ทดลองอ่าน แฟนสาวของผมเป็นผู้ชายครับ เล่ม 1 บทที่ 13-14 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน แฟนสาวของผมเป็นผู้ชายครับ เล่ม 1 บทที่ 13-14 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 14

 

คิดเรื่องอะไรเหรอ

เซวียโย่วข่าไม่รู้ แต่จากนั้นก็ได้ยินเฉิงอวี้พูดขึ้นว่า “เธอได้ยินชัดไหม”

“ได้ยินชัดแล้ว พี่บอกจะคิดดูก่อน อืม…”

เฉิงอวี้เพิ่งจะหันกลับมามอง แล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างมีความสุขอยู่เลย

ถ้าเราปฏิเสธไปจะร้องไห้หรือเปล่านะ

เฉิงอวี้ยิ่งรู้สึกรำคาญ

“ทายาเสร็จแล้ว” เซวียโย่วข่าเอียงศีรษะมองตาเขา “พี่ นาฬิกาข้อมือพี่มันดังไม่หยุดเลยนะ”

สายรัดข้อมือไม่สามารถปิดเสียงได้ อีกทั้งเฉิงอวี้ยังไม่สามารถถอดมันออกเองได้ เลยทำได้แค่พยายามควบคุมอารมณ์

“ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน”

 

เซวียโย่วข่ากลัวความแตกเลยกลับไปที่บ้านอาก่อน พอเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องสาวยังไม่กลับมาก็บอกว่าตัวเองกลับมาก่อน ส่วนฟางหลี่ฉิงต้องรออีกสักพัก ซึ่งก็ตรงกับนิสัยของลูกสาวอาอยู่แล้ว อาเลยไม่สงสัยอะไร แถมยังขับรถไปส่งเขาด้วย

บนรถ อาพูดถึงเรื่องที่อีกไม่กี่วันพวกเธอจะย้ายบ้าน “พวกเราย้ายไปแล้ว บ้านนี้ก็จะว่างแล้วนะ”

“พวกอาจะไม่กลับมาอีกแล้วเหรอ”

“ต้องกลับสิ แต่พี่สาวเธอต้องเรียนหนังสือ อาต้องดูแลเกาเกา กลับมาก็อยู่ได้ไม่นานหรอก” เหตุผลสำคัญที่ต้องไปเมืองใหญ่ก็เพราะลูกสาวต้องเรียนหนังสือและลูกชายคนเล็กก็ป่วย “ไว้ถึงเวลานั้นพอเธอปิดเทอมเมื่อไรก็มาหาเราที่ปักกิ่งนะ เดี๋ยวอาจะพาไปปีนกำแพงเมืองจีน”

อาขับรถช้าลง “พอเราย้ายไปแล้วบ้านก็จะว่าง เธอกำลังจะขึ้นมัธยมพอดี งั้นย้ายมาอยู่บ้านอาเลยแล้วกัน”

เซวียโย่วข่าส่ายหน้า บอกว่าเขาขี่จักรยานไปโรงเรียนเองได้

“ก็ไม่ได้ให้เธออยู่ฟรีๆ ซะหน่อย ว่างๆ ก็ช่วยอาเก็บกวาดบ้านบ้างเล็กๆ น้อยๆ บ้านถึงจะได้มีชีวิตชีวา ปู่กับย่าของเธอก็จะย้ายมาอยู่ด้วย ย่าจะได้ทำกับข้าวให้เธอกิน มีคนดูแลเธอเยอะแยะแบบนี้ หลานยังจะกลัวไม่มีแรงเรียนอีกเหรอ” ที่เธอพูดแบบนี้ก็เพราะรู้ดีว่าอาจไม่ได้มีโอกาสกลับมาบ่อยๆ ครั้นจะปล่อยบ้านไว้ให้คนอื่นเช่าก็ไม่ดี สู้ให้ญาติมาอยู่ยังจะดีเสียกว่า

พอมาถึงบ้านเซวียเทียนเลี่ยงก็เมาหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟา

เหอเสี่ยวโหยวกำลังฮัมเพลงสระผมอยู่ในห้องน้ำ ฟังดูอารมณ์ดี เซวียโย่วข่าทักเธอหนึ่งคำแล้วก็เตรียมจะเข้าห้อง แต่กลับถูกเหอเสี่ยวโหยวตะโกนเรียกเอาไว้ก่อน

เธอหันมาพูดกับเขาทั้งที่ยังมีฟองเต็มศีรษะ “หมี่หมี่ เสาร์อาทิตย์นี้แม่จะพาไปชิ่งโจว ไปฟังบรรยายภาษาอังกฤษนะ”

เหอเสี่ยวโหยวมักจะพาเขาไปฟังการบรรยายแบบนี้เป็นระยะ เซวียโย่วข่าชินแล้ว เขาตอบตกลงแล้วไปล้างหน้าแปรงฟัน หลังเข้าห้องแล้วก็ล็อกประตู จากนั้นก็ปล่อยหิ่งห้อยในขวดออกมา

ในห้องที่ยังไม่เปิดไฟ แสงระยิบระยับของหิ่งห้อยกระจายไปทั่วผนังทั้งสี่ด้านที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์อะนิเมะ

ตอนกำลังนอนครึ่งหลับครึ่งตื่น จู่ๆ เซวียโย่วข่าก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันอย่างกดดัน

“เซวียเทียนเลี่ยง! ฉันจะไม่ให้เงินคุณสักแดงเดียวอีกแล้ว หมี่หมี่ยังต้องเรียน นี่มันเงินที่เก็บไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ อย่าหวังว่าจะได้แตะเลย!”

“…”

“คุณกลับบ้านเดือนละครั้ง ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าพ่ออีกเหรอ!”

“เบาๆ หน่อย…อย่าให้หมี่หมี่ตื่นนะ”

เซวียเทียนเลี่ยงกลับบ้านแค่ไม่กี่วันในแต่ละเดือน แบบนี้ยังหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง แต่บางครั้งพวกเขาก็ยังทะเลาะกันอยู่ดี

เซวียโย่วข่าคิดในขณะที่กำลังสะลึมสะลือว่าพ่อกำลังเล่นพนันอยู่ข้างนอกเหมือนที่แม่ของหู่ผีพูดจริงๆ หรือเปล่า

ไม่นานเสียงทะเลาะข้างนอกก็เงียบลง

 

เช้าวันถัดมา เซวียโย่วข่าพบว่าหิ่งห้อยพวกนั้นตายหมดแล้ว เขาจึงเก็บพวกมันใส่ขวดแก้วไว้เหมือนเดิม

เหอเสี่ยวโหยวทำอาหารเช้าให้เขา “หมี่หมี่ เดี๋ยวพ่อจะพาไปอยู่บ้านย่าสักสองสามวันนะ เสาร์อาทิตย์แม่ค่อยไปรับกลับ”

เซวียโย่วข่ามองเธอแล้วก็หันไปมองเซวียเทียนเลี่ยง ทั้งคู่ดูไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อวานเลย

“โอเค” เขาตอบรับอย่างว่าง่าย

พอมาถึงบ้านย่า เซวียเทียนเลี่ยงก็ดับเครื่องแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ก่อนจะให้เงินเซวียโย่วข่ามาสองร้อยหยวน

“ซื้อของขวัญให้แม่ คงควักหมดกระปุกออมสินแล้วล่ะสิ”

ตอนแรกเซวียโย่วข่าไม่อยากรับ แต่จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันเมื่อคืนขึ้นมา เลยยื่นมือไปรับเงิน

“พ่อ เงินนี้หนูขอเก็บไว้ให้เอง แล้วจะคืนให้พ่อทีหลังนะ”

เซวียเทียนเลี่ยงหัวเราะเบาๆ คล้ายถอนหายใจ “เด็กดีจริงๆ”

“พ่ออย่าซื้อลอตเตอรี่อีกเลยนะ” เซวียโย่วข่าไม่รู้ว่าพ่อไปเล่นพนันข้างนอกจริงไหม แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป เขาแค่เข้าไปกอดเซวียเทียนเลี่ยง “แล้วพ่อก็อย่าทำให้แม่โกรธเลยนะ”

เซวียเทียนเลี่ยงเริ่มแสบจมูก เขาลูบศีรษะลูกเบาๆ “อืม พ่อสัญญา”

หลังลงจากรถ จู่ๆ เซวียโย่วข่าก็ตะโกนเรียกพ่อผ่านกระจกหน้าต่างรถ

เซวียเทียนเลี่ยงเห็นลูกชายจูบกระจกและได้ยินเสียงเขาพูดว่า “พ่อ หนูรักพ่อนะ” แล้วเซวียโย่วข่าก็วิ่งไป

คำว่า ‘รัก’ เป็นคำที่พูดออกมายาก แต่เซวียโย่วข่าก็พูดออกมาเป็นบางครั้ง เพราะเขารู้ว่าพ่อแม่รักเขา ในขณะเดียวกันความคิดของเขานั้นเรียบง่ายมาก คิดว่าผู้ใหญ่ก็สามารถถูกคำว่ารักพันธนาการไว้ได้ ต่อให้มีความขัดแย้งอะไรกัน มันก็จะสลายไปเพราะคำที่ธรรมดา หากแต่งดงามและยิ่งใหญ่คำนั้น

 

หู่ผีรู้ว่าเขากลับมาแล้วก็วิ่งมาชวนเขาไปร้านเกม แม้ในใจเซวียโย่วข่าจะอยากไปแต่ก็ปฏิเสธ

“ตอนบ่ายฉันมีธุระนิดหน่อย นัดเพื่อนไว้แล้วน่ะ”

“นายนัดเพื่อนคนไหนไว้ เพื่อนในห้องเหรอ ถ้างั้นก็ไปด้วยกันได้!”

เซวียโย่วข่าคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเฉิงอวี้ต้องไม่ชอบหู่ผีแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์

“เป็นคนที่นายไม่รู้จักน่ะ เขาบอกว่าไม่ให้ชวนคนอื่นไป”

ตอนหู่ผีเดินกลับไป อีกฝ่ายดูไม่ค่อยพอใจนัก เซวียโย่วข่าเห็นท่าทางของหู่ผีแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ บางทีเรื่องของเซวียเทียนเลี่ยงกับเหอเสี่ยวโหยวอาจส่งผลกับอารมณ์ของเขา เลยทำให้หงอยเหงาเศร้าซึมทั้งวัน

ตอนบ่ายเขานำขวดแก้วที่ใส่หิ่งห้อยไปฝังไว้ใต้ต้นมะเดื่อ ก่อหลุมฝังศพให้พวกมัน ก่อนจะไปนอนเหม่อฟังเพลงอยู่คนเดียวในบ้านต้นไม้

เด็กในวัยนี้มีประสาทสัมผัสไวต่อโลกภายนอกมากที่สุด พวกผู้ใหญ่ชอบทำเหมือนพวกเขาเป็นเด็กน้อย แต่ความจริงไม่รู้เลยว่าในใจของเด็กนั้นรู้ดีทุกอย่าง เซวียโย่วข่าหลับไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจะถูกใครบางคนปลุกขึ้นมา

เขาค่อยๆ คลานออกมาจากบ้านต้นไม้ ก่อนจะเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านล่างก็คือเฉิงอวี้ ทำเอาเขาประหลาดใจมาก

“พี่มาทำไมเหรอ”

“ประตูบ้านเธอเปิดอยู่ ข้างในไม่มีคนเลย ไม่กลัวขโมยเหรอ” เฉิงอวี้เรียกเขา “เธอน่ะ ลงมานี่เลย”

เซวียโย่วข่าขยี้ตา “ไม่มีใครมาขโมยหรอกน่า”

“เธอบอกว่าจะเป็นไกด์ให้ฉัน จำไม่ได้เหรอ”

“งั้นพี่อยากไปไหนล่ะ ฉันพาไปดูน้ำตกไหม”

“แถวนี้ยังมีน้ำตกด้วยเหรอ”

“มีสิ!” เขาพูดพลางปีนลงมาตามบันไดลิง แต่ไม่คิดเลยว่าไม้ของบันไดจะหักอย่างกะทันหัน พอเซวียโย่วข่าเหยียบพลาดก็ร่วงลงมาจากความสูงราวหนึ่งช่วงตัวคนทันทีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว โลกหมุนเคว้งคว้างไปหมดในชั่วพริบตา

เขาร่วงมาตรงที่เฉิงอวี้ยืนอยู่พอดี เฉิงอวี้ตั้งใจจะหลบ แต่ในเวลาแค่เสี้ยววินาทีนั้นเฉิงอวี้กลับยื่นมือออกไปรับตัวเขาไว้โดยไม่ทันได้คิดอะไร

เฉิงอวี้สวมกอดเอวเขาจากด้านหลัง แต่แรงที่ร่วงตกลงมานั้นรุนแรงเกินไปทำให้เฉิงอวี้เซถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วล้มลงกับพื้น

เฉิงอวี้นอนอยู่บนพื้นหญ้า เหนือศีรษะคือใบต้นมะเดื่อที่ลู่ไหวไปตามลมและท้องฟ้าสีฟ้าสดใสแต่งแต้มด้วยเมฆสีขาวบริสุทธิ์ ตรงปลายจมูกคือเส้นผมสั้นๆ ของเซวียโย่วข่า เมื่อได้สัมผัสผิวอุ่นละมุนที่มีกลิ่นสบู่ หัวใจก็เต้นตึกตักอย่างควบคุมไม่ได้

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่มาก

ผ่านไปหลายวินาทีเซวียโย่วข่าถึงค่อยๆ รู้ตัว เขาไม่ได้บาดเจ็บ เพราะมีคนรับไว้…ข้างใต้เขาคือเบาะเนื้อ เขารู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของเฉิงอวี้

“เฮ้” เฉิงอวี้ที่นอนอยู่ข้างใต้ขยับแขนออกจากเอวของเซวียโย่วข่าก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะต้นแขนของอีกฝ่าย “จะพาไปดูน้ำตกไม่ใช่เหรอ”

 

“นี่น่ะเหรอน้ำตกที่เธอพูดถึง”

เฉิงอวี้เงยหน้ามองธารน้ำเล็กๆ ที่ไหลออกมาจากกลางหุบเขาลงสู่แอ่งน้ำ

แอ่งน้ำนั้นมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของสนามบาสเกตบอล ไม่ลึกและใสจนเห็นพื้นด้านล่าง

“นี่ก็ต้องเรียกว่าน้ำตกอยู่แล้ว เมื่อก่อนฉันกับหู่ผีแล้วก็เพื่อนอีกสองสามคนมาว่ายน้ำกันที่นี่” เขานั่งลงริมสระน้ำ ถอดรองเท้าแล้วเอาเท้าแช่น้ำ “ข้างใต้นั่น” เขาชี้ไปที่น้ำตก “เราผลัดกันเข้าไปอาบน้ำใต้สายน้ำตก”

“อาบน้ำ?” เฉิงอวี้ได้ยินแล้วก็หันไปมองเขาอย่างอดไม่ได้ “เธอกับ…พวกผู้ชายอีกหลายคนเหรอ”

“ใช่ ตอนนั้นอยู่ ป.สาม หรือ ป.สี่ นี่แหละ ฉันก็ลืมแล้ว” เซวียโย่วข่าเอนตัวลงนอนราบพลางมองขึ้นไปบนฟ้า ดอกเดซี่ข้างสระน้ำพลิ้วไหวไปตามลม

เฉิงอวี้ขมวดคิ้ว หน้าตาก็เหมือนเด็กผู้ชาย นิสัยก็ออกแนวเด็กผู้ชาย แถมยังไปว่ายน้ำกับผู้ชายหลายคนอีก

ช่างมันเถอะ ป.3 หรือ ป.4 ก็ยังเป็นเด็กอยู่ เขาพยายามโน้มน้าวตัวเอง แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ดี

“ต่อไปห้ามไปว่ายน้ำกับพวกผู้ชายแล้วนะ”

“อะไรนะ”

เฉิงอวี้ “น้ำไม่สะอาด อาจจะติดโรคได้”

“จะติดโรคอะไรล่ะ ไม่มีหรอก น้ำพวกนี้เป็นน้ำแร่จากภูเขา ใสสะอาดมากเลย” เซวียโย่วข่าพูดพลางลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะก้มลงตักน้ำขึ้นมาแล้วยกขึ้นดื่มต่อหน้าเฉิงอวี้ จากนั้นก็เอาน้ำสาดเข้าหน้า

เฉิงอวี้ก้มหน้ามองปลายเท้าของเขาที่กวัดแกว่งอยู่ในแอ่งน้ำโดยไม่พูดอะไร

“พี่จะลองดื่มดูไหม หวานนะ” ใบหน้าของเซวียโย่วข่ามีหยดน้ำใสวิบวับเกาะอยู่ เส้นผมเปียกชื้น ดวงตาสีอ่อนเปล่งประกายระยิบระยับใต้แสงแดด

“ไม่” เฉิงอวี้เม้มริมฝีปากแน่น

เซวียโย่วข่าเห็นเขายังไม่หายหงุดหงิดก็รู้สึกจนปัญญา อยากจะง้อให้เขาอารมณ์ดีขึ้นจึงเล่าเรื่องตลกไปหลายเรื่อง ก่อนจะถามว่าขำไหม ซึ่งเฉิงอวี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการตอบว่าขำทั้งหน้าตาย

“ถ้างั้นพี่ก็หัวเราะหน่อยสิ!” คุยกับเฉิงอวี้มันเหนื่อยจริงๆ เซวียโย่วข่าเซ็งมากแถมยังต้องหาวิธีเอาใจเขาอีก “เป็นแบบนี้ระวังแก่ไปจะเป็นโรคสมองเสื่อมเอาง่ายๆ นะ”

เซวียโย่วข่าพูดไปก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยแอบยื่นมือออกไปแล้วฉวยโอกาสในจังหวะที่เฉิงอวี้ไม่ทันระวังล้วงมือเข้าไปในเสื้อของอีกฝ่ายแล้วจี้เอวทันที เฉิงอวี้ไม่ทันตั้งตัวกับแผนนี้จึงรีบเบี่ยงตัวหนีไปด้านข้าง พอเห็นว่าเฉิงอวี้หลบ เซวียโย่วข่าไม่เพียงแต่ไม่ถอย แถมยังพุ่งเข้าใส่ เฉิงอวี้โดนเขาจี้โดนจุดจั๊กจี้เข้าให้ ยิ่งหนีก็ยิ่งถอยไปด้านหลัง

“เฮ้ย!”

“พอได้แล้ว!”

เซวียโย่วข่ายังหัวเราะอยู่ ถามเขาว่าจั๊กจี้ไหม

จากนั้นเขาไม่ทันระวังก็เลย…

ตูม!

เฉิงอวี้ตกลงไปในน้ำ

เซวียโย่วข่าตกใจ แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้ “พี่!”

เขากำลังจะกระโดดลงไปช่วย แต่เฉิงอวี้ก็โผล่ขึ้นมาก่อน

ผมของเฉิงอวี้เปียกแนบไปกับใบหน้า หยดน้ำไหลลงมาตามสันกราม เขาสะบัดหน้าไล่น้ำออก ขณะขึ้นจากสระน้ำด้วยสีหน้าอึมครึม

เขาเพิ่งดื่มน้ำล้างเท้าของคนอื่นเข้าไป

เซวียโย่วข่าเห็นสีหน้าเขาก็ไม่กล้าขยับ ได้แต่พูดขอโทษอย่างลนลาน “พี่เฉิงอวี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

เฉิงอวี้ไม่ตอบอะไร เขาใช้ฝ่ามือลูบน้ำบนหน้า จากนั้นก็ดึงตรงคอเสื้อด้านหลังแล้วถอดเสื้อออกมา ก่อนจะหันหลังไปบิดน้ำ

เขาเปียกโชกทั้งตัว หยดน้ำจากเส้นผมไหลมาตามแผ่นหลังที่หนุ่มแน่นแข็งแรงแล้วหายเข้าไปในกางเกงยีนที่สีเข้มขึ้นเพราะเปียกน้ำ

กางเกงกับรองเท้าเปียกหมด ใส่แล้วไม่สบายตัวเลย แต่เฉิงอวี้ก็ไม่ได้ถอดออกต่อหน้าอีกฝ่าย

เฉิงอวี้บิดเสื้อจนหมาดแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ เสื้อยืดที่ยับยู่ยี่สวมอยู่บนตัว เขาเหลียวหลังมานิดหนึ่ง ใบหน้าที่เปียกน้ำยิ่งขับให้ไฝน้ำตาเม็ดนั้นดูโดดเด่น ปลายจมูกตรงได้รูปยังมีหยดน้ำเล็กๆ ไหลลงมา

เซวียโย่วข่ายิ่งไม่กล้าพูดอะไรเข้าไปใหญ่

“ลงเขา” เฉิงอวี้พูดแค่สองคำ

เซวียโย่วข่าไม่กล้าส่งเสียงอะไร และได้เดินตามหลังเขาไปเงียบๆ ใช้เวลาพักหนึ่งถึงกล้าถาม “พี่โกรธเหรอ”

“เปล่า”

ในหัวเฉิงอวี้มีแต่ความคิดที่ว่า ‘เขาดื่มน้ำล้างเท้าคนอื่นเข้าไป’

“พี่ต้องโกรธแน่เลย พี่ไม่พูดกับฉันเลย…ขอโทษนะพี่ ฉันก็แค่…อยากให้พี่หัวเราะ อยากให้พี่อารมณ์ดีขึ้นน่ะ”

“ไม่ได้โกรธ”

ทั้งสองเดินตามกันไปตามทางลงเขา

เซวียโย่วข่ากลัวว่าเขาจะโกรธจริงๆ เลยพูดไม่หยุดตลอดทาง บอกว่าจะให้ไข่ไก่ไข่เป็ด จับปลาไหลให้ แถมยังถามว่าในบ้านเขามีหนูหรือเปล่า บอกว่าจะไปช่วยเขากำจัดให้ที่บ้าน เจ้าตัวเอ่ยคำพูดดีๆ ออกมาจนจะหมดแล้ว สุดท้ายเฉิงอวี้ก็ทนไม่ไหวและสวนกลับไปว่า “เธอไปจับตัวคนอื่นมั่วๆ แบบนี้ได้ยังไง”

“พี่ไม่ใช่คนอื่นนี่นา จับพี่แล้วทำไมล่ะ”

“เซวียหมี่หมี่” ปลายหูของเฉิงอวี้ดูเหมือนจะเริ่มแดงนิดๆ “ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเธอเลยนะ”

“อะไรนะ” เขาไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“อ้อ…แล้วพี่ยังโกรธอยู่ไหม” เขามองดูสีหน้าของเฉิงอวี้อย่างพยายามจะเดาใจ แต่ก็มองอะไรไม่ออก

“ไม่โกรธ”

ระหว่างทางลงเขาทั้งสองคนก็ผลัดกันถามตอบวนไปวนมาว่า ‘ยังโกรธอยู่ไหม’ ‘ไม่โกรธแล้วใช่ไหม’ ‘ไม่โกรธแล้วจริงเหรอ’ พอลงมาถึงตีนเขา ขณะเดินผ่านทุ่งดอกผักกาดก้านขาวสีทองอร่าม เฉิงอวี้ก็หันไปมอง เซวียโย่วข่าจึงรีบบอกทันที “สวยใช่ไหม ฉันบอกพี่แล้วว่าสวย แต่พี่ไม่เชื่อ”

เฉิงอวี้ “อืม”

เซวียโย่วข่าแอบเอื้อมมือไปแตะเสื้อเขาเบาๆ

เฉิงอวี้ก้มมอง “แตะฉันอีกแล้วเหรอ”

“แค่จะดูว่าเสื้อพี่แห้งหรือยัง” เขาตอบ “แต่กางเกงยังไม่แห้งเลย”

รองเท้าและถุงเท้าของเฉิงอวี้เปียกทั้งหมด เขาจึงอยากกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่พอเดินๆ ไป ตรงทางแยกก็มีสุนัขพันธุ์พื้นเมืองสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่งโผล่มา

“เชี่ย…” เซวียโย่วข่าหลุดสบถออกมา

เขาดึงแขนเฉิงอวี้ไว้ไม่ให้เดินต่อ “พี่อย่าขยับนะ เจ้าตัวนี้มันชื่อต้าหวง ดุมากเลย”

เฉิงอวี้หันไปมอง เห็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองตัวนั้นยืนขวางอยู่กลางถนน ท่าทางเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้ามาได้ทุกเมื่อ

เฉิงอวี้ไม่รู้ว่าเขากลัวอะไร เลยก้มลงไปเก็บก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง หลังลองชั่งน้ำหนักดูแล้วก็เหวี่ยงมือขว้างหินก้อนนั้นออกไป โดยที่เซวียโย่วข่าไม่ทันได้ห้ามด้วยซ้ำ จากนั้นก็เห็นว่าเจ้าต้าหวงเดือดจัด พุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่งทันที

เซวียโย่วข่าตั้งสติได้ไวมาก รีบวิ่งหนีทันที

เฉิงอวี้ยืนอึ้งไปหนึ่งวินาที พอเห็นว่าสุนัขดูท่าจะดุจริงๆ ก็ตั้งตัวไม่ค่อยถูก ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งตามไป

เซวียโย่วข่าวิ่งเร็วมาก เมื่อหันไปมองก็เห็นเฉิงอวี้อยู่ข้างหลังโดยมีเจ้าสุนัขวิ่งตามเขามาอย่างรวดเร็ว เห็นแบบนั้นเซวียโย่วข่าจึงหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปจูงมือเขา

“ทำไมพี่ถึงวิ่งช้าขนาดนี้เนี่ย!”

เฉิงอวี้ใส่รองเท้าที่ทั้งหนักและเปียก เดิมทีก็วิ่งไม่ถนัดอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรอีก เวลานี้มีเพียงสายลมพัดผ่านหูสองข้างไปอย่างรวดเร็ว เขาถูกจูงมือวิ่งไปตามทางสายเล็กในชนบท ลมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นดอกผักกาดก้านขาวพัดมาปะทะใบหน้า เส้นผมสีดำที่ยังไม่แห้งสนิทของเฉิงอวี้ปลิวไสว เขาหันหน้าไปมองคนที่วิ่งอยู่ข้างๆ

เหมือนเวลาเดินช้าลง การเต้นของหัวใจในอกหนักหน่วงขึ้นมา

เซวียโย่วข่าก้มตัวลง มือสองข้างยันเข่าพลางหอบหายใจแรง “เจ้าหมาบ้า โรคจิต เวรเอ๊ย วิ่งไล่เราตั้งเป็นกิโล ไม่เคยเห็นหมาที่แค้นฝังหุ่นขนาดนี้เลย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” เขาดึงชายเสื้อมาพัดคลายร้อน เผยให้เห็นช่วงเอวขาวบาง

เฉิงอวี้เบือนหน้าหนี เขาหอบหายใจแรง หน้าแดงไปทั้งหน้าเพราะเพิ่งวิ่งมา ปากก็บอกว่า “อย่าพูดคำหยาบ”

เซวียโย่วข่าหัวเราะแหะๆ พลางเช็ดเหงื่อตรงลำคอ “นาฬิกาข้อมือพี่ทำไมถึงร้องอยู่ตลอดเลยล่ะ”

“มันเสียแล้ว” เฉิงอวี้มองเจ้าเด็กแสบที่ดูไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด แต่เขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเปล่งประกาย

“เมื่อกี้เธอหันกลับมาจูงมือฉัน” เฉิงอวี้ถาม “ทำไมเหรอ”

“ก็กลัวพี่โดนหมากัดน่ะสิ พี่น่ะถูกเลี้ยงมาแบบทะนุถนอม ไม่เคยเจอหมาจรสินะ” ถ้าเฉิงอวี้โดนกัดขึ้นมาจะให้เขาชดใช้ยังไงล่ะ

“ก็จริง ไม่เคยเจอ…” สายตาเฉิงอวี้ล้ำลึกขึ้นกว่าปกติ ก่อนจะค่อยๆ ยิ้ม “หมาที่ดุขนาดนี้น่ะ”

เซวียโย่วข่าบอกว่าสุนัขตัวนั้นไปแล้ว ขณะกำลังจะลากเขาเดินต่อก็ถูกเฉิงอวี้จับข้อมือไว้

“เฮ้…”

“…”

“เรื่องที่เธอพูดเมื่อสองวันก่อน ฉันคิดได้แล้ว” เฉิงอวี้เว้นจังหวะนิดหนึ่ง “ลองดูก็ได้”

“อะไรนะ” เซวียโย่วข่าเงยหน้าขึ้นมองเขา

สีแดงเรื่อบนหน้าของเฉิงอวี้ลามจากไฝน้ำตาตรงหางตาไปถึงหลังใบหู “เธอรู้ว่าฉันพูดเรื่องอะไร”

เซวียโย่วข่าอ้าปากค้าง

เขากดเสียงลงต่ำ “เซวียหมี่หมี่ เธออย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ”

บ้าจริง! เฉิงอวี้สบถในใจ ชีวิตนี้เขาไม่เคยทำอะไรน่าอายแบบนี้มาก่อนเลย

ดีที่อยู่กลางป่าเขาเลยไม่มีคนอื่น

เซวียโย่วข่าเห็นเขาเบือนหน้าหนีก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่

คืออะไรเนี่ย…

ช่างเหอะ คุณชายใหญ่คนนี้ก็นิสัยเสียแบบนี้แหละ ถามไปก็ไม่ได้อะไรหรอก

“อ้อ งั้นก็ตามนั้นแหละ” เขาตอบรับแบบส่งๆ

พอเฉิงอวี้ได้ยินว่าเขาตอบตกลง มุมปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อย และเนื่องจากไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรดี จึงยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะเขาเสียเลย

“พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอออกไปเที่ยวเอง”

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน แฟนสาวของผมเป็นผู้ชายครับ เล่ม 1

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 67-68

บทที่ 67 ถึงจะเป็นช่วงพักกลางวัน ทว่าหวาหยางกลับไม่อาจข่มตาหลับ นางนอนอยู่บนเตียงร่วมกับชีฮองเฮา ประเดี๋ยวก็พูดจาอิงแอบอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 71-73

บทที่ 71 จีเสวียนเค่อใช่ว่าจะมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าเขาพาคนมามากมาย คนจากสำนักบูรพาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงล่าถอยอย่างร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 80-81

บทที่ 80 เสียงของกู้เจี้ยนหลีค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ถึงท้ายประโยคก็แทบไม่ได้ยินแล้ว นางก้มหน้าลง มือกำชายเสื้ออย่างเก้อกระดา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 74-76

บทที่ 74 กู้เจี้ยนหลีละล่ำละลักพูด “หากยังไม่กลับอีกจะสายเกินไปแล้ว ท่านพ่อ ครั้งหน้าลูกจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องนะเจ้าคะ จี้...

community.jamsai.com