everY
ทดลองอ่าน ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1
ผู้เขียน : 木瓜黄 (มู่กวาหวง)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง : 七芒星 (Qi Mang Xing)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 7
คอยจนรถไฟออกไปแล้ว หลี่เจิ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เอาไว้สำหรับนั่งพักผ่อน รู้สึกเหมือนฝันหนึ่งตื่น ก่อนจะได้สติตอนที่ลู่เหยียนเรียกเขา หลี่เจิ้นถามด้วยสีหน้ามึนงง “เหลือแค่เราสองคนแล้วเหรอ”
ลู่เหยียนมองหลี่เจิ้น เขาซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะตอบเพียง “อืม” คำเดียว
อันที่จริงเมื่อสองวันก่อนหลี่เจิ้นไม่ได้รู้สึกอะไร เขาไปสอนดนตรีให้เด็กนักเรียน กินอิ่มนอนหลับเป็นปกติ โดยไม่รู้ว่าบางครั้งความรู้สึกของคนเราก็มาช้า เขาทวนคำพูดเพื่อย้ำกับตัวเองว่า “นี่…เหลือแค่เราสองคนแล้วเหรอ”
“ไปเถอะ” ลู่เหยียนบอก “กลับกัน”
หลี่เจิ้นก้มศีรษะ ยกมือขึ้นลูบหน้า
ลู่เหยียนแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้านนอกอีกครั้ง ก่อนจะพูดครึ่งประโยคหลังออกมา “แวะไปดูที่หลุมหลบภัยหน่อย”
หลี่เจิ้น “?” ที่เขากำลังคิดคือเรื่องนี้งั้นเหรอ
ลู่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นเหตุเป็นผล “รับคนใหม่ไง”
นอกจากหลุมหลบภัยจะเป็นที่รวมตัวเพื่อซ้อมใหญ่ของวงใหญ่ทุกวงแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับทดสอบคนที่จะเข้ามาใหม่ด้วย อารมณ์เศร้าสลดของหลี่เจิ้นถูกลู่เหยียนทำลายจนกระเจิง
หลี่เจิ้นพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “เมื่อกี้นายยังบอกว่าหวงซวี่กับต้าหมิงจะเป็นส่วนหนึ่งของ VENT ตลอดไป ที่พูดนั่นคือตอแหลเหรอ ฉันฟังจนเกือบร้องไห้ สุดท้ายคือพอเขาขึ้นรถไฟไปยังไม่ถึงสองนาทีนายก็จะรับคนใหม่แล้ว?!”
ลู่เหยียน “มีปัญหาหรือไง”
หลี่เจิ้น “…”
ลู่เหยียนแค่ล้อเล่น พอเห็นหลี่เจิ้นถูกยั่วจนของขึ้นแล้วเขาถึงบอกว่า “ล้อเล่นน่า หลุมหลบภัยไม่มีใครหรอก”
หลี่เจิ้นชกลู่เหยียนหนึ่งหมัด ก่อนจะลุกขึ้นตาม “ประเด็นคือตอนนี้ไม่มีคน ถ้ามีคน นายค่อยรีบไป”
ลู่เหยียนเดินนำหน้า พูดเสริมเหมือนเป็นเรื่องสำคัญ “จริง น่าเสียดาย”
ลู่เหยียนไม่ได้ใช้คำพูดปลอบใจอะไรมากนัก แต่หลี่เจิ้นกลับเข้าใจดีว่าลู่เหยียนกำลังบอกว่าเลิกก้มหน้าเศร้าได้แล้ว แค่ทำก็จบ
ความจริงแล้วลู่เหยียนหมายความว่าแบบนี้ด้วย
คือตอนนี้ยังหามือเบสกับมือกีตาร์มาแทนไม่ได้ง่ายๆ ตำแหน่งที่ขาดไปจึงมีอยู่สองตำแหน่ง
การจะหาคนที่เหมาะได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้นั่งรออยู่ที่หลุมหลบภัยทุกวันก็บอกไม่ได้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ ด้วยเหตุนี้เทียบกับเรื่องการรับคนใหม่ ลู่เหยียนคิดไปถึงเรื่องการหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากกว่า
…คนเราต้องกินต้องใช้นะ
“นี่” ช่วงที่รอรถลู่เหยียนใช้ศอกกระทุ้งหลี่เจิ้น “ถามอะไรอย่างสิ”
หลี่เจิ้นหยิบบุหรี่ซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ส่งให้ลู่เหยียน “อะไร”
ทั้งคู่นั่งยองๆ สูบบุหรี่กันอยู่ที่ปากทางเชื่อมไปยังถนนใหญ่
ลู่เหยียนอัดควันเข้าไปหนึ่งครั้ง “นายมีงานอะไรไหม”
หลี่เจิ้นเริ่มค้นข้อมูลในสมองของตัวเอง “นายถามถึงเรื่องงาน? ขอฉันคิดก่อนนะ…”
ลู่เหยียนพุ่งเข้าประเด็นแบบไม่เกรงใจ ตอนเขาอัดควัน ที่ปากมีควันขาว แต่คำที่พูดออกมากลับไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย “นายสอนกลองอยู่ที่ร้านขายเครื่องดนตรีไม่ใช่เหรอ ฉันรู้สึกว่างานนายใช้ได้นะ นายแนะนำฉันให้เถ้าแก่หน่อยได้ไหม”
หลี่เจิ้น “นายจะสอนอะไร กีตาร์เหรอ”
“อืม” ลู่เหยียนพูดพลางเอียงหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง “เบสฉันก็ได้”
หลี่เจิ้น “…”
หลี่เจิ้นอัดควันเข้าปอดลึกๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วบอกลา “รถฉันมาแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
ในเมื่อพึ่งพี่น้องไม่ได้ ลู่เหยียนย่อมต้องอาศัยลำแข้งของตัวเอง
เขาถอนหายใจ ขณะคิดวางแผนหางานพาร์ตไทม์ระยะสั้นเพื่อเติมกระเป๋าที่ว่างเปล่าก่อน
ข้อมูลล่าสุดในเว็บไซต์งานพาร์ตไทม์ในเมืองซย่าจิงที่ลู่เหยียนรวบรวมไว้สองสามแห่งมีจำนวนไม่มาก เมื่อขึ้นรถลู่เหยียนก็คอยมองดูตลอดทาง งานพาร์ตไทม์ยังหาไม่ได้ แต่เขาได้รับข้อความไต่ถามสารทุกข์สุขดิบเป็นกระบุง
เรื่องดีไม่มีทางลอดออกนอกบ้าน แต่เรื่องร้ายลือกันไปไกลถึงพันลี้
คนแรกที่ส่งข้อความมาคือวงที่เป็นพี่น้องกัน…วงแบล็กพีชที่ชอบแข่งกับพวกเขาในหลุมหลบภัยว่าเสียงใครแข็งแรงกว่า มือเบสชื่อไต้สู่
[ไต้สู่] วงพวกนายแตกแล้วเหรอ
[ไต้สู่] แตกแล้ว?
[ไต้สู่] แตกจริงอะ?
ลู่เหยียนตอบ
[ลู่เหยียน] แตกอะไร เขาเรียกฟอร์มทีมใหม่ต่างหาก ไม่ต้องห่วง พ่อนายยังเป็นพ่อนายอยู่
[ไต้สู่] หึๆ
ไต้สู่หัวเราะหึๆ เสร็จแล้ว ในใจก็รู้สึกสงสาร เขาเป็นคนจิตใจดีเลยส่งมาอีกหนึ่งประโยค
[ไต้สู่] บางเรื่องต้องสุดแท้แต่วาสนา อย่าเสียใจมากเกินไปล่ะ
ลู่เหยียนมองออกไปนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง นิ้วแตะจอมือถือ พิมพ์แบบไม่ได้ใส่ใจ
[ลู่เหยียน] ไต้สู่อ่า
[ไต้สู่] ?
[ลู่เหยียน] สนใจมาอยู่วงเราไหม
[ไต้สู่] …
[ลู่เหยียน] ฉันรู้สึกว่านายมีวาสนากับวง VENT ของเรานะ
[ไต้สู่] …
เพราะนิ้วของลู่เหยียนเรียวยาว เวลาพิมพ์ข้อนิ้วจึงงอ ทั้งยังตัดเล็บสะอาดสะอ้านอย่างดี…นิ้วของลู่เหยียนยาวจริง คำกล่าวของหวงซวี่ที่จากไปนั้นมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ในฐานะมือกีตาร์ของวง ต่อให้เขาอยากจะอิจฉาคุณสมบัตินี้ก็อิจฉาไม่ไหว เนื่องจากหวงซวี่ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมลู่เหยียนถึงเล่นกีตาร์ห่วย แค่เรื่องนี้มันก็เกินไปแล้ว!
[ลู่เหยียน] เรากำลังขาดคนที่มีฝันและมีความสามารถแบบนาย วงนายไม่ได้ออกเพลงใหม่มานานแค่ไหนแล้ว ฉันมีเดโมเพลงใหม่อยู่หนึ่งเพลง มาหาฉันสิ จะได้แสดงศักยภาพของนายออกมา
[‘ไต้สู่’ ยกเลิกการเป็นเพื่อนกับคุณ คุณยังไม่ได้เป็นเพื่อนกับไอดีนี้]
คนที่สองที่ส่งข้อความมาคือหัวหน้าวงแบล็กพีช
พอหัวหน้ามาปุ๊บก็ระเบิดมาเป็นชุด
[หัวหน้า] ลู่เหยียน! นายหมายความว่ายังไง ทำได้แม้กระทั่งแย่งชิงคนของคนอื่น นายยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือเปล่า!
เมื่อเผชิญหน้ากับโทสะของหัวหน้าวงแบล็กพีช ลู่เหยียนจึงตอบกลับไปแบบละมุนละม่อม
[ลู่เหยียน] เอาน่า หรือไม่…นายมาอยู่กับฉันไหม
[หัวหน้า] …
[ลู่เหยียน] ฉันจำได้ว่านายเล่นกีตาร์ได้เข้าขากันดี ถึงฝีมือจะยังไม่เข้าขั้น แต่ถ้าขยันฝึกหน่อยก็อัพเลเวลขึ้นได้ หรือไม่ก็เลิกตีกลองเถอะ มาอยู่กับฉัน เราจะได้ทำเพลงออกมาด้วยกัน
สิ่งที่ตอบกลับลู่เหยียนคือการใส่ระเบิดมาเป็นชุด
ผู้ชายไม้ขีดไฟ* หนึ่งคนถูกผู้ชายไม้ขีดไฟอีกคนควงไว้ในมือหลายต่อหลายรอบก่อนหมุนติ้วออกไปอย่างแรง
[หัวหน้า] ฉันต้องเป็นบ้าก่อนถึงจะไปหานาย
ลู่เหยียนพิงหน้าต่างรถ ยิ้มอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ส่งข้อความไปอีกหนึ่งประโยค
[ลู่เหยียน] ไม่เป็นไรจริงๆ ขอบใจนะ พี่น้อง
รถเมล์เลี้ยวออกจากย่านที่มีการจราจรคับคั่ง ขับเลี้ยวลดคดเคี้ยวไปทางใต้ สู้แสงแดดจ้า มุ่งหน้าไปยังป้ายต่อไป
เวลานี้ลู่เหยียนเคยชินกับการมองไปที่ห้องหกศูนย์หนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะเปิดประตูห้องตัวเอง แต่ผู้หญิงที่อยู่ห้องหกศูนย์หนึ่งนั้นไม่ค่อยอยู่บ้าน สังเกตได้จากประตูที่ปิดสนิท อีกทั้งยังไม่เจอคนที่อาศัยอยู่ในห้องนั้น
การทะเลาะเบาะแว้งที่หน้าประตูครั้งนั้นฝังใจเขาเอามากๆ
คำว่ากะหรี่นี้แค่คิดถึงก็ยังแสบแก้วหู
ลู่เหยียนหันหน้ากลับมาที่ประตูห้องตัวเอง เลิกคิดถึงเรื่องนี้ ก่อนจะสอดกุญแจเข้าไปในรูกุญแจ
เขาเปิดประตู
คอยจนเขากลับเข้าห้องไปเสิร์ชหางานทำในเว็บไซต์งานพาร์ตไทม์ ซึ่งเว็บไซต์งานพาร์ตไทม์ในเมืองซย่าจิงขณะที่เขากำลังค้นหาอยู่นี้ก็มีข้อมูลอัพเดตใหม่ขึ้นมาหลายงาน
ในจำนวนนั้นมีหนึ่งงานที่ดึงดูดความสนใจที่สุด
‘รับสมัครคนเข้าเรียนแทน หลายวันมานี้พี่น้องของฉันไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย เพื่อให้เขาได้สนุกและสบายใจ ฉันเลยมาหาคนที่ชะตาต้องกันไปเข้าเรียนแทนที่มหาวิทยาลัย C คณะเศรษฐศาสตร์ วิชาหลักได้แก่เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ การบริหารจัดการธุรกิจ การตลาด การเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น…ราคาคุยกันได้’
นี่เป็นแพลตฟอร์มงานพาร์ตไทม์ขนาดใหญ่ที่ได้รวบรวมงานสารพัดแบบเอาไว้ มีงานที่น่าทึ่งทุกแบบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่เหยียนเห็นนักเรียนลงประกาศหาผู้ช่วย
‘โรงเรียนมัธยมต้น XX พิกัดป่าเล็กในโรงเรียน ต้องการคนสิบคน ในเมื่อกล้ามาแย่งแฟนสาวของฉัน ฉันก็จะให้มันรู้ว่าใครคือลูกผู้ชายตัวจริง!’
งานที่ลงประกาศในแพลตฟอร์มงานพาร์ตไทม์แบบนี้โดยทั่วไปมักจะเป็นการจ้างแบบรายวัน ถึงขอบข่ายงานจะกว้างแบบที่ไม่มีใครคาดถึง แต่การหาคนเข้าเรียนแบบนี้ก็ไม่ได้มีมาให้เห็นบ่อยนัก
สรุปคืองานเข้าเรียนแทนมันเย้ายวนใจมาก
เพราะไม่ต้องออกไปตากแดดตากลม แล้วยังได้เรียนวิชาที่ทั้งมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ด้วย
นี่ยังไม่รวมการทำงานส่งในคลาส รายได้จากงานนี้พอปัดเศษห้าขึ้นก็มีค่าเท่ากับได้รับเงินเดือนเดือนหนึ่งให้ไปพักผ่อน ไม่ต้องทำงานอื่นเพิ่มอีก
ลู่เหยียนถอดเสื้อผ้าพลางย้อนกลับไปดูข้อมูลงานพาร์ตไทม์อีกหนึ่งรอบ สุดท้ายเขาก็หยุดอยู่ที่คำว่ามหาวิทยาลัย C
[LY] ติดต่อยังไงครับ
อีกฝ่ายตอบกลับมาไวมาก
[คู่สนทนา] นี่
ลู่เหยียนกำลังเปลือยท่อนบน เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาไวขนาดนี้ เขาเพิ่งจะถอดเข็มขัด กางเกงยีนเกาะอยู่ที่เอวแบบจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรมาก เขารีบพิมพ์เพื่อเตรียมที่จะพรีเซนต์ตัวเองว่าผมเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ในโรงเรียนมาหลายปี มีความสนใจงานพาร์ตไทม์มาก…
พิมพ์ยังไม่ทันเสร็จ อีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาหนึ่งประโยค
[คู่สนทนา] มีรูปถ่ายไหม
ขอดูรูปถ่ายงั้นเหรอ
ขอแปลกไปไหม
ลู่เหยียนโลดแล่นอยู่บนเว็บไซต์งานพาร์ตไทม์ในเมืองซย่าจิงมาหลายปี เคยทำงานมาทุกอย่าง แม้แต่ป่าเล็กแห่งนั้นเขาก็เคยไปสองครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการขอรูปถ่าย
คู่สนทนาดูจะรู้อยู่เหมือนกันว่านี่ไม่ใช่คำขอที่ปกติเลยอธิบายต่อ
[คู่สนทนา] คืองี้ พี่ฉันหน้าตาหล่อมาก คนธรรมดามาแทนไม่ได้
[LY] …
[คู่สนทนา] เฮ้อ ความหน้าตาดีก็เป็นความลำบากอย่างหนึ่งนะ
[คู่สนทนา] สรุปคือนายมีรูปถ่ายไหม ถ่ายมาให้ดูสักรูปได้ไหม
พิมพ์แบบนี้อย่าอธิบายเลยดีกว่า
ยิ่งอธิบาย ยิ่งพิลึก
ลู่เหยียนมีความรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา เลยตั้งใจจะค่อยๆ ถอนตัวออกไป แต่มือถือก็ดังติ๊ง แจ้งเตือนว่ามีข้อความจากคู่สนทนาเข้ามาว่า
[คู่สนทนา] คาบละสองร้อย ถ้านายว่าน้อยไปขอเพิ่มได้
[LY] รูปถ่ายใช่ไหมครับ
[LY] มีครับ
[LY] ผมถ่ายให้เดี๋ยวนี้
เขาตบหน้าตัวเองด้วยความรวดเร็ว
ลู่เหยียนไม่มีเวลาพอให้รู้สึกเจ็บหน้า พอเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เปิดกล้องหน้า ยกมือขึ้นเสยผม โชคดีที่เขาเพิ่งตัดผม
ไม่อย่างนั้นตอนถ่ายรูปเขาคงทำได้แค่โคลสอัพใบหน้า และคู่สนทนาอาจขอมาอีกว่าผมล่ะ ถ่ายทรงผมหน่อยสิ นายคงไม่ได้หัวล้านใช่ไหม ถ่ายข้างบนให้หน่อยสิ
แสงในห้องไม่ได้ดีมาก หลังจากลู่เหยียนเซลฟี่แล้วจึงต้องใส่ฟิลเตอร์ ตามปกติเวลาอยู่บนเวทีเขาจะโพสจนชิน พอหามุมได้ ลู่เหยียนก็กดแชะเป็นอันเสร็จ เขาส่งรูปไปให้คู่สนทนา
คาดว่าอีกฝ่ายคงคุยกับผู้สมัครหลายรายพร้อมกันจึงใช้เวลาถึงสองนาทีกว่าลู่เหยียนจะได้รับคำตอบ
[คู่สนทนา] เจ้าตัวมาเอง?
[LY] ครับ
[คู่สนทนา] โอเค!
[คู่สนทนา] ฉันจ้างนาย! เรามาแอดวีแชตกัน ฉันจะส่งตารางเรียนไปให้
[คู่สนทนา] กว่าจะได้คนนี่ไม่ง่ายเลย ฉันหาอยู่ตั้งหลายวัน!
ไม่รู้ทำไม ลู่เหยียนถึงได้รู้สึกถึงอารมณ์ดีใจจนอยากจะร้องไห้เมื่อได้อ่านข้อความของคู่สนทนา
หลังตกลงกันเรียบร้อย ทั้งคู่ก็แอดวีแชตกันเพื่อคุยรายละเอียดของคลาสที่ลู่เหยียนต้องไปเข้าเรียนแทน
ถึงจะส่งรูปถ่ายไปให้แล้ว แต่ลู่เหยียนยังคงรู้สึกกังวลว่าคนคนนี้อาจจะมีปัญหา เขาเลยเข้าไปดูใน Qzone* ของอีกฝ่าย และทันทีที่เข้าไปก็เห็นโพสต์ที่บอกว่า ‘พี่หังไม่มาเข้าคลาสวันที่ห้าแล้ว’
พิกัดคือตึกของมหาวิทยาลัย C
ลู่เหยียนดูพิกัดมหาวิทยาลัย C แล้วมีความรู้สึกว่าดีลนี้น่าจะไม่ธรรมดา
[คู่สนทนา] [แนบรูป] นี่คือตารางเรียน
[คู่สนทนา] รหัสนักศึกษาคือ 12xxx44
ลู่เหยียนกดบันทึกตารางสอนกับรหัสนักศึกษา
ปฏิกิริยาอย่างแรกของเขาคือคนคนนี้…เกรดไม่ดีนิดหน่อย
ทั้งที่อยู่ปีสี่เทอมสองแล้ว แต่ยังมีวิชาที่ต้องซ้ำต้องซ่อมอยู่อีกหลายตัว
ติดเอฟจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว
[คู่สนทนา] จริงสิ วิทยาเขตของเราคือวิทยาเขตใต้ อย่าไปผิดล่ะ
มหาวิทยาลัย C มีพื้นที่กว้างมาก ต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปถึงสองสถานี และมีการแบ่งวิทยาเขตออกเป็นหลายแห่ง…วิทยาเขตใต้
วิทยาเขตใต้
ลู่เหยียนย้ำอยู่ในใจสองรอบ
จะไปผิดได้ยังไง
นี่เป็นที่หนึ่งที่เขาเคยแวะเวียนไปในใจไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว ต่อให้เขาไม่วางแผนก็สามารถคำนวณเวลาตั้งแต่ออกเดินทางจากเขตซย่าเฉิงไปถึงที่นั่นได้
ลู่เหยียนถึงขั้นได้ยินเสียงของตัวเองเมื่อห้าปีก่อนดังขึ้นที่ข้างหู ‘ผมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย C คณะดุริยางคศาสตร์’
เสียงนั้นฟังดูคุ้นมากและก็แปลกหูมากเช่นกัน
ลู่เหยียนนึกหน้าตัวเองตอนพูดประโยคนี้ไม่ออกแล้ว แต่มันน่าจะขึงขังจริงจังจนครูประจำชั้นถึงกับต้องพูดกล่อมเขาเลยมั้ง ‘เกรดเธอถ้าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย C ค่อนข้างยากนะ ครูขอแนะนำให้เธอหาที่เรียนที่มันชัวร์หน่อยดีกว่านะ’
เขานึกภาพไม่ค่อยออกแล้วจริงๆ
ลู่เหยียนไม่มีเวลาให้คิดนานเนื่องจากคู่สนทนาแนะนำคนคนหนึ่งในวีแชตมาให้ ภาพโพรไฟล์ของคนคนนั้นเป็นสีดำ มีตัวหนังสือเขียนว่า ‘ไม่มีธุระอย่ามายุ่ง’
[คู่สนทนา] นายแอดพี่ฉันด้วย ถึงตอนนั้นถ้ามีอะไรจะได้ติดต่อกันได้สะดวก
[ลู่เหยียน] โอเคครับ เขาชื่ออะไร
ลู่เหยียนส่งคำขอเป็นเพื่อนให้กับคนที่มีรูปโพรไฟล์สีดำไป
ประมาณสิบวินาที ในเวลาเดียวกับที่คู่สนทนาบอกชื่อของคนคนนั้นมา รูปโพรไฟล์สีดำก็ตอบรับคำขอเขาเช่นกัน ห้องแชตของลู่เหยียนมีข้อความสองอันเด้งเข้ามาติดๆ กัน และข้อความหนึ่งเป็นคำเตือนจากระบบว่า
[คู่สนทนาปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนของคุณ]
ลู่เหยียน “…”
[คู่สนทนา] พี่ฉันชื่อเซียวหัง