันๆ”
เขาต้องเสแสร้งอยู่บ้างเพราะมืออีกข้างที่จงจี่ซุกไว้ในแขนเสื้อยังคงเจ็บอยู่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับความเร็วในการดื่มสุราของเขา
เพื่อที่จะรับรองอันดับหนึ่งในใต้หล้า มหาเทพตงเหยี่ยนก็มิได้รับรองอย่างลวกๆ เลยแม้แต่น้อย เร่งรีบขุดสุราเลิศรสจากห้องเก็บสุราของท้องพระคลังแคว้นตงออกมาไหแล้วไหเล่า เมื่อดินผนึกเปิดออก กลิ่นหอมหวลที่กำจายออกมาจากภายในก็ทำให้จงจี่อยากจะคว้ามากอดแล้วหนีไปแทบทนไม่ไหว
รสชาติล้ำเลิศของโลกมนุษย์นี่หนา
หากละทิ้งทุกแง่ทุกมุมออกไปเสีย ความจริงแล้วจงจี่เดิมทีกลับไม่ได้รังเกียจอะไรตงเหยี่ยน
ตงเหยี่ยนเป็นตัวร้ายผู้หนึ่ง เพื่อที่จะขับเน้นพระเอกที่เป็นด้านตรงข้ามกันให้โดดเด่นขึ้นมา จงจี่จึงเพิ่มรายละเอียดตัวละครให้เขาไปไม่น้อย อย่างเช่นความทะเยอทะยานไร้ที่เปรียบ เจ้าเล่ห์แสนกล หน้าเหี้ยมร้ายกาจ อำมหิตแต่ก็มีเมตตา เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรเหล่านั้น พลิกหน้ากระดาษในพจนานุกรมซินหวา* ค้นหาคำที่มีความหมายเชิงลบออกมากองใหญ่แล้วใส่มันลงไปบนร่างเขาแบบไม่คิดเงิน หลากหลายล้นเหลือก็เพื่อที่จะนำเสนอพลังอำนาจในการเป็นตัวรับกระสุนของตงเหยี่ยน
แต่ในความเป็นจริงแล้วหากถอดความหมายของคำเชิงลบเหล่านี้สักหน่อยก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นสง่างามเด็ดขาด กล้าหาญมีแผนการ รอบคอบถ้วนถี่ มั่นใจในตนเองได้
บทบาทของตงเหยี่ยนรวมอยู่ในช่วงครึ่งหลังของเนื้อเรื่อง สถานการณ์ครึ่งหลังของแผ่นดินเสวียนซวีนั้นปั่นป่วน แต่ละแคว้นระส่ำระสายต้องการโยกย้าย ผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักพรรคต่างเข้าเรียงแถวของตนเอง สงครามแผ่นดินใหญ่หากเพียงแตะต้องก็จะบังเกิด
และตงเหยี่ยนก็แสดงเป็นตัวละครที่ทะเยอทะยานในการปั่นป่วนโลกผู้หนึ่ง เพื่อที่จะชำระแค้นให้กับจอมมารราตรีมืดมิดสหายรัก เขาไล่ติดตามเข้าไปให้จิงเจ๋อตบหน้า พุ่งเข้าไปถูกจิงเจ๋อจัดการอย่างด้อยปัญญา สุดท้ายก็เดินไปรับกล่องข้าวกลับบ้าน** อย่างน่าเวทนา
โดยธาตุแท้แล้วจงจี่ก็ไม่ได้เกลียดชังตัวละครตัวใดตัวหนึ่งเลย
นี่คือโลกที่เขาสร้างขึ้น ทุกคนในโลกล้วนเป็นคนที่เขาสร้างขึ้น
ไม่มีผู้สร้างคนใดไม่ชอบสิ่งใดก็ตามที่ตนเองสรรค์สร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจ ไม่ว่าสิ่งนั้นที่เขียนจากปลายปากกาตนจะเผยออกมาเป็นความชั่วร้ายหรือว่าความดีงามก็เพียงแค่มีจุดยืนต่างกันเท่านั้น
พูดอีกอย่างก็คือเนื้อเรื่องของ ‘หนึ่งกระบี่สำเร็จเซียน’ ในเวลานี้ยังไม่ได้แผ่ขยายออกไปทั้งหมด จอมมารราตรีมืดมิดยังไม่ถูกจิงเจ๋อสังหาร ยังห่างไกลจากเนื้อเรื่องที่ตงเหยี่ยนก่อเรื่องอย่างบ้าคลั่ง ปลุกระดมสงครามห้านครขึ้นมาอีกหนึ่งช่วงใหญ่
ขอเพียงตอนนี้ตงเหยี่ยนยังไม่ได้ทำลายความสงบสุขของแผ่นดินเสวียนซวี จงจี่ก็จะไม่ไปหาเรื่องเขา
แน่นอนว่าหากมีเค้าลางว่าต้องการทำลายความสงบสุข จงจี่ก็จะไม่ยั้งมือเด็ดขาด
อีกทั้งอันที่จริงแล้วตงเหยี่ยนก็เป็นคนน่าสังเวชผู้หนึ่ง เพื่อที่จะหาทางออกให้กับอารมณ์แปรปรวนและนิสัยโหดเหี้ยมอหังการของตงเหยี่ยน จงจี่อุตส่าห์ลำบากลำบนคิดเรียบเรียงชาติกำเนิดอันเศร้าสลดให้กับเขาท่อนหนึ่ง
จงจี่ : ต้องโทษที่ตอนแรกฉันเขียนมันออกมาโหดร้ายมากเกินไป เฮ้อ
ชาติกำเนิดของมหาเทพตงเหยี่ยนตอนเด็กเทียบกันแล้วสู้องค์ชายสิบสองไม่ได้เลย มารดาของเขาเป็นนางคณิกาชื่อดังผู้เป็นที่เลื่องลือในเมืองไป๋จิงอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หากมิใช่เพราะจักรพรรดิองค์ก่อนเวทนาก็อาจจะไม่แม้แต่ได้รับยศเป็นองค์ชาย
แต่ต่อให้ได้รับยศมาแล้ว ชาติกำเนิดอันน่าขายหน้าก็ยังคงเป็นดั่งกระบี่คมเล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น สลักรอยแผลอันอัปยศลงบนร่างของตงเหยี่ยน ทำให้เขาได้รับสายตาเย็นชาและการเมินเฉย ตอนเด็กถูกเสด็จพี่เสด็จน้องคนอื่นรังแกไม่น้อย ได้ลิ้มรสร้อนหนาวทั้งหมด นำไปสู่ข้อบกพร่องเรื่องบุคลิกทิฐิดื้อรั้นไร้ที่เปรียบของเขา
แน่นอนว่าการเพิกเฉยเช่นนี้ก็มอบผลประโยชน์ให้กับตงเหยี่ยนด้วยไม่น้อย บรรดาองค์ชายทั้งหลายในราชวงศ์แคว้นตงย่อมไม่มีผู้ใดจดจำตัวโปร่งแสงน้อยตงเหยี่ยนผู้นี้ได้
เวลานั้นจักรพรรดิองค์ก่อนอายุมากแล้ว เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์แต่ละพระองค์ก็ล้วนมีความคิดของตนเอง ระดมทหารผู้ช่วย รวบรวมพรรคพวกเตรียมขึ้นชิงบัลลังก์แสวงหาอำนาจ
ผลสุดท้ายเรื่องที่คิดไม่ถึงก็คือเจ้าหนุ่มตงเหยี่ยนนี่อาศัยพรสวรรค์ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใดของตนเองกราบอาจารย์ผู้หนึ่ง สิบปีมานี้ตรากตรำร่ำเรียนหมั่นเพียรฝึกฝน สำเร็จวรยุทธ์ยิ่งใหญ่ในที่สุด สร้างความโดดเด่นอย่างยิ่งในช่วงสงครามชุลมุนครั้งใหญ่ของแคว้นตงในปีหนึ่ง ต่อมาก็เป็นกระบี่ชี้บัลลังก์ ผูกขาดมหาอำนาจ ปกครองใต้หล้า
ผู้ที่รู้ประวัติศาสตร์ส่วนนี้มีไม่มาก
ถึงอย่างไรด้วยระดับความโหดเหี้ยมอำมหิตของตงเหยี่ยนแล้ว ผู้ที่รู้เรื่องเขาในอดีตมากเกินไปล้วนกลายเป็นธุลีไปหมดสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนรู้จักเก่าที่เคยส่งสายตาเย็นชาให้เขาในอดีตเลย
กระทั่งแม้แต่อาลักษณ์ของแคว้นตงก็ยังยอมศิโรราบอยู่ภายใต้ฝีมือของตงเหยี่ยน ไม่กล้าทิ้งเรื่องไม่ดีเอาไว้ในตำราประวัติศาสตร์แม้เพียงครึ่งประโยค
แต่จงจี่ไม่เหมือนกัน จงจี่รู้ว่าตอนตงเหยี่ยนไปล่านกเมื่ออายุสามขวบในปีนั้นถูกทำให้ตกใจจนปัสสาวะรดกางเกงขณะนั่งอยู่บนกิ่งไม้
ดังนั้นสายตาที่จงจี่มองตงเหยี่ยนจึงสงบนิ่งอย่างที่สุด ด้านในไม่เพียงไม่มีอคติอย่างที่ชาวโลกมีต่อทรราช ยังไม่มีการสอพลอเหมือนผู้อื่น กลับแฝงไว้ด้วยความเมตตาอ่อนบางและความเข้าอกเข้าใจเล็กน้อย
ราวกับว่าศิษย์เอกพรรคไท่ซวีหนุ่มน้อยผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วหล้าผู้นี้เพียงแค่กำลังมองคนธรรมดาทั่วไปผู้หนึ่งเท่านั้น ไม่แตกต่างอะไรกับตอนที่เขามองดอกไม้ป่าและหญ้าหางสุนัขข้างทางในยามปกติเลยแม้แต่ครึ่งส่วน
ตงเหยี่ยนไม่รู้สึกว่าถูกล่วงเกิน กลับสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่พิสดารอย่างที่สุด
เขาไม่ได้มีช่วงเวลาสำราญใจเช่นนี้มานานแล้ว
เมื่อมาถึงความสูงระดับตงเหยี่ยนนี้ เงินทอง ชื่อเสียง หรืออำนาจก็เป็นเพียงควันเมฆผ่านตา* ที่สูงไม่ชนะความเหน็บหนาว* ผู้ที่สามารถสนทนาด้วยได้ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งน้อยลง
ความสัมพันธ์ของตงเหยี่ยนและจอมมารราตรีมืดมิดนั้นไม่เลว ทั้งสองล้วนมีความทะเยอทะยานในการครอบครองแผ่นดินเสวียนซวี ดังนั้นจึงเป็นความสัมพันธ์แบบเพียงเคาะทำนองก็สอดประสานกัน* เป้ยกับหมาป่าสมคบกันทำชั่ว*
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ก่อนหน้านี้เดิมทีตงเหยี่ยนก็ยังหารือกับจอมมารราตรีมืดมิดอยู่ว่าจะไปหยั่งเชิงขอคำชี้แนะความร้ายกาจของอันดับหนึ่งในใต้หล้าสักหน่อย กระทั่งตอนที่วางหมากกับมหาราชครูหลัวก่อนหน้านี้ไม่นานในใจก็ยังคิดคำนวณไว้เรียบร้อยแล้วว่าทำอย่างไรถึงจะอาศัยสมญานามของผู้ศักดิ์สิทธิ์ไปก่อเรื่องสักหน่อยได้
ผลคือสุราเวียนสามรอบ* ตงเหยี่ยนพลันเห็นว่าบุรุษชุดดำนัยน์ตาสีทองตรงหน้ายิ่งมองยิ่งสบายตาขึ้นเรื่อยๆ แม้จงจี่จะเป็นอนุชนผู้อายุน้อยกว่าเขาเกือบสองรอบ แต่กลับทำให้ตงเหยี่ยนจับเจตนาเป็นศัตรูใดไม่ได้อย่างไม่อาจอธิบาย
แน่นอนก็เพราะนั่งเผชิญหน้าอยู่กับบุตรที่รักแห่งสวรรค์ต้นตำรับ พระบิดาที่รักแห่งสวรรค์ในปัจจุบันอย่างไรล่ะ กลัวหรือไม่
เมื่อตัวอักษรกลายเป็นความจริง ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับขั้นอย่างพวกเขานี้ โดยพื้นฐานแล้วย่อมไม่มีทางเป็นเหตุผลที่ว่ามีคนแข็งแกร่งกว่าตนเองจึงเกิดเจตนาเป็นศัตรูขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจได้
โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีผลประโยชน์ใดขัดแย้งกัน หากได้พบผู้แข็งแกร่ง แน่นอนว่าจะเลือกคบค้าสมาคม ไม่ใช่เอ็ดตะโรพุ่งเข้าไปหาก่อนรอบหนึ่งอย่างในนิยายแนวเลื่อนขั้นอย่างนั้น
กำลังการดื่มสุราของทั้งสองคนล้วนยอดเยี่ยมอย่างที่สุด พวกเขาดื่มสุราที่คนธรรมดาดื่มลงไปจอกหนึ่งก็เมามายแล้วอย่างกับกรอกน้ำเย็น ดื่มไปดื่มมา คาดไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกันขึ้นมาบ้างแล้ว
ใช้วรรณกรรมผูกมิตรแม้จะไม่เลว แต่ใช้สุราผูกมิตรก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้
เนื่องจากตงเหยี่ยนในวันนี้อารมณ์ดี เหล่าขุนนางและองค์ชายที่ด้านล่างต่างก็ถอนใจอย่างผ่อนคลาย รอยยิ้มขณะสนทนาก็เยอะยิ่งอย่างแท้จริง
ปกติแล้วพวกเขาได้รับการกดขี่อันแปรปรวนง่ายจากตงเหยี่ยนไม่น้อยเลยจริงๆ จึงไม่แปลกที่ทุกคนล้วนวางแผนว่าจะยืนอยู่ที่แนวหน้าสังหารตงเหยี่ยนให้สิ้นด้วยกันก่อนแล้วค่อยว่ากันต่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ชายสิบสอง เรียกได้ว่าแสงแดงทั่วหน้า* ลมวสันต์ได้ดั่งใจ* มีขุนนางและองค์ชายมาแสดงไมตรีจิตต่อเขาในงานเลี้ยงไม่ขาดสาย ลอบไถ่ถามข้อมูลของอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างแนบเนียน
ใบหน้าขององค์ชายสิบสองนั้นยิ้มแย้มจนหน้าย่นแล้ว เขาแสดงท่าทีอย่างครึ่งเท็จครึ่งจริงว่าตนเองนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับจงจี่ ในตอนที่พวกเขาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องสำคัญของแคว้นตงในปีหน้าก็เพียงเอ่ยถึงไม่อธิบาย ทำให้ภายในใจของเชื้อพระวงศ์พระองค์อื่นค่อนข้างจะไม่แน่ใจ
หากว่าท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ลงทะเล* ในปีหน้า เช่นนั้นตำแหน่งจักรพรรดิแคว้นตงก็ตัดสินได้แล้ว ยังจะสู้กันทำซากอะไรอีกเล่า
องค์ชายสิบสองผู้นี้มอบประโยชน์อะไรให้กับท่าน คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ศิษย์เอกพรรคไท่ซวีผู้ไม่เคลื่อนไหวเพื่อทางโลกในคำเล่าลือผู้นี้ชักดาบเข้าช่วยเหลือได้เลยหรือ
ผู้คนต่างบิดหูเกาแก้ม* ร้อยความคิดไม่อาจไข ทั้งหวาดหวั่นทั้งสั่นกลัว ในงานเลี้ยงแห่งนี้พี่ใหญ่ทั้งสองที่ด้านบนกระดกสุรากันสำราญใจยิ่ง แต่บรรยากาศด้านล่างกลับลึกลับซับซ้อน
หลังจากงานเลี้ยงยามเย็นจบลงต่างคนต่างกลับบ้าน ตงเหยี่ยนนั้นช่างสังเกตโดยแท้ ในตอนที่ใกล้จะกล่าวอำลาก็กำชับให้นางกำนัลนำสุราบ่มร้อยปีเข้ามาหลายไห ด้วยรู้ว่าจงจี่จะต้องไม่รับต่อหน้าแน่ จึงถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งไปยังจวนองค์ชายสิบสองเป็นพิเศษ
“วันนี้เปรมปรีดิ์จริงๆ หากมีโอกาสครั้งหน้าต้องเชิญท่านมาชนจอกอีก”
“ไม่มีปัญหาๆ”
จงจี่ตอบรับอย่างสำราญยิ่ง ทั้งสองสบสายตาประสานมือแล้วจากกันไปเช่นนี้
จนถึงตอนนี้แคว้นตงก็นับว่ามาถึงท้ายหน้ากระดาษแล้ว
จงจี่กลับไปจวนองค์ชายสิบสองก่อน หลังจากยกไหสุราหลายไหขึ้นดื่มอย่างปีติก็ย่ำตรงไปด้านหน้า เดินทางไปเข้าร่วมงานชุมนุมเพื่อการพัฒนาสันติภาพอย่างยั่งยืนของเจ้านิกายนิกายมารที่เป่ยโจว
* ลากโคลนคาดน้ำ หมายถึงอืดอาดยืดยาด
* พจนานุกรมซินหวา เป็นพจนานุกรมภาษาจีนสมัยใหม่เล่มแรกหลังจากก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
** เดินไปรับกล่องข้าวกลับบ้าน เป็นคำสแลง หมายถึงเมื่อตัวละครที่แสดงหมดบทบาทหรือตายลงแล้ว นักแสดงก็จะเดินไปรับข้าวกล่องของกองถ่ายแล้วก็กลับบ้าน
* ควันเมฆผ่านตา หมายถึงสิ่งที่ดำรงอยู่ได้ไม่นาน
* ที่สูงไม่ชนะความเหน็บหนาว หมายถึงยิ่งอยู่ในตำแหน่งสูงยิ่งโดดเดี่ยวอ้างว้างเหน็บหนาว
* เคาะทำนองก็สอดประสานกัน หมายถึงทั้งสองฝ่ายเข้ากันได้ดี
* เป้ยกับหมาป่าสมคบกันทำชั่ว ตัวเป้ยคือสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายหมาป่า แต่มีขาหน้าสั้นกว่าขาหลัง มักเกาะติดบนหลังของหมาป่าไปไหนมาไหนด้วยตลอด ไม่เดินด้วยตัวเอง หมาป่าและตัวเป้ยมักร่วมมือกันทำร้ายปศุสัตว์ จึงมีสำนวน ‘เป้ยกับหมาป่าสมคบกันทำชั่ว’ ซึ่งอุปมาถึงการร่วมมือกันทำเรื่องเลวร้ายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันอำมหิต
* สุราเวียนสามรอบ หมายถึงดื่มสุราไปในปริมาณมากและดื่มกันมาได้ช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
* แสงแดงทั่วหน้า หมายถึงอารมณ์ดี ใบหน้าเปล่งปลั่งผ่องใส
* ลมวสันต์ได้ดั่งใจ หมายถึงสุขสมหวัง
* ลงทะเล เป็นคำสแลง หมายถึงเข้าร่วมก่อเรื่อง กระทำเรื่องไม่ถูกต้องต้องตามทำนองคลองธรรม
* บิดหูเกาแก้ม หมายถึงมีอาการอย่างคนงุนงง ไม่เข้าใจ
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน เบื้องบาทข้า ใต้หล้าล้วนสยบ
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub
และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN