ทดลองอ่าน ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ผมเก็บคุณชายตกอับได้หนึ่งคนครับ เล่ม 1 บทที่ 9-10 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 10

คลาสคอมพิวเตอร์เพิ่งเลิกได้ไม่นาน ในห้องเรียนเหลือแต่นักศึกษาที่อยู่ทำการบ้านในคลาสแค่ไม่กี่คน

ตอนที่ลู่เหยียนมาถึงประตูห้องเรียน นายเสื้อยืดเหลืองก็ออกไปแล้ว

การจะหาคนหนึ่งคนในมหาวิทยาลัยที่ใหญ่โตแบบนี้มีความเป็นไปได้พอๆ กับการงมเข็มในมหาสมุทร แต่เขาจะมัวรีรอไม่ยอมพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่เซียวหังก็ไม่ได้

ลู่เหยียนนึกย้อนกลับไปถึงหัวข้อที่น่าตกใจสองหัวข้อ ถ้าขืนยังรีรอต่อ น่ากลัวว่าชื่อเสียงของรุ่นพี่แซ่เซียวได้เป็นอันจบสิ้นกันจริงๆ ก็คราวนี้

ลู่เหยียนเลือกเป้าหมายคนหนึ่งในกลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่แล้วเข้าไปนั่งข้างๆ แบบไม่มีหลักจิตวิทยาอะไรทั้งนั้นพลางบ่นกับเขาว่า “ยังทำไม่เสร็จอีกเหรอ”

นักศึกษาคนนั้นกำลังตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์โค้ดสองแถวสุดท้ายแล้วกดเอ็นเทอร์ แต่บนหน้าจอก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เออสิ” นักศึกษาคนนั้นเกาหัวแบบไม่ไหวแล้ว “นายส่งแล้วเหรอ”

ในคลาสมีคนเยอะ ตามปกติพอเลิกเรียนทุกคนก็จะแยกย้ายกันกลับห้องพัก การที่เพื่อนในคลาสไม่รู้จักกันทั้งหมดนับเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นการที่นักศึกษาแปลกหน้าอย่างลู่เหยียนมาชวนคุยจึงไม่ทำให้ใครรู้สึกว่าน่าสงสัย

แถมท่าทางของนักศึกษาแปลกหน้ายังดูเป็นธรรมชาติมาก เหมือนคนที่อยู่คณะคอมพิวเตอร์จริงๆ

“เนื้อหาคาบนี้ยากมาก” ลู่เหยียนผงกศีรษะ “ไม่ค่อยเก็ตเลยว่ะ”

ลู่เหยียนชวนคุยแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เกินสามนาทีเขาก็ได้ข้อมูลทุกอย่างของนายเสื้อยืดเหลืองจากปากเพื่อนคนนี้

“นายพูดถึงสวี่เยี่ยเหรอ เขาไปกินข้าวที่โรงอาหาร ปกติเขาชอบกินต้าผานจี* ที่โรงอาหารชั้นหนึ่งที่สุด ต้าผานจีร้านนั้นอร่อยจริง พอกินเสร็จ เขาจะไปแช่อยู่ที่ร้านอินเตอร์เน็ต ไม่รู้ว่าเน็ตที่ห้องพักของพวกเขาเป็นอะไร ระยะนี้ชอบกระตุก…”

นายเสื้อยืดเหลืองกำลังคอยต้าผานจีของเขาอยู่ที่โรงอาหารจริงดังว่า

เพียงแต่ระหว่างที่เขากำลังคอย ไหล่ซ้ายก็พลันถูกกดลง ท่อนแขนข้างหนึ่งพาดบนไหล่เขาอย่างเป็นธรรมชาติก่อนที่สวี่เยี่ยจะเจอเข้ากับใบหน้าที่อาจไม่มีวันลืมได้ในชาตินี้

สวี่เยี่ย “…”

ลู่เหยียน “เฮ้”

สวี่เยี่ยไม่ไหวแล้ว เขาอยากหันหน้าวิ่งหนี แต่ต้าผานจีที่สั่งไปยังไม่เสร็จ ทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก “พี่ตั้งใจจะทำอะไร”

ลู่เหยียนกดไหล่เขาให้หันมาหาตัวเองแล้วพยายามอธิบาย “เพื่อน นายฟังฉันนะ…”

