X
    Categories: everYFantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย?ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1 บทที่ 9 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1

ผู้เขียน : ซีจื่อซวี่ (西子绪)

แปลโดย : ธันวาตุลาคม

ผลงานเรื่อง : 幻想农场 (Huan Xiang Nong Chang)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ มีการบรรยายเกี่ยวกับการตายของสัตว์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

  

บทที่ 9 เพื่อนมาเยี่ยม

 

“สัตว์งั้นเหรอ มันจะเป็นสัตว์ได้ยังไงน่ะ” อิ่นสวินจับศีรษะ เพ่งมองทางแอ่งน้ำ

ไป๋เยวี่ยหูไม่ได้สนใจเขา ทำแค่ละสายตาออกไปอย่างเกียจคร้าน

ลู่ชิงจิ่วเอ่ย “ไม่รู้สิ…ไปกันเถอะ อย่าไปยุ่งกับมันเลย” สัญชาตญาณเขาบอกว่าสัตว์ที่ไป๋เยวี่ยหูพูดถึงกับสัตว์ที่พวกเขาเข้าใจต้องแตกต่างกันแน่ๆ ขืนยังถามต่อไป ใครจะรู้ว่าไป๋เยวี่ยหูจะพูดอะไรที่น่าตกใจหรือเปล่า

ดังนั้นทั้งสามจึงพากันหลบหลีกแอ่งน้ำเล็กๆ นั่น แล้วถือตะกร้าเห็ดเดินลงเขาไป

ตามปกติแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือควรนำเห็ดไปตากแดดก่อนรับประทาน เพราะจะค่อนข้างปลอดภัยในการนำมาปรุงอาหาร แต่เพราะไป๋เยวี่ยหูอยู่ด้วย เขาบอกว่าเห็ดไม่มีพิษ ขั้นตอนนั้นเลยคงไม่สำคัญนัก

ลู่ชิงจิ่วใช้น้ำล้างเห็ดที่เก็บมาจนสะอาด ก่อนจะให้อิ่นสวินนำไก่ที่ซื้อมาเพื่อตุ๋นเห็ดโดยเฉพาะมาที่นี่ แน่นอนว่าไก่นั้นไม่ใช่ลูกไก่ แต่เป็นไก่ที่ยังไม่โตเต็มวัย จะมีเนื้อนุ่ม กระดูกกรุบกรอบ เมื่อนำมาตุ๋นกับเห็ดแล้ว จะให้กลิ่นหอมมากๆ

อิ่นสวินถือมีด พุ่งตัวไปนำไก่มาเชือดพลางนั่งยองๆ กับพื้น ถอนขนไก่

ลู่ชิงจิ่วตั้งท่าจะไปหยิบรำข้าวจากบ้านไปให้หมูในคอก โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดัง เขาหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นเบอร์โทรของเพื่อนร่วมงาน ชายหนุ่มลังเลชั่วครู่ก่อนกดรับ

“ฮัลโหล จูเหมี่ยวเหมี่ยว มีอะไรเหรอ” ลู่ชิงจิ่วเอ่ยถาม

[ชิงจิ่วอ่า นายไม่ยอมกลับมา พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ] เสียงร้องไห้เศร้าสร้อยของจูเหมี่ยวเหมี่ยวเพื่อนร่วมงานส่งผ่านมาตามสาย [พวกเราคิดถึงนายมากเลย]

ลู่ชิงจิ่ว “ทำโอทีเหรอ”

จูเหมี่ยวเหมี่ยว [ทำโอทีจนจะตายอยู่แล้ว ที่แย่ที่สุดก็คือหาคนไม่ได้เนี่ยสิ คนที่จ้างมาทำได้ไม่ถึงเดือนก็ออก บอกว่าต่อให้เพิ่มเงินเดือนก็ไม่เอา เดี๋ยวจะตายอย่างฉับพลัน]

ลู่ชิงจิ่วพูด “ฉันกลับไปไม่ได้หรอก” เขาเอียงศีรษะหนีบโทรศัพท์พลางตอบ ตักรำข้าวที่หมูต้องกินออกมาจากถุงแล้วใส่ลงในถัง

