ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 88-90 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 88-90 #นิยายวาย

บทที่ 89

จิ่งฮวนแกล้งทำเป็นใจเย็น แผ่นหลังเหยียดตรงพลางเอ่ยปากถาม “ฆ่าได้เลยเหรอครับ”

“อืม” เซี่ยงไหวจือเช็ดผมพลางพูด

ผลไม้น้อยแสนหวานเป็นไอดีหลุม ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายอะไรอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นไอดีที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อมาเล่นกับหัวใจเพรียกหา โจมตีไปสองท่าก็คงฆ่าอีกฝ่ายตายได้ในเสี้ยววินาทีแล้ว

จิ่งฮวนลงมือช้าๆ ใช้ไปสี่ท่าก็ยังไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้

ตอนนี้ในหัวของเขามีประโยคหนึ่งลอยขึ้นมาไม่หยุด…

เซี่ยงไหวจือเป็นเกย์เหรอ

ต่อให้เขาความรู้สึกช้าในเรื่องนี้มากแค่ไหนก็ยังพอจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจางๆ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ผู้ชายที่ไหนจะเรียกตัวเองว่า ‘สามี’ ของผู้ชายอีกคนกัน ตอนนี้เป็นอีกฝ่ายหรือเขากันแน่ที่ไม่เข้าใจ

ว่ากันตามหลักแล้วถ้าลู่เหวินเฮ่ามาโพล่งคำว่าสามีต่อหน้าเขา เขาคงสามารถส่งลู่เหวินเฮ่ากลับบ้านเก่าได้ด้วยหมัดเดียว

ผลไม้น้อยแสนหวานเห็นจิ่งฮวนยึกยักไม่ฆ่าตัวเองสักทีก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ และคิดว่าที่หัวใจเพรียกหาเปิดฉากต่อสู้กับเธอก็คือการตอบรับโดยไม่พูด

 

[ขณะนี้] ผลไม้น้อยแสนหวาน : พี่ชาย พี่อารมณ์ไม่ดีเหรอคะ ฉันโทรคุยกับพี่ได้น้า

 

“ใช้ท่าไม้ตายสิ” เซี่ยงไหวจือเห็นการต่อสู้พัวพันไม่จบสิ้นอยู่นานก็เลิกคิ้วพูด “ตอนลงอารีน่าครั้งก่อนนายเล่นดีมากไม่ใช่เหรอ”

เสียงของเซี่ยงไหวจือเพิ่งจบลง จิ่งฮวนก็ยกมือฟันลงไปจนส่งผลไม้น้อยแสนหวานกลับไปยังจุดเกิดใหม่

“ผมไม่ชินเม้าส์น่ะครับ” จิ่งฮวนไอออกมาหนึ่งที

ตอนนี้ในใจจิ่งฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาควรจะรู้ตั้งนานแล้ว ผู้ชายสองคนมาเจอกัน ทำไมต้องมานัดกันที่หอด้วย

เขาคิดฟุ้งซ่านก่อนช้อนตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

เซี่ยงไหวจือใช้ผ้าปูที่นอนสีเทา ที่นอนก็หนามาก ขอบมุมที่โผล่ออกมาเป็นระเบียบเรียบร้อยดูอบอุ่น

หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีจิ่งฮวนก็ได้สติ

แม่ง ฉันจะมองเตียงคนอื่นทำไมเนี่ย!

คิดฟุ้งซ่านบ้าบออะไรวะ ฉันเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่แท้ๆ จะโดนบังคับขืนใจได้ยังไง!?

เซี่ยงไหวจือไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าตัวเห็นใบหูของจิ่งฮวนขึ้นสีแดงก็อยากขำออกมานิดๆ

“นายนั่งไปเถอะ ฉันจะไปเป่าผม” เขาพูด

จิ่งฮวนเหมือนได้รับการอภัยโทษ เขาพยักหน้ากล่าว “เป่าให้แห้งนะครับ อากาศเย็น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาง่ายๆ”

ปลั๊กไฟอยู่ด้านล่างเครื่องปรับอากาศ ห่างจากเตียงนอนของเซี่ยงไหวจือไปนิดหน่อย เซี่ยงไหวจือเพิ่งจะเดินห่างออกไป จิ่งฮวนก็ถอนหายใจยาว