สวี่เยี่ยอยากบอกเหลือเกินว่าใครเพื่อนคุณ ผมไม่ได้สนใจผู้ชายโว้ย แต่ลู่เหยียนชิงเอามือปิดปากเขาไม่ให้พูดคำที่ยังไม่ได้หลุดออกจากปากมา “หุบปากก่อน”

“…”

 

ในโรงอาหารมีคนผ่านไปผ่านมา

คอยจนลู่เหยียนอธิบายเรื่องทุกอย่างกระจ่างแล้ว สวี่เยี่ยก็ถึงกับมึนตึ้บ “ไม่ใช่เซียวหัง คุณไม่ใช่เซียวหังเหรอ คุณแค่มาเข้าเรียนแทนเขา ไม่ใช่สิ เข้าเรียนแทน…งั้นเรื่องที่คุณบอกผม…”

“ฉันไม่ได้คิดไม่ดีไม่งามกับนาย” ลู่เหยียนเอาแขนออกจากไหล่เขา ชี้ไปที่ช่องรับอาหาร “ไก่นายเสร็จแล้ว”

สวี่เยี่ยยกต้าผานจีไปหาที่นั่ง ลู่เหยียนก็ตามไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา

“ตอนนี้วงฉันเล่นอยู่ใต้ดิน ก่อนหน้านี้เคยออกงานมาแล้วสามอัลบั้ม”

“นอกจากฝึกซ้อมแล้ว ตามปกติจะมีรับงานแสดง”

ตามปกติถึงลู่เหยียนจะดูไม่ได้เรื่องได้ราว แต่เขาเป็นพวกเจอคนก็พูดภาษาคน เจอผีก็พูดภาษาผี* ได้ เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ลู่เหยียนกลับต้องเก็บสีหน้าอย่างอื่นไว้ “ถึงมันจะกะทันหันไปหน่อย แต่ฉันอยากชวนนายมาแจม ถ้านายสนใจก็เก็บเอาไปคิดดู ก่อนหน้านี้นายเคยอยู่วงไหนหรือเปล่า”

มือที่คีบไก่ของสวี่เยี่ยชะงัก ใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่เขาจะตอบ “ไม่เคยครับ”

“ผมหัดเล่นเบสเองเหมือนเล่นเกมตามปกติ แต่ไม่เคยคิดจะไปคัดเลือกเป็นนักกีฬาอีสปอร์ต” สวี่เยี่ยก้มหน้าพูดจนจบแล้วเงยหน้ามองลู่เหยียน “ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่เคยคิดจะไปทางนั้น”

ลู่เหยียนไม่พูดอะไรอีก

เขาพูดจาชักจูงเพื่อหลอกใครอย่างนายหน้าบากไม่เป็น นายเคยรู้สึกว่าเวลาอยู่ในห้องเรียนแล้วหาเป้าหมายไม่เจอหรือเปล่า รู้สึกว่าสูญเสียตัวตนใช่ไหม ในใจนายมีความฝันว่าอยากเป็นนักดนตรีซ่อนอยู่ล่ะสิ

น้อง มาทำงานกับฉันดีกว่า

ถ้าพูดมากกว่านี้มันก็จะเป็นการเผยเจตนามากเกินไป ลู่เหยียนส่งนามบัตรให้สวี่เยี่ยหนึ่งแผ่น “ไม่เป็นไร ถ้านายเปลี่ยนใจก็โทรหาฉันนะ”

สวี่เยี่ยรับนามบัตรแผ่นนั้นมา พบว่าบนนั้นเขียนไว้เต็มพืดว่า

 

เขียนและร้อง เรียบเรียงโน้ต จัดทำแบบรายบุคคล

เพลงดี! คือเพลงที่เขียนออกมาจากใจ!

วงอาชีพ ราคาเป็นมิตร จ้างได้ไม่หลอก จ้างได้ไม่ขาดทุน เพื่อให้คุณได้รู้ว่าอะไรคือสมราคาของจริง!

 

“…”

“อ้าวผิดใบ” ลู่เหยียนบอก “ต้องเป็นอีกใบ”

สวี่เยี่ยสลับนามบัตรใบใหม่ อีกใบเขียนสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ‘VENT นักร้องนำ ลู่เหยียน’

มือเบส…ยังหาไม่ได้

งานเข้าเรียนแทนก็เหลืองจนเหมือนผักกาดขาวในดิน*

ลู่เหยียนมีความรู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองกำลังดวงตกอย่างที่คนเขาพูดกัน

 

ผิดกับอากาศที่ดีมาก ดวงอาทิตย์อยู่จนถึงเวลาห้าถึงหกโมงเย็นถึงค่อยๆ ลับหายไป

ลู่เหยียนนั่งอยู่บนรถเมล์ พิงหน้าต่างรถหลับแบบตัวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา

วิวข้างนอกแล่นผ่านไปพร้อมแสงตะวันที่มืดลงเรื่อยๆ เขตซย่าเฉิงถูกปกคลุมด้วยสีเทาหนึ่งชั้น

การหลับครั้งนี้ไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก

ลู่เหยียนลงจากรถ ตรงกลับมาที่ห้อง เขานวดคอพลางฉีกปฏิทินที่แขวนอยู่บนผนังออกหนึ่งแผ่น ก่อนจะพบว่าวันหยุดวันแรงงานเพิ่งจะผ่านไปแค่หกวัน

พวกหวงซวี่ไปถึงที่หมายในคืนวันถัดมา หลังลงจากรถไฟ เขายังส่งรูปสถานีปลายทางเข้ามาในกรุ๊ปแชตรูปหนึ่ง บนป้ายสถานีรถไฟเขียนว่า ‘เมืองชิงยินดีต้อนรับ’ หวงซวี่ส่งข้อความเสียงมาด้วยว่า [ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกับเย่าหมิงถึงแล้ว]

ลู่เหยียนขยำปฏิทินที่ฉีกลงมาในมือจนกลายเป็นก้อน เขามองหน้ากระดาษปฏิทินใหม่เอี่ยมข้างหลังพลางพูดกับตัวเองในใจว่า

นี่เพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง

เส้นทางต่อไปยังอีกยาวไกลนัก

แค่นี้จะสักเท่าไหร่

เขาทิ้งหน้าที่ฉีกลงมาแล้วตั้งใจต้มบะหมี่ ระหว่างคอยน้ำเดือด ลู่เหยียนก็ยืนพิงผนังเปิดดูเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย C ก่อนจะพบว่าโพสต์ที่ติดคำว่าฮอตสามโพสต์ในหน้าแรกหายไปแล้ว

สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือโพสต์แถลงการณ์

ลู่เหยียนคิดแล้วกดเข้าไปในวีแชตเพื่อโอนเงินสองร้อยหยวนที่รับมาเมื่อวานคืนให้คุณชายใหญ่

 

[ลู่เหยียน] [แจ้งการโอนเงิน]

[เซียวหัง] เงินนี่ฉันไม่รับ

 

ข้อความจากเซียวหังนั้นส่งกลับมาค่อนข้างช้า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เงินก้อนนี้ก็ถูกตีกลับมาให้ลู่เหยียนพร้อมคำสองคำ

 

[เซียวหัง] ไม่จำเป็น

 

ลู่เหยียนเป็นคนเข้าเรียนแทนที่มีหลักการและคุณธรรม เขาจึงยืนกรานเรื่องการคืนเงิน ในเมื่อเขาทำให้นายจ้างต้องไปโด่งดังอยู่ในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยภายในชั่วข้ามคืน ไหนเลยจะยังมีหน้ารับเงินค่าจ้างอีก

ทั้งสองคนโอนเงินให้กันไปมา ทำเหมือนเด็กๆ กันแบบนี้ถึงสามรอบ

 

[ลู่เหยียน] รับไว้

[เซียวหัง] บอกว่าไม่จำเป็นไง

[ลู่เหยียน] รับไว้สิ

[เซียวหัง] เลิกตอแยสักทีได้ไหม

[ลู่เหยียน] [แจ้งการโอนเงิน]

[เซียวหัง] บ้าเอ๊ย

 

ลู่เหยียนทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง พอเขาตั้งใจจะโอนเงินคืนอีก ในห้องแชตก็มีเครื่องหมายตกใจสีแดงหนึ่งอันเด้งขึ้นมา

 

[‘ไม่มีธุระอย่ามายุ่ง’ ปิดการเป็นเพื่อน คุณยังไม่ใช่เพื่อนของเขา/เธอ]

 

“…” คุณชายใหญ่คนนี้ใจร้ายมาก

คาดว่าเขาคงจะหงุดหงิดจริงๆ แล้ว

ลู่เหยียนกดส่งคำขอเป็นเพื่อน แต่พอได้รับการอนุมัติแล้ว เขาก็ไม่ได้คุยเรื่องที่จะโอนเงินคืนให้กับเซียวหังอีก

พอน้ำเดือด ข้อความจากเซียวหังก็เด้งขึ้นมาเอง สิ่งที่เขาส่งมาเป็นภาพแคปหน้าจอการสนทนารูปหนึ่ง คู่สนทนาในห้องแชตนั้นคือคนที่มีชื่อว่าเหล่าหู

 

[เหล่าหู] เซียวหัง

[เหล่าหู] พรุ่งนี้มาหาอาจารย์ที่ออฟฟิศหน่อยนะ

[เหล่าหู] อาจารย์อ่านงานในคลาสของเธอแล้ว อาจารย์ตื้นตันใจมาก อาจารย์ไม่เคยรู้เลยว่าความเคารพเทิดทูนที่เธอมีให้อาจารย์มันจะมากมายขนาดนี้

 

สุดท้ายเซียวหังส่งข้อความมาอีกหนึ่งประโยค

 

[เซียวหัง] นายเขียนบ้าอะไรไป

 

จะเขียนอะไรได้ล่ะ

คำยกยอย่อมพาเราไปได้ทุกที่

ลู่เหยียนลูบจมูก เขาหว่านโปรยคำยกย่องเชิดชูเหล่าหูกว่าพันตัวอักษรโดยไม่ได้สนใจเรื่องเนื้อหาในคลาสเลย เรียกได้ว่าอวยกันแบบขั้นสุด

 

[ลู่เหยียน] ผมเขียนเพลงสรรเสริญวิศวกรผู้ก่อสร้างจิตวิญญาณของมนุษย์

[เซียวหัง]

[เซียวหัง] คืนเงินมา

 

ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับเงินสองร้อยหยวน เซียวหังทำแม้กระทั่งลบคู่สนทนาออกจากการเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้กลับบอกว่าให้คืนเงินมา ตอนก่อนหน้ากับตอนหลังต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงมันจะดูผิดทำนองคลองธรรมอย่างมาก แต่ลู่เหยียนยังคงขำนิดๆ

เขาโอนเงินสองร้อยไป

แล้วพบว่าเซียวหังพิมพ์ไปด้วยอารมณ์ เขาไม่ได้รับเงินจริง

 

[เซียวหัง] นายยังทำอะไรไว้อีก

[ลู่เหยียน] ไม่มีแล้ว

 

ลู่เหยียนกลัวเซียวหังจะไม่เชื่อเลยรีบการันตีพร้อมทวนซ้ำอีกหนึ่งรอบ

 

[ลู่เหยียน] ไม่มีจริงๆ

 

เซียวหังไม่ได้ตอบข้อความนี้ทันที เขาหายไปประมาณครึ่งชั่วโมง ตอนที่ลู่เหยียนกำลังล้างชามอยู่ที่ซิงก์ หน้าจอมือถือก็พลันสว่างขึ้น แต่เนื่องจากไม่ได้ปลดล็อก จึงมีกล่องข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอล็อก ในกล่องข้อความนั้นมีข้อความที่เขารู้สึกคุ้นๆ ปรากฏอยู่สองสามประโยค

 

[เซียวหัง] ผมมีประสบการณ์การทำงานพาร์ตไทม์มานานหลายปี

[เซียวหัง] มีความรับผิดชอบต่อการเข้าเรียนแทนเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้บริการ

[เซียวหัง] [ยิ้มน้อยๆ]

 

สุดท้ายเป็นอีโมติคอนรอยยิ้มน้อยๆ อย่างเย็นชา

“…”

คำประกาศก่อนทำงานที่เขาส่งให้เซียวหังก่อนหน้านี้

สีหน้าแบบอีโมติคอนยิ้มน้อยๆ ที่ส่งมานี้ซ้อนทับกับเสียงหัวเราะเยาะตอนที่คนคนนี้หรี่ตามองเขาขณะพูดคำว่า ‘กีตาร์’ เมื่อตอนกลางวันได้อย่างพอดิบพอดี ลู่เหยียนมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเย้ยหยัน

เขาปิดก๊อก กำลังจะวางชามกลับเข้าที่ แต่พอเห็นชามในมือเขากลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

เขายังไม่ได้คืนชามที่ยืมมาจากห้องหกศูนย์หนึ่ง

เมื่อหลายวันก่อนเขาได้ยินเรื่องของผู้หญิงห้องหกศูนย์หนึ่งจากเพื่อนบ้านมาบ้าง ซึ่งครั้งก่อนที่มีผู้หญิงมาทุบประตู ทั้งเตะ ทั้งอาละวาดโวยวายนั้นก็รู้กันทั้งตึก

ถึงคนที่อาศัยอยู่ในตึกจะไม่ได้พูดอะไรซึ่งๆ หน้า แต่ลับหลังกลับเม้าท์กันไม่น้อย

อย่างมากก็พูดว่าหกศูนย์หนึ่งทำงานอยู่ในอาบอบนวด

ประมาณว่าพอตกค่ำบนถนนจะมีอาบอบนวดเล็กๆ ให้เห็นอยู่ทุกที่ ถ้ามองจากข้างนอกเข้าไป ตัวร้านจะเป็นสีฟ้าจากฝ้ากระจกที่ทำจากวัสดุพิเศษ หมอนวดสาวนั่งอยู่บนโซฟา หรือไม่ก็ใส่เดรสสั้นยืนอยู่ตรงประตู

ลู่เหยียนลังเลอยู่สองสามวินาที

เขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่เขาติดหนี้น้ำใจก้อนโตต่อเซียวหังมาถึงสองครั้งแล้ว

สุดท้ายลู่เหยียนก็เปิดหน้าจอล็อกมือถือ พิมพ์ข้อความลงไปหนึ่งบรรทัด

 

[ลู่เหยียน] จริงสิ ตามปกติห้องหกศูนย์หนึ่งจะกลับห้องมาตอนเที่ยง ถ้าคุณจะมาหาเธอ มาตอนเที่ยงได้นะ หรือไม่ผมจะช่วยบอกเธอให้

 

ครั้งนี้เซียวหังไม่ได้ตอบว่าไม่จำเป็นอีก

ลู่เหยียนคิดว่าอาจเป็นเพราะพวกเขามีเรื่องผิดฝาผิดตัวกันมาหลายครั้งหลายหนจนไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกันแล้ว เซียวหังเลยใช้คำเดียวคำเดิม

 

[เซียวหัง] โอเค

[เซียวหัง] รู้แล้ว

 

เซียวหังตอบข้อความเสร็จก็ก้มมองศีรษะเล็กๆ ที่นอนอยู่บนตักเขา ทารกที่เพิ่งจะกินนมเสร็จกำลังหลับสนิท ขนตาเหมือนพัด ลมหายใจที่มีเสียงดังเบาๆ ทำให้พัดอันนั้นกระพือตามน้อยๆ

ภายในบ้านหลังใหญ่อันเยียบเย็นไร้กลิ่นอายผู้คน

เซียวหังนิ่วหน้า นึกอยากผลักศีรษะเล็กนี่ออกห่าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ทำ เพียงแค่ใช้มือตบท้ายทอยทารกน้อยเบาๆ เท่านั้น

 

* ต้าผานจี คืออาหารมุสลิมอุยกูร์ โดยจะนำไก่ไปผัดกับเครื่องเทศ พริกหยวก และมัน มีรสเผ็ด หวาน เค็ม

* เจอคนก็พูดภาษาคน เจอผีก็พูดภาษาผี เป็นสำนวน หมายถึงคนที่มีความสามารถในการปรับตัวเพื่อเจอคนหรือสถานการณ์ที่ต่างกันได้ดี

* เหลืองจนเหมือนผักกาดขาวในดิน เป็นการล้อกับเนื้อเพลงเสี่ยวไป๋ไช่ (ผักกาดน้อย) โดยเพลงนี้เป็นเพลงที่พูดถึงเด็กสาวยากจนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ปราศจากครอบครัว ในที่นี้ต้องการจะสื่อว่างานเข้าเรียนที่ว่านั้นก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก

 

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 6 .. 65

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com