[ฮือ!] จูเหมี่ยวเหมี่ยวร้องแสบแก้วหู

ลู่ชิงจิ่วถามต่อ “มีอะไรอีกมั้ย”

[นายหนีไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ฉันเห็นนายคืนห้องที่เช่าไว้ด้วยนี่…] จูเหมี่ยวเหมี่ยวถาม

“ฉันบอกพวกเธอไปแล้วนี่ ฉันกลับบ้านมาทำสวน” ลู่ชิงจิ่วตอบ “บ่ายวันนี้ก็เพิ่งขึ้นเขาไปเก็บเห็ด”

[บ้านเก่านายอยู่ที่ไหนน่ะ ฉันกับเหล่าต้าลาหยุด อยากไปเที่ยวเล่นสักหน่อย] จูเหมี่ยวเหมี่ยวเล่า

“ลาหยุด? เธอลาหยุดได้ด้วยเหรอ” ลู่ชิงจิ่วตกใจ

[ทำไมล่ะ ถ้าเขาไม่ยอมให้ลาหยุด ฉันจะลาออก สุดท้ายถึงได้ยอมตกลง] จูเหมี่ยวเหมี่ยวตอบ [เลิกพูดเถอะ ฉันอยากเก็บเห็ดเหมือนกันนะ…]

ลู่ชิงจิ่วบอกที่อยู่บ้านตน ก่อนเอ่ยย้ำกับหญิงสาว หากเธอมาถึงตัวเมืองแล้วให้โทรหา เขาจะได้ไปรับ จะให้ผู้หญิงคนเดียวนั่งรถแท็กซี่เข้ามาก็ไม่ปลอดภัย จูเหมี่ยวเหมี่ยวตอบรับอย่างดี แถมยังบอกอีกว่าจะไปซื้อตั๋วรถไฟเที่ยวที่เร็วที่สุดทันที

ลู่ชิงจิ่ววางสายโทรศัพท์ ถืออาหารสัตว์ไปยังคอกหมู เลี้ยงหมูมาได้ครึ่งเดือน เจ้าลูกหมูสีขาวก็ตัวโตอ้วนกลม แต่เสี่ยวฮวาเสี่ยวเฮยยังคงรูปร่างเหมือนเดิม ร่างกายปุกปุยไม่ยอมโตเหมือนชิปมังค์ ลู่ชิงจิ่วมองพวกมันก้มหัวกินอาหารอย่างมีความสุข ก่อนยกมือเคาะที่บานประตู “ทำไมพวกแกกินแล้วไม่โตสักทีนะ”

เสี่ยวฮวาเงยหัวขึ้นมองลู่ชิงจิ่ว ความหมั่นไส้ฉายชัดในแววตา เหมือนกำลังดูแคลนที่ลู่ชิงจิ่วประเมินปัญญาพวกมันต่ำเกินไป ถ้าหมูโตแล้วจะมีจุดจบที่ดีรึไง…

ลู่ชิงจิ่วที่ถูกลูกหมูดูถูก “…”

“เฮ้อ ฉันแค่คิดว่าถ้าพวกแกโตกว่านี้สักหน่อย จะปล่อยพวกแกกลับเข้าป่า” ลู่ชิงจิ่วตอบอย่างช่วยไม่ได้ “โชว์ให้ดูหน่อยสิ”

“ฮึ่ม ฮึ่ม” เสี่ยวฮวาคำรามสองหน ปล่อยของที่เคี้ยวในปากลง ทำท่าไม่อยากโต อยากทำตัวขี้เกียจเสเพลอยู่ที่นี่

ลู่ชิงจิ่วหมดคำพูด คิดอยากจะจับเจ้าลูกหมูดำบ้านี่ลากออกมาจากคอก แต่สุดท้ายเขาก็ได้แค่กล้ำกลืนไว้ บอกตัวเองว่าอย่าหัวเสียเพราะหมูตัวเดียว

