ทดลองอ่าน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1 บทที่ 8 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1 บทที่ 8 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1

ผู้เขียน : ซีจื่อซวี่ (西子绪)

แปลโดย : ธันวาตุลาคม

ผลงานเรื่อง : 幻想农场 (Huan Xiang Nong Chang)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ มีการบรรยายเกี่ยวกับการตายของสัตว์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

  

บทที่ 8 เห็ดกับลูกไก่

 

ใช่แล้ว บัดนี้ศีรษะที่เคยมีผมไม่กี่เส้นของแม่หมอเหอกลายเป็นกลุ่มผมยาวหนา เส้นผมดำขลับไร้สิ่งใดเปรียบ ผมยาวสีดำเหมือนในโฆษณาแชมพูตามโทรทัศน์

“นอกเหนือจากที่ผมยาวแล้ว แม่หมอยังมีอาการอะไรอีกมั้ยครับ” ถึงอย่างไรก็เพราะบ่อน้ำของบ้านตนทำให้เกิดเรื่องกับแม่หมอเหอ เขาจึงต้องถามไถ่ด้วยความเห็นอกเห็นใจสักหน่อย แม้ดูแล้วมันจะเกิดจากการที่วิชาอาคมแม่หมอไม่เก่งกาจพอก็เถอะ

“ไม่มี” แม่หมอตอบ “ถ้ามีอาการอย่างอื่น คนแก่อย่างฉันจะเดินมาที่นี่ได้เรอะ”

“หลังจากแม่หมอกลับไป มีอะไรแปลกๆ มั้ยครับ” ลู่ชิงจิ่วได้แต่พยายามสอบถาม

“แปลกๆ?” แม่หมอเหอคิด ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว “กลับไปฉันก็ทำซุปไก่ รสชาติมันไม่ค่อยเหมือนซุปที่ฉันกินเป็นประจำสักเท่าไหร่”

ลู่ชิงจิ่ว “…”

อิ่นสวิน “…”

ทั้งคู่ดำดิ่งสู่ความเงียบ ต่างนึกถึงตอนที่แม่หมอเหอบอกกล่าวอย่างขึงขังว่าไก่ที่ถูกนำมาเป็นเครื่องสังเวยไม่สามารถกินได้

“แม่หมอกินไก่นั่นไปจริงๆ เหรอครับ” อิ่นสวินถามอย่างไม่เกรงใจ “ไก่ตัวนั้นกับไก่ทั่วไปต่างกันตรงไหนครับ”

แม่หมอเหอ “อืม…เหมือนจะกลิ่นหอมกว่าปกตินะ”

อิ่นสวิน “…อวดเหรอครับ”

ลู่ชิงจิ่วเห็นสีหน้าทั้งเศร้าทั้งโกรธของอิ่นสวินจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง ถามแม่หมอเหอว่าไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า แม่หมอบอกตอนนี้ยังไม่มี ต้องรอดูอีกสักสองสามวัน ลู่ชิงจิ่วก็บอกกับแม่หมอว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้มาหาเขา เพื่อเป็นการปลอบใจที่โดนเส้นผมสีดำทำให้ชอกช้ำ ชายหนุ่มเลยให้เนื้อหมูครึ่งจิน* กับแม่หมอเพื่อเอากลับไปทำอาหาร

แม่หมอเหอจากไปด้วยความพอใจ แต่อิ่นสวินกลับหดหู่ถึงขีดสุด รู้สึกว่าเสียเงินให้แม่หมอไปโดยเปล่าประโยชน์ เหมือนเสียสองเท่าเลยด้วยซ้ำ

ลู่ชิงจิ่วไม่ได้สนใจเขา เดินเข้าบ้านไปเงียบๆ ปลุกไป๋เยวี่ยหูที่กำลังนอนหลับมาพูดคุยเรื่องแม่หมอเหอ

ไป๋เยวี่ยหูหาวน้อยๆ ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาเรียวสวย ก่อนเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”

“ไม่ตายจริงๆ ใช่มั้ย” ลู่ชิงจิ่วถาม “นายบอกว่าในบ่อน้ำมีแรงปรารถนาอะไรนั่นไม่ใช่รึไง มันจะไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายมนุษย์เหรอ”

ไป๋เยวี่ยหูพลิกกาย ยกมือจับคางพลางมองลู่ชิงจิ่ว “ผมยาวถือว่าเป็นผลร้ายมั้ย”

ลู่ชิงจิ่ว “ก็ไม่นะ”

