ทดลองอ่าน ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 8

ชื่อฟังดูไม่แย่

แต่นิสัย

ลู่เหยียนนึกถึงใครอีกคนที่แซ่เดียวกันกับคนที่เขารับงานเข้าเรียนแทน แต่เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นมีชื่อจริงว่าอะไร

คนแซ่เซียวต้องหยิ่งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ

การที่อีกฝ่ายปฏิเสธคำขอเป็นเพื่อนของลู่เหยียนทำเอาคู่สนทนาวางตัวไม่ถูกเอามากๆ เหมือนกัน เขาขอโทษรัวๆ

 

[คู่สนทนา] ฉันเบลอเอง ฉันลืมบอกเรื่องนี้ให้พี่รู้ นายคอยเดี๋ยวนะ โทษที

 

ตอนเซียวหังได้รับคำขอเป็นเพื่อน เขากำลังชงนมอยู่ในครัว ชายหนุ่มเคลื่อนไหวไม่สะดวกจนรู้สึกรำคาญ เนื่องจากบนตัวเขามีเป้อุ้มทารกอันหนึ่งทำให้บริเวณหน้าอกโป่งพอง ดูผิดปกติ

เซียวหังก้มมองเจ้าตัวที่ทำให้หน้าอกเขาโป่งพอง

แล้วก็เจอดวงตากลมโตใสแจ๋วคู่หนึ่ง

ดวงตาคู่นั้นโตมากเป็นพิเศษ คล้ายองุ่นดำสองเม็ด

ทารกน้อยอายุยังไม่ถึงสี่เดือน น่าจะกำลังหิว พอได้กลิ่นนมแต่ยังไม่ได้ดื่มสักทีเลยหลับตาแล้วเริ่มร้องไห้ “แว้…”

เขาร้องงอแงไม่หยุดราวกับถูกบิดเปิดก๊อก

น้ำเสียงของเซียวหังฟังดูไม่ดีเอามากๆ “จะร้องทำไม”

ทารกน้อยยังคงร้องอยู่

เซียวหัง “เลิกร้องได้แล้ว รำคาญ”

เสียงร้องยังไม่หยุด

เซียวหังสะกดความรู้สึกที่อยากโยนเด็กในอกทิ้ง เขานิ่วหน้าพลางหยดนมหนึ่งหยดลงบนหลังมือเพื่อทดสอบอุณหภูมิ พอทดสอบเสร็จถึงค่อยใส่จุก แล้วยัดเข้าปากทารก

จังหวะนี้เอง หน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งดับไปก็สว่างขึ้น

 

[ชิวเซ่าเฟิง] พี่หัง!

[ชิวเซ่าเฟิง] พี่อย่ากดปฏิเสธเขาสิ นั่นมันคนเข้าเรียนแทนที่ผมหามาให้พี่นะ!

 

เซียวหังไม่รู้เลยว่าทำไมเรื่องเข้าเรียนแทนถึงมาโผล่ในต่างหน้าแชตตอนนี้ เดี๋ยวนี้ได้

เขาโทรกลับหาชิวเซ่าเฟิงทันที “เข้าเรียนแทนอะไร”

[ช่วงนี้ลูกพี่มีธุระยุ่งไม่ใช่เหรอ จ้วงจื้อเองก็ด้วย พวกพี่สองคนทิ้งผมไปเที่ยวที่ไหนล่ะ] ชิวเซ่าเฟิงพูดพลางแสดงน้ำใจของพี่น้องอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง [แต่ไม่เป็นไร ถึงพวกพี่จะทำแบบนี้กับผม แต่ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย เพื่อให้พี่เที่ยวได้อย่างสนุกสบายใจ…]

ชิวเซ่าเฟิงพูดยังไม่ทันจบ เซียวหังก็บอก “ไม่ต้อง”

ชิวเซ่าเฟิง […]

เซียวหัง “ไปบอกยกเลิกเขาซะ”

[ไม่รู้สึกเหรอว่าพี่ทำแบบนี้มันเกินไป!] ชิวเซ่าเฟิงโมโห [เรื่องไปเที่ยวแล้วไม่พาผมไปด้วยยังพอว่า! แต่พี่ยังจะเหยียบย่ำน้ำใจของพี่น้องแบบนี้อีกเหรอ!]

เซียวหังพูดในใจว่าเที่ยวบ้าอะไรล่ะ

เขาอยู่บ้านเลี้ยงเด็กจนไม่ได้หลับได้นอนเลยต่างหาก

แต่เรื่องของเด็ก พูดไปแล้วก็วุ่นวายมาก เมื่อสองสามวันก่อน เจ้าหนูตี๋จ้วงจื้อโดนเขาดัดสันดานด้วยการให้ไปซื้อนมแค่นั้นก็ยุ่งพอแล้ว

แล้วจะให้เล่ายังไงอีก

จะให้เล่าว่าเซียวฉี่ซาน เดรัจฉานเฒ่าไปไข่เรี่ยราดข้างนอกจนได้น้องชายต่างแม่มาให้เขาหนึ่งคนเหรอ

แถมเด็กคนนี้ก็รู้ดี แค่เซียวหังป้อนนมเขาครั้งเดียวก็ไม่ยอมกินนมที่คนอื่นป้อนอีก

ชิวเซ่าเฟิงยิ่งพูดยิ่งเยอะ เซียวหังเลยตัดบท “ก็ได้ นายให้เขาแอดมาอีกรอบ”

เซียวหังกดตอบรับ รูปโพรไฟล์ในวีแชตของคู่สนทนาเป็นรูปกีตาร์หน้าตาประหลาดสีดำแดงตัวหนึ่ง

ชิวเซ่าเฟิง [คนนี้ ผมเฟ้นมาอย่างดีเพื่อให้เหมาะกับภาพลักษณ์ของพี่ เลือกอยู่สามวันสามคืนกว่าจะได้ แต่พี่กลับทำกับผมแบบนี้เหรอ]

เซียวหัง “ขอบใจ”

[เขาหล่อจริงนะ] ชิวเซ่าเฟิงเปลี่ยนเรื่อง [มีรูปด้วยนะ พี่อยากดูไหม]

“ไม่อยาก” เซียวหังถือขวดนม “ฉันดูเป็นคนที่สมองมีปัญหาหรือไง”

 

[ไม่มีธุระอย่ามายุ่ง] ฉันตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของนายแล้ว ตอนนี้เราเริ่มแชตกันได้

 

ชื่อแบบพี่ชายอารมณ์ร้อนนี้ทำเอาคนพูดไม่ออกได้ง่ายๆ หลังได้รับการตอบรับ ลู่เหยียนก็รีบเปลี่ยนชื่อไอดีของอีกฝ่าย เขาไม่รู้ว่าจะส่งอะไรให้เลยพิมพ์ทักแบบมีมารยาทไปหนึ่งประโยค ‘สวัสดีครับ’

สุดท้ายคู่สนทนาก็ไม่ตอบ

ลู่เหยียนคิดแล้วส่งข้อความไปอีกสองสามข้อความ

 

[ลู่เหยียน] ผมมีประสบการณ์การทำงานพาร์ตไทม์มานานหลายปี

[ลู่เหยียน] ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ มีใจบริการแบบที่ให้ความสำคัญต่อลูกค้า มีความรับผิดชอบต่อการเข้าเรียนแทนเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้บริการ

[ลู่เหยียน] ทำเกรดดีเยี่ยม นำเสนองานยืนหนึ่ง

 

คราวนี้คู่สนทนาตอบ

แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือจุดหกจุด

 

[เซียวหัง] ……

 

คุยเรื่องเข้าเรียนแทนกันไปพอสมควรแล้ว ลู่เหยียนตั้งใจว่าจะถือโอกาสในช่วงบ่ายตอนที่ในตึกไม่มีใคร ฝึกเล่นกีตาร์แล้วตอนเย็นค่อยไปนัดดื่มกับพี่เว่ย เมื่อตัวเองบอกเขาว่าให้ไปดื่มกันคราวหน้า เวลาที่เจอกันทุกครั้งพี่เว่ยเลยเอาแต่บ่นว่าไอ้คราวหน้าของลู่เหยียนคือเมื่อไหร่

ตามปกติแล้วเวลาที่ทุกคนในตึกอยากรวมตัวกันจะขึ้นไปที่ดาดฟ้า คอยจนฟ้ามืดแล้วบนดาดฟ้าจะมีการกางโต๊ะพลาสติกตัวเล็กหนึ่งตัว

ลู่เหยียนแบกเบียร์ครึ่งลังขึ้นไปบนดาดฟ้า นอกจากพี่เว่ยแล้ว เขาเจอจางเสี่ยวฮุยอยู่ที่นั่นด้วย

“เป็นไง” ลู่เหยียนวางลังเบียร์ลง “เสี่ยวฮุย ปกตินายไม่ดื่มด้วยนี่”

จางเสี่ยวฮุยส่ายหน้า “อย่าพูดเลยพี่ หลายวันมานี้ผมโคตรซวย”

“กว่าจะได้บทพูดสองประโยคก็ไม่ง่าย ยังจะมาถูกตัวประกอบคนอื่นแย่งไปอีก…”

จางเสี่ยวฮุยไม่มีงานที่เป็นหลักเป็นฐาน

เขามีความฝันอยากเป็นนักแสดง ในทุกๆ วันจางเสี่ยวฮุยจะวิ่งรอกอยู่ตามโรงถ่ายใหญ่ๆ เริ่มต้นการแสดงจากบทซอมบี้จนออกหนังสือชื่อว่า ‘ด้วยการบำรุงดูแลตัวเองของซอมบี้’ ได้ จากนั้นเขาก็ได้แสดงเป็นตัวประกอบเล็กๆ ที่เริ่มมีบทพูด แต่จนถึงวันนี้บทพูดแต่ละบทของเขายังไม่เคยมีเกินหกคำ

“อยากแย่งก็แย่งไปสิ เพราะถึงยังไงในกองก็ยังขาดสาวใช้อยู่หนึ่งคน ผมเลยไปบอกผู้กำกับว่าผมเล่นเป็นผู้หญิงได้” จางเสี่ยวฮุยเงยหน้าขึ้นกรอกเบียร์เข้าปากหนึ่งอึก “…ผู้กำกับบอกว่าผมบ้า”

ลู่เหยียน “พยายามเข้าเจ้าหนู ถ้าทักษะการแสดงสามารถก้าวข้ามเรื่องเพศไปได้ ดูซิว่าผู้กำกับจะพูดยังไง”

จางเสี่ยวฮุย “ใช่เลย!”

พวกเขาดื่มเบียร์กันหมดไปสองสามกระป๋อง พี่เว่ยก็พูดเสียงอ้อแอ้ “เหยียนเหยียนร้องสักเพลงได้ปะ ไม่ได้ฟังนายร้องเพลงนานแล้ว กีตาร์ของนายล่ะ ไปเอามาเล่นหน่อยซิ”

ลู่เหยียน “โอเค ผมจะไปเอามาเดี๋ยวนี้”

จางเสี่ยวฮุยห้ามไม่อยู่ “ไม่ต้องกีตาร์หรอก พี่เว่ยดื่มเยอะเกินไปแล้วจริงๆ…”

ลู่เหยียนลงไปเอากีตาร์ขึ้นมา นิ้วกดสายกีตาร์ เขานึกถึงคำเตือนพร้อมน้ำหูน้ำตาของหวงซวี่ก่อนจากไป ‘พี่เล่นกีตาร์ได้กากจริงๆ แย่มาก’ ลู่เหยียนพลันคิดในใจในนาทีนั้นว่าตอนนี้รถไฟของพวกเขาคงไปถึงเมืองจิงโจวแล้ว

มือซ้ายของลู่เหยียนเปลี่ยนคอร์ด ก่อนจะเปลี่ยนเพลงกะทันหัน เสียงกีตาร์ตะกุกตะกักไหลออกมาตามร่องนิ้ว

เขาหลับตา รอจังหวะ แล้วจึงเปล่งเสียงร้อง

 

“But you’ll be alright now sugar

(เธอต้องดีขึ้นแน่นอน)

You’ll feel better tomorrow

(พรุ่งนี้เธอต้องดีขึ้นแน่นอน)

Come the morning light now baby

(พรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเปิดเอง)

Don’t you cry

(อย่าร้องไห้เลยนะ)

Don’t you even cry

(อย่าร้องไห้อีกเลย)”*

 

เสียงร้องดังอยู่ในยามค่ำคืนอย่างนุ่มนวล

ลู่เหยียนไม่ได้ดื่มเยอะมาก ตามตารางเรียนที่คู่สนทนาส่งมาพรุ่งนี้แปดโมงเช้ามีคลาสเรียนหนึ่งคาบ

วิชาการเงินระหว่างประเทศ

 

จากเขตซย่าเฉิงไปมหาวิทยาลัย C ต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ตอนเช้าลู่เหยียนคาบขนมปังพร้อมรื้อตู้เสื้อผ้า เขาพบว่าเสื้อผ้าของตัวเองส่วนใหญ่เป็นชุดสำหรับทำการแสดง มีลายดอกลายดวงทุกแบบ ทั้งแบบติดขน ห้อยโซ่เงิน…ลู่เหยียนค้นแล้วค้นอีกจนไปเจอกระโปรงหนึ่งตัวอยู่ด้านล่าง…เขาไม่มีอะไรให้ใส่ไปมหาวิทยาลัย

เสื้อยืดเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่บนเสื้อยืดที่เขาหยิบติดมือออกมาสกรีนประโยคภาษาอังกฤษว่า ‘I will fuck you.’

เสื้อยืดตัวอื่นๆ ก็ไม่รอด

คนพเนจรอย่างลู่เหยียนได้เจอกับความท้าทายแรกในงานพาร์ตไทม์ของเขาแล้ว

สุดท้ายลู่เหยียนรื้อตู้เสื้อผ้าจนเจอเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่ง ใส่คู่กับกางเกงยีน บวกกับผมที่เพิ่งตัดสั้นของเขา และบนตัวไม่ได้มีเครื่องประดับมากมายทำให้ลู่เหยียนดูเหมือนผู้เหมือนคนขึ้นมาบ้าง

ตอนลู่เหยียนไปถึงหน้ามหาวิทยาลัย C บังเอิญว่าเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมามหาวิทยาลัยพอดี

มหาวิทยาลัย C เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อายุร้อยปี ตั้งอยู่ย่านศูนย์กลางการค้าของเมืองซย่าจิง เป็นความเงียบสงบท่ามกลางความอึกทึก

เมื่อมองจากประตูเข้าไปจะเห็นว่าหลังป้ายอักษรสีทองมีแนวร่มไม้เป็นทางยาว พวกนักศึกษาขี่จักรยานอยู่ในสวนของมหาวิทยาลัย เสียงกระดิ่งจักรยานกริ๊งกร๊างดังอยู่ตามถนนใต้เงาไม้

 

ห้องเรียนวิชาการเงินระหว่างประเทศเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ มีทั้งหมดสองสามร้อยที่นั่ง

ลู่เหยียนตั้งใจถ่ายรูปก่อนเดินเข้าไปด้านใน

และเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นภาพที่ถ่าย ณ ตอนนั้น เขาจึงชูสองนิ้วเข้าไปในเฟรมด้วย

 

[ลู่เหยียน] [แนบรูป]

[ลู่เหยียน] ถึงแล้วนะครับ

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซียวหังถึงตอบ

 

[เซียวหัง] ไม่ต้องส่งให้ฉัน

 

ลู่เหยียนนั่งอยู่แถวท้ายสุดของห้องในวิชาการเงินระหว่างประเทศ เขาฟังศาสตราจารย์อาวุโสที่อยู่บนโพเดียมบรรยายเรื่องความสัมพันธ์ด้านการเงินกับสกุลเงินต่างประเทศ

อันที่จริงจะบรรยายเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะลู่เหยียนฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว

ลู่เหยียนใช้มือข้างหนึ่งเท้าศีรษะ ส่วนมืออีกข้างพิมพ์ตอบ

 

[ลู่เหยียน] นี่คือความกระตือรือร้นในการทำงานของผมครับ

 

ผ่านไปครึ่งคาบ ศาสตราจารย์อาวุโสก็ปิดพาวเวอร์พ้อยต์

“ต่อไปให้ทุกคนหยิบกระดาษออกมา…อาจารย์จะไม่เช็กชื่อเพราะพวกคุณมีกันเยอะ เสียเวลา เวลาที่เหลือนี้ให้เขียนบทความสรุปเนื้อหาเกี่ยวกับคลาสนี้พร้อมเขียนชื่อกับรหัสนักศึกษา แล้วรวบรวมมาส่งอาจารย์ตอนเลิกเรียน”

ศาสตราจารย์อาวุโส “เลือกหัวข้อกันเอาเอง ให้มันเกี่ยวกับคลาสนี้”

มีการบ้านในคลาสด้วย

ลู่เหยียนคิดว่าเดี๋ยวเข้าอินเตอร์เน็ตไปก๊อปเอามาเขียนก็ได้

แต่ศาสตราจารย์อาวุโสบอก “ห้ามเข้าไปก๊อปในอินเตอร์เน็ต เพราะอาจารย์ดูแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้ว ไม่ว่านักศึกษาจะเขียนออกมาเป็นแบบไหน ขอให้เขียนเองก็พอ เราพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันได้ อย่าคิดว่าเป็นการรบกวน”

ลู่เหยียนมีความรู้สึกเหมือนจะเจอกับความท้าทายที่สองในงานพาร์ตไทม์ของเขาแล้ว

 

ทุกคนก้มหน้าเขียนกันแกรกๆ ลู่เหยียนกดมือถือออกจากหน้าเว็บไป๋ตู้เพื่อรายงานสถานการณ์ให้นายจ้างทราบ

 

[ลู่เหยียน] มีการบ้านในคลาสที่ต้องส่งด้วย

[ลู่เหยียน] ผมไม่เคยเรียนเรื่องนี้…แต่ถ้าคุณเชื่อใจผม ผมจะจัดการเอง โอเคไหม

[เซียวหัง] แล้วแต่เลย

 

…ลูกค้ารายนี้คุยด้วยยากเหมือนเดิม

ลู่เหยียนวางมือถือไว้ข้างๆ และเริ่มคิดว่าจะเขียนบทความสรุปเนื้อหาอย่างไรดี

เขาไม่รู้เรื่องวิชาการเงินเลยต้องเฉไฉไปเรื่องอื่น นอกจากชื่อ รหัสนักศึกษา และหัวข้อแล้ว สิ่งที่เขาเขียนเป็นประโยคแรกคือ

 

‘คลาสนี้ทำให้ผมรับรู้ถึงออร่าแห่งคัมภีรภาพกับภูมิความรู้อันกว้างขวางของศาสตราจารย์ได้อย่างดีที่สุด ต้นท้อไม่พูดแต่ผลสร้างเส้นทาง* ศาสตราจารย์คือวิศวกรผู้สร้างจิตวิญญาณของมนุษย์ ถ่ายทอดเปลวไฟแห่งปัญญา เป็นตะเกียงเรือนำทางท่ามกลางมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหมือนแสงแรกในยามเช้าที่ให้ความสว่างแก่ผม’

 

วันนี้มีคลาสเช้าแค่คาบเดียว

 

[ลู่เหยียน] เรียนเสร็จแล้วครับ

[ลู่เหยียน] คุณจะจ่ายหรือน้องของคุณจ่ายครับ?

 

คู่สนทนาโอนเงินมาเดี๋ยวนั้น

 

[เซียวหัง] [แจ้งการโอนเงิน]

 

ลู่เหยียนเดินออกไปข้างนอกพลางกดรับเงินที่โอนมา เขากำลังคิดว่าจะนั่งรถกลับ

เขาหลงทางเก่ง แค่ขามาสามารถหาห้องเรียนได้อย่างราบรื่นก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว ผลคือพอเดินออกประตูข้างของอาคารเรียน เมื่อมีการเปลี่ยนทิศเขาก็เริ่มมึน

ลู่เหยียนไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปถึงไหน แต่ข้างหน้าห่างออกไปไม่ไกลมีบูธอยู่สองสามแถว

บรรยากาศคึกคักมาก

สายตาของลู่เหยียนมองข้ามบูธพวกนี้ไปอยู่ที่ตัวหนังสือสามตัวว่า ‘ชมรมคนดนตรี’

การรับสมัครสมาชิกยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ ที่บูธชมรมคนดนตรีจึงมีคนเตรียมงานอยู่สองสามคน และขาตั้งวางโน้ตกับเครื่องดนตรีอีกสองสามชนิด

ริมสุดมีชายตัวเตี้ยใส่เสื้อยืดสีเหลืองกำลังตั้งเสียงอยู่

เบส

ลู่เหยียนไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะมาตรฐานของวงมหาวิทยาลัยมีค่าเท่ากับมือสมัครเล่น

เขากำลังจะหาทางกลับต่อ แต่เมื่อชายคนนั้นตั้งเสียงเสร็จก็ถือโอกาสตบเบส** แม้คุณภาพของลำโพงจะไม่ดีทำให้เสียงที่ออกมาซ่า แต่ถ้าพูดด้วยใจที่เป็นธรรมแล้ว ฝีมือของคนคนนี้…ใช้ได้

ทักษะดี มีความชำนาญ

ความเร็วของเขาสามารถทำให้คนอ้าปากค้างได้ แต่ในเวลาเดียวกันทุกเสียงที่เล่นออกมานั้นชัดเจนทั้งหมด

การตบเบสนี้กินเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที เนื่องจากรอบๆ มีคนไม่เยอะและคุณภาพของลำโพงไม่ดีเลยสักนิด จึงไม่ค่อยดึงดูดความสนใจคนเท่าไหร่นัก พอนายเสื้อยืดเหลืองเล่นท่อนนี้เสร็จก็ก้มตัวถอดสายสะพายออก แล้วส่งเบสไปให้คนที่อยู่ข้างๆ “โอเค ตั้งเสียงเสร็จแล้ว”

ลู่เหยียนได้ยินคนข้างๆ ถามมือเบสว่า “นายไม่อยู่เล่นที่บูธเราสักแป๊บนึงก่อนเหรอ”

นายเสื้อยืดเหลือง “ฉันไม่ได้อยู่ชมรมของพวกนาย จะอยู่เล่นด้วยทำไม อีกเดี๋ยวฉันมีเรียนด้วย”

นายเสื้อยืดเหลืองพูดแล้วก็เดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำในอาคารเรียนข้างหน้าไป

นายเสื้อยืดเหลืองอาจไม่เคยคิดเลยว่าการเข้าห้องน้ำครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา เนื่องจากพอเขาเข้าห้องน้ำเสร็จ ตอนที่เดินออกมาจากคอกกั้นก็เห็นว่ามีคนพิงผนังในห้องน้ำฝั่งตรงกันข้ามกับที่กั้นฝั่งเขา

เป็นผู้ชาย

แถมเป็นผู้ชายที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ด้วย

ชายคนนั้นใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวดูสะอาดสะอ้านอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่กลับมีออร่าที่ย้อนแย้งแบบบอกไม่ถูก

พอเห็นเขาเดินออกมา ชายคนนั้นก็ดับบุหรี่ “เมื่อกี้ฉันเห็นนายเล่นเบส เท่มาก”

นายเสื้อยืดเหลืองใจสั่น

ถึงตามปกติลู่เหยียนจะไม่มีศักดิ์ศรี สามารถขโมยคนของวงแบล็กพีชได้ แต่เขากลับรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการดึงตัวคนแปลกหน้าที่เจอตัวแบบต่อหน้า

ลู่เหยียนกระแอมหนึ่งครั้ง เรียบเรียงคำพูดพลางกล่าว “ฉันสนใจนายมาก”

ลู่เหยียนคิดไม่ถึงว่าประโยคที่พูดไปในที่แบบนี้ ในลักษณะนี้ของเขา จะสามารถตีความไปทางอื่นได้มากมาย แถมเขายังไม่ทันสังเกตด้วยว่านายเสื้อยืดเหลืองมีสีหน้าแตกตื่นมากขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้านายโอเค…เรา…” เรามาเป็นเพื่อนกันนะ ฉันมีวง นายอยากมาแจมด้วยไหม

แต่ลู่เหยียนยังพูดไม่ทันจบ นายเสื้อยืดเหลืองก็หยิบไม้ถูพื้นข้างๆ มาขวางไว้ที่หน้าอก “นายเป็นใคร!”

“ฉัน…” ลู่เหยียนเข้าเรียนแทนคนอื่นได้อินสุดๆ “คณะเศรษฐศาสตร์ เซียวหัง”

 

* ผู้ชายไม้ขีดไฟ เป็นคำสแลง หมายถึงคนหลอกลวง

* Qzone เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีรูปแบบคล้ายกับเวยป๋อ (Weibo)

* เพลง : Don’t Cry ศิลปิน : Guns N’ Roses

* ต้นท้อไม่พูดแต่ผลสร้างเส้นทาง เป็นสำนวน หมายถึงคนจริงใจย่อมมีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนมานิยมชมชอบ

** ตบเบส เป็นเทคนิคที่มือเบสในปัจจุบันนิยมเล่นกันมาก มักใช้ในเพลงแนวฟังก์

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 5 .. 65

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com