เขาสงสัยว่าไม่ช้าก็เร็วตัวเองต้องขาดอากาศหายใจตายแน่

ไหล่และคอของจิ่งฮวนผ่อนคลายลงเล็กน้อยและยังคงก้มหน้าทำเควสต์ประจำวันต่อไป ระหว่างนั้นเขาก็เปิดรายชื่อเพื่อนดูด้วยความเคยชิน…ปกติตอนทำเควสต์ประจำวันเขามักจะดูว่าหัวใจเพรียกหาทำอะไรอยู่เสมอ

หลังจากเห็นชื่อที่ไม่คุ้นเคยในรายชื่อเพื่อน เขาก็รู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ไอดีของตัวเอง

เขามองดูการจัดกลุ่มเพื่อนของเซี่ยงไหวจือ มันแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม หนึ่งคือกลุ่มที่ระบบตั้งเอาไว้ล่วงหน้าซึ่งมีชื่อว่า ‘เพื่อน’ อีกกลุ่มหนึ่งถูกแบ่งออกไปอย่างโดดเดี่ยวโดยมีชื่อว่า ‘อืม’ และมีคนอยู่ในนั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น

จิ่งฮวนเปิดดูกลุ่ม ‘อืม’ โดยไม่ตั้งใจ

พบจิ่งแสนหวานตัวน้อยนอนแอ้งแม้งอยู่ในนั้นเงียบๆ

สายตาเขามองลงไปจนเห็นชื่อผู้ใช้ที่ตัวเองตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

 

[ผู้ติดตามตัวน้อยของพี่ชาย ^ ^ ]

 

ตัวเขามองไม่เห็นเลยไม่รู้ ตอนนี้พอเห็นแล้ว ชื่อลงทะเบียนนี่มันแอ๊บเกินไปจริงๆ

จิ่งฮวนตกใจกับตัวเองในสมัยก่อนจนขนลุกซู่ รีบปิดกลุ่มนั้นไปพลางคิดในใจว่ากลับไปจะต้องไปเปลี่ยนชื่อนี่สักหน่อย

เปลี่ยนเป็นเครื่องหมายจุดตัวเดียวเหมือนเซี่ยงไหวจือก็เท่ดีเหมือนกัน

พอคิดแบบนั้นเขาก็กดเปิดชื่อผู้ใช้ของเซี่ยงไหวจือโดยไม่รู้ตัว

 

[มีความสุขก็พอ]

 

“…”

เป่าผมเสร็จเซี่ยงไหวจือก็วางไดร์เป่าผมลง เมื่อกลับมาก็เห็นจิ่งฮวนบันทึกเควสต์อยู่ในเมืองหลัก ส่วนตัวเขาก็นั่งหลังพิงเก้าอี้ สองมือประสานเข้าด้วยกัน

“ทำเสร็จแล้วเหรอ” เซี่ยงไหวจือถาม

จิ่งฮวนส่งเสียง “อืม” ตอบกลับไป “ก็แค่เควสต์ประจำวัน เมื่อกี้มีคนมาชวนพี่ลงดันด้วย แต่ผมไม่ได้ตอบ…พี่มาตอบเองเถอะ”

“งั้นก็ไม่ต้องตอบ” เซี่ยงไหวจือฉวยโอกาสลากเก้าอี้ลู่หังมานั่งข้างๆ จิ่งฮวน

บ้าเอ๊ย

จิ่งฮวนพยายามควบคุมสีหน้า พร้อมบอกตัวเองในใจอย่างบ้าคลั่ง…

‘มีความสุขก็พอ’ เป็นแค่ประโยคหนึ่งที่ใครๆ ก็พูดกัน

มันไม่เกี่ยวอะไรกับความหมายของชื่อที่เขาเคยพูดไปในร้านเนื้อย่างสักนิด อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง!

