ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 

ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)

แปลโดย : Lucky Luna

ผลงานเรื่อง : 放学等我

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาครอบครัว

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 9

 

เมื่อเลิกเรียนคนกลุ่มหนึ่งนั่งเล่นไพ่อยู่ในสนุกเกอร์คลับที่ประตูหลังของโรงเรียน

หวังลู่อันพิงหลังบนเก้าอี้ ศีรษะลู่ไปข้างหลังอย่างอ่อนปวกเปียก “เพิ่งเปิดเทอมก็สอบแล้ว ฝ่างฉินนี่โรคจิตจริงๆ”

“ห้องพวกนายส่งผลสอบไปที่กลุ่มผู้ปกครองทุกครั้งเลยใช่ไหม”

“อย่าพูดถึงเลย พ่อฉันต้องเอาไม้เบสบอลมาเสิร์ฟให้ฉันอีกแน่” หวังลู่อันมองไปยังคนข้างๆ ด้วยแววตาซาบซึ้ง “ยังดีที่มีเพื่อนยากของฉันอยู่ด้วย ฉันก็เลยไม่ใช่ที่โหล่ตลอดไป”

อวี้ฝานไม่ได้สนใจเขา ก้มหน้าทิ้งไพ่

จางเสียนจิ้งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มนี้ เธอนั่งไขว่ห้างพลางดื่มชานม “เพื่อนร่วมโต๊ะนายเป็นกรรมการนักเรียนไม่ใช่หรือไง ไม่ลอกสักหน่อยล่ะ”

“ลอกกับผีน่ะสิ เขาเป็นกรรมการนักเรียนเชียวนะ” หวังลู่อันพูดถึงแล้วก็โมโห “ตัวหนังสือพอๆ กับอวี้ฝานเลย ฉันแทบจะตาเหล่อยู่แล้ว คำเดียวก็อ่านไม่…แม่งเอ๊ย! ฉันออกสามใบ นายเอาไพ่ราชาระเบิดฉันเลยเหรอ”

“เห็นนายแล้วรำคาญ” อวี้ฝานว่า

“…”

จางเสียนจิ้งหัวเราะอย่างเบิกบาน “ว่าแต่อวี้ฝาน เพิ่งเปิดเทอมนายก็ส่งกระดาษเปล่าซะแล้ว แม้แต่โจทย์ปรนัยก็ไม่มั่ว คิดจะยั่วโมโหฝ่างฉินให้ตายจริงๆ เลยหรือไง”

พูดถึงข้อสอบอวี้ฝานก็นึกถึงใครบางคน ทำให้โยนไพ่แรงขึ้นนิดหน่อย

เขาถาม “โจทย์ปรนัยมั่วได้เก้าสิบคะแนน?”

จางเสียนจิ้งคิ้วกระตุก “โจทย์ปรนัยรวมทั้งหมดไม่ถึงเก้าสิบคะแนนสักหน่อย”

นั่นสินะ

สอบไม่ถึงเก้าสิบคะแนน จะเขียนหรือไม่เขียนก็เหมือนกัน

อวี้ฝานคันไม้คันมือ คลำเข้าไปในกระเป๋ากางเกง อยากสูบบุหรี่ผ่อนคลายสักมวน

ผลลัพธ์กลับแตะเข้ากับกระดาษเนื้อหยาบแผ่นหนึ่ง เขาร้อง ‘เชี่ย’ ในใจ ชักมือออกมาอย่างรวดเร็ว

เป็นกระดาษทดที่เฉินจิ่งเซินให้มาแผ่นนั้น

ความตั้งใจเดิมของเขาคืออยากจะขยำมันเป็นก้อนแล้วโยนทิ้งซะ แต่บังเอิญจวงฝ่างฉินเดินผ่านมาจากประตูหลังแล้วเรียกเขา เขาจึงยัดกระดาษแผ่นนั้นเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองด้วยปฏิกิริยาตอบกลับอัตโนมัติ

อวี้ฝานรู้สึกว่าหลังจากนี้ตนเองอาจจะเป็นโรคแพ้กระดาษที่อยู่ในมือเฉินจิ่งเซิน

“ข้อสอบมีอะไรน่าเขียน ที่ผ่านมาฉันเองก็ไม่เขียน” จั่วควนคาบบุหรี่ อวดเก่งอย่างไม่รู้จักแพ้ “ครูไม่เห็นจะกล้ามายุ่งกับฉัน”

หวังลู่อันกล่าว “ครูของพวกนายขี้เกียจยุ่งกับพวกนายน่ะสิ”

จั่วควน “นั่นไม่ยิ่งดีหรือไง ครูประจำชั้นของห้องพวกนายคนนั้นน่ะ ฉันฟังพวกนายพูดก็รู้สึกรำคาญแล้ว ถ้าเธอเป็นครูประจำชั้นห้องฉัน ฉันคง…”

เพียะ อวี้ฝานโยนไพ่ใบสุดท้ายลงบนโต๊ะ

“หยุดพูดมากได้แล้ว” อวี้ฝานว่า “ยื่นหน้ามาซิ”

จั่วควน “…”

หลังจากนั้นครึ่งนาทีบนใบหน้าของจั่วควนก็มีตะพาบน้ำ* ที่วาดด้วยปากกามาร์กเกอร์เพิ่มขึ้นมาตัวหนึ่ง

“เวร เอาอีกแล้ว…” จั่วควนพูดจบ จู่ๆ คนข้างๆ ก็กระทุ้งแขนเขา จั่วควนขมวดคิ้ว “อะไร”

“พี่ควน นายดูเร็วเข้า ผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกนั่นน่ะ เป็นผู้หญิงที่ตามจีบนายก่อนหน้านี้ใช่หรือเปล่า”

“ใครน่ะ” หวังลู่อันมองไปข้างนอกแวบหนึ่ง

“เป็นเธอ…” เขาเห็นนักเรียนหญิงที่ออกไปอย่างรีบเร่งด้านนอกสนุกเกอร์คลับชัดเจนแล้ว จั่วควนเลิกคิ้ว “ไม่มีใครแล้ว ผู้หญิงห้องสาม ตามจีบฉันมาสองเดือน ส่งน้ำส่งขนมให้ฉันทุกวัน รำคาญจะตายอยู่แล้ว แถมหน้าตาขี้เหร่อีกต่างหาก ไม่ง่ายเลยกว่าฉันจะสลัดเธอทิ้งได้”

“ผู้หญิงคนนั้นตาบอดหรือไง” จางเสียนจิ้งก้มหน้าเล่นมือถือพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“เหลวไหล ฉันออกจะหล่อขนาดนี้ คนที่ตามจีบฉันเยอะแยะจะตายไป ใช่ไหม” จั่วควนมองไพ่ “ที่น่าคลื่นไส้ที่สุดคืออะไรน่ะเหรอ พวกนายรู้จักห้องสามสินะ ว่ากันว่าเป็นห้องกิฟต์ศิลป์ภาษาล่องหน เมื่อวันจันทร์ผู้หญิงคนนั้นเขียนจดหมายให้ฉันฉบับหนึ่ง ข้างในมีกลอนโบราณเป็นพรืด ฉันแม่งอ่านไม่ออกเลย…”

อวี้ฝานเอ่ย “สลัดยังไง”

คนที่ไม่พูดไม่จามาโดยตลอดจู่ๆ ก็เอ่ยปาก จั่วควนงงงัน “อะไรนะ”

“ฉันพูดว่า…” อวี้ฝานถามซ้ำอีกครั้ง “นายสลัดเธอยังไง”

“ง่ายจะตายไป” จั่วควนกล่าว “ฉันเอาจดหมายที่เธอเขียนให้ฉันไปเบลอชื่อ แล้วเอาไปแปะที่บอร์ดข่าวของห้องเธอ”

จางเสียนจิ้งเหลือกตาขาวใส่เขาทีหนึ่ง “นายนี่มันทุเรศจริงๆ”

“ฮะ? ใครใช้ให้เธอวอแวฉันตลอดล่ะ” จั่วควนถาม “อวี้ฝาน นายถามทำไม มีนักเรียนหญิงตามจีบนายด้วยเหรอ”

“เหลวไหล นักเรียนที่ตามจีบเพื่อนฉันน้อยที่ไหน” หวังลู่อันยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าคนที่ถูกจีบคือตัวเขาเอง “อวี้ฝานเพิ่งได้จดหมายรักมาฉบับหนึ่ง…เชี่ย อวี้ฝาน นายระเบิดฉันอีกแล้ว?! ฉันทีมเดียวกับนายนะ! แล้วฉันก็เป็นแค่ชาวบ้านด้วย!!”

อวี้ฝาน “หนวกหูชะมัด”

จางเสียนจิ้งวางมือถือลง ก่อนเอนพิงขอบโต๊ะด้วยความสนใจไพ่ของพวกเขา “มีเรื่องนี้ด้วย? อวี้ฝาน ใครให้จดหมายรักนายน่ะ”

อวี้ฝาน “เปล่า”

“บอกมาเลยนะ” จางเสียนจิ้งซักไซ้ “ม.ปลายปีหนึ่งหรือปีสอง หน้าตาดีไหม ฉันรู้จักหรือเปล่า หรือว่าเป็น…เฉินจิ่งเซิน?”

อวี้ฝานโยนไพ่ทั้งหมดออกไปทันที

เขาคิดจะโต้แย้งโดยสัญชาตญาณก็ได้ยินจางเสียนจิ้งพูดต่ออีกว่า “นั่นเฉินจิ่งเซินปะ”

อวี้ฝานได้ยินดังนั้นก็ชะงัก หันหน้ากลับไปมองนอกสนุกเกอร์คลับแวบหนึ่ง

เฉินจิ่งเซินยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูหลัง กำลังหันหลังให้พวกเขา บนบ่าของเขาสะพายกระเป๋าเป้ มือทั้งสองข้างลู่ลงข้างลำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ

เขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เบื้องหน้าเขามีผู้ชายอันธพาลสามคนยืนอยู่

“จริงๆ ด้วย” หวังลู่อันขยับไปดูตรงหน้ากระจก “พวกที่อยู่ข้างหน้าเขานั่น…เป็นคนจากโรงเรียนข้างๆ ใช่ไหม พวกมันทำอะไรน่ะ”

“คนของโรงเรียนเส็งเคร็งข้างๆ นั่นยังจะมาทำอะไรโรงเรียนฝั่งเราได้” จางเสียนจิ้งว่า “รีดไถหรือไง”

อวี้ฝานเท้าข้อศอกบนโซฟาที่อยู่ด้านหลัง ดูละครอย่างเฉื่อยชา

ละแวกโรงเรียนพวกเขามีวิทยาลัยเทคนิค ค่อนข้างวุ่นวาย มักมาก่อเรื่องที่นี่บ่อยๆ หูผางจะลาดตระเวนจับคนละแวกนี้วันเว้นวันเป็นระยะๆ เพียงแต่ช่วงนี้เพิ่งเปิดภาคเรียน ค่อนข้างยุ่ง จึงระงับเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว

ผู้ชายสามคนที่ขวางทางเฉินจิ่งเซินล้วนย้อมสีผมแปลกประหลาด สวมเสื้อยืดแขนยาวสีสันฉูดฉาดกับกางเกงขาเดฟสีดำ เลี้ยวซ้ายเข้าร้านตัดผมเสร็จก็ทำงานได้เลย

ยิ่งขับให้เฉินจิ่งเซินที่อยู่ข้างๆ ดูสะอาดสะอ้านมากขึ้น

จั่วควนมองสำรวจท่าทีของเขาแล้วถามหยั่งเชิง “อวี้ฝาน นายไม่สนใจเหรอ เขาเป็นคนของห้องนายไม่ใช่หรือไง”

อวี้ฝานไม่สนใจเขา ยังคงมองเหตุการณ์ตรงนั้น

ดูแลกับผีน่ะสิ คนที่ถูกรีดไถแต่ละเดือนมากมายขนาดนี้ ดูแลไหวเรอะ เสืออ้วนจ่ายค่าคุ้มครองให้เขาแล้วหรือไง

อีกอย่างนะ

ถึงเฉินจิ่งเซินจะเป็นหนอนหนังสือ แต่อย่างน้อยก็ไม่ขาดสารอาหาร ไหล่กว้างกว่าพวกโง่เง่าไม่กี่คนนั่นเป็นเท่าตัว ใครจะไปเชื่อว่าตอนนี้จะมีลิงผอมๆ สามตัวกำลังรีดไถเขาอยู่ ถ้าเฉินจิ่งเซินมีศักดิ์ศรีสักหน่อย ชูกำปั้นโต้กลับ วันนี้สามคนนี้ก็อย่าได้คิดที่จะกลับไปเลย…

ตรงที่ไกลๆ ร่างที่สูงโปร่งชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าควักเงิน

อวี้ฝาน “…?”

 

พวกนักเลงไม่กี่คนมองนักเรียนชายตรงหน้า แม้ความจริงพวกเขาจะไม่มั่นใจเหมือนกัน

พูดตามตรงปกติพวกเขารีดไถแค่คนที่ชั้นปีต่ำๆ หรือไม่ก็นักเรียนหญิง แต่คนคนนี้…รองเท้าผ้าใบที่สวมคู่นั้นสุดยอดมาก ตามความเข้าใจของนักเลงบางคน ราคาคงเกือบแตะห้าหลัก

บวกกับอีกฝ่ายแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นเด็กเรียน ทั้งสามคนจึงตัดสินใจเห็นพ้องต้องกัน…เดิมพันกันไปเลย! เปลี่ยนจากจักรยานเป็นมอเตอร์ไซค์*!

“แก…ได้ยินหรือเปล่า” คนที่เป็นหัวโจกรวบรวมความกล้า ชูคิวอาร์โค้ดวีแชตในมือ “ถ้าไม่โอนมาห้าร้อยหยวนล่ะก็ พวกเราก็คงต้องเชิญแกไปคุยกันที่อื่นแล้ว”

เฉินจิ่งเซินหลุบตาลง กวาดตามองหน้าพวกเขารอบหนึ่ง

พวกเขาถึงได้พบว่าออร่าของเด็กเรียนคนนี้ล้วนได้รับการส่งเสริมจากชุดเครื่องแบบอันสะอาดเรียบร้อยนั่น

เด็กหนุ่มเปลือกตาบาง โครงหน้าเรียบเนียนคมชัด อันที่จริงเป็นรูปร่างหน้าตาที่เย็นชามาก เมื่อมองลงมาจากตำแหน่งที่สูงกว่าก็ทำให้คนอดรู้สึกบีบรัดในใจไม่ได้

ชั่วพริบตานั้นพวกเขารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

เฉินจิ่งเซินใคร่ครวญสองวินาทีก็ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

อาจเป็นเพราะสายตานั้น ทำให้จิตใต้สำนึกของคนอื่นคิดว่าเฉินจิ่งเซินจะควักอาวุธออกมาหรือไม่ก็ควักมือถือมาแจ้งตำรวจ จึงรีบถอยหลังไปสองก้าว “แกจะทำอะไร เอามือออกมา ไม่งั้นฉัน…”

คำพูดของเขาพลันหยุดลงในตอนที่เฉินจิ่งเซินควักเงินออกมา

พวกเขามองคนตรงหน้านับแบงก์แดงห้าใบแล้วส่งมาง่ายๆ จนอ้าปากตาค้าง

“ไม่มีวีแชต จ่ายเงินสดแล้วกัน” ในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยปากพูดประโยคแรกกับพวกเขา

พวกนักเลงงุนงงไปชั่วขณะ

ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนขอทานที่ได้รับบริจาคล่ะเนี่ย

อีกอย่างนะ แม่งเอ๊ย

นักเรียน ม.ปลาย สมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด ไปเรียนพกเงินค่าขนมเยอะขนาดนี้ได้เรอะ

“ไม่มีวีแชต? ฉันเชื่อแกกับผีน่ะสิ ปกติแกไม่คุยกับคนอื่นหรือไง ไม่เล่นเกม? ไม่มีแฟน?”

พูดถึงคำสุดท้ายพวกนักเลงก็ชะงักไป คิดว่าคนคนนี้อาจจะไม่มีแฟนจริงๆ ก็ได้

เขารับเงินห้าร้อยหยวนมา ดวงตายังคงจับจ้องที่มือของเฉินจิ่งเซินอย่างละโมบ “ช่างเถอะ ในมือนายมีเท่าไหร่ เอามาให้หมด…”

ตลับไพ่เปล่าๆ ลอยลิ่วมากระแทกใส่หน้าผากของคนคนนั้นอย่างแม่นยำ

ตลับไพ่หล่นลงพื้นเสียงดัง ‘เคร้ง’

คนคนนั้นถูกกระแทกจนงงงันครู่หนึ่ง กุมหน้าผากแล้วมองไปทางข้างหลังคนที่ถูกไถเงิน “แม่งใครวะ…”

พอเห็นใบหน้าคนที่มาอย่างชัดเจนก็หุบปากทันที

ที่โรงเรียนของพวกเขาเคยมีคนพูดกันว่าไปหาเงินมาใช้จ่ายสักหน่อยที่โรงเรียนมัธยมปลายข้างๆ ได้ แต่ถ้าเห็นคนที่บนใบหน้ามีไฝสองจุด ท่าทางดุๆ ให้รีบหนีซะ

ไม่ใช่คนตรงหน้านี้หรอกเหรอ

พอเฉินจิ่งเซินหันหน้าไปก็เห็นเพื่อนร่วมโต๊ะคนใหม่ของเขา

เวลานี้อารมณ์บนใบหน้าของเพื่อนร่วมโต๊ะเขาไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก เหมือนกับตอนที่เขาปฏิเสธไม่ให้อีกฝ่ายลอกข้อสอบ

อวี้ฝานไม่ได้มองเขา

“คืนเงินเขาซะ” อวี้ฝานพูดกับสามคนนั้น “แล้วไสหัวไป”

ทั้งสามคนหน้าถอดสีทันที คนที่ยืนอยู่ตรงกลางเชิดปลายคางขึ้น “แกแม่งเป็นใครวะ”

“ไม่หรอกมั้ง นายไม่รู้จักเขา?” หวังลู่อันที่ตามมายื่นมือไปพาดบ่าของคนคนนั้นแล้วยิ้มอย่างเริงร่า “เขาเพิ่งซัดไอ้คนหัวเกรียนจากโรงเรียนพวกนายมา นายไม่ได้ยินข่าวเลยเหรอ”

“…”

“หลายวันมานี้พวกเขาคงยังไม่ได้ไปเรียนล่ะสิ วันนั้นฉันเห็นมีคนบาดเจ็บสาหัสด้วย”

“…”

สิบกว่าวินาทีหลังจากนั้น คนคนนั้นก็ส่งเงินให้อวี้ฝานอย่างอ่อนข้อ

อวี้ฝานไม่รับ “เงินฉัน?”

คนคนนั้นชะงัก ก่อนจะขยับมือไปตรงหน้าเฉินจิ่งเซิน

คนกลุ่มนั้นเพิ่งหันหน้าจากไป จางเสียนจิ้งก็ออกมาจากสนุกเกอร์คลับ “ไปแล้ว? ขี้ขลาดจริงๆ”

“ก็ไม่ใช่คนเจ๋งอะไรแต่แรกอยู่แล้ว…” คำพูดของหวังลู่อันหยุดลงหลังจากเห็นแว่นตากรอบดำที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาอยู่บนหน้าจางเสียนจิ้ง

“ก็ถูก” จางเสียนจิ้งดันแว่นตา มองไปทางชายหนุ่มด้านข้างอย่างกังวลและเจือด้วยจริต “นักเรียนเฉิน นายไม่ได้ถูกขู่ใช่ไหม”

เฉินจิ่งเซินเก็บเงินเข้ากระเป๋ากางเกง “เปล่า”

จางเสียนจิ้งยิ้มอย่างอ่อนโยน “งั้นก็ดีแล้ว ประตูหลังของโรงเรียนเราค่อนข้างวุ่นวาย ต่อไปนายต้องระวังหน่อยนะ”

หวังลู่อันฟังน้ำเสียงของเธอแล้วก็ขนลุกไปทั้งตัว เขาเบ้ปากแล้วถาม “เด็กท็อป เมื่อกี้ทำไมนายเอาเงินให้ไปซื่อๆ อย่างงี้เนี่ย ประตูหลังยังมี รปภ. อยู่นะ แค่นายตะโกนเขาก็มา ไม่งั้นนายขัดขืนสักหน่อยก็ได้แล้ว พวกมันไม่กล้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตหรอก”

เฉินจิ่งเซินว่า “รำคาญ”

ท่าทางสงบนิ่ง น้ำเสียงเย็นชาราวกับว่าคนที่ถูกรีดไถแล้วให้เงินทันทีเมื่อกี้นี้ไม่ใช่ตัวเขา

หวังลู่อัน “…”

“เอางี้นะนักเรียนเฉิน” ดวงตาของจางเสียนจิ้งโค้งขึ้น “หรือไม่พวกเราแอดวีแชตกัน ต่อไปถ้านายเจออันตรายล่ะก็ เรียกหาฉันได้เลย ฉันจะพาคนมาช่วยนายทันที!”

เธอพูดจบก็ชะงักครู่หนึ่ง “อ้อ นายไม่มีวีแชตสินะ เบอร์โทรก็ได้”

เฉินจิ่งเซินนิ่งเงียบไปสองวินาทีก่อนจะร่ายตัวเลขออกมาเป็นพรวน

จางเสียนจิ้งไม่คิดว่าครั้งนี้เขาจะให้ง่ายๆ ขนาดนี้ เธอตะลึงงันไปพักหนึ่ง หยิบมือถือออกมา “เดี๋ยวๆๆ พูดช้าๆ หน่อย”

ชั่วขณะที่เดินมานั้นอวี้ฝานก็นึกเสียใจภายหลัง เขาด่าตัวเองในใจประโยคหนึ่งว่าอยู่ดีไม่ว่าดี มือข้างหนึ่งซุกกระเป๋ากางเกง หมุนตัวเดินกลับไป

เพิ่งย่างเท้าออกไปได้ก้าวเดียว แขนเสื้อก็ถูกคนคว้าไว้อย่างกะทันหัน

คนอื่นๆ ล้วนตกตะลึง

อวี้ฝานก้มหน้าโดยอัตโนมัติ เขาเห็นมืออันคุ้นเคยและข้อนิ้วที่เด่นชัดข้างนั้นบนเสื้อของตน

เขาออกแรงดึงเสื้อกลับมา

ทว่าเขากลับดึงกลับมาไม่ได้

เขาขมวดคิ้วพลางช้อนตา เอ่ยอย่างเย็นเยียบ “จะทำอะไร…”

“แอดวีแชตนายได้ไหม” เฉินจิ่งเซินถาม

อวี้ฝาน “…”

จางเสียนจิ้งที่กำลังพิมพ์เบอร์ลงไปในรายชื่อผู้ติดต่อในมือถือรู้สึกงุนงง “…?”

 

* ตะพาบน้ำ เป็นคำด่า หมายถึงคนสารเลวหรือคนโง่เง่า คล้ายกับการเปรียบว่าโง่เง่าเต่าตุ่น

* เปลี่ยนจากจักรยานเป็นมอเตอร์ไซค์ หมายถึงคว้าโอกาสไว้และพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com