everY
ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 88-90 #นิยายวาย
บทที่ 88
เมื่อลู่หังหลับมา เซี่ยงไหวจือก็เพิ่งจะวางโทรศัพท์ไป
ถึงจะได้ยินเสียงดังขึ้นมาเขาก็ยังถือโทรศัพท์พิมพ์ข้อความโดยไม่ขยับเขยื้อน
ลู่หังเรอจนกลิ่นเหล้าออกมา เขาปิดประตูลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ เซี่ยงไหวจือก่อนจะไอออกมาสองที “ขึ้นศาล…”
เซี่ยงไหวจือมองเขาด้วยสายตาราวกับมองคนปัญญาอ่อนอยู่
“พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ระหว่างเพื่อนสนิทต้องไม่มีความลับ นายพูดออกมาตามตรงเลย” ลู่หังกล่าว “ตอนบ่ายนายไปเดตกับใคร เด็กในมหา’ลัยเราหรือเปล่า”
“นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ” เซี่ยงไหวจือพูด
“ฉันเห็นอะไร…” ลู่หังชะงัก “เดี๋ยวนะ นายไปกับจิ่งฮวนจริงๆ เหรอ แล้วมันจะถือว่าเป็นเดตได้ไง ปกติพวกนายสองคนออกไปกินข้าวด้วยกันก็เรียกว่าเดตเหรอ”
เซี่ยงไหวจือเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
คิดไปคิดมาเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไร และเพียงพูดว่า “ไปไกลๆ ดิ๊ กลิ่นเหล้านายโคตรเหม็น”
“ฉันดื่มไปไม่เท่าไรเอง” ลู่หังลุกขึ้นยืนช้าๆ แต่ก็ยังถามอย่างไม่ยอมแพ้ “ไปดูหนังกับจิ่งฮวนจริงๆ เหรอ”
“เออ”
ลู่หังมองดอกกุหลาบบนโต๊ะพร้อมเอ่ยด้วยความสงสัย “แล้วไปเอาดอกไม้ดอกนั้นมาจากไหน”
เซี่ยงไหวจือพูด “ของแถมจากเซ็ตป็อปคอร์นโรงหนัง”
เปลวไฟที่แผดเผาไปทั่วตลอดทั้งคืนของลู่หังดับวูบลงทันที เขาส่งเสียง ‘จิ๊’ ออกมาก่อนจะลากเก้าอี้ไปเก็บที่เดิม หลังจากเลื่อนเม้าส์ไปมาภาพพักหน้าจอก็หายไป “ก็จริง ทุกวันนี้ถ้านายไม่ไปเรียนก็มัวแต่เล่นเกม จะเอาเวลาที่ไหนไปพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้หญิงวะ…อ้อ นอกซะจากจิ่งแสนหวานตัวน้อยจะมาเจอนาย ถ้านายไปเปิดห้องนี่ฉันจะไม่แปลกใจเลย”
เซี่ยงไหวจือ “…”
แอลกอฮอล์ก่อให้เกิดปัญหา เซี่ยงไหวจือเค้นรายละเอียดในหัวถามเสียงเย็น “นายเป็นบ้าเหรอ”
ลู่หังดื่มจนเมาแล้วเลยไม่กลัวเขา เจ้าตัวเท้าคางพูด “แค่ล้อเล่นเอง ฉันว่านายดีกับจิ่งฮวนมากเลย พวกเราสองคนยังไม่เคยไปดูหนังด้วยกันเลย จิ๊ จะว่าไปแล้วทำไมต้องจงใจเลือกคนที่มีคำว่า ‘จิ่ง’ ในชื่อด้วยวะ”
เซี่ยงไหวจือใส่หูฟัง “ฉันพอใจ”
ลู่หังเมาแล้ว แค่ได้ฟังว่าคู่เดตคือรุ่นน้องของพวกเขาก็หมดความสนใจไปทันที เลยไม่ได้ฟังให้ละเอียดว่าเซี่ยงไหวจือพูดอะไร เขาหันกลับไปหาสาวๆ ที่เพิ่งแอดเข้ารายชื่อเพื่อนมาคุยเล่น
จิ่งฮวนหาข้ออ้างหลบหลีกไปจากเควสต์คู่รักได้
ตอนนี้จิ่งฮวนจะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปทำเควสต์คู่รักกัน เวลานี้ในหัวของเขามีแต่ ‘เชี่ย ไปคบกับพี่เขาได้ยังไง นี่พี่ชายยังไม่ยกโทษให้ผมเหรอ ยังอยากทรมานผมต่อไปใช่ไหม’ เต็มไปหมด
ขณะนั้นเขาก็ถือโทรศัพท์เอาไว้ คำพูดโต้แย้งทั้งหลายกำลังจะพรั่งพรูออกไป แต่พอจะพูดออกไปจริงๆ ก็ต้องหุบปากเงียบเพราะความรู้สึกผิดอีกครั้ง
เพราะเขาพบว่ามันไม่ถึงกับเป็นการคบกัน แต่เป็นเพียงแฟนออนไลน์เท่านั้น
อืม…บ้าเอ๊ย
ดูเหมือนจะเป็นงั้นจริงๆ ก็แค่นิดๆ นั่นแหละที่ไปแตะขอบของความสัมพันธ์
จิ่งฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถคิดต่อไปได้อีก ถ้าคิดต่อไปคืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้นอนเลย
ขณะที่เขาปอกเปลือกส้มในใจก็เต็มไปด้วยความคิดมากมาย พอโยนส้มชิ้นหนึ่งเข้าไปในปากในใจของเขาก็คิดว่าจะเอาผลไม้ตะกร้านี้ลงไปพูดคุยกับลุงยามดีหรือเปล่า
สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารูมเมตของเขา
ลู่เหวินเฮ่ารับสายพร้อมหัวเราะเสียงเย็น [ว่าไง สำนึกผิดแล้วสินะ?]
“รู้แล้ว”
[…]
เขายอมรับอย่างง่ายดาย ลู่เหวินเฮ่าเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
จิ่งฮวนเอ่ย “ดังนั้นเพื่อเป็นการชดเชยให้พวกนาย พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงหม้อไฟพวกนายเอง”
ปวดหัวเสร็จแล้วเขาก็ต้องเริ่มกลบเกลื่อนคำโกหกที่เพิ่งพูดออกไป จิ่งฮวนคิดว่าคำโกหกที่ตัวเองพูดในช่วงนี้คงเยอะกว่าหลายปีก่อนหน้านี้รวมกันซะอีก
[…?] ถึงจะไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ แต่มีของกินก็ถือว่าไม่เลว ลู่เหวินเฮ่าว่า [ดีเลย ไปร้านไหนอะ]
“หอ”
[…]
“เดี๋ยวฉันเอาวัตถุดิบ เครื่องปรุง กับหม้อไป” จิ่งฮวนว่า “ส่วนพวกนายล้างจาน”
จิ่งฮวนไม่ได้กลับหอมาสักพักแล้ว ช่วงนี้อากาศเย็นพอเลิกเรียนเขาเลยวิ่งกลับอพาร์ตเมนต์ทันที
ต่อมาเขาก็หอบหม้อและวัตถุดิบเดินเข้าไปในหอ ลู่เหวินเฮ่าและเกาจื้อเสียงกำลังลงดันอยู่ โชคดีที่สองคนนั้นเก็บกวาดโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว จิ่งฮวนเปิดเตาไฟฟ้า จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ สองมือเท้าคางมองเข้าไปในหม้อด้วยสีหน้าเซื่องซึม
ลู่เหวินเฮ่าหันมาเห็นฉากนั้นเข้าพอดี เขานั่งลงมองหม้อแล้วมองจิ่งฮวนอีกครั้ง “นายเป็นอะไรไป ในหม้อมีแมลงเหรอ”
จิ่งฮวนเบิกตาโต “ไสหัวไปเลย พูดดีๆ หน่อยได้ไหม”
“งั้นนายจะมองแบบทรมาทรกรรมอะไรขนาดนั้น”
หม้อทรงโค้งเริ่มเดือด จิ่งฮวนจึงใส่เนื้อวัวลงไป “ไม่มีอะไร ฉันหิวแล้ว ไม่รอพวกนายนะ”
กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมา เกาจื้อเสียงเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขารีบถือชามลงมานั่งโดยที่ยังทำเควสต์ประจำวันไม่เสร็จด้วยซ้ำ
“จะซื้อมาทำไมเยอะแยะขนาดนี้” เกาจื้อเสียงมองดูอาหารบนโต๊ะ “พวกเราสามคนกินไม่หมดหรอก”
“ไม่เป็นไร” จิ่งฮวนว่า “กินไม่หมดเดี๋ยวฉันเอาไปให้พี่เซี่ยงที่ชั้นบนเอง”
เกาจื้อเสียงตักกุ้งสับ “ทำไมฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของนายกับรุ่นพี่เซี่ยงมันแทบจะเกินหน้าเกินตาพวกเราสองคนแล้ววะ”
ลู่เหวินเฮ่าบอก “ก็ไม่แน่นะ เมื่อวานยังไปกินเนื้อย่างด้วยกันอยู่เลย”
“ก็พอสมควรอะ…” พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานจิ่งฮวนก็รู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ เขาดื่มน้ำไปหนึ่งอึกแล้วพูดด้วยความลังเล “เฮ่าเอ๋อร์ ฉันถามนายอย่างสิ”
“ว่ามาดิ”
จิ่งฮวนหันไปถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าวันไหนผู้ชายที่โกหกนายโผล่มาตรงหน้า นายจะทำยังไง”
“…?”
ลู่เหวินเฮ่าคิดว่าไส้เป็ดที่อยู่ในปากไม่น่ากินอีกต่อไป เขามองจิ่งฮวนด้วยความตกใจ “ทำไมมันต้องโผล่หัวมาตรงหน้าฉันด้วย ในที่สุดมันก็เบื่อชีวิตแล้วเหรอ มันอยากจบชีวิตน่าสมเพชสามสิบปีของมันแล้วหรือไง”
จิ่งฮวนกัดตะเกียบถาม “แต่ก่อนหน้านี้นายคิดถึงหมอนั่นมากไม่ใช่เหรอ”
จิ่งฮวนขี้เกียจอ้อมค้อมกับเขาแล้วเลยถามออกไปตรงๆ “ถ้าได้เจอหน้ากันนายคิดอยากจะจูบหมอนั่น…อะไรแบบนั้นไหม”
ลู่เหวินเฮ่าจินตนาการภาพที่จิ่งฮวนพูดออกมา ภายในไม่กี่วินาทีเขาก็แทบบ้าและพูดจามั่วซั่วไม่เป็นภาษา “ฉันจูบหมอนั่น? ฉันจูบ…หึ ใช่ ถ้าฉันจะจูบมันล่ะก็ ถ้าไม่จูบจนมันขาดอากาศหายใจตาย น้ำลายฟูมปาก ฉันคงไม่ได้แซ่ลู่แล้ว”
สองคนที่อยู่บนโต๊ะมีสีหน้าสับสนและหมดความอยากอาหารไปทันที
“ช่างเถอะ บอกตามตรงนะฉันว่าฉันต้องบ้าแน่ๆ คนที่ฉันชอบคือผู้หญิงที่หมอนั่นแสดงออกมา” ลู่เหวินเฮ่าพูด “อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่เกย์ จะไปจูบผู้ชายได้ไง”
นั่นสิ!
จิ่งฮวนคิดว่าลู่เหวินเฮ่าพูดจามีเหตุผลมาก ต่อให้เป็นการแก้แค้นก็เป็นไปไม่ได้…จูบปากน่ะเหรอ
หรือเซี่ยงไหวจือจะเป็นเกย์
ก็ไม่น่าใช่…
จิ่งฮวนมีเรื่องหนักอกหนักใจ หม้อไฟมื้อนี้เลยกินไปโดยไม่รู้รส
หลังจากกินหม้อไฟเสร็จจิ่งฮวนก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปวัตถุดิบที่ยังไม่ได้เอาลงหม้อ
เสี่ยวจิ่งยา [รูป] ยังเหลืออยู่นิดหน่อย พี่กับพี่ลู่พอกินไหมครับ
เซี่ยง ไม่ต้องหรอก ฉันกินบะหมี่ไปนิดหน่อยแล้ว ลู่หังไม่อยู่หอ
เสี่ยวจิ่งยา …
ลู่หังไม่อยู่ เขาต้องอยู่กับเซี่ยงไหวจือ
พูดง่ายๆ ก็คืออยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ฮวนฮวน” ลู่เหวินเฮ่าหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและทาลงบนปากของตัวเอง “นายไม่ได้กินเผ็ดไม่ใช่เหรอ ทำไมหูแดงล่ะ”
จิ่งฮวนหันไปมองเขาก่อนจะเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “กินอันนี้เลยร้อนอะ นายกำลังทำอะไรอยู่”
“ทาลิปบาล์มไง” ลู่เหวินเฮ่าพูด
จิ่งฮวนยู่หน้าด้วยความรังเกียจ “ผู้ชายอกสามศอกอย่างนายจะทาลิปบาล์มไปทำไม”
“เฮ้ย แค่ทาลิปบาล์มนายก็ต้องเหยียดเพศด้วยเหรอ!” ลู่เหวินเฮ่าพูด “ก็ช่วงนี้ปากฉันลอก ทาหน่อยจะได้สบายๆ”
‘ปากแห้งไปหน่อย’
ทันใดนั้นคำพูดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของจิ่งฮวน เขารู้สึกว่าตัวเองร้อนยิ่งกว่าเดิม
บ้าเอ๊ย
ช่วงนี้เขาแปลกไปนิดหน่อย
จิ่งฮวนยืนตากลมอยู่ข้างหน้าต่างสักพักเพื่อให้ตัวเองได้เตรียมตัวเตรียมใจนานๆ จากนั้นเขาก็หันกลับมา “เฮ่าเอ๋อร์ นาย…ฉันขอยืมลิปบาล์มหน่อยสิ”
ลู่เหวินเฮ่าได้ใจ “ทำไม นายไม่ได้รังเกียจของสาวน้อยแบบนี้หรือไง”
จิ่งฮวนเลิกคิ้วใส่เขาเหมือนจะเตือน ลู่เหวินเฮ่าจึงกระแอมออกมาหนึ่งที ก่อนจะหุบยิ้มลงแล้วมอบลิปบาล์มให้เขาด้วยมือสองข้าง
จิ่งฮวนเปิดออกดู ด้านบนสุดของลิปบาล์มมีสีแดงที่สังเกตแทบไม่เห็นติดอยู่ ถ้าเขาเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นน้ำซุปเผ็ดที่ยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาด
จิ่งฮวนปิดฝาโยนกลับไป “เอาแท่งใหม่มาให้ฉัน”
ลู่เหวินเฮ่ามักจะขี้เกียจแถมยังมีเงิน ปกติเขาจึงซื้อของแบบนี้เอาไว้ห้าชิ้นเป็นอย่างต่ำ สุดท้ายลู่เหวินเฮ่าก็หยิบลิปบาล์มแท่งใหม่ออกมาจากลิ้นชัก เขาพูดด้วยความไม่พอใจ “แม่ง ฮวนฮวน นายรังเกียจฉันเหรอ”
จิ่งฮวนไม่ได้ตอบอีกฝ่าย เขาเพียงแค่เปิดลิปบาล์มทาไปส่งๆ สองที จากนั้นก็ยัดมันเข้าไปในกระเป๋า “ฉันกลับแล้วนะ”
“ไม่เอาไปให้รุ่นพี่เซี่ยงกินเหรอ” ลู่เหวินเฮ่าถาม
“เขากินไปแล้ว อีกเดี๋ยวพวกนายค่อยไปถามห้องข้างๆ แล้วกันว่าเอาหรือเปล่า”
แผ่นหลังของจิ่งฮวนจากไปอย่างห้าวหาญเหมือนนักรบในสนามรบ น่าเสียดายที่รูมเมตทั้งสองคนของเขากำลังจดจ่ออยู่กับการลงดันเลยไม่มีใครสังเกตเห็น
จิ่งฮวนเดินขึ้นไปถึงประตูห้อง 522 เขายกมือขึ้นเพื่อจะเคาะประตู แต่กลับพบว่ามันเปิดแง้มอยู่และทำให้มีช่องว่างระหว่างประตู
ล่วงเลยเวลาอาหารเย็นไปแล้ว ท้องฟ้าเป็นสีดำมืด ระเบียงทางเดินหอพักชายมีเพียงหลอดไฟสีเหลืองที่ส่องสว่าง
จะว่ายังไงดีล่ะ
จู่ๆ จิ่งฮวนก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นเกมสยองขวัญอยู่ แถมยังเป็นแบบโฮโลแกรมอีกต่างหาก ทันทีที่เปิดประตูบานนั้นอาจมีผีกระโดดออกมากินเขาทั้งเป็น
จิ่งฮวนตัดความคิดเพ้อเจ้อของตัวเอง เขาเคาะประตูไปสองครั้ง ก่อนจะผลักเปิด
เสียงน้ำดังมาจากในห้อง เขายังไม่ทันได้ตอบสนองประตูห้องน้ำด้านข้างก็เปิดออกมา
ฝ่ามือของเซี่ยงไหวจือจับประตูไว้ เขาเปิดประตูออกเป็นช่องจนไอความร้อนพวยพุ่งออกมาจากห้องน้ำ แขนครึ่งหนึ่งที่โผล่ออกมาเรียวยาวเปี่ยมพละกำลัง ไหนจะลายกล้ามเนื้อนูนขึ้นมาเล็กน้อยที่มีหยดน้ำไหลผ่านเป็นครั้งคราว
ขนตาของเซี่ยงไหวจือเปียกน้ำ เขาพูดว่า “เตียงฉันอยู่ทางซ้าย นั่งรอฉันก่อนนะ”
จิ่งฮวนมองไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็เห็นคอมพิวเตอร์ที่เปิดเครื่องอยู่ด้านล่างเตียงนอน
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของจิ่งฮวน เซี่ยงไหวจือก็พูดขึ้นมา “นายใช้คอมฯ ได้นะ”
พอเห็นแผนที่ที่ตัวละครอยู่ จิ่งฮวนก็โพล่งออกมา “งั้นผมช่วยพี่เคลียร์เควสต์ประจำวันนะครับ”
ไอดีของเซี่ยงไหวจือ AFK อยู่ด้านหน้าปรมาจารย์สำนัก บริเวณมุมขวาบนยังมีแจ้งเตือนเควสต์ที่ยังไม่ได้ทำอยู่ แถมบนหัวตัวละครในเกมของหัวใจเพรียกหายังมีคำว่า ‘สามีของจิ่งแสนหวานตัวน้อย’ อยู่ด้วย
จิ่งฮวนบังคับตัวละครไปก็รู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
คอมพิวเตอร์ เม้าส์ และคีย์บอร์ดของเซี่ยงไหวจือล้วนเป็นของดีทุกชิ้น จิ่งฮวนจึงใช้อย่างคล่องมือ
ระดับความยากของเควสต์ประจำวันไม่สูงมาก จิ่งฮวนพาตัวละครไปยังเควสต์ล่ามอนสเตอร์ในแผนที่ป่าระดับต่ำ เขาเปิดแผนที่ใช้ฟังก์ชันค้นหาเส้นทางอัตโนมัติ
[ผลไม้น้อยแสนหวานเพิ่มคุณเป็นเพื่อน]
จิ่งฮวนกวาดตามองผ่านๆ โดยไม่ได้ใส่ใจ เพราะไอดีนี้ของเซี่ยงไหวจือถูกคนอื่นเพิ่มเป็นเพื่อนเป็นเรื่องปกติ
ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีข้อความจะสว่างวาบขึ้นมา
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชายอยู่ไหม TT
นี่ไม่ใช่ไอดีของเขา จิ่งฮวนเลยไม่ได้ยุ่งกับมัน
แต่เมื่อเขาเห็นข้อความตรงหน้า เขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ
เขาครุ่นคิดก่อนจะส่งเครื่องหมายคำถามตอบกลับไป จากนั้นก็เปิดโพรไฟล์เกมของคนคนนั้นดู
ผลไม้น้อยแสนหวาน เพศหญิง เลเวล 61 ถ้ำเซียนจิ้งจอก
เป็นไปดีหลุม
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ?
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชายพาฉันออกไปจากแผนที่นี้ได้ไหมคะ ฉันหลงทางอ่า T ▽ T~~~55~
[คนแปลกหน้า] หัวใจเพรียกหา : มุมล่างซ้ายมีประตูวาร์ป พิกัด 11.19
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ทางออกไม่ใช่บนขวาเหรอคะ
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : …
เหอะๆ เรามันก็คนตอแหลด้วยกันทั้งคู่จะมาหลอกกันได้ไง
น้องสาว มุกนี้ของเธอฉันใช้ไปหมดแล้ว
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ก็ได้ค่ะพี่ชาย ฉันยอมรับ ฉันก็แค่อยากคุยกับพี่เฉยๆ QAQ
[คนแปลกหน้า] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ฉันนับถือพี่มานานแล้ว…
ในแผนที่ป่าผลไม้น้อยแสนหวานเดินมาข้างๆ เขา จิ่งฮวนมองไปก็แทบจะระเบิด
ยัยเด็กที่ชื่อ ‘ผลไม้น้อยแสนหวาน’ มีหน้าตาแทบจะเหมือนจิ่งแสนหวานตัวน้อยเป๊ะๆ!!!
จิ่งฮวนพบว่าไอดี ‘ผลไม้น้อยแสนหวาน’ นี้ตั้งแต่ชื่อไปจนถึงตัวละคร และวิธีการพูด…แทบจะเป็นพิมพ์เดียวกับจิ่งแสนหวานตัวน้อยเลย
เชี่ย
จิ่งฮวนสบถด่าหยาบคายอยู่ในใจ
เธอจะเลียนแบบฉันก็ช่างเถอะ แต่ทำไมแม้แต่หน้าตาของฉันก็ยังจะขโมยไปอีกล่ะ!
นี่เป็นข้อมูลที่ฉันซื้อมาตั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยวนนะ!!
เธอจะไม่ลงทุนเลยเหรอ!!!
อีกอย่างเธอไม่เห็นเหรอว่าบนหัวของหัวใจเพรียกหาเขียนว่าอะไร คิดว่าฉันตายไปแล้วหรือไง
คิดจะเลียนแบบเพื่อหลอกล่อหัวใจเพรียกหางั้นเหรอ ดูสิว่าเธอจะทำได้ไหม!!!
จิ่งฮวนร้องคำรามอยู่ในใจก่อนจะลากคนคนนั้นไปที่บัญชีบล็อกแล้วกระทำการอย่างดุร้ายทันที
“เอาไงล่ะทีนี้…” เขาพึมพำออกมาประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“บล็อกใครน่ะ” คนที่อยู่ด้านหลังถาม
“ผู้หญิงคนนึง” จิ่งฮวนพูดโดยไม่หันหน้ามา จากนั้นไม่กี่วินาทีปลายนิ้วของเขาก็ชะงักกึก
เซี่ยงไหวจือถาม “ผู้หญิงคนไหน”
บ้าเอ๊ย ฉันทำอะไรลงไปวะ
จิ่งฮวนหันไปด้วยท่าทางแข็งทื่อ หลังจากมองเห็นคนที่อยู่ด้านหลังตัวเขาก็แข็งยิ่งกว่าเดิม
เซี่ยงไหวจือสวมกางเกงตัวหนึ่ง ในมือเขาถือเสื้อกลับด้านและกำลังจัดการมันอย่างไม่รีบร้อน
จิ่งฮวนมองเห็นกล้ามหน้าท้องของชายหนุ่ม ลอนกล้ามเนื้อบนร่างกายของเซี่ยงไหวจือดูดีมาก รูปร่างสูงเพรียว กล้ามเนื้อไม่โอเวอร์เกินไป กำลังพอเหมาะพอดี เป็นรูปร่างในฝันของจิ่งฮวนเลย
ทันใดนั้นจิ่งฮวนก็คิดถึงเมื่อก่อนตอนที่ตัวเองอยู่ในสนามบาสและถกเสื้อขึ้นอวดกล้ามเนื้อหน้าท้องให้เซี่ยงไหวจือดู
“…”
ตอนนั้นสมองเขาถูกโยนลงทะเลไปแล้วหรือไง
ทำไมเขาถึงได้เลิกเสื้อให้เซี่ยงไหวจือดู
เขาเขินมาก
เซี่ยงไหวจือลืมเอาเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อสวมเสื้อผ้าครบชุดเรียบร้อยเขาก็หลุบตาลงถาม “เกิดอะไรขึ้น บล็อกใครไป”
จิ่งฮวนกลืนน้ำลาย “ผลไม้น้อยแสนหวาน”
พอได้ยินชื่อนี้เซี่ยงไหวจือก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ทำไมถึงบล็อกล่ะ”
“เธอ…เลียนแบบผม”
จิ่งฮวนพูดออกมาก็นึกย้อนเสียใจ
ไม่นะ เขาจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับผู้หญิง…อีกอย่างเลียนแบบก็เลียนแบบไปสิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย
“ขนาดนั้นเลย?” เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้ว “มีอะไรอีกไหม”
คำพูดคลุมเครือนี้สามารถกระตุ้นจิ่งฮวนได้
เขาพูดไปโดยไม่รู้ตัว “แถมยังเรียกพี่ว่าพี่ชายด้วย”
เซี่ยงไหวจือ “…”
จิ่งฮวน “..”
นี่เป็นครั้งที่แปดในเดือนนี้แล้วที่จิ่งฮวนอยากให้ตัวเองไปพัก
เขาโง่หรือเปล่า คนอื่นจะเรียกเซี่ยงไหวจือยังไงเขาก็เหมือนจะไปยุ่งไม่ได้
เมื่อเขาได้สติกลับมาก็หมุนตัวกลับไปเปิดรายชื่อเพื่อน “งั้นเดี๋ยวผมจะเอาชื่อเธอออกมาจากบัญชีบล็อกแล้ว…”
เขายังพูดไม่ทันจบ มือก็ถูกใครอีกคนรั้งเอาไว้
กลิ่นครีมอาบน้ำฟุ้งเข้ามาในจมูก เซี่ยงไหวจือโน้มตัวลงมาใกล้ใบหน้าด้านข้างของจิ่งฮวน กลิ่นของเขาก็ให้ความรู้สึกท่วมท้น จิ่งฮวนถึงกับคิดว่าแก้มของพวกเขาสัมผัสกันอยู่สักวิสองวิด้วยซ้ำ
ชั่วพริบตานั้นอุณหภูมิพลันพุ่งสูง ใบหน้าแดงก่ำใบหูร้อนผ่าว แม้แต่อากาศก็ยังร้อนอบอ้าวขึ้นมา
เซี่ยงไหวจือจับมือเขาบังคับเม้าส์กดลงไปยังไอคอนโจมตีมุมขวาล่าง จากนั้นก็ชี้ไปทางผลไม้น้อยแสนหวานที่อยู่ข้างๆ…
[คุณทำการบังคับ PK กับผลไม้น้อยแสนหวาน]
[ขณะนี้] ผลไม้น้อยแสนหวาน : ??? [สงสัย]
[ขณะนี้] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชายหมายความว่าไงคะ
เซี่ยงไหวจือปล่อยมือเขา หลังมือจิ่งฮวนเย็นเฉียบและได้สติกลับมาทันที
“ผม” เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า จิ่งฮวนก็อึ้งไป เขาเลียริมฝีปาก “ผมจะพูดยังไงดีล่ะ”
“แล้วแต่นาย อยากด่าหรือจะเงียบไปก็ได้…หรือไม่ก็” เซี่ยงไหวจือเสนอความคิด “ทำให้เธอเลิกวุ่นวายกับสามีนาย”
จิ่งฮวน “…”
ช่วงนี้เขารู้สึกไม่อยากได้ยินเซี่ยงไหวจือพูดคำว่า ‘หรือไม่ก็’ นี่ไปอีกสักพักเลย