ทดลองอ่าน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 3 บทที่ 65-66 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 3 บทที่ 65-66 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 3

ผู้เขียน : ซีจื่อซวี่ (西子绪)

แปลโดย : ธันวาตุลาคม

ผลงานเรื่อง : 幻想农场 (Huan Xiang Nong Chang)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ มีการบรรยายเกี่ยวกับการตายของสัตว์

มีการกล่าวถึงการทารุณกรรมเด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

  

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

  

บทที่ 65 พิเศษ

 

เมื่อมาถึงด้านล่าง มันคือสถานที่ที่ไป๋เยวี่ยหูเคยแหวกว่าย บรรยากาศมืดมิดมองไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือ ลู่ชิงจิ่วมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากสัมผัสได้ว่าไป๋เยวี่ยหูเคลื่อนไหวอยู่ด้านล่างตน ไป๋เยวี่ยหูอาจกังวลว่าเขาจะกลัว ชายหนุ่มจึงพูดคุยกับลู่ชิงจิ่วตลอดทางที่เหลือ จนกระทั่งถึงพื้นยกสูงขนาดใหญ่ บนพื้นนั้นมีแสงสีโทนเย็น วิบวับเป็นจุดๆ คล้ายกับดวงดาว หากสังเกตดีๆ จะพบว่าที่มาของแสงสีเหล่านี้คือปลาหน้าตาประหลาดหลายตัว ลักษณะของปลาเหล่านี้สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่าหายากและแปลกประหลาด ลู่ชิงจิ่วนึกถึงประโยคหนึ่งแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ไป๋เยวี่ยหูถามเขาว่าหัวเราะอะไร

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นประโยคหนึ่ง ถามว่าทำไมปลาในน้ำทะเลลึกถึงมีหน้าตาน่าเกลียด” ลู่ชิงจิ่วว่า “บางคนตอบว่ายังไงก็ไม่มีใครมองเห็นมันอยู่ดี ก็แค่เติบโตไปทั้งอย่างนั้น”

ไป๋เยวี่ยหูเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเสริมอีกประโยค “ฉันเองก็เติบโตในน้ำทะเลลึก”

ลู่ชิงจิ่ว “…”

ไป๋เยวี่ยหู “ครอบครัวของฉันเติบโตในทะเลลึกนี่”

ลู่ชิงจิ่วกระแอมกระไอรุนแรง ใบหน้าขึ้นสีแดงไปกว่าครึ่ง “นายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้หมายความว่านายน่าเกลียด”

ไป๋เยวี่ยหูไม่ได้ตอบอะไร เมื่อวางลู่ชิงจิ่วลงบนแท่นแล้ว หมอกสีดำก็สลายหายไปพร้อมกับคืนร่างเป็นมนุษย์

เนื่องจากปลาเหล่านั้นเป็นแหล่งกำเนิดแสง ลู่ชิงจิ่วจึงพอจะมองเห็นทิวทัศน์บนแท่นนี้ได้รางๆ นี่คือก้อนหินขนาดใหญ่สุดแสนประณีตซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับการขัดถูเป็นพิเศษ บริเวณที่ไกลที่สุดของก้อนหินมีทางเข้าถ้ำขนาดมหึมา ตรงปากทางเข้าถ้ำมีแสงเจิดจ้าที่ดูระยิบระยับเป็นพิเศษท่ามกลางท้องทะเลมืด

ไป๋เยวี่ยหูพาลู่ชิงจิ่วเดินไปที่ทางเข้าถ้ำ เขาแนะนำสถานที่นี้สั้นๆ โดยบอกว่าที่นี่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเขา ซึ่งเป็นบ้านในแบบฉบับของมนุษย์

นี่เป็นครั้งแรกที่มีแขกมาในสถานที่ที่ไป๋เยวี่ยหูอยู่อาศัย ในใจของลู่ชิงจิ่วเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าไป๋เยวี่ยหูจะให้ของขวัญวันเกิดแบบไหนกัน

ทั้งสองคนยังคงเดินต่อไปข้างหน้า ก้าวเข้าสู่ทางเข้าถ้ำ เมื่อเข้าไปแล้ว ลู่ชิงจิ่วก็เห็นว่าผนังของทางเข้าถูกฝังด้วยไข่มุกทรงกลมสีสดใสจำนวนมาก ไข่มุกเหล่านี้ส่องแสงเจิดจ้าในถ้ำที่มืดมิด ทำให้ถ้ำสว่างไสวราวกับอยู่ในช่วงเวลากลางวัน

ถ้ำนี้ใหญ่มากจนลู่ชิงจิ่วมองไม่เห็นแม้แต่ปลายสุดของเพดาน นึกถึงไป๋เยวี่ยหูที่อาศัยอยู่ในนี้ ร่างจริงของเขาคงไม่มีขนาดเล็กเท่าไหร่หรอก

