ทดลองอ่าน เบื้องบาทข้า ใต้หล้าล้วนสยบ เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน เบื้องบาทข้า ใต้หล้าล้วนสยบ เล่ม 1 บทที่ 11-12 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง เบื้องบาทข้า ใต้หล้าล้วนสยบ เล่ม 1

ผู้เขียน : วั่งยา 

แปลโดย : คุณต่ง

ผลงานเรื่อง : 表面天下第一

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 11

 

วันต่อมาแสงนภาส่องสว่าง ในตอนที่ดวงตะวันยังไม่ทันได้บุกทะลวงรุ่งอรุณ รัตติกาลนิรันดร์ก็ถูกสีขาวเคาะม่านประตูอย่างแผ่วเบา จงจี่พลันค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากห้วงฝันนิทราอันหาได้ยาก

เพิ่งตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าเท้าของตนเองนั้นเย็นวาบ

จงจี่ “…”

เขาหลับในท่าเอนกายอิงกระเบื้องหยกเช่นนี้ไปตื่นหนึ่ง ไม่พูดถึงเรื่องที่เท้าห้อยอยู่กลางอากาศ แต่ร่างกายครึ่งหนึ่งล้วนแข็งทื่อ

โชคดีที่ยามนี้องครักษ์ลับของหอไจซิงชั้นที่เจ็ดล้วนรู้ตนเองดีเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่ได้เข้ามารบกวน

จงจี่ถอดหน้ากากบนหน้าออก เริ่มโคจรปราณวิญญาณ อาศัยพวกมันอบอุ่นแขนขาและกระดูกทั่วร่างที่เคยนอนอิงเอน หลังจากรู้สึกว่าไม่มีปัญหาแล้วถึงค่อยสะบัดเสื้อคลุมนกกระเรียนตัวหนา โผขึ้นกลางอากาศเยื้องย่างกลับไปยังระเบียงไม้ที่ด้านนอกชั้นยอดสุด

“เจ้าตำหนัก นี่คือน้ำแกงสร่างสุราที่คุณชายสั่งให้ข้าน้อยนำมาส่ง”

องครักษ์ลับซึ่งประจำการอยู่ในที่นี้อยู่ก่อนแล้วเข้ามาต้อนรับอย่างรู้การรู้งานมาก ในมือประคองถ้วยกระเบื้องขาวลวดลายสีทอง ด้านในเต็มไปด้วยน้ำแกงสร่างสุราสีน้ำตาลเข้ม กวาดมองปราดเดียวก็สามารถระบุได้ถึงเห็ดหลิงจือและน้ำผึ้งข้นที่ตุ๋นจนเนียนละเอียด

“เป่ยชิงมีใจแล้ว”

จงจี่นึกถึงทักษะการจัดการวัตถุดิบของปรมาจารย์นักเล่นพิณผู้นั้นเล็กน้อย แล้วรับถ้วยมาอย่างแช่มช้า และชิมคำหนึ่งอย่างเห็นความตายดั่งการกลับสู่มาตุภูมิ*

คิดไม่ถึงว่ารสชาติจะพอไหว

แม้จะใส่น้ำผึ้งเยอะถึงเพียงนี้ แต่ความรู้สึกตอนเข้าไปในปากนั้นไม่หวานเลี่ยน กลับสอดแทรกไว้ด้วยความสดชื่น พอดีกันกับความขมปนหวานเข้มข้นของเห็ดหลิงจือป่า สอดรับกันถึงจุดดี

จงจี่ดื่มไปด้วยพลางจ้องมองแสงนภาทะลวงรุ่งอรุณนอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจไปด้วย ความคิดจิตใจเริ่มแผ่ขยายไปถึงห้วงฝันตระการของเมื่อวานนี้อีกครา

จงจี่จำได้ว่าเมื่อวานเขาฝันถึงพระเอกนิยายแนวเลื่อนขั้นอีกคนหนึ่งที่อยู่ใต้ปากกาตน เนื้อเรื่องของ ‘หนึ่งกระบี่สำเร็จเซียน’ ยังดำเนินต่อไปในความฝัน จอมกระบี่ผู้นั้นก็มีรูปลักษณ์เหมือนกับที่เขาบรรจงพรรณนาอยู่ใต้ปากกาหมื่นพันรอบ

