everY
ทดลองอ่าน ไฟล์ข้อมูลของการตกหลุมรัก บทที่ 1-2 #นิยายวาย
บทที่ 2
ตัวละครในนิยาย
“นายบอกว่า…” สวี่จือได้ยินตนเองทวนซ้ำอย่างไร้ชีวิตชีวาว่า “นายคือโจวมู่?”
“อืม” โจวมู่พยักหน้า ดูเหมือนว่าสภาพเปลือยทั้งตัวทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก เขาชี้ไปที่ตู้หัวเตียง “ฉันใส่เสื้อผ้าสักชิ้นก่อนได้ไหม”
สวี่จือมองตามนิ้วมือของเขา ถึงได้พบว่าบนตู้หัวเตียงยังมีเสื้อผ้าของอีกคนวางอยู่ ดูเหมือนจะเป็นชุดคลุมนอน
ตอนที่เพิ่งตื่นเขาตกใจเกินไป ถึงกับมองข้ามเสื้อผ้าชุดนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
“นายวางไว้ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ฝ่ามือสวี่จือกดไว้บนเสื้อผ้าชุดนั้น ไม่ได้ส่งให้อีกฝ่ายทันที
“ฉันไม่ได้วาง” โจวมู่ส่ายหน้า ดวงตามองเสื้อผ้าชุดนั้นสองสามวินาทีถึงได้เอ่ย “แต่ฉันเดาว่านี่อาจเป็นของที่เตรียมไว้ให้ฉัน”
สวี่จือหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแล้วส่งให้อีกฝ่ายทั้งที่ตัวแข็งทื่อ
ขณะที่โจวมู่รับมา ปลายนิ้วของทั้งสองก็แตะโดนกัน
สวี่จือสัมผัสได้ว่าปลายนิ้วของโจวมู่อุ่นร้อน
นี่เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของฤดูร้อน แถมอุณหภูมิในห้องนอนก็ไม่ได้ต่ำเลย ทว่าสวี่จือกลับขนลุกไปทั้งตัวเพราะความตื่นเต้น เหงื่อผุดออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
โจวมู่รับเสื้อผ้าไป สะบัดชุดออก ดูคร่าวๆ ว่ากลับด้านหรือไม่ แล้วคลุมชุดไว้บนไหล่
เขาคล้ายกับอยากพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไร จึงหันหลังผูกสายชุดคลุมนอนแบบลวกๆ อย่างสบายใจ
หลังจากเขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็หมุนตัวมา และขยับเข้าไปใกล้สวี่จือเล็กน้อย
“นายอย่าเข้ามานะ!” สวี่จือตะคอกห้ามเขาเสียงดัง
“โอเคๆ” โจวมู่ถูกตะคอกใส่จนตกใจ เขายกมือสองข้างขึ้นโดยอัตโนมัติ รับรองกับสวี่จือว่า “ฉันไม่เข้าไป”
สวี่จือก้าวถอยหลังไปหลายก้าวช้าๆ แผ่นหลังแนบชิดกับผนัง จากนั้นเขยิบไปทางประตูด้วยความประหม่า ระหว่างนั้นดวงตาก็จับจ้องความเคลื่อนไหวของโจวมู่อยู่ตลอด
โจวมู่อ้าปากคล้ายกับคิดจะพูดบางอย่าง แต่สวี่จือขมวดคิ้วเป็นนัยเตือน เขาจึงหุบปาก
สวี่จือคลำเจอมือจับประตูแล้วกดลง เขาเปิดประตูแล้วเบี่ยงตัวออกไปอย่างว่องไว จากนั้นล็อกขังโจวมู่ไว้ในห้องนอน
เขาเดินตรงไปยังห้องครัว ก่อนนำมีดทั้งหมดบนเคาน์เตอร์ทำครัวไปเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วล็อกกุญแจ จากนั้นวิ่งไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อเอาผ้าขนหนูทั้งหมดยัดใส่ตู้
วิธีฆ่าคนที่อาชญากรแทบทุกคนเลือกใช้เป็นอันดับแรกคือการใช้มีดหรือไม่ก็การรัดคอให้ตาย
เมื่อนึกไปถึงรูปร่างของอีกฝ่าย สวี่จือคิดว่าหากอีกฝ่ายจะลงมือกับเขาล่ะก็ เขาไม่มีทางเอาชนะได้เลย
สวี่จือกำกุญแจห้องนอนไว้ในมือ เดินวนกลับไปกลับมาในห้องรับแขกที่ขนาดไม่ได้ใหญ่นักอยู่หลายรอบ คอยสังเกตความเคลื่อนไหวในห้องนอนอยู่บ่อยๆ ความรู้สึกยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
สวี่จือไม่เก่งในเรื่องการเข้าสังคม เขาแทบจะไม่มีเพื่อน ด้วยเหตุนี้เขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาไม่เคยพูดถึงชื่อโจวมู่นี้กับใครแม้แต่คนเดียว
คืนวันก่อนเมื่อเขาร่างคาแร็กเตอร์เกี่ยวกับโจวมู่เสร็จ นาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตอนตีสามก็ดังขึ้น เขาไม่มีกระทั่งเวลาไปตรวจคำผิดอีกรอบด้วยซ้ำ
ฟันของกุญแจประตูห้องนอนแหลมมาก ขณะที่ถือไว้ในมือสวี่จือออกแรงนิดหน่อย ลืมไปแล้วว่าใครเคยบอกว่าความเจ็บปวดเล็กน้อยช่วยให้เกิดการคิดไตร่ตรอง
สวี่จือเดินไปยังห้องครัว หยิบเอาแก้วใบหนึ่งจากชั้นวางสแตนเลสตรงเคาน์เตอร์ทำครัว รินน้ำเย็นให้ตนเองหนึ่งแก้ว
อุณหภูมิของน้ำต่ำมาก บนผิวรอบนอกของแก้วโปร่งใสก่อตัวเป็นหยดน้ำ ไหลลงมาตามข้อมือของเขา
สวี่จือดื่มน้ำไปกว่าครึ่งแก้ว รู้สึกได้ว่าหัวสมองที่นิ่งค้างค่อยๆ ฟื้นคืนความคิดกลับมา ความรู้สึกวิตกกังวลก็ได้รับการบรรเทาไประดับหนึ่ง
เขาไม่ได้มีความเคยชินแย่ๆ อย่างการละเมอไปไนต์คลับอะไรทำนองนี้ จึงแน่ใจได้ว่าคนที่อยู่ในห้องนอนโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
ชายหนุ่มเรียกตัวเองว่าโจวมู่ สวี่จือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโจวมู่หน้าตาควรเป็นอย่างไร แต่คิดดีๆ แล้วก็น่าจะมีลักษณะแบบผู้ชายในห้องนอนคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นตรงตามที่เขาดีไซน์รูปลักษณ์ของโจวมู่เอาไว้ทุกประการ
องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้ามีมิติคมชัด เปลือกตาสองชั้น สันจมูกสูงโด่ง ริมฝีปากบางเล็กน้อย รวมถึงดวงตาสีเข้ม
แต่สวี่จือเป็นคนขี้ระแวงมาแต่ไหนแต่ไร เวลานี้เขารู้สึกว่าบางทีความทรงจำของตนเองก็เชื่อถือไม่ได้เหมือนกัน
เขาเริ่มครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่ตนจะจำลักษณะพิเศษภายนอก หรือแม้กระทั่งชื่อของพระเอกนิยายผิดไป
โน้ตบุ๊กวางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอน จากประตูไปถึงโต๊ะระยะประมาณเจ็ดก้าว
เขาแค่ต้องเข้าไปเปิดโน้ตบุ๊กก็จะสามารถพิสูจน์ได้
สวี่จือจิกปลายนิ้วเบาๆ ทีหนึ่ง สูดลมหายใจยาวๆ แล้วถือกุญแจไปเปิดประตู
โจวมู่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง เมื่อเห็นสวี่จือเข้ามาก็เงยหน้ามองเขา
สวี่จือเพียงมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งแล้วละสายตา จากนั้นเดินตรงไปหลังโต๊ะทำงาน
โลโก้ของโน้ตบุ๊กหันเข้าหาโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือสีขาวล้วนที่อยู่บนโต๊ะ แสดงว่าไม่ได้ถูกใครแตะต้อง
สวี่จือลอบผ่อนลมหายใจ
เขาเปิดโน้ตบุ๊กแล้วกรอกรหัสผ่าน จากนั้นก็เหม่อลอยอยู่ตรงหน้าเดสก์ท็อปที่โล่งสะอาดจนกวาดตามองเห็นได้ชัดเจนในแวบเดียว
หน้าเดสก์ท็อปเป็นภาพมหาสมุทรกับยอดเขาที่มาพร้อมกับระบบของโน้ตบุ๊ก โฟลเดอร์หลายโฟลเดอร์เรียงอยู่ทางขวามือของหน้าจออย่างเป็นระเบียบ แต่กลับไม่มีร่างคาแร็กเตอร์ที่เกี่ยวกับโจวมู่
สวี่จือตรวจสอบโฟลเดอร์เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดแถบค้นหาของโน้ตบุ๊ก ทว่าข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับโจวมู่ล้วนไม่มีแล้ว
สวี่จือพลันเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสายตาสืบเสาะของโจวมู่พอดี
นั่นคือดวงตาที่ไร้พิษภัยคู่หนึ่ง ทว่าสวี่จือกลับรู้สึกว่ามีความไร้กำลังอันลึกล้ำขุมหนึ่งโอบล้อมเขาไว้ ฉุดดึงเขาให้ดิ่งลงไปยังห้วงอันตรธาน
สวี่จือแน่ใจแล้วว่าผู้ชายที่อยู่ในห้องนอนคนนี้ก็คือโจวมู่
เครื่องปรับอากาศที่ติดบนผนังห้องนอนยังคงทำงานอยู่ เสียงกระแสลมอันแผ่วเบาดังเสียดหูอย่างชัดเจนในเวลานี้
“เอ่อ…สวัสดี?” โจวมู่เอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายสภาวะชะงักงันของทั้งสองคน
สวี่จือไม่ได้ตอบอีกฝ่าย แต่ถามอย่างรีบร้อนและตรงประเด็นด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “นายรู้ไหมว่านายเป็นใคร”
โจวมู่ตะลึงงัน แต่ยังคงพูดตามตรง “รู้สิ ฉันคือโจวมู่”
“อืม นายคือโจวมู่” สวี่จือพยักหน้า สองมือของเขาเท้าลงบนโต๊ะทำงาน โน้มตัวไปข้างหน้า “ฉันหมายความว่านายรู้ไหมว่าโจวมู่คือใคร”
ในดวงตาของโจวมู่มีความสงสัยวาบผ่าน แต่ยังคงถูกสวี่จือจับได้อยู่ดี
“ไม่รู้” โจวมู่ส่ายหน้า สายตายังคงสบกับสวี่จืออยู่ตลอด พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตนอย่างสุดความสามารถ
สวี่จือพับโน้ตบุ๊กก่อนจะดันมันไปวางไว้ตรงที่เดิม รู้สึกได้ว่าเสียงวิ้งในหูค่อยๆ หายไป
บางทีนักเขียนนิยายอาจจะมีจินตนาการสูงและมีความสามารถในการยอมรับได้ดีมาตั้งแต่เกิด หรือไม่ก็ท่าทีของโจวมู่ยังอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ ความวิตกกังวลที่สวี่จือรู้สึกได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าซึ่งทำให้จิตใจของเขาไม่สงบจึงค่อยๆ หายไป
เขาใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีในการเตรียมใจตัวเอง พูดโน้มน้าวให้ตนเองยอมรับเหตุการณ์พิลึกพิลั่นนี้ จากนั้นค่อยเริ่มรวบรวมคำพูด
ท่าทางประหม่าและสับสนของโจวมู่เหมือนจริงมาก ดังนั้นการอธิบายเรื่องนี้อย่างไรให้โจวมู่เข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
แต่สุดท้ายสวี่จือยังคงเลือกวิธีรวบรัดและไม่อ้อมค้อมที่สุด
เขาบอกโจวมู่อย่างตรงไปตรงมา “นายคือตัวละครในนิยายที่ฉันเขียน”
อารมณ์บนใบหน้าโจวมู่แข็งค้างไปหลายวินาที จากนั้นก็ค่อยๆ มากล้นเกินจริงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบเรียกได้ว่าน่าตลกเลยทีเดียว
นัยน์ตาเขาเบิกกว้างน้อยๆ ริมฝีปากก็เผยออ้านิดๆ ท่าทางทึ่มทื่อ
“ตัวละคร…” ผ่านไปหลายวินาทีโจวมู่ถึงได้เอ่ยคำพูดที่เหลือ “ในนิยาย?”
ภายในใจสวี่จือรู้สึกปั่นป่วน ทว่าสีหน้ากลับสงบเยือกเย็นมาก เขาไม่ได้ใส่ใจสีหน้าที่ดูไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่าย ถึงอย่างไรสีหน้าแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“งั้นฉัน…” โจวมู่ยืนยันต่อว่า “จริงๆ แล้วเป็นคนที่ไม่มีตัวตน?”
“ใช่” สวี่จือตอบอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย “นายไม่ควรมีตัวตน”
ชั่วขณะหนึ่งสวี่จือรู้สึกว่าโจวมู่ดูเสียใจอยู่บ้าง ทำให้เขารู้สึกว่าคำตอบของตนไร้มนุษยธรรมเกินไป
แต่สำหรับเขาแล้วโจวมู่ก็คือสิ่งที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก
“งั้นนายคือ?” โจวมู่เก็บอารมณ์ที่มากล้นเกินจริงบนใบหน้าไปพอสมควรแล้ว เขาถามถึงตัวตนของสวี่จืออย่างระมัดระวัง
สวี่จือบี้นิ้วมือที่ห้อยตกอยู่ข้างลำตัว ใช้ความเชี่ยวชาญของนักเขียนนิยายวางฐานะซึ่งปลอดภัยอย่างที่สุดให้ตนเองภายในสามวินาที
“ฉันชื่อสวี่จือ” เขาเดินอ้อมมาจากหลังโต๊ะทำงาน ประกาศด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เป็นพ่อของนาย”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