ภายในถ้ำมีทางแยกเล็กๆ หลายทาง แต่มีทางสายหลักเพียงทางเดียว และทางสายหลักนี้ตกแต่งเรียบง่ายมาก นอกจากของประดับตกแต่งบางชิ้นที่แขวนอยู่บนผนัง ก็แทบมองไม่เห็นว่ามีร่องรอยของผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงห้องใหญ่ ตรงกลางของห้องมีแผ่นหินสีดำแผ่นหนึ่ง แผ่นหินนี้เป็นทรงกลมและกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งห้อง

ไป๋เยวี่ยหูเอ่ย “นี่คือห้องนอนของฉัน”

“นั่นคือเตียงนายเหรอ” ลู่ชิงจิ่วถามพร้อมชี้ไปที่แผ่นหิน

ไป๋เยวี่ยหูพยักหน้า เขาให้ลู่ชิงจิ่วรออยู่ที่ประตูทางเข้า ส่วนตัวเองเดินไปที่แผ่นหินนั่น เนื่องจากไม่มีไข่มุกส่องแสงในห้อง ลู่ชิงจิ่วจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าไป๋เยวี่ยหูหายไปไหน ทว่าชายหนุ่มก็กลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับมาแล้วเขาก็จับมือลู่ชิงจิ่วพร้อมเอ่ย “มานี่สิ”

ลู่ชิงจิ่วตอบตกลง ถูกไป๋เยวี่ยหูพาเดินไปข้างหน้า

ไป๋เยวี่ยหูพูด “ข้างหน้าค่อนข้างมืด ค่อยๆ เดินตามฉันมา”

ลู่ชิงจิ่วยิ้ม “อืม”

พวกเขาข้ามแผ่นหินนั้นและเดินเข้าไปในถ้ำซึ่งอยู่ด้านหลังห้องนอน เมื่อผ่านเข้าไปแล้ว ลู่ชิงจิ่วดูเหมือนจะก้าวมาถึงห้องที่ทั้งสูงและว่างเปล่า ทั้งห้องนั้นมืดมิด เขามองไม่เห็นอะไรเลย

“ลู่ชิงจิ่ว” ไป๋เยวี่ยหูหยุดเดิน เข้ามาใกล้ที่ข้างหูของลู่ชิงจิ่วแล้วพึมพำเบาๆ ว่า “สุขสันต์วันเกิด”

สิ้นสุดคำพูดนั้น ลำแสงบางๆ ก็ส่องขึ้นตรงหน้าเขา ลู่ชิงจิ่วเห็นโครงกระดูกสีขาวขนาดใหญ่ ไม่ใช่สิ นั่นไม่ใช่โครงกระดูก มันคือเขาสีขาวคู่หนึ่งของมังกร เขามังกรนี้สีขาวกระจ่าง สวยงามดุจหยก ส่องประกายระยิบระยับ มันเกือบจะกินเนื้อที่ของทั้งห้อง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเมื่อมายืนอยู่ข้างหน้าของมันแล้วลู่ชิงจิ่วก็ตัวเล็กพอๆ กับมด

ลู่ชิงจิ่วจ้องไปที่เขามังกร เขาถูกความสวยงามของมันดึงดูด ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าใกล้เขามังกรแล้วเอื้อมมือออกไปลูบเบาๆ สัมผัสของเขามังกรนั้นแข็งดั่งก้อนหิน พอได้สัมผัสแล้วลู่ชิงจิ่วก็วางมือไม่ลง คิดอยากเอาแก้มไปถูไถด้วยซ้ำ

ไป๋เยวี่ยหูถาม “ชอบมั้ย”

“ชอบอยู่แล้วสิ” ลู่ชิงจิ่วยิ้ม “นายไปเอามาจากไหน”

ไป๋เยวี่ยหูตอบ “คือฉัน…คือฉันเก็บมา”

ลู่ชิงจิ่วถาม “เก็บมา?”

“ใช่” ไป๋เยวี่ยหูตอบ “พอมังกรทุกตัวโตขึ้นก็จะผลัดเขามังกรของวัยหนุ่มออกไปนั่นแหละ”

ลู่ชิงจิ่วมีสีหน้าประหลาดใจ “นี่แค่เขาของมังกรวัยหนุ่ม?” เพียงเขามังกรคู่นี้ก็มากพอที่จะทำให้คนตกตะลึงแล้ว แค่ยืนอยู่ข้างๆ ก็จินตนาการได้ถึงรัศมีอันน่าเกรงขามของมังกร

“ใช่” ไป๋เยวี่ยหูตอบ “เขามังกรที่โตเต็มวัยจะใหญ่เป็นสองเท่าของเขานี้”

ลู่ชิงจิ่วจินตนาการไม่ออกแล้ว เขาอยู่ข้างๆ เขามังกรนี่ ไม่สามารถแม้แต่จะเอื้อมมือไปกอดให้รอบเขาได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าหากเป็นมังกรที่โตเต็มวัย…มันจะขนาดไหนกันนะ

ลู่ชิงจิ่วเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นสิ่งนี้ก็น่าจะพิเศษมากใช่มั้ย”

ไป๋เยวี่ยหูตอบ “อืม”

