ทดลองอ่าน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1 บทที่ 7 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1 บทที่ 7 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1

ผู้เขียน : ซีจื่อซวี่ (西子绪)

แปลโดย : ธันวาตุลาคม

ผลงานเรื่อง : 幻想农场 (Huan Xiang Nong Chang)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ มีการบรรยายเกี่ยวกับการตายของสัตว์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

  

บทที่ 7 กราบไหว้

 

“ตอนนี้ศพผู้ชายยังระบุตัวตนไม่ได้ ช่วงเวลาการตายหลังจากศพผู้หญิงครึ่งปี” ตำรวจระบุ “ที่จริง ศพจมอยู่ในน้ำมาครึ่งปีก็น่าจะเน่าเปื่อยพอกัน แต่ร่างของผู้ชายคนนี้กลับอยู่ในสภาพดีมาก นี่คือหนึ่งในสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุด”

ลู่ชิงจิ่วขมวดคิ้วพลางเอ่ย “คุณตำรวจครับ ขอถือวิสาสะถามชื่อได้มั้ย”

ตำรวจ “ผมชื่อหูซู่ เรียกผมตำรวจหูก็ได้”

“ครับ คุณตำรวจหู ที่จริงผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมแค่ฝันร้าย” ลู่ชิงจิ่วระบาย “เมื่อครึ่งปีก่อนผมยังทำงานในเมืองอยู่เลย เพื่อนบ้านยืนยันได้ว่าผมไม่ได้กลับมาสักครั้ง ดังนั้นผมเลยไม่รู้จะอธิบายเรื่องพวกนี้ยังไง”

หูซู่ตอบ “ผมรู้ เรื่องนี้ผมตรวจสอบแล้ว” หลังจากพบศพ พวกเขาได้ตรวจสอบประวัติของลู่ชิงจิ่วอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้วจริงๆ ถึงสามารถตัดความเป็นไปได้ที่เขาจะลงมือฆาตกรรมออกไป

ในเมื่อลู่ชิงจิ่วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คดีจึงมุ่งไปทางเหนือธรรมชาติเต็มพิกัด นายตำรวจหูมีสีหน้าขมขื่น ก่อนจะถอนหายใจอีกหน

ลู่ชิงจิ่วเห็นดังนั้นก็ได้แต่ตบบ่านายตำรวจเป็นเชิงปลอบใจ

ตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสเพิ่ม หลังจากสืบสวนที่ลานหลังบ้านของลู่ชิงจิ่วมาหลายวันตำรวจก็เคลื่อนย้ายออกจากสถานที่เกิดเหตุ แน่นอนว่าคราวนี้ได้นำน้ำในบ่อมาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าในบ่อน้ำจะไม่มีศพปรากฏขึ้นอีก

“ดีที่สุด คุณควรหาคนมาช่วยทำพิธีนะ” ทั้งหมู่บ้านล้วนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านลู่ ชาวบ้านแต่ละคนรู้สึกว่ามันเป็นลางร้าย ลุงหลี่เพื่อนบ้านยังบอกว่า “มีคนแปลกหน้าตายที่ลานหลังบ้านแบบนี้ อัปมงคลซะจริง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ลู่ชิงจิ่วเอ่ย “ผมไม่เชื่อเรื่องนั้น”

“เฮ้อ เจ้าเด็กนี่” ลุงหลี่พูด “ฉันรู้ว่านายไม่เชื่อ แต่คนอื่นๆ ในหมู่บ้านเชื่อไง ถ้านายไม่หาคนมาทำพิธี คนอื่นๆ จะกลัวไม่กล้าไปบ้านนาย”

ลู่ชิงจิ่วชะงักเล็กน้อย เขาไม่เคยนึกถึงจุดนี้มาก่อนเลย จึงลังเลอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้ารับ “งั้นผมจะกลับไปคิดดูครับ”

“ดี” ลุงหลี่เอ่ย “ทางฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน มีแม่หมอคนหนึ่งมีอาคมเก่งกาจ คราวก่อนลูกชายฉันถูกผีสิง เธอก็มาเรียกวิญญาณนั้นกลับไป”

ลู่ชิงจิ่ว “ครับ”

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เขารู้สึกลังเลที่จะไปหาไป๋เยวี่ยหู พยายามเอ่ยถามอ้อมๆ ว่าชายหนุ่มกลัวพวกคนทรงเจ้าหรือเปล่า ไป๋เยวี่ยหูนั่งหาวหวอดบนเก้าอี้ เขาลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของลู่ชิงจิ่ว “แม่หมอ เป็นแบบไหน”

“แบบตรงทางเข้าหมู่บ้าน” ลู่ชิงจิ่วทวนคำพูดของเพื่อนข้างบ้านให้เขาฟัง “ถ้านายกลัว พวกเราก็ไม่ต้องเชิญเขามา” ตอนแรกเขาอยากจะตอบรับที่ลุงหลี่แนะนำ แต่พอนึกย้อนดู ตัวเองก็ซ่อนปีศาจจิ้งจอกจอมเฉื่อยชาไว้ตนหนึ่ง จึงต้องกลับคำกะทันหัน เอ่ยบอกว่าจะกลับไปคิดก่อน

“เชิญมาเถอะ” ไป๋เยวี่ยหูหลับตาลง พร้อมอ้าปากหาว “ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรฉันได้หรอก แต่…”

“แต่อะไร” ลู่ชิงจิ่วถาม

“บ่อน้ำหลังบ้านนายยังมีแรงปรารถนาอยู่” ไป๋เยวี่ยหูกล่าว “ถ้าคนปกติเข้าใกล้ อาจจะได้รับผลกระทบ”

“แรงปรารถนา?” ลู่ชิงจิ่วถาม “มันคืออะไร”

“สภาพจิตใจที่ถูกครอบงำก่อนตาย” ไป๋เยวี่ยหูตอบ “ความเกลียดชังที่ฝังลึกสามารถเปลี่ยนเป็นแรงแช่งได้ แต่ถ้ามันเป็นเพียงการถูกครอบงำ มันก็คือแรงปรารถนา ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมีผลยังไง แต่คงไม่ถึงตายหรอก”

ลู่ชิงจิ่ว “อ้อ…ถ้าฉันเชิญแม่หมอมาดู จะทำให้มันหายไปได้มั้ย”

ได้ยินดังนั้น ไป๋เยวี่ยหูก็อ้าปากคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับเงียบ รักษามาดขี้เซาตลอดเวลาต่อไป

 

วันถัดมาลู่ชิงจิ่วไปยังต้นหมู่บ้านเพื่อเชิญแม่หมอแซ่เหอ แม่หมอคนนี้ดูจะอายุร่วมเจ็ดสิบแปดสิบปีแล้ว เส้นผมบนศีรษะร่วงจนเกือบหมดเกลี้ยง แม่หมอใส่เสื้อผ้าที่มีรอยปะ ทำให้ดูลึกลับขึ้นหลายส่วน เมื่อนางได้ยินคำขอของลู่ชิงจิ่วก็กล่าวอะไรที่เขาฟังไม่รู้เรื่องออกมามากมาย จากนั้นถึงค่อยทำมือเป็นสัญญาณโอเค

ลู่ชิงจิ่วแอบคิดในใจ แม่หมอนี่ช่างมีสไตล์ฝรั่งซะจริง ทำมือโอเคได้ด้วย เขาเอ่ย “ต้องรบกวนด้วยนะครับ แม่หมอว่างไปเมื่อไหร่หรือครับ”

แม่หมอขมวดคิ้ว ก่อนเอื้อมมือจับไหล่ลู่ชิงจิ่ว แล้วยื่นมือไปถึงตรงหน้าของชายหนุ่ม

ลู่ชิงจิ่วมองนางอย่างทำอะไรไม่ถูก กระทั่งริมฝีปากเหี่ยวย่นค่อยๆ ขยับพ่นคำพูดออกมาสองคำ “สามร้อย”

ลู่ชิงจิ่ว “…”

หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ลู่ชิงจิ่วก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากล้วงเงินสามร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋า แล้ววางลงบนมือแม่หมอด้วยอาการสั่นน้อยๆ

แม่หมอรับเงิน ในที่สุดมือที่ทำท่าโอเคก็หดกลับไป “จะเข้าไปพรุ่งนี้ เตรียมไก่ตัวผู้ตัวใหญ่ไว้ด้วย เอาแบบที่ยังมีชีวิตนะ!”

ลู่ชิงจิ่ว “…ครับ”

กลับจากบ้านแม่หมอ ลู่ชิงจิ่วก็ไปหาลุงหลี่เพื่อนบ้านอีกครั้ง เพื่อขอซื้อไก่ตัวผู้จากบ้านเขา ลุงหลี่เองก็กระตือรือร้น ถามลู่ชิงจิ่วว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอชายหนุ่มบอกว่าแม่หมอจะเข้ามาวันพรุ่งนี้ ลุงหลี่ถึงเบาใจ ย้ำว่าแม่หมอคนนี้เก่งมาก หากทำพิธีแล้ว บ่อน้ำนั่นก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ลู่ชิงจิ่วคิดในใจ ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ไม่กล้าใช้อยู่ดี น้ำในนั้นเคยแช่คนตายเชียวนะ…

ทันทีที่อิ่นสวินได้ยินว่าลู่ชิงจิ่วจะทำพิธีในบ้าน วันรุ่งขึ้นเขาก็รีบมาหาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ลู่ชิงจิ่วยืนแปรงฟันอยู่บริเวณที่ซักผ้าตรงลานหน้าบ้าน เมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายของเพื่อนแล้วก็รู้สึกหวั่นๆ “นายจะตื่นเต้นทำไม”

อิ่นสวินตอบ “ไอ้หยา ไม่ได้เห็นพิธีของแม่หมอมานานมากแล้ว แอบคิดถึงนะเนี่ย”

ได้ยินเช่นนั้น ลู่ชิงจิ่วก็มองอิ่นสวินด้วยแววตาประหลาด “คิดถึงใคร แม่หมอ? รสนิยมนายไม่ธรรมดาเลยนะ”

อิ่นสวิน “นายพูดอะไรน่ะเพื่อน”

ลู่ชิงจิ่วไม่ตอบ ยกมือตบบ่าเพื่อนรัก

เวลาเจ็ดโมงกว่า ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง แม่หมอก็เดินทางมาถึงแล้ว ในมือถือกระเป๋าผ้าใบหนึ่ง ดูแล้วในนั้นน่าจะมีของหลายอย่าง ไป๋เยวี่ยหูยังคงหลับอยู่ ลู่ชิงจิ่วไม่อยากจะไปยุ่งกับเขา เพราะต่อให้เขาจะตื่นหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน

แม่หมอทำปากขมุบขมิบพึมพำบางอย่าง เดินไปถึงบริเวณบ่อน้ำก็เริ่มจัดแจงข้าวของ ลู่ชิงจิ่วยืนมองอยู่ข้างๆ ของบางส่วนในนั้นคือพวกถ้วยชาม บางส่วนคือหยวนเป่า ที่ทำจากกระดาษ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ลู่ชิงจิ่วรู้จัก แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเอาไว้ทำอะไร

แม่หมอไม่ได้อธิบายให้ลู่ชิงจิ่วฟัง ในมือของนางถือดาบ ปากก็พึมพำแปลกๆ แล้วเดินรำรอบปากบ่อ ก่อนจะคว้าไก่ตัวผู้ขึ้นจากพื้น พร้อมง้างดาบฟันลงที่คอไก่

อิ่นสวินที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็ร้องในลำคอ เอ่ยเสียงเบาว่า “ป่าเถื่อนสุดๆ”

ลู่ชิงจิ่วนิ่งเงียบ กำลังคิดอยู่ว่าหลังจบพิธี ไก่ตัวผู้นี้จะเอามากินได้มั้ยนะ…ถ้าเอามาทำไก่ต้มก็น่าจะไม่เลว

หลังจากแม่หมอตัดคอไก่ เลือดสดๆ ก็ไหลนองพื้น นางใช้ชามรองเลือด แล้วยกขึ้นซดหนึ่งอึก ก่อนสาดไปทางปากบ่อ

ลู่ชิงจิ่วเห็นแบบนั้น ในใจแอบคิดว่า เงินสามร้อยหยวนไม่ได้หามาง่ายๆ คุณยายทำงานหนักมากๆ ในการเป็นแม่หมอ

เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง แม่หมอเหอถึงทำพิธีเสร็จ เมื่อทุกอย่างจบสิ้น ลู่ชิงจิ่วก็เอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มนวลว่าไก่ตัวนี้นำไปกินต่อได้หรือไม่ แม่หมอเหลือบมองเขาพลางตอบ “นี่คือไก่ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว จะกินได้ที่ไหน กินไปก็จะป่วย บ่อน้ำใช้ได้แล้วนะ แต่อย่าเอาน้ำในบ่อเข้าปากก็พอ”

ลู่ชิงจิ่วพยักหน้ารับ พร้อมเอ่ยขอบคุณแม่หมอ เห็นนางถือซากไก่เดินห่างออกไป

อิ่นสวินเหลือบมองไก่นั่นอย่างอาลัยอาวรณ์ “ตัวใหญ่ขนาดนั้น ทิ้งไปเสียดายแย่”

“จริง” ลู่ชิงจิ่วถอนหายใจ “เสียดายชะมัด”

ทั้งคู่ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ่อน้ำ พวกเขาเริ่มยุ่งกันอีกครั้ง ในลานบ้านมีแต่เสียงจิ๊บๆ ของเหล่าลูกไก่ สร้างความครึกครื้นอยู่ไม่น้อย เจ้าลูกไก่พวกนี้กล้าหาญมาก ไม่กลัวคนเลยแม้แต่น้อย เห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามา กลับพากันเอาจะงอยปากเล็กๆ สีเหลืองสดไปงับ ลุงหลี่เจอพวกมันครั้งแรกก็โดนงับไปหลายที ดีที่ลูกไก่ยังไม่มีแรงมาก แต่อิ่นสวินอดที่จะถอนหายใจอยู่ข้างๆ ไม่ได้ เจ้าลูกไก่แรกเกิดพวกนี้ไม่กลัวเห็ด ไว้รอฝนตก เขาจะขึ้นภูเขาไปเก็บเห็ด*

“นี่คือลูกไก่ของบ้านฉัน” ไป๋เยวี่ยหูผู้แทบจะเงียบขรึมไม่ปริปากตลอดเวลากลับเอ่ยขึ้นมาจากด้านข้าง เขากล่าวต่อ “นายทำอะไรมัน ฉันก็จะทำแบบนั้นกับนาย”

อิ่นสวิน “…”

ลู่ชิงจิ่ว “ฮ่าๆๆๆๆๆ”

จากนั้นเจ้าทึ่มอิ่นสวินก็คว้าลูกไก่ตัวหนึ่งขึ้นมาก้มจูบลงไปที่ก้นน้อยๆ ของมัน แล้วมองไป๋เยวี่ยหูอย่างเย้าแหย่

ไป๋เยวี่ยหู “…”

ลู่ชิงจิ่วหัวเราะจนน้ำตาไหลอยู่ข้างๆ โดยเฉพาะสีหน้าถมึงทึงของไป๋เยวี่ยหู ทำเอาเขาหัวเราะไม่หยุด

สุดท้ายอิ่นสวินก็เลิกคิดทะเลาะกับลูกไก่ เขามองพวกมันพลางเอ่ยในใจว่า รอให้พวกมันโตซะก่อนค่อยคิดดูอีกที

หลังจากแม่หมอทำพิธีเรียบร้อย ภายในบ้านของลู่ชิงจิ่วก็สงบลง ชาวบ้านพากันพูดถึงเรื่องนี้น้อยลงเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่ลู่ชิงจิ่วคิดว่าเรื่องนี้สิ้นสุดลงแล้ว ดันเกิดเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน คือเกิดเรื่องกับแม่หมอเหอ

เช้าวันนั้นเป็นเช้าที่มีเมฆครึ้ม ลู่ชิงจิ่วนั่งอยู่ข้างนอกหน้าต่าง ล้างกระเพาะหมูด้วยกันกับอิ่นสวิน เขาซื้อกระเพาะหมูมาเมื่อวาน เตรียมจะเอามาต้มซุปกินในวันนี้ ขณะที่ทั้งสองกำลังครุ่นคิดว่าจะล้างกระเพาะหมูอย่างไรให้สะอาดเป็นพิเศษ ก็มีเสียงเคาะประตูเสียงดัง

“ใครน่ะ” อิ่นสวินถาม

“ฉันเอง” เสียงแม่หมอเหอเอ่ยตอบกลับมา

ลู่ชิงจิ่ว “แม่หมอมาได้ยังไงครับ” เขาลุกขึ้น เดินไปเปิดประตู แต่ทันทีที่เปิดประตูออกมาเจอแม่หมอ เขาก็ถึงกับชะงักค้าง

แม่หมอเหอเหมือนจะเดาปฏิกิริยาของลู่ชิงจิ่วได้ นางตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า กระทั่งเสียงที่เปล่งออกมาก็แหบแห้ง นางเอ่ย “ฉัน…ฉันถูกบ่อน้ำบ้านนายสาป!”

ลู่ชิงจิ่ว “…นี่นับว่าเป็นคำสาปเหรอครับ”

แม่หมอเหอสัมผัสผมยาวหนาของตัวเอง “น่าจะ…นะ?”

ลู่ชิงจิ่ว “…” ต่อไปนี้เขาจะเปลี่ยนชื่อบ่อน้ำบ้านตัวเองเป็นผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วงแล้วกัน

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 15 .. 65

 

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com