ลูกไก่ในบ้านที่เพิ่งซื้อมายังน่ารักกว่าเจ้าหมูสองตัวนี้ตั้งเยอะ วันๆ เอาแต่ร้องจิ๊บๆ เกาะข้าวของ จิกก้อนกรวดและแมลงบนพื้น สร้างความครึกครื้นไม่น้อยไปทั่วทั้งลานบ้าน

ลู่ชิงจิ่วนำไก่ที่อิ่นสวินเชือดแล้วมาหั่นเป็นชิ้น ล้างเสร็จเรียบร้อยก็วางลงในหม้อแล้วผัดเล็กน้อย จากนั้นก็ใส่ซีอิ๊ว ตามด้วยเห็ดที่เพิ่งเก็บมาวันนี้ ตุ๋นด้วยหม้อดินประมาณสองถึงสามชั่วโมง

เนื้อไก่และเห็ดเข้ากันเป็นอย่างดี เดิมทีเห็ดมีรสชาติดีอยู่แล้ว เติมด้วยเนื้อไก่นุ่มๆ ยิ่งทำให้มีกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังไม่ได้ชิมรสชาติ ก็ชวนน้ำลายสอซะแล้ว

ไป๋เยวี่ยหูกลับมาจากรดน้ำในสวน ชายหนุ่มบอกลู่ชิงจิ่วว่ามะเขือเทศออกผลแล้ว อีกสักสองวันก็สามารถกินได้

ลู่ชิงจิ่วตกใจ นี่เพิ่งผ่านมาได้แค่เดือนกว่าๆ จะออกผลได้อย่างไร เขาเอ่ย “ออกผลแล้วจริงๆ เหรอ คนอื่นจะสงสัยอะไรมั้ยเนี่ย”

“ไม่หรอก” ไป๋เยวี่ยหูบอก “ฉันอธิบายแล้ว”

ลู่ชิงจิ่วถาม “นายอธิบายยังไง”

ไป๋เยวี่ยหู “ฉันบอกว่าใช้ยาฆ่าแมลง”

ลู่ชิงจิ่ว “…พวกเขาไม่ได้พูดอะไรอีกเหรอ”

ไป๋เยวี่ยหูส่ายหน้าก่อนจะหาวหวอด “ไม่ได้พูด แค่บอกฉันว่าใช้ยาฆ่าแมลงจะทำให้ผักไม่มีรสชาติ กินไม่อร่อย” ส่วนมากผู้คนในหมู่บ้านจะปลูกผักไว้ซื้อขายเพื่อบริโภคกันเอง ดังนั้นจึงมักจะไม่ใช้พวกยาฆ่าแมลง เพราะท้ายที่สุดคนที่กินก็คือคนในบ้านตน

“อ้อ” ลู่ชิงจิ่วไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ได้แต่ตอบว่า “เหนื่อยแย่เลยนะ เย็นนี้นายกินเยอะๆ หน่อยละกัน”

ไป๋เยวี่ยหูผงกศีรษะ ดูพึงพอใจกับประโยคที่ลู่ชิงจิ่วเพิ่งกล่าว

 

เนื้อไก่ใช้เวลาสองชั่วโมงในการตุ๋น ตอนนี้นุ่มไปทุกสัดส่วน เห็ดเองก็ชุ่มด้วยน้ำซุปจากเนื้อไก่ นอกจากนี้ลู่ชิงจิ่วยังได้ผัดไก่ใส่พริกหยวกกับผัดผักอีกหนึ่งอย่าง เพียงเท่านี้อาหารเย็นก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ทั้งสามคนรับประทานอาหารอย่างสำราญ ไป๋เยวี่ยหูกินเนื้อไก่รวมทั้งกระดูก เคี้ยวกร๊อบๆ อยู่สองครั้ง ฟันสีขาวก็บดขยี้กระดูกจนละเอียด แล้วกลืนทั้งหมดลงท้องไป