ลู่ชิงจิ่วถามต่อ “ให้ฉันแบบนี้…จะไม่เป็นไรเหรอ” เขาไม่คิดว่านี่คือเขามังกรที่ไป๋เยวี่ยหูเก็บได้จากที่ไหนหรอก เจ้าของเขามังกรนี้คือไป๋เยวี่ยหูชัดๆ เพียงแต่ปีศาจจิ้งจอกบ้านเขาคงรู้สึกเขินอาย เลยหาเหตุผลมาอ้างกับลู่ชิงจิ่ว

“ไม่เป็นไร” ไป๋เยวี่ยหูตอบพร้อมละสายตา ไม่ได้มองที่ลู่ชิงจิ่วต่อ “ฉันจัดการเอง”

ลู่ชิงจิ่วหัวเราะ “ขอบคุณนะ ฉันชอบของขวัญวันเกิดชิ้นนี้มากเลย” เขาไม่เคยได้รับของขวัญวันเกิดที่พิเศษแบบนี้มาก่อน

เขามังกรนี้ใหญ่มาก เดิมทีลู่ชิงจิ่วคิดว่าไป๋เยวี่ยหูจะพาเขามาดูเท่านั้น ถึงแม้จะบอกว่ามอบให้เขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถเอามันออกไปได้ ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ตนเองพูดจบ มือของไป๋เยวี่ยหูก็แตะลงบนเขามังกร จากนั้นมันก็เริ่มหดขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็มีขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ

ลู่ชิงจิ่วตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ไป๋เยวี่ยหูดึงโซ่เรียวยาวเส้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เจาะรูที่เขามังกร แล้วร้อยโซ่เข้าไป จากนั้นเขาก็มองไปยังลู่ชิงจิ่วแล้วเอ่ยอย่างอบอุ่น “ฉันสวมให้นายมั้ย”

ลู่ชิงจิ่วพยักหน้า

ไป๋เยวี่ยหูเอื้อมมือนำโซ่ไปสวมใส่ที่คอของเขา ลู่ชิงจิ่วก้มศีรษะลงและเห็นเขามังกรย่อขนาด ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อกี้ได้เห็นขนาดเดิมของมัน คงยากที่เขาจะจินตนาการได้ว่ามีบางอย่างที่ใหญ่โตมโหฬารสวมอยู่ที่คอของตัวเองจริงๆ มิน่าล่ะไป๋เยวี่ยหูถึงต้องพาเขาไปดูด้วยตาตนเอง ถ้าเปลี่ยนขนาดให้เล็กลงก่อนมอบให้ แล้วไม่ได้เห็นความสง่างามดั้งเดิมของเขามังกร คงน่าเสียดายแย่

ลู่ชิงจิ่วยกมือมาสัมผัสเขามังกรที่เปลี่ยนเป็นขนาดเล็กเบาๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หลังจากไป๋เยวี่ยหูสวมให้ลู่ชิงจิ่วเรียบร้อย เขาก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ ในที่สุดคนตรงหน้าก็ได้รับลมหายใจของเขา และไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นที่ปรารถนาของผู้อื่นอีก

หลังจากให้ของขวัญเสร็จแล้วก็พาลู่ชิงจิ่วไปเล่นน้ำทะเลสักพัก ไป๋เยวี่ยหูถึงค่อยพาลู่ชิงจิ่วกลับไปที่บ้าน เวลานั้นดึกมากแล้ว เมื่อลู่ชิงจิ่วมองดูเวลาถึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสาม

ไป๋เยวี่ยหูส่งลู่ชิงจิ่วลงในลานบ้าน ทั้งสองคนบอกราตรีสวัสดิ์ซึ่งกันและกันก่อนจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ลู่ชิงจิ่วซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงกลับนอนไม่หลับ ชายหนุ่มกอดกล่องไม้ที่คุณยายทิ้งไว้ให้ไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับเกล็ดมังกรที่มีรอยขีดข่วนภายในกล่อง

เกล็ดมังกรนี้น่าจะเป็นของคนรักคุณยาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณยายอยู่ในห้วงอารมณ์แบบไหนถึงทิ้งเกล็ดชิ้นนี้ไว้

ลู่ชิงจิ่วคิดไปต่างๆ นานา ไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไปพร้อมความสับสน

 

วันรุ่งขึ้นลู่ชิงจิ่วผู้ไม่ค่อยได้นอนตื่นสายลุกขึ้นจากเตียงตอนเที่ยง เพราะเมื่อวานเขาเข้านอนดึกเกินไป เมื่อเดินไปที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นคนในครอบครัวที่เหลือกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในห้องนั้น

“ทำไมไม่ทำอาหารล่ะ” ลู่ชิงจิ่วถาม

“พวกเราคิดว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปน่าจะปลอดภัยกว่า” จูเหมี่ยวเหมี่ยวตอบกลับอย่างเจ็บปวด “ถ้ายังท้องเสียอีก ฉันอาจต้องไปเข้าโรงพยาบาลเกี่ยวกับทวารหนักแล้ว”

ลู่ชิงจิ่ว “…”

“แต่หลังจากท้องเสียไปหนึ่งวัน สิวบนหน้าฉันก็หายไปนะ” จูเหมี่ยวเหมี่ยวว่า “หรืออาหารที่อิ่นสวินทำจะช่วยล้างพิษเสริมความงาม”

อิ่นสวินเอ่ย “เธอยังอยากกินมั้ยล่ะ ถ้าเธออยากกินฉันจะทำให้”

“ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ มันจบแล้ว” จูเหมี่ยวเหมี่ยวโบกมือ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่นานก็สังเกตเห็นว่าบนคอของลู่ชิงจิ่วมีอะไรเพิ่มมา “เฮ้ ทำไมนายถึงมีสร้อยคอเพิ่มมาน่ะ ใครเป็นคนให้ ทำมาจากอะไร มันสวยจังเลย”

ลู่ชิงจิ่วตอบ “ของเยวี่ยหู”

“ว้าว พวกนายสองคนมีปัญหากันเหรอ” จูเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มชั่วร้าย

เมื่ออิ่นสวินเห็นเขามังกร ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่ามันคืออะไร ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ปากของชายหนุ่มอ้าออกและไม่ยอมหุบลงอยู่นาน

“มีปัญหาอะไร” ลู่ชิงจิ่วถาม

จูเหมี่ยวเหมี่ยวตอบ “ฮ่าๆๆ ฉันรู้ แต่ฉันจะไม่พูดหรอก”

พวกเขาหยอกเล่นกันสักพักหนึ่ง ลู่ชิงจิ่วถึงค่อยเข้าห้องครัวเพื่อทำอาหาร เขายังไม่ได้กินข้าวเช้า เมื่อวานก็ท้องเสียไปทั้งวัน ตอนนี้ท้องของเขาจึงร้องโครกครากอย่างหิวโหย

เพื่อที่จะได้กินอะไรเร็วขึ้นหน่อย ลู่ชิงจิ่วเลยทำข้าวผัดง่ายๆ โดยคำนึงถึงความอิ่มท้องเป็นหลัก

ถึงจะเป็นข้าวผัดง่ายๆ แต่รสชาติก็ไม่อาจปล่อยผ่าน ไส้กรอก กุ้ง ไข่ ล้วนเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ เขานำมาหั่นเป็นลูกเต๋าแล้วผัดกับข้าว ข้าวจะมีรสชาติดีขึ้นหากทิ้งค้างคืนไว้ แต่ปกติบ้านของเขามักจะกินกันไม่เหลือเสมอ

ลู่ชิงจิ่วผัดข้าวหนึ่งหม้อใหญ่ แล้วขอให้อิ่นสวินไปรีดนมวัว ทุกคนต่างเอาอาหารกลางวันมากินด้วยกัน

หลังจากกินอาหารเสร็จ ลู่ชิงจิ่วผู้ยังคงไม่ตื่นดีก็เข้าไปนอนต่อ จนดวงอาทิตย์ส่องแสงเกินบ่ายสามโมงเขาถึงค่อยลุกจากเตียง

ชายหนุ่มหาวหวอดพลางเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นไป๋เยวี่ยหูนั่งอยู่บนโซฟากำลังดูโทรทัศน์อยู่คนเดียว

ลู่ชิงจิ่วเทน้ำใส่แก้วก่อนนั่งลงข้างๆ ไป๋เยวี่ยหูแล้วถามว่า “ดูอะไรอยู่”

“ดูไปเรื่อย” ไป๋เยวี่ยหูตอบ

ลู่ชิงจิ่วเงยหน้าขึ้น เห็นไป๋เยวี่ยหูกำลังดูโลกของสัตว์ สารคดีเกี่ยวกับจิ้งจอก แน่ล่ะว่ามันแตกต่างจากปีศาจจิ้งจอก ขนจิ้งจอกในสารคดีเป็นสีแดงส้มสวยงาม แค่มองก็รู้สึกว่าสวยมากๆ แล้ว

ครอบครัวจิ้งจอกครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ในกองขยะขนาดใหญ่ พ่อและแม่สุนัขจิ้งจอกกับลูกตัวน้อยน่ารัก ดูมีความสุขมาก ไป๋เยวี่ยหูนั่งอยู่บนโซฟา จ้องดูอย่างจริงจัง

ลู่ชิงจิ่วดูกับไป๋เยวี่ยหูอยู่พักหนึ่ง แล้วเอ่ยถามแบบติดตลก “อันนี้กับชีวิตพวกนายมีอะไรแตกต่างกันมั้ย”

ไป๋เยวี่ยหูตอบ “ไม่มี” พูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเสริมขึ้น “พวกเขายากจนกว่าฉัน”

ได้ยินแล้วลู่ชิงจิ่วเกือบจะพ่นน้ำออกจากปาก

ต้องพูดเลยว่าโลกของสัตว์นั้นน่าสนใจจริงๆ หลังจากที่ลู่ชิงจิ่วดูรายการกับไป๋เยวี่ยหูอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มก็เข้าห้องครัวไปเพื่อทำอาหาร จูเหมี่ยวเหมี่ยวต้องกลับไปทำงานหลังจากมาเที่ยวเล่นที่บ้านของพวกเขาสองสามวัน ดังนั้นลู่ชิงจิ่วจึงอยากทำแต่ละมื้อให้หลากหลายสักหน่อย ให้เธอกินทุกอย่างที่กินได้

ผักนานาชนิดในฤดูใบไม้ผลิอุดมสมบูรณ์มาก ไม่ว่าอะไรก็มีหมด ลู่ชิงจิ่วนำฟักทองที่เอากลับมาเมื่อวันก่อนมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วบด ผสมให้เข้ากันกับแป้ง ใส่ไส้ถั่วแดงลงไปตรงกลางแล้วนำไปนึ่ง จากนั้นเอาไปเคลือบด้วยเกล็ดขนมปังก่อนนำไปทอดที่อุณหภูมิต่ำ ฟักทองบ้านพวกเขาเดิมทีมีกลิ่นหอมฉุย ทั้งหวานทั้งนิ่ม ยิ่งทอดออกมาแบบนี้รสชาติยิ่งอร่อย ข้างนอกกรุบกรอบ แต่เมื่อกัดลงไปแล้วไส้ถั่วแดงร้อนๆ จะไหลออกมาจากข้างใน

ลู่ชิงจิ่ววางแป้งฟักทองทอดที่เพิ่งทอดเสร็จลงบนจานรอให้เย็น เห็นอิ่นสวินวิ่งด้วยความรวดเร็วเข้ามาจากข้างนอก พอเห็นเขาก็ตะโกนว่า “ลู่ชิงจิ่ว!”

“มีอะไรเหรอ” ลู่ชิงจิ่วถาม

อิ่นสวินร้อง “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

มือของลู่ชิงจิ่วกระตุกนิดหนึ่ง “เกิดเรื่องใหญ่? เรื่องอะไร”

อิ่นสวินตอบ “ปีศาจจิ้งจอกบ้านนายกำลังดูหนังโป๊ในห้องนั่งเล่นตอนกลางวันแสกๆ!”

ลู่ชิงจิ่ว “…” เขามองไปทางอิ่นสวินด้วยสีหน้าเชิงว่านี่นายจริงจังใช่มั้ย

อิ่นสวินเอื้อมมือไปหยิบแป้งฟักทองทอดหนึ่งชิ้น กัดไปหนึ่งคำพร้อมพยักหน้าอย่างขันแข็ง “ฉันจริงจังนะ! นายรีบออกไปดูเถอะ!”

ลู่ชิงจิ่วเช็ดมืออย่างเร่งรีบ สงสัยว่าไป๋เยวี่ยหูเปิดไปที่ช่องแบบชำระเงินหรือเปล่า เขารีบออกจากห้องครัว เดินไปห้องนั่งเล่นพลางคิดจะเอ่ยทักทายสักสองประโยค แต่ขณะที่เขาอยู่ด้านนอกยังไม่ได้เข้าไปนั้น กลับได้ยินเสียงต่ำของผู้ชายที่แสนคุ้นเคย [ฤดูใบไม้ผลิมาถึง เป็นฤดูผสมพันธุ์แล้ว…]

ลู่ชิงจิ่ว “…” เหมือนเขาจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้

เป็นไปตามที่คาด เมื่อลู่ชิงจิ่วดูที่หน้าจอโทรทัศน์ชัดๆ เขาก็เห็นจิ้งจอกตัวน้อยสองตัวกำลังผสมพันธุ์กัน จิ้งจอกตัวผู้กำลังขี่อยู่บนจิ้งจอกตัวเมียและขยับไปมา ไป๋เยวี่ยหูขมวดคิ้วตั้งใจดูเป็นพิเศษ

ลู่ชิงจิ่วรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เขาแสร้งทำเหมือนไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแล้วหันหลังกลับไปเงียบๆ

อิ่นสวินยังคงเป็นภัยต่อแป้งฟักทองทอดอยู่ในห้องครัว ในปากของเขาเต็มไปด้วยถั่วแดง เมื่อเห็นลู่ชิงจิ่วกลับมาก็รีบพูดว่า “เป็นไงบ้างๆ เขาดูหนังโป๊ใช่มั้ย!”

ลู่ชิงจิ่วกัดฟันตอบ “โลกของสัตว์เรียกว่าเป็นสื่อลามกมั้ย”

อิ่นสวิน “ถ้าไม่ใช่หนังโป๊แล้วนายหน้าแดงทำไมล่ะ!”

ลู่ชิงจิ่ว “ฉันหน้าแดงที่ไหนกัน!” จะว่าไปเมื่อกี้ตอนที่เห็นสีหน้าของไป๋เยวี่ยหู เขาก็รู้สึกเขินเล็กน้อย แต่ไม่ได้หน้าแดง…หรอกมั้ง

อิ่นสวินไล่ต้อนลู่ชิงจิ่วอย่างไร้ความปรานี “อย่ามาทำไขสือ ตอนนี้นายหน้าแดงอย่างกับก้นลิง”

ลู่ชิงจิ่วโมโหแล้ว “กินแป้งฟักทองทอดของนายไปเลย”

อิ่นสวิน “…” พวกผู้ใหญ่อย่างนายนี่หงุดหงิดง่ายขนาดนี้เลยเหรอ

เพื่อเป็นการรักษาแป้งฟักทองทอดของตัวเอง อิ่นสวินเรียนรู้ที่จะเงียบปาก ลู่ชิงจิ่วเอาแป้งที่เหลือมาทอดจนหมด เมื่อทอดเสร็จแล้วก็ไปที่ห้องนั่งเล่น มองเห็นจิ้งจอกในโลกของสัตว์ให้กำเนิดลูกอีกหนึ่งคอก อ่า ไม่รู้ว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้า พวกเขาจะคุมได้มากขึ้นมั้ย อย่าสอนเด็กๆ ในทางที่ไม่ดีเลย

จูเหมี่ยวเหมี่ยวที่ไม่รู้ตัวตนของไป๋เยวี่ยหูหลังจากตื่นนอนและอาบน้ำลวกๆ แล้วก็มานั่งข้างไป๋เยวี่ยหูบนโซฟา ดูโลกของสัตว์ด้วยกัน แถมยังพูดคุยถกประเด็นกับไป๋เยวี่ยหูด้วย

“จิ้งจอกพวกนี้จะมีคู่แค่เพียงตัวเดียว” จูเหมี่ยวเหมี่ยวแทะเมล็ดแตงโม “เหมือนว่าในสามปีจะเลี้ยงลูกหนึ่งคอก…”

ไป๋เยวี่ยหูทวน “สามปี?”

จูเหมี่ยวเหมี่ยวตอบ “ใช่ ต้องเลี้ยงจิ้งจอกน้อยให้โต แน่นอนว่ามันต้องยากมากแน่ๆ ถ้าจิ้งจอกน้อยโชคร้ายตายตั้งแต่เด็ก จิ้งจอกน้อยตัวใหม่ถึงจะเกิดในปีต่อไป” พูดไปก็ลูบจิ้งจอกตัวน้อยที่อยู่บนตักไปด้วย เธอเอ่ย “อ่า ถ้าไม่ใช่เพราะขนแก ฉันคงคิดว่าแกเป็นจิ้งจอกตัวน้อย ปากแหลมๆ เล็กๆ นี่ด้วย”

จิ้งจอกน้อย “…” พี่สาว คุณจำคนจากขนงั้นเหรอ

ไป๋เยวี่ยหูได้ยินดังนั้นก็เผยสีหน้าครุ่นคิด

จูเหมี่ยวเหมี่ยวพูดต่อ “จิ้งจอกนี่มันฉลาดเนอะ ถ้าเปลี่ยนเป็นสัตว์อย่างอื่นพวกมันอาจจะตายในโรงทิ้งขยะไปนานแล้ว”

ไป๋เยวี่ยหูตอบ “มนุษย์ชอบจิ้งจอกมากใช่มั้ย”

จูเหมี่ยวเหมี่ยว “ใช่สิ ถึงแม้มนุษย์จะรู้สึกว่าจิ้งจอกมีเล่ห์เหลี่ยมมาก แต่พวกเขาคิดว่าพวกมันคือสัญลักษณ์ของเสน่ห์แห่งปัญญา ไม่อย่างนั้นเวลาจะด่าว่าใคร ทำไมถึงด่าว่าจิ้งจอก ไม่เห็นมีหมาป่าหรือสุนัขอะไรเลยล่ะ”

ไป๋เยวี่ยหู “อืม…”

ลู่ชิงจิ่วฟังบทสนทนาของพวกเขา ฟังแล้วคิดจะรีบพุ่งตัวเข้าไปให้จูเหมี่ยวเหมี่ยวหยุดพูด เขาเข้าใจเหตุผลที่ไป๋เยวี่ยหูต้องแกล้งปลอมเป็นจิ้งจอกแล้ว แต่จะบอกปีศาจจิ้งจอกบ้านเขาอย่างไรว่าตัวเองไม่ได้สนใจร่างจริงของอีกฝ่ายเลยสักนิด แค่พูดไปตรงๆ อย่างงั้นเหรอ แล้วถ้าไป๋เยวี่ยหูไม่เชื่อล่ะ ในใจของลู่ชิงจิ่วยังคงสับสนวุ่นวายกับผลลัพธ์ที่จะเกิด เขาเห็นจูเหมี่ยวเหมี่ยวหยิบรีโมตพร้อมกับเปลี่ยนช่อง “โลกของสัตว์จบแล้ว พวกเราดูอย่างอื่นกันเถอะ”

ไป๋เยวี่ยหูตอบ “อืม”

จูเหมี่ยวเหมี่ยวเปลี่ยนไปดูละครโทรทัศน์เรื่องความขัดแย้งระหว่างแม่ยายกับลูกสะใภ้ นั่งดูกับไป๋เยวี่ยหูด้วยความเพลิดเพลินกันสองคน

วันนี้เป็นวันที่แปลกจริงๆ ปกติไป๋เยวี่ยหูมักจะนอนบนเก้าอี้โยกในลานบ้านอย่างขี้เกียจจะเคลื่อนไหว แต่วันนี้เขากลับดูโทรทัศน์กับจูเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยความสนใจและจริงจัง

ลู่ชิงจิ่วกระซิบว่า “เยวี่ยหู เหมี่ยวเหมี่ยว พวกนายอยากกินแป้งฟักทองทอดมั้ย”

จูเหมี่ยวเหมี่ยวยืนขึ้นและเอ่ยอย่างมีความสุข “เอาๆๆ อยู่ในครัวหรือเปล่า”

“อืม” ลู่ชิงจิ่วพูด “เพิ่งทอดเสร็จ ยังร้อนอยู่เลย”

จูเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้รอให้ลู่ชิงจิ่วพูดต่อ เธอรีบเข้าไปในห้องครัว ทิ้งให้ลู่ชิงจิ่วและไป๋เยวี่ยหูจ้องมองหน้ากันในห้องนั่งเล่น

ลู่ชิงจิ่วถูกสายตาของไป๋เยวี่ยหูมองมาอย่างไม่ค่อยปกติก็ไอแห้งๆ ขึ้นมา “นายจะไม่กินเหรอ”

ไป๋เยวี่ยหูตอบ “ยังไม่หิว”

ลู่ชิงจิ่ว “…” หือ? เขาไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย ไป๋เยวี่ยหูบอกว่ายังไม่หิว ปกติเวลากินไป๋เยวี่ยหูจะกระตือรือร้นที่สุดไม่ใช่เหรอ!

ไป๋เยวี่ยหูเอ่ย “นายชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง”

ลู่ชิงจิ่วคิดว่าเขาได้ยินผิดไป จึงเอ่ยขึ้นอย่างงุนงงว่า “นายพูดอะไรน่ะ”

ไป๋เยวี่ยหูพูด “นายชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง” เสียงของเขาอ่อนโยนลง “ฉันชอบหมดเลย”

ลู่ชิงจิ่วคิดว่าตัวเองคงเข้าใจความหมายของไป๋เยวี่ยหูผิดไปแน่ๆ แม้ว่าสายตาของไป๋เยวี่ยหูจะทำให้เขาหน้าร้อนฉ่า แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนทำตัวให้สงบแล้วตอบว่า “ฉันชอบทั้งนั้นแหละ” พูดจบก็เสริมอีกประโยค “จะเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงก็เหมือนกัน!”

ไป๋เยวี่ยหู “อืม จริง”

สายตาของไป๋เยวี่ยหูร้อนแรงเกินไป ลู่ชิงจิ่วยังคงไม่กล้าสบตาเขา ชายหนุ่มหลบสายตาพลางถามว่า “งั้น…นายอยากกินแป้งฟักทองทอดมั้ย”

ไป๋เยวี่ยหูพูด “เอาสิ”

ลู่ชิงจิ่วที่หนีออกมาและเข้าไปในห้องครัวเห็นจูเหมี่ยวเหมี่ยวและอิ่นสวินกำลังกินแป้งทอดอย่างตะกละตะกลามอยู่ จูเหมี่ยวเหมี่ยวยัดกินจนแก้มป่อง พูดเสียงอู้อี้ว่า “ลู่ชิงจิ่วทำไมหน้านายถึงแดงขนาดนั้นล่ะ”

ลู่ชิงจิ่ว “ดูโลกของสัตว์น่ะสิ”

จูเหมี่ยวเหมี่ยว “…จริงจังมั้ยเนี่ย”

ลู่ชิงจิ่ว “ไม่งั้นจะอะไรล่ะ”

คำพูดของจูเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้สงบเสงี่ยมอย่างเด็กผู้หญิงเลย เธอฟังลู่ชิงจิ่วพูดอย่างตื่นเต้น หญิงสาวเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “นายฟุ้งซ่านเกินไปหรือเปล่า นายเคยเห็นปลาโลมาผสมพันธุ์มั้ย ไอ้บ้า ไอ้นั่นมันยาว…อย่างน่าตื่นเต้นเลยล่ะ”

ในใจของลู่ชิงจิ่วคิดว่าไม่ได้เห็นแค่โลมาแต่ยังมีทากอีกด้วย เธอเคยเห็นอะไรสีม่วงฟ้าอันนั้นมั้ย นั่นก็ตื่นเต้นเหมือนกัน

อิ่นสวินผู้ซึ่งเป็นเด็กน้อยที่ไม่เคยเห็นโลกถึงกับมึนงงกับสิ่งที่ได้ฟัง “หือ? ปลาโลมามีอวัยวะเพศด้วยเหรอ ปลาโลมาไม่ใช่ปลาหรอกเหรอ” ไม่ใช่ว่าปลาทั้งหมดปฏิสนธิข้างนอกหรอกเรอะ

“นายไม่ได้ตั้งใจเรียนสินะ โลมาน่ะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาลแห่งท้องทะเลด้วยแหละ สายพันธุ์ชั่วร้ายนี้แม้แต่ปลายังไม่รอดเลย” จูเหมี่ยวเหมี่ยวตื่นเต้นกับการสอนพิเศษให้อิ่นสวิน “นายรู้มั้ยว่าปลาโลมาในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำยังโจมตีผู้ดูแลเลย!”

ได้ยินดังนั้นอิ่นสวินก็เบิกตากว้าง เหลือบมองลู่ชิงจิ่วโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้ลู่ชิงจิ่วกำลังอ่อนไหวสุดๆ ถูกสายตาอิ่นสวินจ้องมองจนขนลุกไปทั้งตัว “ไอ้บ้า แม่นายสิ มองฉันทำไม”

อิ่นสวินตอบ “ฉันแค่มองไปเรื่อย” มันแปลกไง ฉันถึงมองนาย ไม่ใช่เพราะนายเลี้ยงสัตว์ที่น่ากลัวกว่าปลาโลมาไว้หรือไง ไอ้นั่นน่ะน่ากลัวกว่าปลาโลมาตั้งเยอะ อย่างน้อยๆ พ่อเขาน่ะแม้แต่เต่าตัวหนึ่งก็ไม่เว้น อ่า ในความฝัน ใครจะทำอะไรก็ได้นี่นะ

ลู่ชิงจิ่วมองอิ่นสวินอย่างสงสัย ไม่เชื่อว่าอิ่นสวินแค่มองไปเรื่อย “อิ่นสวิน นายบอกความจริงกับฉันมาเลย นายรู้อะไรใช่มั้ย”

อิ่นสวินทำท่าโง่เง่า “รู้อะไร”

ลู่ชิงจิ่ว “แน่นอนว่ามันเกี่ยวกับเรื่อง…” เดิมทีเขาอยากจะเอ่ยถึงไป๋เยวี่ยหู แต่ไม่รู้ว่าไป๋เยวี่ยหูปรากฏกายที่ประตูห้องครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายหนุ่มมองดูทั้งสามคนกำลังถกเถียงเรื่องที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กน้อยอย่างไร้อารมณ์ พอคำพูดมาถึงปากแล้วเขาก็กลืนกลับลงไปทันที “แน่นอนว่าเกี่ยวกับเรื่องบ่ายนี้จะกินอะไร!”

อิ่นสวิน “พวกเรามากินปลาบำรุงร่างกายกันเถอะ” เขามองไปที่ลู่ชิงจิ่วด้วยความสงสาร

ลู่ชิงจิ่ว “…” ไอ้บ้านี่หมายความว่าไง

อิ่นสวิน “…” ก็ไม่ได้อะไร ฉันแค่เป็นห่วงนายนิดหน่อยเอง

ลู่ชิงจิ่ว “…” พูดให้รู้เรื่อง

อิ่นสวิน “…” ดูแลตัวเองดีๆ เถอะ กลัวว่าวันดีๆ ของนายจะเหลือไม่เยอะแล้วสิ

หลังจากสื่อสารกันทางสายตา อิ่นสวินก็กลับสู่บุคลิกโง่เง่าอย่างเดิม เขากัดแป้งฟักทองทอดแล้วลากเจียงปู้ฮ่วนให้ตามไปกวาดขี้ไก่

จูเหมี่ยวเหมี่ยวนั้นค่อนข้างความรู้สึกช้า ไม่รับรู้ถึงกระแสใต้น้ำอันพลุ่งพล่านระหว่างลู่ชิงจิ่วและไป๋เยวี่ยหู แต่เธอรู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียดขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ “พวกนายคุยกันไปนะ ฉันจะออกไปทำอะไรสักหน่อย”

ลู่ชิงจิ่วไม่ทันเรียกเธอให้หยุด หญิงสาวก็หมุนตัวเดินออกไปแล้ว

ดังนั้นพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้จึงเหลือเพียงลู่ชิงจิ่วและไป๋เยวี่ยหูเท่านั้น ตอนแรกลู่ชิงจิ่วคิดว่าไป๋เยวี่ยหูจะพูดอะไร แต่กลับเห็นปีศาจจิ้งจอกบ้านเขาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวจากไป

ลู่ชิงจิ่วรีบร้องเรียก “เยวี่ยหู!”

ไป๋เยวี่ยหูหยุดชะงักฝีเท้า หันมามองด้วยแววตาเป็นประกาย

ลู่ชิงจิ่วพูดเสียงเบา “คือ…นายยังไม่ได้กินแป้งฟักทองทอดเลย”

ไป๋เยวี่ยหู “…”

ลู่ชิงจิ่ว “กินมั้ย”

ไป๋เยวี่ยหูพูดลอดไรฟัน “กิน”

ลู่ชิงจิ่ว “…” นายจะกินก็กินสิ จะทำท่าทางน่ากลัวแบบนี้ทำไม…

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com