“งั้นก็ไม่มีผลร้าย” ไป๋เยวี่ยหูตอบ

ลู่ชิงจิ่วส่งเสียงอ้อ เบาใจลงหนึ่งเปลาะ เจ้าจิ้งจอกไป๋เยวี่ยหูน่าเชื่อถือกว่าแม่หมอเหอคนนั้นเยอะเลย ในเมื่อเขาบอกว่าไม่เป็นอะไร ก็น่าจะไม่เป็นอะไรแหละ อีกอย่างผมยาวไม่ถือว่าเป็นผลเสียเลยสักนิด เขานึกถึงบรรดาเพื่อนร่วมงานที่นู่น ถ้ารู้ว่าแค่กราบไหว้ก็มีผมสีดำดกหนา กลัวว่าจะโวยวาย รีบพากันมาที่นี่

แม่หมอเหอวิตกจริตอยู่พักหนึ่ง พอเห็นว่าผมนั้นไม่มีผลข้างเคียงอื่นก็ค่อยๆ วางใจลง ความจริงแล้วนางรู้สึกอับอายที่จะไปหาลู่ชิงจิ่ว ชายหนุ่มจ่ายเงินให้นางมาช่วยแก้ปัญหา นี่ปัญหายังไม่ทันได้แก้ ตัวเองกลับสร้างเพิ่มอีก พูดไปก็พังแผ่นป้ายโฆษณาตัวเองเสียเปล่าๆ

นับจากนั้นลู่ชิงจิ่วก็ไม่ได้เจอแม่หมอเหออยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งไปตลาดในเมือง เขากับอิ่นสวินเห็นแม่หมอเหอเดินจับมือกับชายแก่คนหนึ่งอยู่บนถนน ดูสวีตหวานแหวว เมื่อกลับถึงหมู่บ้านก็ได้ยินคนพูดกัน ถึงได้รู้ว่าแม่หมอเหอไม่ได้ทำธุรกิจแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

“ไอ้หยา เธอรู้หรือเปล่า ไม่รู้แม่หมอไปปลูกผมดำขนาดนั้นมาจากที่ไหน เด่นจะตายอยู่แล้ว ยังไม่พอนะ มีตาแก่หมู่บ้านข้างๆ มาชอบนางด้วยแหละ พอแต่งงานแล้ว นางก็เลิกไล่ผีเลยล่ะ…” เสียงคุณป้าเล่าข่าวก๊อสซิป “ไม่รู้ว่าไปปลูกผมนี่ที่ไหนด้วยนะ ผมสวยมากจริงๆ”

ลู่ชิงจิ่วได้ยินประโยคนี้เข้าก็กลัวจะถูกจับได้ จึงรีบดึงสายตาออกมาทันที

 

ประมาณหนึ่งเดือนหลังจากทำพิธีไล่ผี ในที่สุดลู่ชิงจิ่วก็ได้รู้จากข่าวท้องถิ่นว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในบ่อน้ำนี้

เมื่อหนึ่งปีก่อน หญิงสาวคนหนึ่งได้มาเที่ยวกับแฟนหนุ่ม เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะทั้งคู่ทะเลาะโต้เถียงกัน สุดท้ายแฟนหนุ่มก็ฆ่าเธอ แล้วทิ้งศพไว้ที่บ้านของลู่ชิงจิ่ว จากนั้นแฟนหนุ่มก็หายตัวไป เป็นเพราะพวกเขาอาศัยอยู่ไกลจากที่นี่ ดังนั้นแม้ตำรวจจะสงสัยว่าแฟนหนุ่มเป็นคนฆ่า แต่ก็หาศพไม่พบจึงไม่สามารถดำเนินคดีได้ กระทั่งเมื่อครึ่งปีก่อน ชายหนุ่มลาออกจากงานกะทันหัน แล้วกลับมาที่นี่อีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าเขากลับมาทำไม เพื่อนร่วมงานของเขาบอกแค่ว่าชายหนุ่มมีอาการแปลกๆ อยู่พักหนึ่ง ผมร่วงไม่หยุด ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ผมก็ร่วงเกลี้ยงทั้งศีรษะ ตอนนั้นพวกเขาคิดว่าชายหนุ่มป่วยหนักเสียอีก

ชายคนนั้นกลับมาที่แห่งนี้แล้วก็ไม่สามารถจากไปไหนได้อีก จากการสืบสวนของตำรวจอ้างว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกผิดภายในจิตใจ จึงฆ่าตัวตายในบ่อน้ำ แต่นายตำรวจผู้ทำคดีและลู่ชิงจิ่วต่างรู้ดี เรื่องนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้น ถึงอย่างไรฆาตกรก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ศพก็พบแล้ว คดีนี้ถือเป็นอันสิ้นสุด

ลู่ชิงจิ่วได้แต่วางจานข้าวบนปากบ่อในยามเทศกาล ปักธูปสองสามดอกบนข้าว เพื่อเป็นการรำลึกถึงผีสาวผู้ยึดมั่นอย่างแรงกล้ากับผมของเธอ

ท่ามกลางบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาไปทุกหนแห่ง อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มขึ้น หลายวันมานี้มีฝนตกหนัก อิ่นสวินเปรยว่าอยากขึ้นเขาไปเก็บเห็ด

ลู่ชิงจิ่วพูด “นายเอาแต่มองลูกไก่ในลานบ้าน?”

อิ่นสวินยืนหยัด ดันทุรังเป็นครั้งสุดท้าย “ฉันซื้อลูกไก่มาเองแล้ว!”

“แต่ฉันไม่รู้เรื่องเห็ดเลย” ลู่ชิงจิ่วบอก “ถ้าพวกเราเก็บเห็ดพิษเข้าล่ะ…”

อิ่นสวินยิ้มยิงฟัน เขี้ยวเล็กๆ สะท้อนแสงอาทิตย์ เขายกมือตบหน้าอกตัวเอง รับปากอย่างขึงขังว่า “ไม่เป็นไร ฉันรู้น่า!”

“รู้จริงเหรอ” ลู่ชิงจิ่วมองเขาอย่างสงสัย

“รู้จริงสิ” อิ่นสวินตอบ “โธ่เอ๊ย ก็เก็บเห็ดที่ฉันรู้จักมากินไง ถ้าไม่รู้จัก พวกเราก็ไม่ต้องเก็บ”

ก็ได้ ลู่ชิงจิ่วตกลงกับข้อเสนอของอิ่นสวิน ชายหนุ่มทักทายไป๋เยวี่ยหูก่อนจะเดินทางขึ้นเขา และบอกกับอีกฝ่ายว่าเที่ยงนี้คงต้องทนหน่อย หรือจะเข้าไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อในหมู่บ้านก็ได้

ไป๋เยวี่ยหูถาม “พวกนายจะขึ้นเขา?”

“อื้ม” ลู่ชิงจิ่วตอบ “อิ่นสวินต้องขึ้นไปเก็บเห็ด เมื่อเช้าฝนเพิ่งตกนี่เนอะ ว่าจะเก็บเห็ดกลับมาทำไก่ตุ๋น ต้องหอมมากแน่ๆ”

เหมือนตอนแรกไป๋เยวี่ยหูจะไม่อยากให้ลู่ชิงจิ่วขึ้นไปบนเขา กระทั่งได้ยินคำว่า ‘ทำไก่ตุ๋น’ สามพยางค์นี้ ลู่ชิงจิ่วก็เห็นดวงตาของไป๋เยวี่ยหูเป็นประกายอย่างชัดเจน ก่อนที่อีกฝ่ายจะบอกว่า “ฉันไปกับพวกนายดีกว่า”

ใช่แล้ว จิ้งจอกชอบกินไก่ ลืมจุดนี้ไปได้ยังไง ลู่ชิงจิ่วคิดได้ดังนั้นก็ไม่ทำอะไรให้ยุ่งยากอีก เขาเอ่ย “เอาสิ ถ้านายอยากไป”

ทั้งสามคนเก็บของเรียบร้อย เตรียมอาหารกลางวันกับตะกร้า มุ่งหน้าเข้าป่าไป หมู่บ้านสุ่ยฝู่อยู่ห่างไกลความเจริญ บริเวณโดยรอบแทบจะเป็นป่ารกทึบทั้งหมด สามารถพบเจอสัตว์หรือคนได้เป็นครั้งคราว และเพราะเมื่อเช้าฝนตก พื้นดินจึงยังเปียกชื้น กลิ่นชื้นของดินและต้นไม้ผสมปนเปกันลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ บางกลิ่นหอมทำให้คนรู้สึกสดชื่นเมื่อสูดดม

บริเวณหมู่บ้านมีถนนเล็กๆ หนึ่งสาย ตัดลัดคดเคี้ยวเข้าสู่กลางป่า ลู่ชิงจิ่วเดินถือตะกร้าพลางสำรวจเส้นทาง ไม่ทันไรก็เจอเห็ดสีขาวผุดขึ้นในกอหญ้าข้างทาง

“เห็ด!” ด้วยความที่ไม่เคยเจอเห็ดป่ามาก่อน ลู่ชิงจิ่วจึงร้องอย่างตื่นเต้น

“เห็ดอันนั้นกินไม่ได้” ใครจะรู้อิ่นสวินเพียงเหลือบมองแวบเดียว ก็ดึงสายตากลับแล้วเอ่ยว่า “ชั้นนอกของเห็ดนี่เป็นสีเหลืองเข้ม แสดงว่ามันคือเห็ดพิษ”

ลู่ชิงจิ่ว “อ้อ…งั้นเห็ดแบบไหนล่ะที่กินได้”

อิ่นสวินอธิบาย “ยิ่งธรรมดาเท่าไหร่ยิ่งดี โธ่ ต้องเป็นฤดูร้อนถึงจะมีเห็ดมาก ปีที่แล้วเพื่อนบ้านฉันเก็บกลับไปตั้งเยอะ”

“เอาไปกินหมดเลย?” ลู่ชิงจิ่วถาม

“ใช่ กินหมดเลย” อิ่นสวินพูด “ตอนนี้หญ้าที่หลุมศพสูงเกินห้าเมตรแล้วล่ะ”

ลู่ชิงจิ่ว “…” นายอย่าพูดจะดีกว่า

คนทั้งสามเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เจอกับเห็ดสีขาวดอกโตภายใต้ต้นไม้เก่าแก่สูงใหญ่ อิ่นสวินตรวจสอบดู บอกว่าเห็ดนี้กินได้ ไป๋เยวี่ยหูที่ไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ มาตลอดทางพยักหน้าอยู่ด้านข้างอย่างเห็นด้วย

ลู่ชิงจิ่ววางตะกร้าลงแล้วโน้มกายเริ่มต้นเก็บเห็ดอย่างจริงจัง การเก็บเห็ดนี้ต้องใช้เทคนิคเฉพาะเช่นกัน ไม่สามารถเด็ดตรงกลางต้นได้ ไม่อย่างนั้นเห็ดจะสูญเสียความสดอย่างรวดเร็ว ต้องถอนรากออกจากดินเท่านั้น แต่ห้ามดึงออกมาหมด ไม่อย่างนั้นปีต่อๆ ไป เห็ดจะไม่ผุดขึ้นอีก

เห็ดมีเยอะมากจริงๆ เพียงครู่เดียว ตะกร้าที่พวกเขาเตรียมมาก็เต็มแล้ว อิ่นสวินพูด “ไปเถอะ กลับบ้านกัน”

ลู่ชิงจิ่วผงกศีรษะ ลุกขึ้นถือตะกร้าเดินหน้าไปได้สองก้าวก็เกือบจะเหยียบลงบึงน้ำ

“อะไรเนี่ย” ลู่ชิงจิ่วตกใจร้อง “ตรงนี้มีแอ่งน้ำได้ยังไง”

“น้ำ?” อิ่นสวินหันมอง หน้าตาเหลอหลา “ตอนเพิ่งมาถึงมันไม่มีไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ได้สังเกต” ลู่ชิงจิ่วบอก “แปลกจริง”

ที่จริง มีน้ำอยู่บนพื้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทว่าปัญหาคือบริเวณที่ลู่ชิงจิ่วยืนอยู่เป็นพื้นเรียบ แถมพื้นนั้นยังปกคลุมด้วยใบไม้ที่ร่วงลงมา อยู่ดีๆ แอ่งน้ำนี้ก็ปรากฏในกองใบไม้ร่วงอย่างไร้ที่มาที่ไป แต่ใบไม้ร่วงดันไม่จมน้ำ อีกทั้งใบไม้รอบๆ บริเวณล้วนแห้งกรัง

ลู่ชิงจิ่วโยนหินเล็กๆ ลงในแอ่งน้ำ เห็นหินตกกระทบดังตุ๋มก่อนจะหายไปกับน้ำที่มีใบไม้ร่วงปกคลุม เขาเบิกตากว้าง เพราะหากตัดสินจากเสียงที่หินตกลงไปในน้ำแล้ว แอ่งน้ำนี้น่าจะลึกมากจริงๆ

“นี่มันอะไรน่ะ หลุมเหรอ” ลู่ชิงจิ่วมองไป๋เยวี่ยหู รู้สึกว่าเขาน่าจะรู้คำตอบ

“ไม่ใช่หลุม” ไป๋เยวี่ยหูตอบเสียงสบายๆ “เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง” เขาหยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสริมอีกประโยค “ไม่ค่อยอร่อย”

ลู่ชิงจิ่ว “…” เหมือนมันจะไม่ถูกประเด็นแล้วล่ะ

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 16 .. 65

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com