อิ่นสวินพึมพำเสียงเบาจากด้านข้างว่าฟันของชายหนุ่มช่างดีเสียจริง ไป๋เยวี่ยหูเหล่ตามองเขา แววตานั้นแสนถมึงทึง เหมือนสัตว์ป่าที่กำลังปกป้องอาหาร

ลู่ชิงจิ่วสงสัย หากอิ่นสวินกินเยอะกว่านี้ ไป๋เยวี่ยหูต้องพูดอะไรแน่ๆ…

เมื่อทั้งสามคนกินอิ่มแล้ว อิ่นสวินก็กลับบ้านของตน ลู่ชิงจิ่วและไป๋เยวี่ยหูพากันนั่งพักผ่อนที่ลานบ้าน โดยลู่ชิงจิ่วนำเมล็ดแตงโมที่คั่วแล้วกับเนื้อวัวตุ๋นออกมากินเป็นของว่าง

“อีกสองวันเพื่อนฉันคนหนึ่งจะมาหา” ลู่ชิงจิ่วเอ่ย “เป็นเพื่อนผู้หญิง น่าจะอยู่ที่นี่สักสองสามวัน”

ไป๋เยวี่ยหูส่งเสียงตอบรับ เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางเอ่ย “บอกเธออย่าวิ่งขึ้นไปบนเขาล่ะ”

“ทำไม” ลู่ชิงจิ่วประหลาดใจ

“หมู่นี้อย่าขึ้นเขากันเลยดีกว่า” ไป๋เยวี่ยหูพูด “ช่วงฤดูใบไม้ผลิ สัตว์ป่ามันเยอะ”

ลู่ชิงจิ่วนึกถึงแอ่งน้ำที่ไป๋เยวี่ยหูเรียกมันว่าสัตว์ ที่พวกเขาพบเจอเมื่อเช้านี้ขึ้นมาทันที ชายหนุ่มถาม “สิ่งนั้นคือสัตว์อะไรน่ะ”

“ฉันไม่ได้จำ” ไป๋เยวี่ยหูตอบ “เพราะกลิ่นมันเหม็นเกินไป”

ลู่ชิงจิ่ว “…” อะไรที่ดูไม่อร่อยมากพอ สำหรับไป๋เยวี่ยหูแล้วล้วนเป็นสิ่งไร้ชื่อเรียกทั้งหมด

“มันจำลักษณะท่าทางของคนได้” ไป๋เยวี่ยหูบอก “ถ้านายมองมัน” ตามคำบอกเล่าของไป๋เยวี่ยหู

‘น้ำก็เปรียบเสมือนกระจกบานหนึ่ง เมื่อคนชะโงกหน้าเข้าไปทางแอ่งน้ำ มันก็จะจำลักษณะท่าทางของนายได้ หรือถ้าตอนที่นายมองมัน นายกำลังอยู่คนเดียว มันก็จะลากนายลงไป แล้วกินวิญญาณหลังจากนายจมน้ำตาย’

ลู่ชิงจิ่วถาม “ถ้ามันจำเราได้ จะเกิดอะไรขึ้น”

ไป๋เยวี่ยหู “มันก็จะมาหานาย”

ลู่ชิงจิ่วตกตะลึง “…ถ้าอย่างนั้น อิ่นสวินก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ!”

ไป๋เยวี่ยหูพูด “ไม่เป็นไรหรอก ปกติแล้วมันไม่ลงมาจากภูเขา การเคลื่อนไหวก็ค่อนข้างช้า อีกอย่างมันจะปรากฏตัวแค่ในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แค่สัตว์ไร้ประโยชน์ตัวหนึ่งน่ะ” เขาให้คำนิยามสิ่งมีชีวิตนั่นพอสังเขป ก่อนคว้าเนื้อวัวเข้าปากอย่างถนัดมือ แล้วหรี่ตาลงอย่างพอใจ “อร่อย”

ลู่ชิงจิ่วถึงค่อยวางใจ

ทั้งสองคนกินเนื้อวัวไปได้ประมาณหนึ่ง ท้องฟ้าก็มืดลงพอดี ลู่ชิงจิ่วรีบนำเหล่าลูกไก่กลับเข้าเล้าไก่ ก่อนจะค่อยหมุนตัวกลับเข้าบ้านนอน

 

วันต่อมาในช่วงเวลาเช้าตรู่ ฝนเริ่มตกตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ฝนตกไม่หนัก แค่เปาะแปะกระทบลงบนพื้น ทำให้ผู้คนรู้สึกง่วงนอนกว่าเดิม ฤดูใบไม้ผลินอนหลับสบาย ฟ้าสว่างก็ไม่รู้ตัว ลู่ชิงจิ่วนอนกลิ้งอย่างเกียจคร้านบนเตียงอยู่สักพัก ตอนที่เขารู้สึกตัวตื่น ไป๋เยวี่ยหูก็ตื่นนอนแล้วเช่นกัน ชายหนุ่มยืนอยู่ที่ลานบ้าน ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร ต้องพูดเลยว่าไป๋เยวี่ยหูคนนี้คือทัศนียภาพฉากหนึ่ง ละอองฝนตกลงที่ปลายเส้นผมของเขาเหมือนไฮไลต์สีเทาเปล่งประกายตามไรผม ชายหนุ่มเป็นแสงสลัวในม่านฝน ราวอีกเพียงชั่วขณะเขาจะกลายเป็นเซียนบนสวรรค์

ลู่ชิงจิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างแอบใช้มือถือถ่ายรูปเก็บไว้ แต่ไป๋เยวี่ยหูกลับรู้สึกได้ เขาจึงหันมาหาลู่ชิงจิ่ว

“อรุณสวัสดิ์” ลู่ชิงจิ่วเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง เอ่ยทักทายไป๋เยวี่ยหูด้วยท่าทีนิ่งๆ

“หวัดดี” ไป๋เยวี่ยหูเอ่ย “ฉันให้อาหารไก่แล้ว”

“อ้อ เหนื่อยหน่อยนะ” ลู่ชิงจิ่วพูด “เช้านี้อยากกินอะไร”

“บะหมี่” ไป๋เยวี่ยหูตอบ “อยากกินไข่”

ลู่ชิงจิ่วพยักหน้า หยิบผ้ากันเปื้อนเดินเข้าห้องครัว แต่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากทางเข้าบ้าน เขาคิดว่านั่นคืออิ่นสวิน จึงบอกให้เข้ามาได้ ใครจะรู้เมื่อประตูถูกเปิดออกจะเผยให้เห็นใบหน้าเปียกฝนของจูเหมี่ยวเหมี่ยว

“จูเหมี่ยวเหมี่ยว?!” ลู่ชิงจิ่วชะงัก “ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนเลยล่ะ”

จูเหมี่ยวเหมี่ยว “บอกอะไรเล่า ฉันมาเองได้” เธอก้าวเข้าประตูลานบ้าน แวบแรกที่เห็นไป๋เยวี่ยหูยืนสีหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ด้านข้าง ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างพลางเอ่ยว่า “ลู่ชิงจิ่ว นายนี่ใช้ได้เลย ฉันว่าแล้วว่านายจะรีบกลับบ้านเก่ามาทำไม ที่แท้ก็แอบซ่อนคนรักไว้นี่เอง!”

ลู่ชิงจิ่ว “ไม่ใช่นะ ฉันไม่มีสักหน่อย!”

เขานึกว่าไป๋เยวี่ยหูจะโกรธ ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังที่มีความหมายล้ำลึกให้กับพวกเขา

จูเหมี่ยวเหมี่ยวมองลู่ชิงจิ่ว “หึๆๆ ร้ายชะมัด กระทั่งชื่อก็ไม่ยอมบอก ดูสิ ฉันโกรธละนะ”

ลู่ชิงจิ่ว “…” เธอนี่ไม่กลัวตายจริงๆ

 

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Fantasy Farm ฟาร์มมหัศจรรย์พรรค์นี้ก็มีด้วย? เล่ม 1

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: