ทดลองอ่าน ไฟล์ข้อมูลของการตกหลุมรัก บทที่ 7-8 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ไฟล์ข้อมูลของการตกหลุมรัก บทที่ 7-8 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 8

Doc2 อุปกรณ์เร่งความเร็ว

 

แม้จะกินยาแล้ว แต่นาฬิกาชีวภาพ* ของสวี่จือก็ไม่ได้รับผลกระทบ เขายังคงตื่นตอนสิบโมงเช้าของวันต่อมาอย่างตรงเวลา

ทว่าฤทธิ์ยายังไม่หมด เขารู้สึกหนักศีรษะเล็กน้อยเหมือนแฮงก์เหล้า

สวี่จือนอนเอ้อระเหยอยู่บนเตียงสักพักกว่าสติจะกลับมา เรื่องแรกที่คิดถึงก็คือไปดูสักหน่อยว่าโจวมู่ยังอยู่หรือไม่

เขาลงจากเตียงอย่างรีบร้อน พอออกจากห้องนอนก็เห็นโจวมู่ที่กำลังเตรียมจะเคาะประตู

“อรุณสวัสดิ์” โจวมู่ปล่อยแขนที่ยกขึ้นมากลางอากาศลง ก่อนจะทักทายสวี่จือ

จู่ๆ ก็อยู่ประชิดโจวมู่ขนาดนี้ สวี่จือตกใจจนสร่างทันตา

เขาชะงักฝีเท้าอัตโนมัติ ร่างกายท่อนบนหงายไปข้างหลัง โจวมู่ยื่นมือมาประคองเขาไว้

“หมอเวินให้ไปเอารายงานผลวันนี้” โจวมู่เอ่ย “ฉันกำลังจะปลุกนาย”

“อืม” สวี่จือพยักหน้า มองสำรวจโจวมู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าหลายที ยืนยันแล้วว่าโจวมู่ยังอยู่จริงๆ “ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”

โจวมู่พยักหน้า “ฉันจะรอนายที่ห้องรับแขก”

“เข้ามาสิ” สวี่จือบอก “ฉันจะหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ให้นาย”

โจวมู่ยังคงสวมชุดคลุมนอนที่สวี่จือให้เขาเมื่อวาน พอได้ยินคำพูดนี้แล้วก็เดินตามสวี่จือเข้ามาในห้องนอน

สวี่จือเป็นคนที่เข้มงวดกับรายละเอียดในชีวิตมาก ค่อนข้างเจ้าระเบียบ การจัดวางทุกอย่างในห้องนอนล้วนเหมือนกับเมื่อวานทุกกระเบียดนิ้ว โจวมู่ยังคงเดินไปนั่งตรงขอบเตียง รอสวี่จือหยิบเสื้อผ้าให้เขา

สวี่จือหยิบเสื้อผ้าแบบเดียวกันแต่สีต่างกันออกมาจากตู้เสื้อผ้าสองชุด พอหันกลับไปก็เห็นโจวมู่ถอดชุดคลุมนอนแล้ว กำลังนั่งมองเขาอยู่บนเตียง

แถมยังเปลือยกาย

“นายมีนิสัยชอบโชว์หรือไง” สวี่จือถามอีกฝ่ายเสียงดัง

“เปล่า” โจวมู่ส่ายหน้า ปอยผมลื่นสลวยไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหวของเขา “ถึงยังไงนายก็เคยเห็นหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

สวี่จือคิดจะโต้แย้ง โจวมู่ก็พูดอีกว่า “ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย”

“ฉันไม่ได้อยากดูสักหน่อย” สวี่จือพึมพำประโยคหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น เขาส่งเสื้อผ้าชุดหนึ่งในนั้นให้โจวมู่ “รีบใส่ซะ”

โจวมู่รับเสื้อผ้าแล้วไม่สวม แต่เงยหน้ามองสวี่จือพลางยิ้ม “สวี่จือ ฉันไม่มีกางเกงชั้นในเปลี่ยน นายจะให้ฉันโป๊เหรอ”

สวี่จือมองท่อนล่างของเขาโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็คิดอย่างควบคุมไม่ได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกทางกายภาพของโจวมู่ยอดเยี่ยมมาก หากขึ้นเตียงกับเขาคงจะสาแก่ใจทีเดียว

“ดูดีเหรอครับ” โจวมู่เอ่ยปาก ขัดจังหวะความคิดที่ไม่อาจเปิดเผยได้ของสวี่จือ น้ำเสียงแฝงแววล้อเลียนอยู่บ้าง

สวี่จือละสายตา พูดอย่างเก้อเขินและเกรี้ยวกราด “ก็ประมาณนั้นแหละ”

เขาพูดจบก็หมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว กางเกงชั้นในตัวใหม่วางอยู่ในช่องชั้นที่สองของตู้เสื้อผ้า สวี่จือหยิบออกมาตัวหนึ่ง

โจวมู่ยังคงไม่ยอมปล่อยเขาไป ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างหลังสวี่จือ ก่อนยื่นมือไปแตะใบหูของคนตรงหน้าทีหนึ่ง

สวี่จือขนลุกชันทั้งร่าง กล้ามเนื้อเต้นตุบๆ โดยอัตโนมัติ มือที่ถือกางเกงชั้นในออกแรงขยำ

“ทำอะไรน่ะ!” สวี่จือหันกลับมาตะคอก ทว่ากลับไม่มองตาโจวมู่

โจวมู่ขยับเข้าใกล้ใบหูของสวี่จือแล้วใช้มือแตะอีกครั้ง “สวี่จือ หูนายแดงแล้ว”

สวี่จือยัดกางเกงชั้นในใส่มือโจวมู่ แก้ต่างให้ตัวเองว่า “ร้อนเกินไปน่ะ”

พูดจบก็หยิบเสื้อผ้าชุดนั้นของตนวิ่งออกไป

กระทั่งวิ่งออกจากห้องนอน สวี่จือก็ยังคงรู้สึกได้ถึงสายตาของโจวมู่ที่ติดหนึบอยู่บนแผ่นหลังของตัวเอง

 

โรงพยาบาลของเวินซูเหยามีประสิทธิภาพมาก โจวมู่ทำการตรวจหลายรายการ บางรายการก็ออกผลในวันนั้นเลย ส่วนผลการตรวจที่ช้าที่สุดก็รอแค่วันเดียว

เมื่อพวกเขามาถึง เวินซูเหยาก็กำลังถือรายงานผลการตรวจปึกหนึ่งรอพวกเขาอยู่ พอเห็นพวกเขามาแล้วก็กวาดตามองทั้งสองคนกลับไปกลับมาอยู่หลายทีก่อนถึงได้ส่งรายงานผลการตรวจให้โจวมู่

โจวมู่รับรายงานผลการตรวจมาพลิกอ่านทีละหน้าๆ ท่าทางผ่อนคลายมาก

สวี่จือขยับเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ แต่ถูกเวินซูเหยาขัดจังหวะ ชายหนุ่มพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่มีอะไรให้ดูหรอก ทุกอย่างปกติดี เพราะงั้นตกลงว่าเมื่อวานนายพาเขามาตรวจอะไรกันแน่”

“ก็ถือซะว่าตรวจร่างกายไง” สวี่จือโล่งใจแล้ว พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก

คนที่สามารถมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลของเวินซูเหยาได้ในเมืองนี้มีไม่มากนัก ถึงอย่างไรที่นี่ก็ราคาแพงหูฉี่

“งั้นนายจะจ่ายยังไง” เวินซูเหยายื่นมือออกมาทำท่าทางทวงเงิน

“พี่เวิน” สวี่จือยิ้มอย่างเก้อเขิน ค่อยๆ ขยับเข้าไปทำท่าออดอ้อนตรงหน้าเวินซูเหยา “นายยังจะเอาเงินกับฉันอีกเหรอ”

เวินซูเหยาสูงกว่าสวี่จือประมาณหนึ่ง เวลาที่สวี่จือพูดคุยกับอีกฝ่ายจำต้องเงยหน้าขึ้น

เส้นผมที่เขาเพิ่งสระก่อนออกจากบ้านปอยผมลื่นสลวยลู่ลงไปสองฝั่ง เผยให้เห็นหน้าผากเกลี้ยงเกลาและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่หนึ่ง

ดวงตาของสวี่จือค่อนข้างกลม สีเหมือนอำพันสีน้ำตาลโปร่งแสง เวลาทำท่าออดอ้อนหางตาจะยกขึ้นเล็กน้อย งดงามเกินกว่าจะบรรยายได้

สวี่จือที่เป็นแบบนี้ แม้แต่เวินซูเหยาก็ไม่รอดเหมือนกัน

เขากำลังจะบอกว่าช่างเถอะ โจวมู่ก็ถามขึ้นโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ “เท่าไหร่”

สีหน้าเขาถมึงทึง ดูไม่เหมือนเขาติดเงินเวินซูเหยา แต่กลับเหมือนเวินซูเหยาติดเงินเขาไม่ได้ชำระสะสางมาหลายภพชาติเสียมากกว่า

เวินซูเหยายกมุมปากพลางถามอย่างนึกสนุก “ทำไม นายจะให้เงินเหรอ”

โจวมู่ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่ให้”

เวินซูเหยา “…”

งั้นนายจะพูดทำบ้าอะไร

“ฉันไม่มีเงินหรอก” โจวมู่ไม่รู้สึกว่าคำพูดนี้น่าละอายเลยสักนิด เพื่อยืนยันว่าตนเองไม่มีเงินจริงๆ เขาจึงเอ่ยเสริมไปอีกประโยค “แม้แต่กางเกงชั้นในฉันยังต้องใส่ของสวี่จือเลย”

เวินซูเหยา “…”

สวี่จือ “…”

“โจวมู่…” สวี่จือที่ได้สติแล้วยื่นมือไปปิดปากอีกฝ่าย สั่งสอนเขาอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง “คำพูดบางอย่างจะพูดข้างนอกไม่ได้”

“ไม่เป็นไรหรอก” เวินซูเหยาดูท่าทางไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก “ฉันรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

เขาควักกระดาษและปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนเขียนตัวเลขยาวเป็นพรวนอย่างรวดเร็วแล้วส่งให้สวี่จือ ดวงตาจ้องมองโจวมู่ “ให้สวี่จือจ่ายค่าตรวจให้นายเป็นเรื่องสมควรแล้ว”

สวี่จือกำกระดาษที่เขียนจำนวนเงินที่ต้องจ่ายแผ่นนั้นเอาไว้ เตรียมจะแสดงท่าทางออดอ้อน ทว่าเวินซูเหยากลับหมุนตัวหนีไม่มองเขา

สวี่จือทำได้แค่ควักโทรศัพท์มือถือออกมากดโอนเงินอย่างไม่พอใจ ยังไม่ลืมที่จะแขวะเขา “ขี้เหนียว”

โทรศัพท์มือถือของเวินซูเหยาสั่นครืด เขาล้วงเอาออกมาดูแวบหนึ่ง “ก็ไม่ใช่วันแรกซะหน่อย” จากนั้นก็เก็บมันกลับเข้าไป “เงินแค่นี้คุณชายสวี่จ่ายไหวอยู่แล้ว”

สวี่จือไม่สนใจเขา เก็บโทรศัพท์มือถือแล้วถลึงตาใส่โจวมู่ทีหนึ่ง ก่อนจะเดินหนีไปอย่างแง่งอน

โจวมู่ไล่ตามเขาไป ก่อนโน้มตัวเข้าไปใกล้หูสวี่จือแล้วปลอบเสียงเบาอย่างใกล้ชิดราวกับว่ารอบข้างไม่มีใคร จากนั้นก็ออกมาจากโรงพยาบาลของเวินซูเหยา

 

หลังพวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้กลับบ้านทันที สวี่จือพาโจวมู่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแถวนั้น แล้วพาเขาไปห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกเสื้อผ้าสองสามชุดและข้าวของเครื่องใช้จำนวนหนึ่ง รวมถึงรองเท้าสลิปเปอร์ด้วย เวลาได้รูดบัตรรู้สึกสบายใจดี

ตอนพวกเขากลับถึงบ้านข้างนอกก็มืดแล้ว โจวมู่หยิบรายงานผลการตรวจร่างกายหนาเกือบหนึ่งเซนติเมตรขึ้นมา พร้อมพูดกับสวี่จือด้วยท่าทางเหมือนรู้ตั้งแต่แรกแล้ว “ฉันก็บอกแล้วไง”

แม้สวี่จือจะเป็นคนขี้สงสัย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสงสัยเทคโนโลยีการแพทย์สมัยนี้

เกี่ยวกับข้อสรุปที่ว่า ‘โจวมู่เป็นมนุษย์’ นี้เขายอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ แต่กลับไม่ได้ดีใจเท่าโจวมู่ขนาดนั้น

สำหรับสวี่จือแล้วการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์ที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนยุ่งยากยิ่งกว่าการใช้ชีวิตอยู่กับอมนุษย์เสียอีก

“โจวมู่” สวี่จือหยิบรายงานผลการตรวจมาพลิกดูอย่างลวกๆ แล้วถามเขา “นายมีแพลนอะไรต่อ”

“หืม?” โจวมู่กำลังจะไปรินน้ำที่ห้องครัวเพื่อให้สวี่จือกินยา พอได้ยินคำพูดนี้ก็หยุดฝีเท้าแล้วถามเขา “หมายความว่ายังไง”

คิดถึงพฤติกรรมการฝังใจของโจวมู่ สวี่จือก็ชะงักงัน แต่ยังคงพูดอยู่ดี “ในเมื่อผลการตรวจไม่ได้ผิดปกติ พรุ่งนี้ฉันจะช่วยหาบ้านให้นาย”

เป็นไปตามคาด โจวมู่ฟังคำพูดนี้แล้วพลันหน้าถมึงทึง

ในห้องรับแขกอบอวลไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แม้มีอากาศเพียงพอ แต่สวี่จือกลับรู้สึกหายใจไม่ออก เหตุผลนั้นง่ายมาก สีหน้าของโจวมู่ไม่น่ามองอย่างยิ่ง

ทั้งสองชะงักค้างไปหลายวินาที โจวมู่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรและเดินไปยังห้องครัวต่อ

เขาไปรินน้ำอุ่นหนึ่งแก้วที่ห้องครัว หยิบกล่องยาขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟ นับยาออกมาสองสามเม็ดก่อนจะส่งให้ “ไม่ได้”

“หืม?” สวี่จือรับยามา สมองยังไม่ทันประมวลผล

“ไม่ได้” โจวมู่พูดซ้ำอีกรอบ “ฉันไม่ย้ายออก”

น้ำเสียงของเขาทั้งดื้อดึงและน้อยใจอยู่บ้าง อย่างกับว่าถ้าสวี่จือทิ้งเขา เขาก็ไม่มีหนทางอื่นใดแล้ว

สวี่จือคิด เขาอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว แถมยังโตกว่าตนตั้งปีหนึ่งแท้ๆ

สวี่จือยกแก้วน้ำแล้วกินยาตามลงไป ก่อนจะถามเขาว่า “ทำไม”

“ทำไมถึงมีตัวละครในนิยายโผล่ขึ้นมาในชีวิตจริง ฉันอธิบายไม่ถูก และก็จินตนาการไม่ออก” โจวมู่พูดถึงตรงนี้แล้วก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้ากวาดตามองห้องของสวี่จือหนึ่งรอบ

“แต่ว่านะสวี่จือ” เขาเอ่ยพลางเดินไปนั่งข้างๆ สวี่จือ และพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ฉันห่างจากนายไม่ได้หรอก”

สวี่จือ ฉันห่างจากนายไม่ได้หรอก

สวี่จือมั่นใจว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครพูดคำพูดประโยคนี้กับเขา และโจวมู่ก็ไม่เคยพูดคำพูดทำนองนี้กับใครแน่นอน

แต่เมื่อโจวมู่เอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา อีกฝ่ายพูดอย่างจริงจังและไหลลื่นมากทีเดียว ราวกับว่าเคยพูดกับสวี่จือมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ชั่ววูบหนึ่งสวี่จือรู้สึกเหมือนเขาเคยฟังคำพูดประโยคนี้มาก่อนจนถึงขั้นไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้สวี่จือไม่อาจคิดไตร่ตรองได้แล้ว เขาคิดว่าน่าจะเป็นเพราะกินยา ยาที่เวินซูเหยาจ่ายให้เห็นผลเร็วมากมาแต่ไหนแต่ไร

บางคำถามเขาก็คิดไม่ตก

สวี่จือเป็นคนที่ไม่ขาดแคลนเวลาที่สุด ทุกวันเขาใช้ชีวิตแบบเดียวกันซ้ำไปซ้ำมาเป็นเครื่องจักร ผ่านวันเวลาอันแสนยาวนานไปอย่างแห้งแล้งน่าเบื่อ วันหนึ่งดูนาฬิกาสิบกว่าครั้ง

แต่โจวมู่เป็นเหมือนอุปกรณ์เร่งความเร็วของเวลาที่ฝืนกฎธรรมชาติ ไม่มีกลไกกระตุ้นใดๆ ลำพังแค่วางไว้ข้างกายสวี่จือก็ทำให้เวลาของสวี่จือผ่านไปเร็วขึ้นแล้ว

สุดท้ายสวี่จือพูดขึ้นตาปริบๆ ว่า “งั้นเอาเถอะ”

 

ตัวเลือกที่สามารถบันทึกเข้าไปใน Doc2 มีเยอะมาก

ยกตัวอย่างเช่น โจวมู่มักอยากทำให้สวี่จือหน้าแดง โจวมู่เกาะอยู่ที่บ้านของสวี่จืออย่างหน้าด้านๆ โดยไม่ยอมไป เรื่องจุกจิกหยุมหยิม แต่ไม่รู้ทำไมถึงกินเวลาไปทั้งวัน

สวี่จือคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุดแต่ควรค่าแก่การจดบันทึกไว้ที่สุดออกมาจากในบรรดาเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิมเหล่านั้น

 

‘Doc2 : วันที่ 12 กรกฎาคม โจวมู่ ยืนยันว่าเป็นมนุษย์’

 

* นาฬิกาชีวภาพ (Biological Clock) หรือนาฬิกาชีวิต คือวงจรของระบบการทำงานในร่างกายมนุษย์ มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น การตื่นและนอนหลับ การหลั่งฮอร์โมน อุณหภูมิในร่างกาย

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com