เย็นเยือกเดียวดาย พร่าพรายหมื่นส่วน

แม้จะเหยียบย่ำความดับดิ้นนับหมื่นพัน แต่ก็ยังคงไม่อาจทำให้อาภรณ์สีขาวของเขาอาบย้อมความคึกคักได้เพียงครึ่ง ก็เหมือนกับเทพผู้ล่วงเข้าแดนมนุษย์มาโดยมิได้ตั้งใจ สูงส่งเหนือโลกีย์

‘เจ้าไม่ไหว’

‘เพราะเหตุใด’

สายตาที่จงจี่มองจิงเจ๋อนั้นเป็นความเมตตากรุณาชนิดหนึ่ง คิดอยากจะพุ่งเข้าไปตบบ่าตามประสาพี่ชายน้องชาย

‘เพราะเจ้าป่วยอย่างไรเล่า อย่าโง่ไปหน่อยเลย’

บนใบหน้าเย็นชาเฉยเมยร้อยปีไม่เปลี่ยนของมือกระบี่ชุดขาวในความฝันในที่สุดก็ผ่อนคลายลง คล้ายกับว่าสะอื้นไห้ไร้วาจาอยู่บ้าง ในตอนที่สะบัดแขนเสื้อกำลังจะจากไป พลันหันกลับมาทิ้งวาจาไว้ประโยคหนึ่ง

‘ใส่ใจร่างกายให้ดีๆ อยู่ห่างจากหญ้าโอบสามัญให้ไกลสักหน่อย’

สีหน้าของจงจี่ถูกหน้ากากผีร้ายสีเงินปกปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจิงเจ๋อจึงมองอารมณ์ของเจ้าตำหนักลับท่านนี้ไม่ออก

นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะลึกลับเรื่องหนึ่งอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ใช่อาภรณ์สวรรค์ไร้ตะเข็บ*

หากว่าอีกฝ่ายเป็นตำหนักลับที่ว่ากันว่าไม่มีอะไรไม่รู้ไม่มีอะไรไม่ทราบแล้วล่ะก็ จิงเจ๋อเองย่อมไม่ประหลาดใจ

จอมกระบี่มุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายก็มองเข้าไปยังส่วนลึกในดวงตาของจงจี่ ใต้ฝ่าเท้าพลันขยับ ย่ำจันทร์จากไป

จงจี่ที่สมองยังไม่สร่างดี ‘???’

โอ้ ที่แท้ลูกน้อยของฉันก็ไปแล้ว

แดนฝันนี้สมจริงเกินไปจริงๆ แม้จงจี่จะรู้สึกมาโดยตลอดว่าตนเองนั้นเมามายไม่เบา ขณะคิดเขาก็เอียงถ้วยในมือเล็กน้อยพลางเร่งความเร็วขึ้น คิดจะดื่มให้หมดในรวดเดียวเพื่อให้ขมับที่กระตุกอยู่ของตนนั้นหยุดเต้นเสียที

“เจ้าตำหนัก ต้องกู้คืนหมากร้อยกระเรียนหรือไม่”

องครักษ์ลับเห็นว่าอารมณ์เขาคล้ายจะไม่เลวแล้วจึงเงยหน้าขึ้นสอบถามอย่างระมัดระวัง แต่กลับทำให้จงจี่ที่กำลังกระดกน้ำแกงรวดเดียวอยู่แทบจะสำลัก รีบร้อนโคจรพลังวิญญาณให้น้ำแกงในช่องคอไหลลงไปอย่างราบรื่น

“หมากร้อยกระเรียนหรือ”

เวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าขององครักษ์ลับที่ปรากฏความสงสัยขึ้นมา “เมื่อวานไม่ใช่ว่าท่านเรียกพบผู้แก้หมากท่านนั้นไปแล้วหรือ”

“ท่านใด”

“ท่านจอมกระบี่แห่งพรรคไท่ซู”

จงจี่ “…”

น้ำแกงสร่างสุราถ้วยนี้ควรจะส่งไปให้องครักษ์ลับผู้นี้ดื่มถึงจะถูก

“ไม่ใช่ว่าข้ากำลังฝันอยู่หรอกหรือ”

เขาพูดพึมพำกับตนเองประโยคหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกตนเองทีหนึ่ง เวลาเดียวกับที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ม่านนัยน์ตาสีทองก็พลันหดลง

เดี๋ยวก่อน ไม่ถูกต้อง

จงจี่พลันนึกถึงข้อความในม้วนคัมภีร์หยกที่ตนเองพลิกอ่านเมื่อวานเย็นเหล่านั้น คณะบุคคลผู้แข็งแกร่งกลุ่มใหญ่ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิหลังฝน*

