everY
ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 2 บทที่ 44-45 #นิยายวาย
บทที่ 44
หลังชิวเฟิงประลองที่อารีน่าเสร็จ เมื่ออยู่เฉยๆ เขาก็รู้สึกเบื่อจึงเข้าไปหาคนคุยเล่นด้วยใน YY แต่เพราะเป็นวันทำงาน ห้องแชต YY ของกิลด์เลยไม่มีใครอยู่ สุดท้ายเขาก็ได้แต่ไปรบกวนโลกที่มีเพียงเราสองของหัวหน้าและรองหัวหน้ากิลด์ตัวเอง
โชคดีที่ช่างหัวความรัก AFK อยู่ ชุนเซี่ยวจึงไม่ได้เตะเขาออกจากห้องแชต
“เธอว่าทำไมจิ่งแสนหวานตัวน้อยถึง…ใจแข็งเป็นหินขนาดนี้นะ?” ชิวเฟิงอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องจิ่งแสนหวานตัวน้อยกับเธอ เขาบ่นอย่างสิ้นหวัง “เธอดูสิ ปกติเวลาจิ่งแสนหวานตัวน้อยอยู่กับหัวใจเพรียกหาน่ะดูมีชีวิตชีวาขนาดไหน พอมาอยู่กับฉันนี่แทบไม่พูดอะไรสักคำ”
ชุนเซี่ยวเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “เพราะงั้นผู้ชายแบบนายมันถึงง่ายไง ยิ่งได้มายากเท่าไรยิ่งอยากได้มากเท่านั้น พูดตรงๆ เลยนะ นายอยากแย่งผู้หญิงมาจากหัวใจเพรียกหาใช่ไหมล่ะ”
ชิวเฟิงสำลัก เขาปฏิเสธไม่ได้เลย ตามจริงแล้วก็เป็นเพราะหัวใจเพรียกหา เขาถึงได้สนใจจิ่งแสนหวานตัวน้อยมากขึ้นทุกวัน
“พูดให้มันดีๆ หน่อย อย่ามาว่ากันแบบนี้สิ” เขาชะงักไป “ก็ไม่เชิงว่าเป็นแบบนั้นหรอก ตัวจิ่งแสนหวานตัวน้อยเองก็น่าสนใจมาก อีกอย่างเธอก็มีข้อดีเยอะด้วย”
พูดถึงตอนนี้ชิวเฟิงก็อดยิ้มไม่ได้ น้ำเสียงเองก็อ่อนโยนขึ้นมาก “เธอนิสัยน่ารัก แต่ละคำที่พูดออกมาก็เหมือนกำลังอ้อนไปซะหมด ฝีมือก็ไม่เลว…ที่สำคัญก็คือเธอเป็นคนจริงใจมากไงล่ะ”
ชุนเซี่ยวมีน้ำเสียงสงสัย “จริงใจเหรอ”
“อืม เมื่อตอนบ่ายฉันว่าจะส่งหินโชคชะตาไปให้ แต่เธอไม่ชอบของแพง พูดยังไงก็ไม่ยอมรับไว้” ชิวเฟิงพูดพลางหัวเราะ “เธอไม่เหมือนสาวคนอื่นๆ เลย…”
ชิวเฟิงยังพูดประโยคนี้ไม่ทันจบ เสียงของเขาก็หายไปในอากาศ
เพราะในตอนนั้นกล่องข้อความด้านขวาของหน้าจอเกมเขาโดนบังจนมิด
[ประกาศจากระบบ] [จิ่งแสนหวานตัวน้อยเปิดหินโชคชะตาลึกลับ ได้รับหินเจ็ดสีx1! ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้า!]
[ประกาศจากระบบ] [จิ่งแสนหวานตัวน้อยเปิดหินโชคชะตาลึกลับ ได้รับลิ้นมังกรx1! ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้า!]
[ประกาศจากระบบ] [จิ่งแสนหวานตัวน้อยเปิดหินโชคชะตาลึกลับ ได้รับขนแกะx3! ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้า!]
สิ่งที่ห่วยแตกที่สุดของระบบหินโชคชะตาก็คือจุดนี้ การเปิดหินโชคชะตานั้นมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับทอง ค่าประสบการณ์ หรือไอเทม แต่ถ้าคุณเปิดได้ไอเทมไม่ว่าจะเป็นของดีหรือไม่ดีก็จะมีการประกาศจากระบบ
เช่นเดียวกับจิ่งแสนหวานตัวน้อย ได้รับไอเทมขยะเป็นกองก็ยังมีการป่าวประกาศ ซึ่งมันไม่ต่างจากการถูกประหารต่อหน้าสาธารณชนเลย
ในตอนนั้นเองชุนเซี่ยวก็พูดเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จริงใจจังเลยเนอะ”
ชิวเฟิงว่า “…อาจจะเพิ่งคิดได้มั้ง? เธอคงอยากใช้เงินของตัวเองมากกว่าใช้ของฉัน แบบนี้ก็ยิ่งมีค่าไม่ใช่เหรอ”
“ตอนฉันไปที่ดินแดนปริศนา ฉันบังเอิญไปเห็นว่าตอนนี้เธออยู่ตี้เดียวกับหัวใจเพรียกหานะ” ชุนเซี่ยวหัวเราะเบาๆ “หัวใจเพรียกหาเป็นหัวตี้ด้วย”
มีเพียงหัวหน้าปาร์ตี้เท่านั้นที่กด NPC ได้และต้องสนทนากับ NPC ถึงจะกดปุ่มซื้อหินโชคชะตาได้
ชิวเฟิง “…”
“เพราะงั้นเธอไม่ได้ไม่อยากได้ของนายหรอก แต่อยากได้แค่ของหัวใจเพรียกหาคนเดียวต่างหาก”
ตอนแรกจิ่งฮวนไม่ได้ตั้งใจจะรับหินโชคชะตาไว้ ในเมื่อเป้าหมายของเขาคือการทำลายไอดีของหัวใจเพรียกหา ใครมันจะไปสนใจหินโชคชะตานี่กันล่ะ
แต่จากกรณีของลู่เหวินเฮ่า จิ่งฮวนจึงตระหนักได้ถึงเหตุผลหนึ่ง ยิ่งโดนแฟนที่เป็นผู้ชายปลอมตัวมาหลอกเอาเงินไปมากเท่าไร ตอนรู้ความจริงก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น
หินโชคชะตาร้อยก้อนยังไงก็ประมาณสองพันหยวน เป็นใครก็ต้องเจ็บใจทั้งนั้นแหละ
จิ่งฮวนจึงส่งคำพูดประมาณว่า ‘อ๋าๆๆ’ ‘ทำไมพี่เป็นคนดีขนาดนี้ QAQ’ ‘ฉันคงได้แต่อุทิศชีวิตให้พี่เท่านั้นแหละ!’ ไปเป็นพืดแล้วรับหินโชคชะตาร้อยก้อนนี้มา
เพียงแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายขนาดนี้ เปิดหินโชคชะตาตั้งร้อยก้อนดันไม่ได้ของดีเลย แถมยังได้ไอเทมขยะมาเป็นคันรถ สองพันหยวนจึงเสียไปเปล่าๆ ทั้งแบบนั้น
เกมดูดเงินแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องล้มละลายแน่
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ฮือๆๆๆ QAQ
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ฉันจะลบไอดีเพื่อไถ่โทษ!
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : คนดวงซวยแบบฉันมันห่วยแตกจริงๆ [ซึม]
[ปาร์ตี้] หัวใจเพรียกหา : …ไม่ขนาดนั้นหรอก
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : ฉันดวงซวยจริงๆ นะพี่… TT ต้องไปไหว้พระหรือเปล่าเนี่ย
[ปาร์ตี้] หัวใจเพรียกหา : ปัญหาอยู่ที่ความน่าจะเป็น ถ้าเปิดอีกสักร้อยก้อนเดี๋ยวก็คงได้ของดีแล้ว
จิ่งฮวนตกใจจนรีบเปิดไมค์
“ไม่ต้องแล้วค่ะพี่ ฉันไม่เปิดแล้ว!”
เขาอยากให้หัวใจเพรียกหาหมดตัวก็จริง แต่ก็ไม่อยากให้เกมนี้ได้เงินสี่พันหยวนไปฟรีๆ หรอกนะ
ปลายนิ้วของเซี่ยงไหวจือหยุดชะงักกะทันหัน
[ปาร์ตี้] หัวใจเพรียกหา : ไม่อยากเปิดแล้วเหรอ
[ปาร์ตี้] จิ่งแสนหวานตัวน้อย : [ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง]
เซี่ยงไหวจือจึงปิดหน้าต่างซื้อขายอย่างเชื่องช้า
หินโชคชะตาร้อยก้อนนี้ถือเป็นน้ำใจที่จิ่งฮวนให้ที่พักเขา รีสอร์ตน้ำพุร้อนที่พวกเขาเข้าพักกันในวันนั้น ราคาห้องพักต่อคืนอย่างน้อยก็เป็นเลขสี่หลัก คนที่ได้ค่าขนมอาทิตย์ละไม่กี่ร้อยหยวนไม่รู้ต้องใช้เวลาเก็บเงินนานแค่ไหนกว่าจะได้ไปเที่ยวในครั้งนี้
นอกจากนี้เขาก็รู้ดีว่าจิ่งแสนหวานตัวน้อยจะต้องปฏิเสธหินโชคชะตาของชิวเฟิง ซึ่งในหัวของเจ้าตัวจะต้องมีเหตุผลบางอย่างของตัวเองแน่นอน
เมื่อพาเซียนจิ้งจอกน้อยเปิดหินโชคชะตาเล่นเสร็จแล้ว เซี่ยงไหวจือก็ขยับนิ้วกดใช้ยันต์โบยบินเพื่อพาอีกฝ่ายบินจากไป
ทำเหมือนกับว่า ‘แฟนเก่า’ และพวกเพื่อนสาวของเธอที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
แต่ลับหลังพวกเขา กลุ่มแชตของพวกเธอมีแจ้งเตือนการสนทนาถึง 99+
จี้เสี่ยวเหนียน : จิ่งแสนหวานตัวน้อยนี่มันอวดดีเกินไปปะ?! นางรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเซียนเซียน AFK อยู่ตรงนี้ถึงได้จงใจพาหัวใจเพรียกหามาทางนี้??
เตี่ยนเตี่ยนยา : เป็นไปได้สูง ร้ายเกินไปละยัยนี่
เซียนเหมิงเหมิง : เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ฉันกับหัวใจเพรียกหาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว
เสี่ยวม่าย : ไม่น่ามั้ง? ฉันเห็นว่าหัวตี้เป็นหัวใจเพรียกหานี่ ถ้าจงใจมาก็น่าจะเป็นหัวใจเพรียกหาเองที่จงใจ…
จี้เสี่ยวเหนียน : เสี่ยวม่าย เธอเพิ่งกลับมาคงไม่รู้เรื่อง ยัยผู้หญิงคนนี้ร้ายมาก นางซื้อยอดไลค์ด้วยนะ!
เสี่ยวม่าย : ซื้อยอดไลค์?
จี้เสี่ยวเหนียน : ใช่สิ เพลง ‘รับใช้ชาติด้วยความภักดี’ ที่นางร้องอะต้องซื้อยอดไลค์มาแน่! เพื่อนฉันหลายคนบอกว่าไอดีตัวเองกดไลค์เพลงนี้ แต่จริงๆ พวกเขาไม่ได้กดเอง
เสี่ยวม่าย : งั้นก็รีพอร์ตให้ผู้ดูแลแบนไอดีได้สิ
จี้เสี่ยวเหนียน : ฉันถึงบอกไงว่านางน่ะร้าย นางกลัวพวกเรารีพอร์ตก็เลยหาข้ออ้างถอนตัวออกจากการแข่งไปก่อน!
เตี่ยนเตี่ยนยา : แหวะ
เสี่ยวม่าย : อวดดีขนาดนี้ไม่มีใครเอาเรื่องนางเลยเหรอ
จี้เสี่ยวเหนียน : นางเกาะติดขาใหญ่อย่างหัวใจเพรียกหา ใครจะไปกล้าเอาเรื่องล่ะ ไม่เห็นเหรอว่าขนาดช่างหัวความรักก็ยังต้องก้มหัวให้เลย ตอนนี้นางร่อนไปทั่วเซิร์ฟ ไม่มีใครกล้ายุ่งเลย
เตี่ยนเตี่ยนยา : เสี่ยวม่าย แฟนเธอเป็นสายโจมตีอันดับสองนี่ ห่างกับหัวใจเพรียกหาไม่เท่าไรเอง ในกลุ่มนี้มีแค่เธอนะที่ช่วยออกหน้าให้ทุกคนได้
จี้เสี่ยวเหนียน : นั่นสิ [ร้องไห้] ถ้าเธอไม่ลงมือ เซิร์ฟนี้ก็คงต้องเปลี่ยนเป็นชื่อนางแล้ว
เสี่ยวม่าย : …?
เสี่ยวม่าย : ฉันจะลองหาทางดู
วันรุ่งขึ้นจิ่งฮวนไปเข้าเรียนคนเดียวโดยไม่มีพวกลู่เหวินเฮ่าไปด้วย ถึงจะเงียบสงบแต่ก็น่าเบื่อ แค่คาบนี้คาบเดียวก็หาวไปเป็นสิบครั้งแล้ว
หลังเลิกเรียนเขาก็ลุกขึ้นและเดินกลับบ้าน แต่ระหว่างทางก็ได้รับข้อความจากกลุ่มแชต
ลู่เหวินเฮ่า @เสี่ยวจิ่งยา ฮวนฮวนที่รัก เลิกเรียนหรือยัง
เสี่ยวจิ่งยา ?
เกาจื้อเสียง ซื้ออาหารเช้าสองชุดมาให้เราหน่อยดิ เดี๋ยวชาติหน้าฉันยอมไปเกิดเป็นวัวเป็นม้ารับใช้นายเลย แล้วให้เฮ่าเอ๋อร์เป็นเมียนาย
เสี่ยวจิ่งยา ไปไกลๆ เลย
จิ่งฮวนตื่นสาย เขาเองก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้า เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องซื้อไปฝากพวกนั้นเลย ตอนนี้เขาแค่อยากกลับไปนอนต่อเท่านั้นแหละ
พอด่าเสร็จเขาก็ส่งข้อความที่ไม่ค่อยเป็นมิตรไปอีกสองประโยคก่อนจะปิดวีแชต
เขาเดินออกทางประตูหลัง เมื่อเห็นสนามบาสเกตบอลก็อดเหลือบมองเข้าไปไม่ได้
เพียงมองเข้าไปก็ถูกไหล่กว้างที่หันหลังให้รั้วเหล็กอยู่ดึงดูดสายตา
ชายหนุ่มสวมชุดบาสสีดำอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น ทรงผมถูกตัดอย่างเรียบร้อยเผยให้เห็นลำคอเรียวยาวสะอาดสะอ้าน ในเวลานี้กำลังนั่งกางขา ส่วนข้อศอกนั้นเท้ากับหัวเข่าพลางก้มหน้าเล่นมือถือ
ตอนนี้เซี่ยงไหวจือกำลังหงุดหงิดเล็กน้อย
กว่าขาจะหายดีได้แบบนี้ก็ไม่ง่ายเลย เขาจึงคันไม้คันมือมาก ดังนั้นเมื่อเช้าพอคนในกลุ่มแชตเมนชั่นมาหาเขาเพื่อชวนเล่นบาส เขาจึงตอบตกลงโดยไม่คิดเลย
พอมาถึงก็พบว่ามีสองคนที่มาไม่ได้เพราะติดธุระด่วนทำให้คนเล่นว่างไปสองตำแหน่ง
คนจะน้อยก็ช่างเถอะ ที่สนามบาสมีคนเยอะแยะ ชวนๆ มาสองสามคนก็ได้แล้ว แต่เขาแค่คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มปีสองที่อยู่ห้องติดกันแถมยังเล่นบาสได้โคตรห่วยจะอยู่ที่นี่ด้วย ทำเอาความกระตือรือร้นของเขาหายไปกว่าครึ่ง
เซี่ยงไหวจือจิ๊ปาก ในใจกำลังคิดหาเหตุผลที่จะไปจากที่นี่
“รุ่นพี่!”
เซี่ยงไหวจือชะงักแล้วหันหลังไปมอง
จิ่งฮวนยืนอยู่ด้านนอก สองมือเกาะอยู่บนรั้วเหล็กและมองมาที่เขาพร้อมยกยิ้มจนตาหยี รอยยิ้มดูผ่อนคลายยิ่งกว่าสายลมในฤดูใบไม้ร่วงเสียอีก
“อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นพี่” จิ่งฮวนกะพริบตา “พี่ออกมาเล่นบาสแต่เช้าเลยเหรอ”
เสียงตะโกนของอีกฝ่ายไม่ได้มีเพียงเซี่ยงไหวจือหันมามองเท่านั้น แต่ผู้ชายคนอื่นที่อยู่ข้างๆ เขาก็ยังหันมามองจิ่งฮวนอย่างอดไม่ได้
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้วมองไปยังทางที่เขาเดินมา “อืม เพิ่งเลิกเรียนเหรอ”
จิ่งฮวนพยักหน้า “ใช่ครับ กำลังจะกลับไปนอนต่อ”
“พี่เซี่ยง นั่นใครอะ เพื่อนเหรอ” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ยกยิ้มพลางเดินมาหาก่อนจะทักทายจิ่งฮวนอย่างเป็นกันเอง “อยู่สาขาไหนอะ”
จิ่งฮวนกลับตอบว่า “อยู่ปีสองครับ”
ชายคนนั้นเดินไปตรงหน้าจิ่งฮวนก่อนจะเท้าเอวพลางถาม “เป็นรุ่นน้องเหรอ งั้นก็ดีเลยสิ เล่นบาสเป็นไหม”
จิ่งฮวน “ได้นิดหน่อยครับ”
“เล่นเป็นก็พอแล้ว รอบนี้เราขาดคน มาเล่นให้ครบคนหน่อยได้ไหม”
จิ่งฮวนมองไปยังเซี่ยงไหวจือ “รุ่นพี่เล่นด้วยหรือเปล่า”
เซี่ยงไหวจือยังไม่ทันได้หาข้ออ้างเพื่อจากไป ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็มาขวางหน้าเสียก่อน
“พี่เซี่ยงต้องเล่นอยู่แล้ว เขานั่งรอตรงนี้ตั้งนานแล้วล่ะ ขาดอีกแค่คนเดียวเอง ถ้านายมาเราจะได้เริ่มกันเลย”
“อ้อ…” จิ่งฮวนตอบกลับอย่างสดใส “ได้สิครับ แต่ผมขออยู่ทีมเดียวกับรุ่นพี่นะ ถ้าได้ผมจะเล่นด้วย”
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วกลืนข้ออ้างที่จะหนีกลับก่อนลงคอไป
ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า “ฮ่าๆ ได้สิ นายเข้ามาเลย”
หลังจากเข้ามาในสนามจิ่งฮวนก็มายืนข้างๆ เซี่ยงไหวจือและเริ่มวอร์มร่างกาย
เขาสวมชุดไปรเวต โชคดีที่เป็นกางเกงขาสั้น ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าผ้าใบ เวลาวิ่งจึงไม่ลำบาก
เซี่ยงไหวจือกวาดตามองรองเท้าผ้าใบสีขาวของเขา ส่วนด้านบนเป็นน่องขาเรียวซึ่งแตกต่างจากกล้ามขาของผู้ชายคนอื่นที่อยู่ข้างๆ อย่างเห็นได้ชัด
เขาละสายตาก่อนจะใช้เสียงที่ได้ยินเพียงสองคนพูดกับอีกฝ่าย “ถ้าไม่อยากเล่นก็ปฏิเสธได้นะ”
“ทำไมจะไม่อยากล่ะครับ” จิ่งฮวนมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะยกมุมปากขึ้นแล้วพูด “จริงๆ ช่วงสองสามวันนี้ผมกะว่าจะชวนพี่ออกมาเล่นบาสอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญมาเจอกันพอดี”
ทันใดนั้นเซี่ยงไหวจือก็เริ่มไม่แน่ใจในความคิดของจิ่งฮวนแล้ว
“…ชวนฉันเหรอ ทำไมล่ะ”
“เพราะผมคิดว่าพี่เล่นบาสเก่ง”
“นายเคยเห็นเหรอ”
“ไม่เคยเห็นพี่เล่นบาส แต่เคยเห็นพี่รับลูกบาส” จิ่งฮวนยกมือขึ้นทำท่าทางเหมือนรับลูกบาสเลียนแบบอีกฝ่ายในคืนนั้น “เจ๋ง!”
เซี่ยงไหวจือยกริมฝีปากแย้มยิ้ม
เซี่ยงไหวจือเป็นคนหน้าหยิ่งดูเย็นชา ตาชั้นเดียวยิ่งทำให้เขาดูเย็นชามากขึ้นไปอีก พอยกยิ้มขึ้นมาจึงดูอบอุ่นอย่างหาได้ยาก
คนสิบคนถูกแบ่งเป็นสองทีม จิ่งฮวนยืนอยู่ฝั่งทีมของตนเองและกำลังปรึกษากันเพื่อแบ่งตำแหน่งให้แต่ละคน
เซี่ยงไหวจือเป็นกองหลัง จิ่งฮวนได้เป็นกองหน้า
จิ่งฮวนเดาไว้ไม่ผิด เซี่ยงไหวจือเล่นบาสเกตบอลเก่งมาก แค่เริ่มเกมก็ชู้ตสามแต้มลงไปถึงสองครั้ง เปิดฉากทำคะแนน 6-0 ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
คนที่มามุงดูการแข่งรอบนี้ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจำนวนของสาวๆ พวกเธอต่างกระซิบกระซาบกัน ส่วนสายตานั้นก็เอาแต่มองชายหนุ่มสองคนซึ่งดูโดดเด่นสะดุดตาที่สุดในสนาม
จิ่งฮวนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตร ถึงแม้จะไม่นับว่าสูง แต่เพราะเขากระโดดได้เก่งทำให้การเล่นเป็นกองหน้าไม่ใช่เรื่องยาก เขาเลี้ยงบอลขณะที่สายตาก็เริ่มสังเกตกองหน้าของทีมตรงข้าม
คนอื่นไม่เท่าไร แต่มีคนหนึ่งที่ทั้งตัวสูงใหญ่และแข็งแรง สีหน้าดุดันดูรับมือยาก เขาคิดคำนวณในใจเพียงสองวินาทีก่อนจะบุกไปทางขวา ทว่าอีกฝ่ายก็เข้ามาป้องกันไว้ทันที
ในตอนที่ผู้ชายคนนั้นกระโดดขึ้นและกำลังจะบล็อกลูกชู้ตของจิ่งฮวน ทันใดนั้นเขาก็หมุนตัวส่งบอลไปด้านหลัง
อย่าว่าแต่ทีมตรงข้ามเลย แม้แต่ทีมเดียวกันเองก็ตอบสนองไม่ทัน จะมีก็แต่เซี่ยงไหวจือเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขามารอเซฟไว้ตั้งแต่แรกหรือเพราะตอบสนองรวดเร็ว หลังจากรับบอลของจิ่งฮวนมาได้เขาก็ชู้ตสามแต้มอย่างแม่นยำอีกครั้ง
บอลลงห่วงไปแล้ว แต้มเพิ่มขึ้นทิ้งห่างขาดลอยเป็น 13-2
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่คิดว่าจะชู้ตลูกนี้ลง ดูเหมือนวันนี้เขาจะมือขึ้นไม่เลว
ขณะที่กำลังคิดทีมตรงข้ามก็ขอพัก รุ่นน้องที่เล่นเป็นกองหน้ารีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเขา
“รุ่นพี่ มาเร็ว ไฮไฟว์กัน!” จิ่งฮวนยื่นฝ่ามือของตนเองไปหาเขา
เซี่ยงไหวจือชะงักแล้วยกฝ่ามือขึ้นตาม
หลังจากจิ่งฮวนบังคับอีกฝ่ายไฮไฟว์เสร็จก็ยังจงใจถูมืออีกฝ่ายด้วย เขายิ้มพลางพูด “ขอให้สกิลไหลมา”
มือของชายหนุ่มไม่หยาบเลย มันนุ่มน่าสัมผัส ลูบแล้วรู้สึกสบายมาก
เซี่ยงไหวจือยังไม่ทันได้สติ จิ่งฮวนก็ชักมือออกและวิ่งกลับไปที่ตำแหน่งของตัวเองเสียแล้ว
ช่วงเวลาพักหมดลงอย่างรวดเร็ว คนที่คอยสกัดเซี่ยงไหวจือของทีมตรงข้ามถูกเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มกำยำที่เล่นเป็นกองหน้าก่อนหน้านี้
จิ่งฮวนไม่ได้สนใจอะไร เซี่ยงไหวจือชอบชู้ตสามแต้ม ถึงแม้ชายหนุ่มคนนั้นจะแข็งแรง แต่ก็ไม่ได้สูงเท่าเซี่ยงไหวจือ ด้วยน้ำหนักตัวเวลาเขากระโดดจึงดูเทอะทะอย่างเห็นได้ชัด และทำให้ไม่สามารถหยุดเซี่ยงไหวจือได้
แต่แน่นอนว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
การแข่งดำเนินต่อไป หลังผ่านไปสองนาทีเซี่ยงไหวจือก็รับลูกได้อีกครั้ง เขายกมือขึ้นแสร้งทำเหมือนจะชู้ตสามแต้ม คิดไว้ว่าจะทำท่าหลอกแล้วเปลี่ยนไปดั๊งก์แทน แต่จู่ๆ กลับโดนอีกฝ่ายกระแทกเข้าที่หน้าอกอย่างแรง จุดที่โดนปลายศอกกระแทกนั้นเจ็บเอามากๆ
เขารู้อยู่แล้ว
คนที่บล็อกเขาก็คือไอ้โง่ที่อยู่ห้องข้างๆ เขาเมื่อเทอมที่แล้ว หมอนี่อยู่ทีมบาส ซึ่งเป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องเล่นสกปรก ถ้าไม่ใช่เพราะข้อได้เปรียบด้านกายภาพก็คงโดนทีมบาสไล่ออกไปนานแล้ว
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับส่งเสียงอู้อี้เบาๆ ในลำคอ แต่มือไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว เขาเปลี่ยนกลยุทธ์การเล่นโดยไม่ส่งบอลต่อและชู้ตสามแต้มไปทันที ทว่าบอลกลับไม่ลงห่วง
บอลหล่นลงกับพื้นและถูกฝ่ายตรงข้ามแย่งไป เซี่ยงไหวจือไม่พูดอะไร เขาหันหลังกลับมาคอยกันพร้อมเหลือบมองชายร่างใหญ่คนนั้นแวบหนึ่งอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มร่างใหญ่ยักไหล่พร้อมยกยิ้มให้เขาอย่างใสซื่อสุดๆ
ครึ่งแรกผ่านไป คะแนนขึ้นมาเป็น 21-10 ฝั่งเซี่ยงไหวจือยังคงได้เปรียบอยู่มาก
ในช่วงพักครึ่งเพียงไม่กี่นาทีเซี่ยงไหวจือทำหน้านิ่งเฉย ขณะที่กำลังจะตรงไปเอาเรื่องผู้ชายคนนั้น ข้อมือของเขาก็ถูกใครบางคนคว้าไว้เสียก่อน
“รุ่นพี่” จิ่งฮวนพูด “เราเปลี่ยนตำแหน่งกันไหม ผมอยากเล่นกองหลังอะ”
เมื่อคิดถึงวิธีการของกองหลังอีกทีม เซี่ยงไหวจือก็บอกว่า “ไว้คราวหน้าแล้วกัน ครึ่งหลังแล้วฉันมีประสบการณ์ในการบล็อกหมอนั่น”
“ผมก็บล็อกเก่งเหมือนกันนะ” จิ่งฮวนยืนยัน “ให้ผมลองเถอะ ผมจะฝึกมือหน่อย ถ้าไม่โอเคจริงๆ เราค่อยเปลี่ยนกันตอนจบควอเตอร์ก็ได้”
เซี่ยงไหวจือลังเลอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะยอม “…ควอเตอร์เดียวนะ”
ทั้งสองกลับไปพักบนม้านั่ง จิ่งฮวนหยิบมือถือออกมาเช็กข้อความในวีแชตพลางซับเหงื่อ
ลู่เหวินเฮ่า เวรเอ๊ย @เสี่ยวจิ่งยา ทำไมนายไปเล่นบาสแล้วล่ะ แข่งบาสไม่เรียกเพื่อนเลยนะ?!
เสี่ยวจิ่งยา รู้ได้ไงว่าฉันมาเล่นบาส
ลู่เหวินเฮ่า [รูปภาพ]
ลู่เหวินเฮ่า ในกรุ๊ปมหา’ลัยพากันส่งรูปนายกับรุ่นพี่เซี่ยงกันใหญ่เลย ไม่รู้ก็แปลกแล้ว
จิ่งฮวนกดเปิดดู รูปภาพสิบกว่ารูปนั้นถ้ากล้องไม่จับภาพเขาก็เป็นเซี่ยงไหวจือ ส่วนคนอื่นแทบจะเห็นแค่ร่างเบลอๆ
เขาไม่แปลกใจอะไรจึงพิมพ์ตอบกลับไปว่า ‘แค่มาเล่นเฉยๆ’
ลู่เหวินเฮ่า แล้วทำไมนายไปเล่นกับหมอนี่ได้ล่ะ
ลู่เหวินเฮ่า [รูปภาพ]
ในรูปที่ลู่เหวินเฮ่าส่งมาเป็นรูปชู้ตติ้งการ์ด ของทีมตรงข้าม
ลู่เหวินเฮ่า ไอ้หมอนี่เล่นบาสอย่างสกปรกอะ ครั้งก่อนทำเพื่อนต่างสาขาเราสันคิ้วแตก เลือดไหลซิบเลย
เซี่ยงไหวจือได้ยินเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากด้านข้างจึงเหลือบไปมองโดยไม่รู้ตัวและได้เห็นรูปโพรไฟล์สีชมพูอยู่บนจอของอีกฝ่าย
โพรไฟล์ที่คุ้นตา แต่คำพูดที่ใช้กลับดูไม่คุ้นเคย
เสี่ยวจิ่งยา ฉันกลัวที่ไหน นายรอดูในกรุ๊ปแชตมหา’ลัยเลยนะ อีกเดี๋ยวป๊ะป๋าคนนี้จะลงมือยังไง
“…” เซี่ยงไหวจือละสายตาออกมา
ควอเตอร์ที่สามเริ่มขึ้น จิ่งฮวนยืนอยู่ตรงหน้าชายร่างใหญ่พลางบิดคอไปมา
“ทำไมเป็นนายอีกแล้ว” เมื่อชายคนนั้นเห็นเขาก็หัวเราะออกมา “เซี่ยงไหวจือโดนฉันบล็อกจนต้องหนีไปเลยเหรอ”
จิ่งฮวนยิ้ม “ได้ยินว่าพี่เล่นบาสเก่ง ผมเลยอยากจะศึกษาสักหน่อย”
ชายคนนั้นหัวเราะลั่น “ไม่มีปัญหา เรียนรู้ให้ดีล่ะ”
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นชายร่างใหญ่ก็ได้บอล เขาคิดจะดั๊งก์ให้ลง รุ่นน้องคนนี้จะได้ประจักษ์แก่สายตา
เขาคิดจะบุกเข้าไปอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่กลับเป็นว่าไปได้แค่ครึ่งตัวก็โดนอีกฝ่ายเอาศอกกระแทกหน้าอกอย่างแรง เขาเจ็บจนต้องพ่นลมหายใจออกมาโดยไม่สามารถป้องกันได้ ขาสองข้างอ่อนแรงล้มลงไปนั่งกับพื้นทันที
ทุกคนต่างตกตะลึงและรีบรุดเข้าไปดูชายคนนั้น มีเพียงคนลงมือเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขาหยิบบอลจากพื้นมาเดาะเบาๆ สองสามที
“ไอ้ฉิบหา…” ชายคนนั้นได้สติกลับมา ใบหน้าแดงก่ำถลึงตามองจิ่งฮวนด้วยความโกรธ “แกชนฉันเหรอ?! จงใจใช่ไหม!”
ความจริงแล้วจิ่งฮวนไม่ได้ศอกกลับแรงอะไรนัก แต่เป็นอีกฝ่ายเองที่คิดจะกระแทกจิ่งฮวนเพื่อฝ่าไปจึงจงใจออกแรงมาก สุดท้ายแรงกระแทกเลยสะท้อนกลับมาโดนตัวเอง
เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วก้าวมาด้านหน้าจึงได้ยินจิ่งฮวนพูดด้วยใบหน้าใสซื่อพอดี “ผมแค่ตั้งรับเองนะ”
“ตั้งรับบ้านแกสิ!” ในที่สุดอีกฝ่ายก็เริ่มหายเจ็บขึ้นมานิดหน่อย “แกจงใจกระแทกฉัน! ฟาวล์นี่! แม่ง…”
เซี่ยงไหวจือขัดจังหวะ ส่งสายตาดุดัน “พูดจาให้มันดีๆ หน่อย”
แต่จิ่งฮวนไม่สนใจ เขายกมุมปากขึ้นพูดอย่างสบายๆ “จริงๆ พี่ก็รู้ว่าแบบนี้คือการกระแทก ถือว่าฟาวล์ใช่ไหม”
เมื่อเซี่ยงไหวจือได้ยินก็ชะงัก ดวงตาสีดำมองไปทางคนข้างๆ
ที่แท้เขาก็เห็น ดังนั้นเลยขอเปลี่ยนตำแหน่งกับตนเพื่ออาสาเอาตัวเองมาบล็อกไอ้โง่นี่งั้นเหรอ