everY
ทดลองอ่าน His Honey เลือก (มาก) นักรักซะให้เข็ด บทที่ 7-10 #นิยายวาย
บทที่ 10
เว่ยป๋อเหิงนัดเซียวอี้ฉือออกมากินข้าวเย็น โดยเซียวอี้ฉือยืนกรานว่าจะไปหาเว่ยป๋อเหิงที่เขตชุมชนของอีกฝ่าย
“แฟนเก่าของนายยังติดต่อนายมาอยู่ไหม” เขาถามอีกฝ่ายทันทีที่เจอหน้า
“ฉันบล็อกเขาไปแล้ว”
“…หลังจากคืนนั้นพวกนายได้คุยกันดีๆ หรือเปล่า”
เว่ยป๋อเหิงถอนหายใจ “ฉันให้อภัยที่เขานอกใจไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรให้คุย”
“โอเค” เซียวอี้ฉือเข้าใจ และไม่ได้พูดอะไรมากอีก
เว่ยป๋อเหิงขอบคุณเขา “ขอบคุณที่วันนี้นายมานะ”
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่มีรถ ตัวเขาเองก็ไปรับอีกฝ่ายได้ แต่เซียวอี้ฉือกลับไม่ยอมและเรียกรถมาหาเขาเอง พอได้เห็นการกระทำที่เกินความจำเป็นแต่เต็มไปด้วยความเอาใจใส่แบบนี้ก็ชวนให้รู้สึกสบายใจและซาบซึ้งใจอย่างมาก
เซียวอี้ฉือคาดเข็มขัดนิรภัย ยกมุมปากยิ้ม “ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันเป็นคนว่างงาน เดี๋ยวพอทำงานแล้วก็ทำอะไรตามใจไม่ได้แล้ว” เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ “…วงการทนายของพวกนายคงไม่ได้มีข่าวลืออะไรแปลกๆ หรอกใช่ไหม”
เว่ยป๋อเหิงสตาร์ตรถ “จะว่าไป ฉันก็นึกว่าจะมีข่าวลือแปลกๆ ที่ต้องรับมือซะอีก แต่สถานการณ์ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ทุกคนแค่เห็นใจที่ฉันคบคนผิด ไม่มีอะไรนอกจากนี้”
เซียวอี้ฉือวางใจ “อย่างนั้นก็ดีแล้ว”
หลังกินข้าวเสร็จเซียวอี้ฉือก็ส่งเว่ยป๋อเหิงที่ชั้นล่างก่อนทำท่าจะจากไป
เว่ยป๋อเหิงพูดก่อนที่เขาจะจากไปว่า “ถ้างั้น…ขึ้นไปนั่งที่บ้านฉันหน่อยไหม”
คำเชิญนี้มีความหมายลึกซึ้งมาก
แต่ไม่ว่าจะมีความหมายแบบใด เซียวอี้ฉือเพียงยิ้มแล้วเอ่ย “นายดูสิว่าฉันไม่ได้เอาอะไรติดไม้ติดมือมาเลย มาบ้านนายครั้งแรกก็น่าจะมีของมาฝากหน่อยสิ ครั้งหน้าฉันเตรียมของแล้วค่อยมาดีกว่า”
เว่ยป๋อเหิงพยักหน้า “ก็ได้ งั้นนายก็กลับบ้านระวังด้วย”
“โอเค วางใจเถอะ”
เซียวอี้ฉือเดินออกมาจากเขตชุมชนของเว่ยป๋อเหิง และเดินมาถึงริมถนนใหญ่
เขาค่อนข้างแสดงได้ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น
เซียวอี้ฉือล้วงซองบุหรี่ออกมา เคาะบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง คาบไว้ที่ปาก จุดไฟ แล้วสูดเข้าไปทีหนึ่ง
เมื่อลับตาคนท่าทีของเขากลับห่อเหี่ยว
เขารู้สึกแย่มาก แม้จะดูไม่เป็นอะไรตอนที่อยู่กับอวี๋จือเหนียนในสวนสาธารณะเล็กๆ แต่ผลที่ตามมาหลังจากนั้นรุนแรงมาก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ฟื้นตัวจากเหตุการณ์นั้นเลย
ตอนนั้นสู้ทะเลาะกันใหญ่โตหรือชกกันให้สะใจไปเลยยังดีกว่า
แถมเขายังบอกว่าจะหาข้ออ้างกับพวกป้าๆ เอง…แต่ว่าข้ออ้างอะไรล่ะ มันหาได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน
ช่างเป็นการตัดขาดที่ยืดเยื้อและไม่เด็ดขาดเอาซะเลย
จู่ๆ ก็อยากดื่มขึ้นมา เซียวอี้ฉือจึงดับบุหรี่แล้วทิ้งลงถังขยะ เขาโบกมือเรียกแท็กซี่ พอขึ้นรถก็บอกกับคนขับว่า “คุณคนขับ รบกวนไปที่บาร์ที่คึกคักที่สุดในเมืองนี้หน่อยครับ”
อวี๋จือเหนียนฟื้นจากอาการไข้หวัดรุนแรงแล้ว
เขาเอาตุ๊กตาสนูปี้กลับเข้าไปในกล่องแล้วปิดฝา จากนั้นก็ใส่สูทผูกไทไปยืนอยู่หน้ากระจกแต่งตัว อืม สีหน้าไม่เลวเลย
เมื่อคนเราเจ็บป่วย อารมณ์ด้านลบจะเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงขั้นอ่อนไหวและเปราะบาง แต่เมื่อหายป่วยแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น
ทนายอวี๋พร้อมที่จะกลับไปทำงานอีกครั้งแล้ว
เขาแตกต่างจากคนน่าสงสารที่นอนซมอยู่บนเตียงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ในช่วงเย็นอวี๋จือเหนียนได้เชิญลูกน้องในทีมของเขาทุกคนไปกินข้าว เพื่อขอบคุณสำหรับการทำงานที่สมบูรณ์แบบระหว่างที่เขาป่วย
La Luna เป็นบาร์ที่ใหญ่และคึกคักที่สุดในเมือง…นอกจากนี้ยังเป็นบาร์ที่มีผู้คนหลากหลายมากที่สุดอีกด้วย
เซียวอี้ฉือดื่มและเต้นอย่างเต็มที่ท่ามกลางแสงเลเซอร์สีน้ำเงินแดงที่กะพริบสลับไปมาและเสียงเพลงที่ดังสนั่น
ไม่รู้ว่าเขาเต้นอยู่นานแค่ไหน เขากลับมาที่เคาน์เตอร์บาร์พร้อมกับเหงื่อท่วมตัว ก่อนหนุ่มน้อยแต่งตัวดีคนหนึ่งจะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับแก้วเหล้า “พี่ชาย เมื่อกี้ผมมองพี่อยู่นานแล้ว คืนนี้มาสนุกด้วยกันไหมครับ”
ยาสูบ แอลกอฮอล์ กลิ่นน้ำหอม เหงื่อร้อนๆ และกลิ่นต่างๆ ที่ผสมผสานกันเหล่านี้กระตุ้นประสาทสัมผัส
เซียวอี้ฉือกดหน้าลงมองอีกฝ่ายพร้อมยิ้มน้อยๆ “หนุ่มน้อย นายไปหาคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายเถอะ คืนนี้ลุงขอสนุกคนเดียวดีกว่า”
หนุ่มน้อยมีสีหน้าเสียดาย “งั้นดื่มให้ผมสักแก้วได้ไหม” อีกฝ่ายพูดพลางยื่นแก้วเหล้าของตัวเองให้เซียวอี้ฉือดื่ม
เซียวอี้ฉือโอบแขนรอบเอวหนุ่มน้อยแล้วพูดว่า “แม่ของฉันบอกฉันว่าอย่าดื่มเหล้าที่คนแปลกหน้ายื่นให้ ขอโทษด้วยนะ” พูดจบก็ปล่อยอีกฝ่ายแล้วเอียงศีรษะยิ้ม
หนุ่มคนนั้นงอนเล็กน้อย กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง ก่อนจะพูดกับบาร์เทนเดอร์ว่า “ผสมค็อกเทล ‘คอสโมโพลิแทน’* ให้ลุงใหญ่สุดหล่อคนนี้สักแก้ว คิดเงินที่ผม”
บาร์เทนเดอร์รีบทำงานทันที
“ดูพี่กินให้หมดก่อนผมถึงจะไป” หนุ่มน้อยอาลัยอาวรณ์
“ได้” เซียวอี้ฉือยกแก้วเหล้าที่บาร์เทนเดอร์ยื่นให้เขาขึ้นมาและดื่มรวดเดียวหมด
หนุ่มน้อยปรบมือ ก่อนจะจากไปด้วยความเสียดาย
เซียวอี้ฉือกลับมาที่ฟลอร์เต้นรำ
หลังจากเต้นไปได้สักพักเซียวอี้ฉือก็รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ…เขารู้สึกร้อนไปทั้งตัว จู่ๆ ก็หนักศีรษะ ความปรารถนาถูกปลุกเร้า
เขาเอามือข้างหนึ่งกุมหน้าผาก เดินผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออก ใครจะไปคิดว่ายังไม่ทันจะเจอทางออกจู่ๆ ก็มีคนจำนวนหนึ่งโผล่ออกมาจากที่มืดเพื่อขวางเขา จากนั้นก็ปิดปากและลากเขาเข้าไปในทางเดินที่มืดมิด
ในขณะเดียวกันอวี๋จือเหนียนกับคนอื่นๆ กำลังจะไปกินมื้อดึกต่อที่ตลาดกลางคืน เวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?” อวี๋จือเหนียนเดินพลางรับสายพลาง
ฟังไปฟังมาเขาก็หยุดเดินกะทันหัน สีหน้าดูเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ “…เขาหายตัวไปที่บาร์เหรอ”
“บอดี้การ์ดกำลังตามหาอยู่ครับ ‘เขา’ น่าจะยังอยู่ในบาร์ พวกเราจะหาวิธีครับ สถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ พวกเราต้องรีบแจ้งทางทนายอวี๋ก่อน กรุณาอย่าเพิ่งแจ้งลูกค้านะครับ พวกเราจะจัดการตามความเหมาะสม…”
อวี๋จือเหนียนหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึก “อยู่บาร์ไหน เอาช่องทางการติดต่อของบอดี้การ์ดมาให้ผมหน่อย”
หลังจากคุยเสร็จอวี๋จือเหนียนก็หมุนตัวมาเห็นหนานจิ่งพอดี เขาจึงโยนกระเป๋าสตางค์ของตัวเองไปให้ “เดี๋ยวนายใช้บัตรที่อยู่ในนั้นใบไหนก็ได้จ่ายบิลซะ ฉันมีเรื่องด่วน ขอตัวก่อนล่ะ”
หนานจิ่งเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเย็นชาดุจน้ำแข็งก็ไม่กล้าถามมาก “คุณต้องการให้ผมเรียกรถกรณีฉุกเฉินไหม”
อวี๋จือเหนียนเดินออกไปหลายก้าวแล้ว “ไม่ทันแล้ว”
ลิฟต์มาถึงพอดี เขาเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับกดโทรศัพท์ “เถ้าแก่หลินครับ ผมเองอวี๋จือเหนียน ตอนนี้ผมอยากจะรบกวนอะไรคุณหน่อย มีลูกค้าคนสำคัญหายตัวไปในบาร์ La Luna ของคุณครับ กรุณาติดต่อผู้จัดการให้ปิดทุกทางออกได้ไหมครับ พวกเราจะส่งคนเข้าไปค้น ไว้ผมจะเล่ารายละเอียดทีหลัง…ครับ ได้ครับ ขอบคุณครับ!”
เมื่อมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินเขาก็ก้าวออกมาจากลิฟต์ เดินไปที่รถอย่างรวดเร็ว
เซียวอี้ฉือรู้สึกว่าโลกกำลังพลิกหมุน แต่เขายังคงมีสติและพยายามดิ้นรน
“อยู่นิ่งๆ หน่อย!” คนที่ปิดปากเขาหมดความอดทนคำรามเสียงต่ำ นี่คือช่องโหว่ เซียวอี้ฉือใช้ข้อศอกโจมตีอีกฝ่าย จากนั้นก็หันหลังคว้าแขนของอีกฝ่ายแล้วทุ่มไปด้านหน้าซึ่งมีกำแพงกั้นอยู่พอดี ชายคนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เซียวอี้ฉือกดใบหน้าชายคนนั้นเข้ากับกำแพงอย่างแรง ก่อนจะจิกผมของอีกฝ่าย ข่มความไม่สบายตัวเอาไว้ แล้วถามว่า “แกเป็นใคร!”
โดยไม่ทันตั้งตัวเซียวอี้ฉือถูกผู้สมรู้ร่วมคิดเตะลงไปกับพื้น ในศีรษะของเขาส่งเสียงวิ้งๆ
“นี่! ก็แค่ถ่ายรูปเปลือยเขากับคนอื่นบนเตียง อย่ารุนแรงเกินไปสิ!”
“เมื่อกี้นายไม่เห็นหรือไงว่าเจ้าเด็กนี่ดุแค่ไหน!”
เซียวอี้ฉือพยายามลุกขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ แต่ตนเองไม่มีแรงที่จะหันกลับไปมอง เขาแค่อยากจะหนีออกไปจากที่นี่ เขาพยุงร่างไว้กับกำแพงแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยความมึนงง
ร้อนจัง หิวน้ำมากด้วย อยากมีอะไรกับใครสักคนจัง
ทันใดนั้นก็มีคนมาประคองเขา เซียวอี้ฉือตอบโต้ด้วยหลังหมัดแต่กลับถูกสกัดไว้ได้ “คุณเซียว ผมมาช่วยคุณครับ จะมีคนรอคุณอยู่ทางนี้ มาเถอะครับ”
“ปล่อยฉัน!”
บ้าจริง เขาก็แค่มาดื่มมาเต้นเท่านั้น จะซวยอะไรขนาดนี้
อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก เขาบังคับให้เซียวอี้ฉือไปอีกทางหนึ่ง
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก อากาศบริสุทธิ์ปะทะเข้ามา
“เซียวอี้ฉือ” มีคนเรียกเขา
อวี๋จือเหนียนรับเซียวอี้ฉือมาจากมือของบอดี้การ์ด
“ไปให้พ้น! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” เซียวอี้ฉือโจมตีไม่เลือกหน้า เขาแกว่งหมัดแต่อีกฝ่ายก็สกัดไว้ได้ ผ่านไปครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็กุมข้อมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้
เขาต้องการจะชักมือกลับ แต่อวี๋จือเหนียนจับไว้แน่น ไม่ปล่อยให้ทำสำเร็จ
เซียวอี้ฉือและต้าซานฝึกกังฟูก็เพื่อป้องกันตัวเองในสถานการณ์อันตราย ขณะเดียวกันอวี๋จือเหนียนก็ฝึกกังฟูตั้งแต่เด็กเพื่อปกป้องไม่ให้ใบหน้าของตัวเองมีบาดแผล
“ดูเหมือนว่าเขาจะถูกวางยา…ปลุกเซ็กซ์ครับ” บอดี้การ์ดรายงาน
Sh*t
“นายไปขับรถมาที่นี่” อวี๋จือเหนียนหันไปสั่งบอดี้การ์ด
“ครับ” บอดี้การ์ดรีบจากไปทันที
เซียวอี้ฉือยังคงดิ้นรนอยู่
“ผมเอง อวี๋จือเหนียน!” อวี๋จือเหนียนมองเขาที่ใบหน้าแดงก่ำ “…ตอนนี้คุณเห็นผมชัดไหม”
เซียวอี้ฉือพยายามมอง เห็นเพียงเค้าโครงรางๆ เท่านั้น
อวี๋จือเหนียน?
อวี๋จือเหนียน
อวี๋จือเหนียน…
ด้วยฤทธิ์ของยา จิตสำนึกของเซียวอี้ฉือถูกสัญชาตญาณครอบงำอย่างสมบูรณ์ เขาอ่อนยวบลง อวี๋จือเหนียนจึงปล่อยเขา ทว่าทันใดนั้นเขาก็ผลักอวี๋จือเหนียนไปที่ผนังขรุขระของตรอกและบดจูบอย่างดุเดือด
อวี๋จือเหนียนตกใจจนริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย ลิ้นของอีกฝ่ายจึงบุกทะลวงเข้ามาทันที
จูบนี้ทั้งดิบเถื่อนทั้งโหดร้าย ราวกับต้องการสูบออกซิเจนในปอดของเขาไปจนหมด
อวี๋จือเหนียนเกือบลืมขัดขืน เมื่อเริ่มหายใจลำบากเขาก็คว้าไหล่ของเซียวอี้ฉือแน่นและผลักอีกฝ่ายออกไป “คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร!”
เซียวอี้ฉือมองเขา ในดวงตาเหมือนจะมีเขาแต่ก็เหมือนไม่มี สายตาของเซียวอี้ฉือหยาดเยิ้ม ริมฝีปากยังคงชุ่มไปด้วยน้ำ อีกฝ่ายดูมึนงง ขยับเข้ามาใกล้คอของอวี๋จือเหนียน แล้วสูดดมอย่างแรง “ตัวนายหอมจัง…”
อวี๋จือเหนียนเบือนหน้าหนี “คุณ…”
ยังไม่ทันพูดจบเซียวอี้ฉือก็พุ่งใส่เขาอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มโอบแขนรอบคอของอวี๋จือเหนียน สอดนิ้วเข้าไปในผมของเขา แล้วจูบเขาอย่างดูดดื่มพร้อมกับบดเบียดร่างกายของตัวเองกับร่างเขาแนบแน่น
เมื่ออวี๋จือเหนียนใช้ฟันขบกัด เซียวอี้ฉือก็ผละออกด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลตรงมุมปาก
อวี๋จือเหนียนเอื้อมมือออกไป ใช้หัวแม่มือเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของอีกฝ่าย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เซียวอี้ฉือ ผมคืออวี๋จือเหนียนนะ”
เซียวอี้ฉือกลับคว้ามือของเขาไว้ แล้วดึงมันไปไว้ที่เป้าของตัวเอง
ไฟหน้ารถกะพริบ บอดี้การ์ดขับรถมาถึงแล้ว
อวี๋จือเหนียนดึงมือกลับทันที แล้วใช้กำลังบังคับให้อีกฝ่ายเดินไปยังที่นั่งด้านหลัง
บอดี้การ์ดรีบเปิดประตูรถ อวี๋จือเหนียนป้องศีรษะของเซียวอี้ฉือขณะผลักเขาเข้าไปในรถ จากนั้นตัวเองก็เข้าไปนั่ง
บอดี้การ์ดวกกลับไปยังเบาะคนขับ “คุณอวี๋ครับ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันครับ”
อวี๋จือเหนียนยังไม่ทันเอ่ยปากเซียวอี้ฉือก็เข้ามานัวเนียอีกครั้ง ชายหนุ่มนั่งคร่อมอยู่บนตัวอวี๋จือเหนียน สองมือประคองใบหน้าอวี๋จือเหนียนแล้วจูบ
จูบนั้นเจือด้วยกลิ่นคาวเลือด ก่อนที่อวี๋จือเหนียนจะผลักเขาออกไปก็รู้สึกว่าปากของตัวเองเจ็บแปล๊บขึ้นมา
เซียวอี้ฉือก็กัดเขาเหมือนกัน พวกเขาสบตากันอย่างใกล้ชิด ไฟแห่งความปรารถนาในดวงตาของเซียวอี้ฉือเริงระบำราวกับนักเต้นรำที่เย้ายวนใจ
“ของนายก็แข็งแล้วเหมือนกัน…” เซียวอี้ฉือพูดราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา พร้อมเบียดร่างของตัวเองเข้าไปแนบชิดกับอกของอวี๋จือเหนียน แล้วกระซิบที่ข้างหู “จือเหนียน ฉันอยากร่วมรักกับนายจังเลย…”
จู่ๆ ท้องน้อยของอวี๋จือเหนียนก็หดเกร็ง เขาหลับตาแน่น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็จัดการฟาดให้เซียวอี้ฉือหมดสติอย่างรวดเร็ว ดุดัน และแม่นยำ
เขาสั่งบอดี้การ์ดที่ไม่กล้าหันกลับมามองว่า “ไปโรงพยาบาล!”
เซียวอี้ฉือลืมตาขึ้นช้าๆ เขากะพริบตาปริบๆ ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เขามองเพดานที่ดูคุ้นเคยเล็กน้อย
“คุณเซียว ฟื้นแล้วเหรอคะ” เซียวอี้ฉือหันไปก็เห็นพยาบาลยืนอยู่ข้างเตียง โดยมีเสาน้ำเกลืออยู่ข้างๆ
เขาจำได้แล้ว ที่นี่คือโรงพยาบาลเอกชนที่อวี๋จือเหนียนเคยพาเขามา
…แถมยังจำเหตุการณ์บ้าบิ่นเมื่อคืนนี้ได้ด้วย
เหมือนกับการเปิดหน้าต่างระหว่างพายุฝนแล้วลมฝนซัดกระหน่ำเข้ามา ชิ้นส่วนของความทรงจำกรูเข้ามาปะทะใบหน้าและร่างกายของเขา จนทำให้เขาหลบเลี่ยงไม่ทัน ทำได้เพียงเอามือปิดหน้าเท่านั้น
พยาบาลเห็นเขาเอามือขึ้นปิดหน้ากะทันหันก็เดินเข้าไปถามว่า “คุณเซียว ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”
เซียวอี้ฉือสูดหายใจลึก ลดมือลง ส่ายหน้า ก่อนจะพูดอย่างอ่อนแรง “ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
“คุณหมอกำลังมาแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ” พูดจบพยาบาลก็จากไป
จะไม่เป็นไรได้อย่างไร…
ความทรงจำที่กระจัดกระจายเพียงพอที่จะทำให้เขาตระหนักว่าเขาได้ทำอะไรบางอย่างกับอวี๋จือเหนียนเมื่อคืนนี้
เขายกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปาก สูดปากดัง “ซี้ด…” ออกมา
นอกจากจะเจ็บแล้วยังน่าอายและน่าหงุดหงิดอีก
เมื่อคืนเขาบังคับจูบอวี๋จือเหนียนจริงๆ แถมยังถูกอีกฝ่ายกัดด้วย
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดตา
น่าอับอายขายหน้าจริงๆ
คุณหมอเคาะประตูแล้วเข้ามาตรวจอาการ ถามคำถามทั่วไปสองสามข้อ สุดท้ายก็บอกเขาว่า “คุณเซียว ตอนนี้คุณไม่เป็นอะไรแล้ว หลังจากรอสังเกตอาการอีกสองชั่วโมงก็กลับบ้านได้แล้วครับ”
“ขอบคุณครับ”
“ตอนที่ทนายอวี๋ออกไป เขาฝากให้หัวหน้าพยาบาลอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาของคุณให้ฟัง ตอนนี้หัวหน้าพยาบาลกำลังประชุมอยู่ เธอจะมาในอีกสักครู่นะครับ”
“…ครับ” ขณะคุณหมอกำลังจะหมุนตัวจากไปเซียวอี้ฉือก็ถามเขา “…ทนายอวี๋ไม่เป็นไรนะครับ?”
“วางใจได้เลยครับ เขาบาดเจ็บแค่เล็กน้อย อีกไม่นานก็หาย”
บาดเจ็บเล็กน้อย? นี่เขาคงไม่ได้ทำร้ายอีกฝ่ายด้วยหรอกมั้ง เซียวอี้ฉือรู้สึกปวดศีรษะ เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
คุณหมอจากไปไม่นาน หัวหน้าพยาบาลก็เข้ามา
ทัศนคติของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนนั้นดีมาก หัวหน้าพยาบาลแจ้งว่าอวี๋จือเหนียนเป็นคนส่งตัวเขามารักษา หลังจากทำการรักษาฉุกเฉินแล้วคุณหมอก็เขียนรายละเอียดอาการบาดเจ็บของเขา จากนั้นตำรวจจึงส่งคนมาสอบถามสถานการณ์และรวบรวมหลักฐาน
“ทนายอวี๋บอกกับทางตำรวจว่าจะพาคุณไปบันทึกคำให้การหลังจากยืนยันว่าสภาพร่างกายกับสภาพจิตใจของคุณเป็นปกติดีแล้ว เขาให้ฉันแจ้งคุณหลังจากที่คุณตื่นค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แต่ทนายอวี๋งานยุ่งก็เลยขอตัวกลับก่อน ยังไงตอนคุณออกจากโรงพยาบาลจะให้พวกเราเรียกรถให้ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เซียวอี้ฉือลุกขึ้นนั่ง “ผมไปเองก็ได้”
“โอเคค่ะ เสื้อผ้า กระเป๋าสตางค์ แล้วก็โทรศัพท์ทั้งหมดอยู่ในลิ้นชักนะคะ” หัวหน้าพยาบาลเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงให้เขาดู
“รบกวนพวกคุณแล้ว”
“ยินดีค่ะ คุณพักผ่อนอีกสักหน่อยไหมคะ ถ้ามีอะไรก็กดออดเรียกได้เลยค่ะ”
เซียวอี้ฉือพยักหน้า
หลังจากหัวหน้าพยาบาลออกไปแล้วเซียวอี้ฉือก็หยิบเสื้อผ้าของเขาออกมา มันมีกลิ่นของแอลกอฮอล์และเหงื่อปนกัน
ให้ตายเถอะ เมื่อคืนเขาเสียมารยาทไปมากแค่ไหนกันนะ…นอกจากจะใช้กำลังแล้วยังตัวเหม็นด้วย
แม้แต่คนที่ไร้ยางอายอย่างเซียวอี้ฉือก็ยังอยากขุดหลุมฝังตัวเองเพื่อให้ปัญหาทั้งหมดนี้หายไป
คิดว่าอวี๋จือเหนียนคงจะเกลียดเขามากแน่ๆ
ตัวเขาเองก็ไม่ใช่สเป็กของอวี๋จือเหนียนอยู่แล้ว แถมอีกฝ่ายยังโดนเอาเปรียบอีก แต่ก็ยังอุตส่าห์พาเขามาส่งที่โรงพยาบาล หนำซ้ำอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายก็เป็นฝีมือของตัวเขา
ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายพูดกับอวี๋จือเหนียนอย่างเต็มปากเต็มคำเองแท้ๆ ว่าจะไม่ติดต่อกันอีก แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ได้นะ
เวลานี้เซียวอี้ฉือจึงรู้สึกสงสัยขึ้นมา…ทำไมเขาถึงถูกวางยา แล้วทำไมอวี๋จือเหนียนต้องมาช่วยเขาด้วย
คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ค่อยทำความเข้าใจตอนที่บันทึกคำให้การก็แล้วกัน
เซียวอี้ฉือเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้า เมื่อเขาส่องกระจกก็รู้สึกตกใจมาก หน้าตาอิดโรยก็ช่างไปเถอะ แต่ถึงแผลที่ริมฝีปากล่างจะได้รับการรักษาแล้ว อาการอักเสบก็ยังไม่ทุเลาลง แถมยังบวมเป่งเหมือนไส้กรอกอีก!
อวี๋จือเหนียนขัดขืนเขามากแค่ไหนกันนะ…เซียวอี้ฉือรู้สึกเกลียดตัวเองอีกครั้ง
เซียวอี้ฉือสวมหน้ากากอนามัยออกจากโรงพยาบาลโดยได้ยารักษาอาการบาดเจ็บตรงเอวกลับมาด้วย
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา ลังเลว่าควรจะส่งข้อความให้อวี๋จือเหนียนดีหรือเปล่า
อย่างน้อยก็ควรกล่าวขอบคุณ
แล้ววันหลังค่อยขอโทษอีกที
ก็ดีเหมือนกัน เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง คิดว่าต่อไปอวี๋จือเหนียนคงไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว
แบบนี้พวกป้าๆ ก็คงจะเลิกพูดถึงไปเอง
เซียวอี้ฉือพิมพ์ลงในกล่องข้อความ
‘ฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว ขอบคุณนายมาก ฉันยังพอจำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้บ้าง ฉันต้องขอโทษจริงๆ สำหรับสิ่งที่ฉันทำกับนาย ได้ยินมาว่านายได้รับบาดเจ็บด้วย ถ้าเป็นความผิดของฉัน ฉันก็ขอโทษมากๆ’
เมื่อยืนยันแล้วว่าข้อความไม่มีปัญหาเขาก็กดส่ง
โทรศัพท์ของอวี๋จือเหนียนดังขึ้นพร้อมกับข้อความแจ้งเตือน
เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ยังมีผ้าขนหนูพันไว้รอบเอว เช็ดผมพลางเปิดดูข้อความ
จากนั้นอวี๋จือเหนียนก็หยุดเช็ดผม
เขารู้ดีว่าเซียวอี้ฉือคงจะจำส่วนที่สำคัญที่สุดไม่ได้
อีกฝ่ายถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรล้วนไม่ได้มาจากความต้องการที่แท้จริง แบบนั้นมันไม่นับ
อวี๋จือเหนียนแตะแผลบนปากเบาๆ มันยังเจ็บอยู่นิดหน่อย ดูเหมือนวันนี้เขายังต้องใส่หน้ากากอนามัยต่อไป
เมื่อคืนเขาส่งเซียวอี้ฉือไปโรงพยาบาล ในแง่หนึ่งเขากังวลเกี่ยวกับส่วนผสมของยา อีกแง่หนึ่งเขาต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญออกใบรับรองที่น่าเชื่อถือเพื่อยืนยันตัวตนของเซียวอี้ฉือในฐานะเหยื่อ…ใครก็ตามที่มีเจตนาไม่ดีจะได้ไม่สามารถหลบหนีได้แม้แต่คนเดียว
หลังจากที่คุณหมอยืนยันว่าเซียวอี้ฉือไม่มีปัญหาร้ายแรงแล้ว อวี๋จือเหนียนก็ทำการรักษาแผลที่ริมฝีปาก สวมหน้ากากอนามัย แล้วเดินทางกลับไปยัง La Luna อีกครั้งเพื่อช่วยตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและรวบรวมหลักฐาน
เขายุ่งอยู่จนฟ้าสางถึงได้กลับบ้านไปอาบน้ำ
ระหว่างนั้นทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าเซียวอี้ฉือฟื้นแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
ตอนนี้ก็ได้รับข้อความจากเซียวอี้ฉืออีก
ควรจะตอบอีกฝ่ายว่ายังไงดีนะ
เซียวอี้ฉือยังพอจำอะไรได้บ้าง อวี๋จือเหนียนไม่รู้จริงๆ ว่าเขาควรจะมีความสุขหรือควรจะเสียใจดี
เขาวางโทรศัพท์มือถือลง
ก่อนหน้านี้เซียวอี้ฉือลืมตอบข้อความเขา เขาก็จะทำแบบเดียวกันบ้าง
แต่มันกลับทรมานเซียวอี้ฉือ
หลังจากกลับมาบ้านเขาก็ถือโทรศัพท์ทั้งวันเพื่อรอรับข้อความ
อวี๋จือเหนียนอ่านข้อความหรือยังนะ หรือว่าอ่านแล้วไม่ตอบ หรือว่ายุ่งจนไม่มีเวลาอ่านจริงๆ เฮ้อ
เขาไม่มีใจจะทำอย่างอื่นเลย ได้แต่รออย่างห่อเหี่ยว
ในเวลานี้ความทรงจำเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
เขายังจำอะไรได้อีกนะ
เขาจำได้เพียงริมฝีปากอ่อนนุ่มและร่างกายที่แข็งแกร่งของอีกฝ่าย ท่ามกลางความมึนงงนั้นเขาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังแข็งตัวอยู่ตรงเป้าของอีกฝ่ายผ่านผ้า ซึ่งดูเหมือนว่าจะใหญ่มาก…
เซียวอี้ฉือส่ายหน้า นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ มันไม่ใช่เวลาที่ความคิดของเขาจะวิ่งพล่านได้ เขาไม่สนใจความยินยอมของอีกฝ่ายเลย นี่ถือได้ว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ
ตอนนั้นตัวเขาคงดูน่าเกลียดมาก เหมือนลิงที่กำลังติดสัด
เขาก็ไม่ใช่คนงามที่น่ากินเสียหน่อย ท่าทางหิวโหยและใจร้อนของเขาคงน่ารังเกียจมากสินะ
ตอนบ่ายในที่สุดอวี๋จือเหนียนก็ตอบข้อความ บอกให้เซียวอี้ฉือรอที่ทางเข้าเขตชุมชน เขาจะมารับไปบันทึกคำให้การ
หลังจากอ่านข้อความแล้วเซียวอี้ฉือยังคงเซื่องซึมอยู่…อวี๋จือเหนียนไม่ได้ตอบรับคำขอโทษของเขาเลย
เขาสวมหน้ากากอนามัยยืนอยู่ข้างถนนพลางมองรถเบนซ์ของอวี๋จือเหนียนขับมาจอดตรงหน้า
อวี๋จือเหนียนก็สวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน
ดีมาก มีหน้ากากอนามัยสองชั้นกั้นอยู่ จะได้เงียบตลอดทาง และไม่จำเป็นต้องเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายด้วย
เซียวอี้ฉือขึ้นรถ “…ขอบคุณนะ”
อวี๋จือเหนียนขานรับว่า “อืม” คำหนึ่ง
ในรถเงียบมาก มันเงียบจนทำให้เซียวอี้ฉือรู้สึกอึดอัด เขาหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง พยายามเปลี่ยนอารมณ์ของตัวเอง
โชคดีที่ไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่หมาย
ลูกค้าของอวี๋จือเหนียนส่วนใหญ่เป็นพวกเศรษฐีและชนชั้นสูง ตัวเขาเองก็มีชื่อเสียงพอสมควร สถานีตำรวจจึงส่งคนออกมารับพวกเขาโดยเฉพาะ
ตำรวจได้จับกุมผู้ก่อเหตุหลายราย พร้อมทั้งชี้แจงสาเหตุและผลของคดี
เมื่อคืนที่ La Luna นอกจากเซียวอี้ฉือแล้ว แฟนเก่าของเว่ยป๋อเหิงก็อยู่ที่นั่นด้วย
เขาจำเซียวอี้ฉือได้ ตอนนั้นด้วยความทุกข์ใจที่เว่ยป๋อเหิงบล็อกเขา ด้วยความโกรธที่เห็นแฟนคนปัจจุบันของเว่ยป๋อเหิงออกมาเที่ยวอย่างสนุกสนาน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ และแรงยุยงจากเพื่อนเลวๆ เขาจึงวางแผนทำเรื่องตลกแบบนั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ…ต้องการจะถ่ายรูปเซียวอี้ฉือที่อยู่บนเตียงกับคนอื่นและบังคับให้อีกฝ่ายเลิกกับเว่ยป๋อเหิง
ถ้าคืนนั้นเซียวอี้ฉือตกลงที่จะสนุกกับหนุ่มน้อยคนนั้น พวกเขาก็คงไม่คิดวางยา แต่เซียวอี้ฉือปฏิเสธ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้แผนสำรอง ขอให้บาร์เทนเดอร์ที่ได้รับเงินล่วงหน้าแอบใส่ยาลงไป
หลังจากเซียวอี้ฉือดื่มยาเข้าไปพวกเขาก็ตั้งใจที่จะพาชายหนุ่มขึ้นรถ ปล่อยให้หนุ่มน้อยได้ขึ้นแสดงบนเวที ใครจะรู้ว่าผ่านไปได้แค่ครึ่งทางเซียวอี้ฉือไม่เพียงแต่ดิ้นรนเท่านั้น ยังมีเฉิงเหย่าจิน* โผล่มาทำร้ายพวกเขาด้วย จากนั้นตำรวจก็เข้ามาจับกุมพวกเขาโดยไม่ต้องใช้กำลังใดๆ
หลังเซียวอี้ฉือบันทึกคำให้การจบ อวี๋จือเหนียนก็ถามเขาว่า “…คู่กรณีเป็นแฟนเก่าของเว่ยป๋อเหิง คุณคิดจะเอายังไง”
“…ฉันขอคิดก่อนได้ไหม”
อวี๋จือเหนียนตอบว่า “ผมจะลองคุยกับตำรวจดู” จากนั้นเขาก็ไปหาผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง
ทันทีที่ออกมาจากสถานีตำรวจเซียวอี้ฉือก็ได้รับสายจากเว่ยป๋อเหิง
แฟนเก่าของเว่ยป๋อเหิงโทรไปหาเขาจากสถานีตำรวจแล้ว
รถของอวี๋จือเหนียนจอดอยู่ในสวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้เขตชุมชน เว่ยป๋อเหิงกำลังรอพวกเขาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นเซียวอี้ฉือ เว่ยป๋อเหิงก็เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเป็นกังวล “อี้ฉือ นายไม่เป็นไรนะ”
เซียวอี้ฉือพยักหน้า “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
“ขอโทษนะ ฉันเป็นคนทำให้นายต้องเจอกับเรื่องแบบนี้” เว่ยป๋อเหิงรู้สึกผิดมาก
“ไม่ใช่ความผิดของนาย นายไม่ต้องขอโทษหรอก” เซียวอี้ฉือพูด
เว่ยป๋อเหิงถามอย่างระมัดระวัง “เรื่องแฟนเก่าฉัน…นายคิดจะเอายังไง”
อวี๋จือเหนียนจอดรถแล้วเดินออกไปรอห่างจากพวกเขาไม่กี่เมตร
“คนที่ทำชั่วไม่ควรได้รับการผ่อนปรน” คำพูดของเซียวอี้ฉือกระชับและตรงประเด็น
สีหน้าของเว่ยป๋อเหิงซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้ว เขาทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ”
“แต่ว่า…” เว่ยป๋อเหิงเลียริมฝีปาก พูดอย่างลำบากใจ “เขาคงสับสนไปชั่วครู่ บริษัทของเขาก็เพิ่งจะก้าวหน้า…อี้ฉือ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันขอมันมากเกินไป เขาควรจะได้รับโทษ…แต่นายช่วย…อ่อนโยนกับเขากว่านี้ได้ไหม”
นี่หมายความว่าไม่ให้เซียวอี้ฉือเอาผิดที่ถูกอีกฝ่ายทำร้าย
ตอนนี้อวี๋จือเหนียนจึงก้าวไปข้างหน้า แล้วมาหยุดอยู่ข้างกายเซียวอี้ฉือ พูดพลางมองพวกเขา “คุยกันไปถึงไหนแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเซียวอี้ฉือ อวี๋จือเหนียนถึงพูดกับเว่ยป๋อเหิงที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักว่า “…ทนายเว่ย คุณก็เรียนกฎหมายมาเหมือนกันนะ”
เว่ยป๋อเหิงหน้าซีดพลางก้มหน้าลง
เซียวอี้ฉือเอ่ยปาก “ป๋อเหิง ขอโทษที ฉันทำไม่ได้ กฎหมายเป็นเส้นขีดพื้นฐานของศีลธรรม ฉันไม่อยากจะละเมิดมัน”
เว่ยป๋อเหิงได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มอย่างขมขื่น แต่ก็ดูเหมือนจะโล่งอกเช่นกัน “ฉันเข้าใจแล้ว…ขอโทษด้วยที่ทำให้นายลำบาก ฉันแค่พยายามขอความเห็นใจแทนเขา ถือว่าเป็นการชดเชยความสัมพันธ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” ก่อนจะจากไปเขาก็ขอโทษเซียวอี้ฉืออีกครั้ง “ฉันขอโทษ”
เซียวอี้ฉือส่ายหน้า
เพราะเซียวอี้ฉือสวมหน้ากากอนามัย อวี๋จือเหนียนจึงมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย “…ผมนึกว่าคุณจะไม่อยากเอาเรื่องเพราะเห็นแก่เขาซะอีก”
“ฉันเคยลังเล แต่ฉันจะให้เขาติดหนี้บุญคุณฉันทำไมล่ะ ตั้งแต่ที่เขาพูดคำว่า ‘แต่ว่า’ ออกมาเราก็ไปด้วยกันไม่ได้แล้ว ฉันไม่ชอบที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในความสัมพันธ์ต้องยอมทนทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว”
อวี๋จือเหนียนอยากจะถอดหน้ากากอนามัยเซียวอี้ฉือ อยากเห็นสีหน้าอีกฝ่ายตอนที่พูดประโยคนี้เหลือเกิน
เขายกข้อมือขึ้นมาดูเวลา “…ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน ยังต้องติดต่อกับทางตำรวจอีก”
“ทนายอวี๋” เซียวอี้ฉือมองเขา “ขอบคุณมาก แล้วก็…ขอโทษด้วย” ในดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความขอบคุณอย่างจริงใจ ความเสียใจ และคำขอโทษด้วยความระมัดระวัง “ต่อไป…พวกเราก็ไม่ควรจะติดต่อกันแล้วสินะ”
“…ใครจะรู้ว่าคุณจะไปก่อเรื่องอะไรจนผมบังเอิญไปเจอเข้าอีกล่ะ” อวี๋จือเหนียนเบือนหน้าหนีเงียบๆ “ครั้งนี้ที่ผมช่วยคุณก็เพราะอยู่ที่ La Luna พอดี”
“…” เซียวอี้ฉือก้มหัวลง
ทันใดนั้นอวี๋จือเหนียนก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาบีบแน่น รู้สึกไม่ชินกับท่าทีหดหู่ของอีกฝ่ายเลย
เขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไรจึงได้แต่พูดว่า “ผมไปก่อนนะ”
เซียวอี้ฉือเงยหน้าขึ้น แววตาของเขายังคงหม่นหมอง โบกมือให้อวี๋จือเหนียนพลางพูดว่า “…ทนายอวี๋ แล้วเจอกันนะ”
* คอสโมโพลิแทน (Cosmopolitan) คือค็อกเทลสีชมพูที่มีรสชาติหวานเปรี้ยว
* เฉิงเหย่าจิน ในที่นี้หมายถึงผู้ที่ขัดขวางเรื่องราวของผู้อื่น มาจากสำนวน ‘กลางทางมีเฉิงเหย่าจินโผล่ออกมา’ หมายถึงเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ทำให้เรื่องที่จะทำไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉิงเหย่าจินเป็นขุนพลในช่วงปลายราชวงศ์สุยที่มักจู่โจมศัตรูด้วยวิธีดักซุ่มกลางทาง
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน His Honey เลือก (มาก) นักรักซะให้เข็ด
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN
Comments