จากนั้นเขาพลันโยนถ้วยทิ้ง วินาทีถัดมาก็บิดเบือนห้วงมิติแล้วไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังโต๊ะเขียนหนังสือ นำม้วนคัมภีร์หยกระดับดินระดับฟ้าที่เมื่อวานเย็นยังอ่านไม่จบออกมา ฌานวิเศษอันกว้างใหญ่ไพศาลพลันล้นทะลักอย่างไม่อาจระงับยับยั้ง พริบตาเดียวก็นำข้อมูลทั้งหมดทาบประทับลงไปในห้วงสมุทรความทรงจำ

พรรควั่นหมัว พรรคไท่ซู สำนักเสวียน (ลี้ลับ) นิกายจิ้งเยวี่ยเสิน (เทพจันทร์พิสุทธิ์)…

ชื่อสำนักพรรคที่ชัดแจ้งว่าเมื่อเย็นวานยังค่อนข้างเลื่อนลอย เวลานี้พลันทาบประทับอยู่บนนั้นอย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจนขึ้นมาแล้ว

แต่จงจี่รับรองได้ว่าในตอนที่เขาอ่านม้วนคัมภีร์หยกเมื่อเย็นวานบนหน้ากระดาษไม่ปรากฏตัวอักษรเหล่านี้เลย

ทว่าในม้วนคัมภีร์หยกของตำหนักลับไม่เพียงปรากฏข้อความขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังเขียนถึงการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ของสำนักพรรคเหล่านี้เอาไว้อย่างชัดเจน

ประมุขพรรควั่นหมัวคนใหม่สืบทอดตำแหน่ง…จอมกระบี่พรรคไท่ซูออกจากการกักตน…ภายในนิกายจิ้งเยวี่ยเสินจัดพิธีบวงสรวงใหญ่…ภายในเผ่ามารมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่…

ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นสำนักพรรคของใน ‘หนึ่งกระบี่สำเร็จเซียน’

แต่ร่องรอยของเรื่องราวเหล่านี้ก็ชัดแจ้งว่าเป็นโครงเรื่องของแผ่นดินเสวียนซวีเมื่อหมื่นปีก่อน

“จอมกระบี่มีนามว่าอะไร”

เรื่องนี้มันจะน่าตื่นตะลึงเกินไปจริงๆ จงจี่ผู้มีท่าทีหมื่นปีล่องลอยตามแต่ใจก็ยังเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่ไหว มือที่ถือม้วนคัมภีร์หยกเองก็สั่นเทาน้อยๆ

“เรียนตอบเจ้าตำหนัก จอมกระบี่มีนามว่าจิงเจ๋อ”

องครักษ์ลับสับสนงงงวย จับต้นชนปลายไม่ถูก

เมื่อครู่ตอนที่ถูกคุณชายเป่ยชิงกำชับว่าจะต้องส่งน้ำแกงสร่างสุราให้ถึงปากของเจ้าตำหนักให้ได้ องครักษ์ลับยังไม่ค่อยจะใส่ใจนัก

เจ้าตำหนักเป็นถึงอันดับหนึ่งในใต้หล้า พันจอกไม่เมามาย สุราชิวลู่ไป๋เพียงไม่กี่ไหจะสร้างผลกระทบให้กับเจ้าตำหนักผู้รู้แจ้งเกรียงไกรได้อย่างไร

ผลคือเวลานี้องครักษ์ลับรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าตนคงจะต้องกลับไปดื่มสักถ้วยแล้วเช่นกัน

องครักษ์ลับกำลังคิดอะไรจงจี่คงจะไม่รู้ และเขาก็ไม่คิดอยากจะรู้ด้วย

จิงเจ๋อ จิงเจ๋อ จิงเจ๋อ!

หรือว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน…

จงจี่จิตใจสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก เขาฝืนไม่ให้แสดงความรู้สึกใดบนใบหน้า อันดับแรกหลังจากให้องครักษ์ลับออกไปก่อนแล้ว เวลานี้ถึงค่อยเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือ บังคับตนเองให้สงบนิ่ง

“เป็นไปได้อย่างไร หรือว่าทั้งสองโลกจะหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว”

ข้อมูลนี้น่าตื่นตระหนกมากเกินไป จงจี่ไม่ได้ประสบกับเหตุการณ์ที่เรื่องราวหลุดจากการควบคุมโดยสิ้นเชิงเช่นนี้มานานมากแล้ว

ตั้งแต่ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ไม่ว่าเนื้อเรื่องของ ‘อิสระ’ จะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่พัฒนาการของเส้นเรื่องหลักๆ บนโลกส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ในการควบคุมภายใต้น้ำมือของเขานักเขียนคนนี้อย่างมั่นคง แม้ว่าตอนนี้เนื้อเรื่องจะดำเนินมาจนจบแล้ว จงจี่ก็ยังสามารถคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อไปโดยอ้างอิงจากข้อมูลมหาศาลที่ตนเองครอบครองอยู่ในมือได้

แต่ว่าตอนนี้…

จงจี่ยื่นมือออกไป คว้าม้วนคัมภีร์หยกม้วนหนึ่งออกมาจากถุงเฉียนคุน นำฌานวิเศษของตนเองประทับลงไป เปิดรายนามทำเนียบเสวียนจีขึ้นมา

หากอ้างอิงจากม้วนคัมภีร์หยกของตำหนักลับและข้อมูลจำนวนหนึ่งที่เปิดเผยให้กับจิงเจ๋อเมื่อคืนแล้ว จงจี่สามารถระบุเนื้อเรื่องของ ‘หนึ่งกระบี่สำเร็จเซียน’ ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ได้คร่าวๆ

จิงเจ๋อในเวลานี้บรรลุถึงจุดสูงสุดของขั้นศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดาวแล้ว รอเพียงแค่ทะลวงขั้นเซียนได้เท่านั้น

ทว่าในหมื่นปีให้หลังเหตุการณ์หลักของ ‘อิสระ’ แม้จะถึงช่วงเวลาที่นิยายเรื่องนี้อวสานแล้วก็ตาม จงจี่เองก็อยู่เพียงขั้นศักดิ์สิทธิ์สองดาวเท่านั้น

ม้วนคัมภีร์หยกตอบรับฌานวิเศษ เชื่อมต่อกับปราณวิญญาณฟ้าดินอย่างรวดเร็ว จากนั้นทำเนียบโปร่งใสสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ

รายชื่อบนทำเนียบว่างเปล่า เดิมทีสามารถค้นหารายนามของอันดับหนึ่งพันแรกมาดูได้ตามแต่ใจ เวลานี้กลับเป็นความไพศาลไร้ขอบเขตผืนหนึ่ง เหลือเพียงตัวอักษรสีทองแวววาวสะดุดตาไร้ที่เปรียบอยู่ตรงตำแหน่งใจกลางแถวหนึ่ง

จิตใจของจงจี่เองก็เปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมแล้ว

แม้ฉากหลังของ ‘อิสระ’ และ ‘หนึ่งกระบี่สำเร็จเซียน’ จะเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ทว่าในตอนที่เขียนถึงทำเนียบเสวียนจีนั้นเขาจงใจทำการแก้ไขไปจำนวนหนึ่ง

เพื่อที่จะขับเน้นความเก่งเทพของพระเอก และเพื่อขับเน้นความเจ๋งแจ๋วของตัวร้ายในช่วงแรก ทำเนียบเสวียนจีใน ‘หนึ่งกระบี่สำเร็จเซียน’ จึงเปิดเผยรายนามมาแค่ชื่อเดียวเท่านั้น

และชื่อเดียวนี้ก็กลายเป็นความศรัทธาเลื่อมใสของผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดบนแผ่นดินเสวียนซวี

เพราะนั่นคืออันดับหนึ่งในใต้หล้า

จงจี่เวลานี้สามารถยืนยันได้แล้วว่าโลกของ ‘อิสระ’ และ ‘หนึ่งกระบี่สำเร็จเซียน’ นั้นหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เวลาก็คือเมื่อคืนนี้

แต่เพราะอะไรกัน ชื่อเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่บนทำเนียบเสวียนจีนั้นถึงยังคงเป็น…

‘อันดับหนึ่งในใต้หล้า จงจี่’

 

* เห็นความตายดั่งการกลับสู่มาตุภูมิ เป็นสำนวน หมายถึงมองว่าความตายเหมือนเป็นการเดินทางกลับสู่บ้านรอบหนึ่ง

* อาภรณ์สวรรค์ไร้ตะเข็บ เป็นสำนวน หมายถึงสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

* หน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิหลังฝน เป็นสำนวน หมายถึงปรากฏตัวขึ้นมากมาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com