everY
ทดลองอ่าน ไฟล์ข้อมูลของการตกหลุมรัก บทที่ 1-2 #นิยายวาย
ทดลองอ่านเรื่อง ไฟล์ข้อมูลของการตกหลุมรัก
ผู้เขียน : สือเอ้อร์ซาน (十二三)
แปลโดย : Lucky Luna
ผลงานเรื่อง : 心动文档 (Xin Dong Wen Dang)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิต
ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 1
โจวมู่
ตอนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น สวี่จือกำลังอุ้มโน้ตบุ๊กพลางนั่งเหม่อบนเก้าอี้พักผ่อนที่ทำจากไม้ตรงระเบียงห้องนอน
บนหน้าเดสก์ท็อปโน้ตบุ๊กกำลังเปิดไฟล์เอกสารสร้างใหม่ที่ไม่มีชื่ออยู่ไฟล์หนึ่ง บนนั้นมีเพียงตัวอักษรหนึ่งบรรทัด ‘12 กรกฎาคม โจวมู่ ยืนยันว่าเป็นมนุษย์’
ระเบียงห้องนอนเป็นระเบียงแบบปิด ติดตั้งหน้าต่างยาวจรดพื้นบานใหญ่ มีเก้าอี้พักผ่อนวางไว้มุมหนึ่ง จากมุมของสวี่จือสามารถมองเห็นรถราจำนวนไม่มากนักที่แล่นอย่างรวดเร็วบนท้องถนน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นรวมแล้วสองครั้ง สวี่จือหันไปมองแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ไม่นานนักนาฬิกาข้อมือดิจิตอลหน้าปัดสี่เหลี่ยมสีเทาเงินบนตู้หัวเตียงเรือนนั้นก็ดังขึ้น ตัวเลขที่เปล่งแสงสีน้ำเงินบ่งบอกเวลาสามนาฬิกาตรง
สวี่จือปิดไฟล์เอกสารในโน้ตบุ๊ก ไฟล์เอกสารกลายเป็นไอคอนมุมพับสีขาวกลับเข้าไปในโฟลเดอร์ แสดงชื่อขึ้นมาว่า ‘Doc2’
สวี่จือพับหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วลุกขึ้น เก้าอี้พักผ่อนเฉออกจากแนวเดิมเล็กน้อยเพราะการเคลื่อนไหวของเขา เขาจึงจัดมันให้ตรงกับแนวร่องพื้นอย่างจริงจัง
เขาเข้านอนตรงเวลาตอนตีสามของทุกคืนและตื่นตอนสิบโมงเช้าของวันต่อมา จากนั้นจะลงมาซื้ออาหารกลางวันหนึ่งชุดที่ร้านโจ๊กข้างล่าง โดยปกติจะเป็นโจ๊กข้าวโอ๊ตนมสดคู่กับเกี๊ยวนึ่งไส้กุ้งชุดเล็กหนึ่งชุด
ที่ผ่านมาล้วนเป็นอย่างนี้เสมอ กระทั่ง…
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม สวี่จือที่เตรียมขึ้นเตียงนอนหยุดชะงัก ก่อนเดินอ้อมปลายเตียงเพื่อไปเปิดประตู
ผู้มาเยือนสวมชุดนอนผ้าฝ้ายซึ่งตัดเย็บมาพอดีตัว เรียวขายาวทั้งสองข้างไขว้กันอย่างสบายๆ อีกฝ่ายก้มหน้าเล็กน้อย เผยรอยยิ้มสมบูรณ์แบบไร้ที่ติให้กับเขา “สวัสดียามค่ำ”
ท่าทางนั้นดูกระตือรือร้นเหมือนคนทำงานบริการอย่างว่าในสถานเริงรมย์ที่กำลังเชื้อเชิญแขก
สวี่จือเบ้ปาก กระแทกประตูปิดโดยไม่ส่งเสียงสักคำ
ดีกับแม่แกสิ
กระทั่งสองวันก่อน ทุกอย่างล้วนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
สิบโมงเช้าของเมื่อสองวันก่อนสวี่จือตื่นนอนตรงเวลา แล้วพบว่าคนที่อยู่นอกประตูนั่นปรากฏตัวบนเตียงของเขาด้วยร่างเปลือยเปล่า และเกี่ยวกระหวัดกับเขาด้วยท่าทางไม่งามอย่างยิ่ง
สวี่จือรู้จักเขา แต่ก็ไม่รู้จักเขาเช่นกัน เพราะนี่คือพระเอกในนิยายที่สวี่จือกำลังเขียน
ผู้มาเยือนชื่อว่าโจวมู่ เป็นคนที่เดิมทีไม่ควรมีตัวตนอยู่
ก๊อกๆ
โจวมู่ยังคงเคาะประตูอย่างไม่ยอมเลิกรา
ไฟในห้องนอนยังคงสว่าง ดังนั้นแม้จะเป็นเวลาตีสามแล้ว แต่เสียงเคาะประตูกลับไม่ได้น่ากลัว เพียงแต่น่ารำคาญเล็กน้อยเท่านั้น
สวี่จือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดมือจับประตูแล้วเปิดออก ปล่อยให้โจวมู่เข้ามา
“จะทำอะไรอีก” สวี่จือกดมุมปากราบเรียบ น้ำเสียงไม่นับว่าดีเท่าไหร่นัก แต่ดีที่เขามีใบหน้าที่ไม่ว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไรก็ล้วนได้รับการให้อภัยทั้งนั้น
“ไฟห้องรับแขกเปิดไม่ติดแล้ว” บนใบหน้าของโจวมู่ยังคงมีรอยยิ้มที่เก็บไม่มิด หางเสียงสูงขึ้น “ฉันกลัวจังเลย”
เขาเอ่ยพลางพยายามเบียดเข้ามาข้างกายสวี่จือ แต่ถูกสวี่จือหลบเลี่ยง
“ฉันจำได้ว่านายไม่ได้กลัวความมืด” สวี่จืออธิบายอย่างใจเย็น “นายใจกล้ามากนี่”
โจวมู่ขยับมุมปากเหมือนคิดจะโต้แย้งอะไรสักอย่าง สวี่จือจึงตัดสินใจชิงรุกก่อน เขากล่าวเสริมประโยคหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ฉันเขียนไว้แบบนี้”
“แต่ความจริงแล้วฉันกลัวความมืดมาก” โจวมู่บอกพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้สวี่จือหนึ่งก้าว
ชายเสื้อชุดนอนของเขากวาดผ่านโดนหลังมือสวี่จือ ทำให้สวี่จือรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย สวี่จือเลยเก็บมือกลับมาเงียบๆ และถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา
โจวมู่ตัวสูงมาก ตอนพูดคุยกับสวี่จือจึงต้องก้มหน้าเล็กน้อย สวี่จือจึงมักเห็นดวงตาสีเข้มทว่าเปล่งประกายของเขาอยู่เสมอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสวยมาก
“งั้นเรามาคุยเรื่องนี้กันให้ละเอียดหน่อย” สวี่จือเดินมานั่งตรงขอบเตียง จากนั้นยื่นมือชี้ไปยังโซฟาเดี่ยวที่อยู่ตรงข้าม บอกเป็นนัยว่าให้โจวมู่นั่งลง
ปฏิกิริยาตอบสนองของโจวมู่คือการทำเป็นมองไม่เห็น อีกฝ่ายเดินตรงไปยังข้างกายสวี่จือก่อนนั่งลงใกล้ๆ เขา
สวี่จือขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฟูกเตียงไม่ได้นุ่มมากนัก สวี่จือจึงรู้สึกแค่ว่าข้างๆ บุ๋มลงเล็กน้อย แต่เขายังคงขยับไปอีกด้านอยู่ดี
โชคดีที่โจวมู่ไม่ได้ขยับตามมา
สวี่จือเริ่มเล่านิยายที่เขาเขียนเรื่องนั้น
ต้นเดือนที่แล้วเขาลาออกจากงานเดิม และเซ็นสัญญากับเว็บไซต์อ่านนิยายที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเจ้าหนึ่ง เท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่วงการนิยายออนไลน์ กลายเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์อย่างเป็นทางการแล้ว
เขาเริ่มเขียนนิยายเมื่อสองวันก่อน เรื่องย่อยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พล็อตเป็นสูตรสำเร็จ เป็นนิยายโลกสวยที่น่าจะไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่
พระเอกโจวมู่เป็นคนแรกที่เขาคิดขึ้นมาได้ในหัว พูดให้ถูกคือชื่อโจวมู่นี้เด้งเข้ามาในหัวเขาเป็นอันดับแรก
โจวมู่เป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยม แทบจะรวมจุดเด่นทั้งหมดของพระเอกนิยายเอาไว้เลยก็ว่าได้
หน้าตาหล่อเหลาและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
สวี่จือใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็ร่างคาแร็กเตอร์ของโจวมู่เสร็จแล้ว
ไม่ใช่เพราะตัวละครโจวมู่ไม่มีมิติ แต่เป็นเพราะไอเดียมากมายเกี่ยวกับโจวมู่นั้นหลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองของสวี่จืออย่างไม่ขาดสายโดยไม่ต้องเปลืองแรงคิดเลย
ขณะที่สวี่จือกำลังเขียนยังเผลอคิดไปว่าหากโจวมู่คนนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ ล่ะก็ น่าจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนที่สวี่จือหยุดเขียนเป็นเวลาตีสามพอดี
เขาเข้านอนตรงเวลาอย่างมาก หลังจากนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาตอนสิบโมงเช้าของวันถัดมาก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่บนเตียงของเขา
ร่างกายเปลือยเปล่า…
…เปลือยเปล่ากันทั้งสองคน
เวลานอนหลับสวี่จือชินกับการแง้มม่านหน้าต่างไว้ ห้องนอนจึงไม่ได้มืดมาก แสงสว่างจากท้องฟ้าภายนอกลอดผ่านช่องว่างที่แง้มไว้ สาดส่องให้เงาสายหนึ่งทอดยาวลงบนพื้น
ชายหนุ่มยังคงหลับอย่างสงบ หน้าอกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงน้อยๆ ตามจังหวะหายใจ ภาพสมจริงจนไม่น่าเชื่อ
สวี่จือแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน
เขาตะลึงงันไปหลายวินาที จากนั้นลุกขึ้นนั่งอย่างระแวดระวังทันใด
เสื้อผ้าของเขาที่พับไว้เรียบร้อยเมื่อคืนวางอยู่บนตู้หัวเตียง เขาค้นเอากางเกงตัวหนึ่งออกมาสวมก่อนแล้วจึงสวมเสื้อยืดอย่างลวกๆ
หลังแน่ใจแล้วว่าการแต่งตัวของตนเองสามารถวิ่งออกไปจากห้องได้ทุกเมื่อ สวี่จือก็ยื่นมือไปผลักคนที่กำลังหลับอยู่
“อื้อ…” ชายหนุ่มส่งเสียงเบาๆ ทีหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขายังง่วงมาก ไหล่ขยับเล็กน้อย เส้นผมถูไถบนหมอนเบาๆ และไม่ขยับตัวอีก
สวี่จือเกร็งแขน ยื่นมือไปผลักอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง
ชายหนุ่มพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว “อย่ากวนน่า”
“นายเป็นใคร” เสียงของสวี่จือยังคงแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่น แต่สติกลับแจ่มชัดอย่างยิ่ง
เขาเห็นขนตาสั้นที่เรียงเป็นแพหนาของชายหนุ่มสั่นไหวเบาๆ จากนั้นดวงตาก็พลันลืมขึ้น เร็วเสียจนทำให้สวี่จือนึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังหลับอยู่แต่แรก
สวี่จือถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
ชายหนุ่มค่อยๆ ขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องใบหน้าสวี่จือ ดูเหมือนว่าคอของเขาจะแห้งเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่น จึงกระแอมเบาๆ
เบาเสียจนเหมือนกับว่ากลัวทำให้ใครตกใจ
สวี่จือมองออกว่าเขากำลังตื่นเต้น ถึงขั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าสวี่จือเสียด้วยซ้ำ
สวี่จือไม่พูดอะไร ริมฝีปากเม้มแน่น ยืนมองชายหนุ่มอยู่ตรงหัวเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ
ชายหนุ่มเองก็ไม่พูดอะไร ประจันหน้ากับสวี่จือโดยไม่ส่งเสียงสักแอะ
จากมุมของสวี่จือสามารถมองเห็นองคาพยพทั้งห้าอันคมชัดบนใบหน้าของเขาได้ จมูกโด่ง คิ้วเข้ม เป็นรูปลักษณ์ที่ดูดุดันอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มจ้องสวี่จืออยู่หลายวินาที ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ท่าทางคิดจะลงจากเตียงเข้ามาใกล้สวี่จือ
“อย่าขยับ!” สวี่จือยื่นมือชี้เขา ร้องตะโกนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำเสียงเคร่งเครียดอย่างมาก
ชายหนุ่มถูกตะโกนใส่จนชะงัก เขาค่อยๆ เก็บเท้าที่กำลังจะก้าวลงจากเตียง จากนั้นก็ไม่ขยับอีกจริงๆ
“นายเป็นใคร” สวี่จือยังคงอยู่ในท่าทางป้องกันตัวโดยค้อมตัวเล็กน้อย แล้วถามอีกรอบ
เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร มีคำตอบมากมายหลายแบบแวบผ่านเข้ามาในหัวของสวี่จือ แต่ละอย่างล้วนเหลวไหลและห่างไกลจากความเป็นจริงมาก
บางทีเมื่อคืนเขาอาจจะละเมอออกไปดื่มเหล้าจนเมาก็ได้ บางทีพอเขาตื่นขึ้นมาแล้วอาจจะสูญเสียความทรงจำก็ได้ สวี่จือคิดหาตัวตนต่างๆ นานาให้ผู้ชายคนนี้ด้วยจินตนาการอันไร้ขอบเขต
ทว่าสวี่จือกลับได้ยินในสิ่งที่ไม่ใช่หนึ่งใน ‘คำตอบมากมายหลายแบบ’ เหล่านี้ ซ้ำยังทำให้ขนลุกชันยิ่งกว่าคำตอบใดๆ
ชายหนุ่มเอ่ย “ฉันคือโจวมู่”
Comments