ผู้ชายสองคนนั่งอยู่เงียบๆ บรรยากาศค่อยๆ ดำเนินไปในทางที่กระอักกระอ่วน จิ่งฮวนกำลังคิดว่าจะพูดอะไรดีโทรศัพท์ของเซี่ยงไหวจือก็ทำลายความเงียบขึ้นมาซะก่อน

เซี่ยงไหวจือเหลือบมอง มันคือสายเรียกเข้าจากวีแชตที่ชุนเซี่ยวโทรมา

หลังจากเขารับสายก็กดสปีกเกอร์โฟน เสียงของชุนเซี่ยวดังออกมา

“เทพเซี่ยง” ชุนเซี่ยวถาม “นายกับจิ่งแสนหวานตัวน้อยมาไม่ได้จริงๆ เหรอ”

จิ่งฮวนตกใจและมองเซี่ยงไหวจือด้วยความสงสัย

“อืม” เซี่ยงไหวจือพูด “เธอไม่ได้พกคอมฯ มา”

ชุนเซี่ยวอึ้งไป “ไม่ได้พกคอมฯ มา…หมายความว่าไง เธออยู่ข้างนอกเหรอ”

“อยู่ข้างๆ ฉันนี่แหละ” เซี่ยงไหวจือพูด

ชุนเซี่ยว “…”

จิ่งฮวน “…”

“เสาร์อาทิตย์เถอะ ขอโทษนะ ถึงตอนนั้นฉันจะออกค่าซ่อมให้ทุกคนเอง” เซี่ยงไหวจือว่า

“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้แฟนฉันก็มีสอบ จะได้หาเวลาไปติวหนังสือพอดี” ชุนเซี่ยวเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาอย่างนุ่มนวล “ฉันไม่รบกวนพวกนายแล้ว”

เธอวางโทรศัพท์ไป จิ่งฮวนเลยเอ่ยปากถามด้วยความเขินอายและงุนงง “พวกพี่นัดกันไปลงดันเหรอ”

“เปล่า นายท้องแล้วจะลงยังไง” เซี่ยงไหวจือพูด “นัดกันไปทำสงครามพลังปีศาจน่ะ”

สงครามพลังปีศาจเองก็เป็นการต่อสู้ขนาดใหญ่ แต่เพราะมันประกาศออกมาค่อนข้างช้า ดังนั้นจึงยังไม่ได้ถูกระบบจัดเอาไว้ใน ‘กิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแท้ง’

จิ่งฮวนพูดอย่างระมัดระวัง “อ้อ ผมคิดว่า…” จะแอบนัดกันไปลงดันซะอีก

มิน่าล่ะ ที่เซี่ยงไหวจือมองมือของเขาในตอนที่เขาเข้ามาในห้องก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังหาคอมพิวเตอร์

แม่ง เมื่อกี้นี้เขากำลังคิดอะไรอยู่

“คิดว่าอะไร” เซี่ยงไหวจือกำลังพิมพ์ข้อความไปอธิบายกับคนในกิลด์ที่นัดกันก่อนหน้านี้ พูดเสร็จเขาก็เงยหน้ามองก่อนจะถามพร้อมหลุดยิ้มออกมา “คิดว่าฉันเรียกนายมาช่วยฉันทำเควสต์ประจำวันเหรอ”

จิ่งฮวนพูดอู้อี้ “ครับ”

“ฉันไม่เรียกนายมาทำอะไรแบบนั้นหรอก”

เซี่ยงไหวจือพูดจบก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เขาแตะโดนปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะโดยไม่ระวัง ปากกาด้ามนั้นเลยขยับเบาๆ ก่อนจะตกลงมาบนพื้น เมื่อปลายปากกากระแทกพื้นก็กระเด็นกระดอนเล็กน้อยและกระแทกเข้ากับรองเท้าของจิ่งฮวน

ความกังวลของจิ่งฮวนหายวับไปกว่าครึ่ง ทั่วทั้งร่างผ่อนคลายลงมาก เขาชิงก้มตัวลงตรงหน้าเซี่ยงไหวจือ “ผมเก็บเอง”

เขาใช้ปลายนิ้วหยิบปากกา ขณะกำลังจะลุกขึ้นมาก็ได้ยินเสียงวัตถุตกลงพื้นดังขึ้นอีกครั้ง แถมยังชัดยิ่งกว่าเสียงเมื่อกี้นี้อีก

จิ่งฮวนหันมาเห็นลิปบาล์มสีแดงขาวนอนนิ่งอยู่บนพื้น มันคือของที่อยู่ในกระเป๋าของเขานี่เอง

หัวใจของจิ่งฮวนเหมือนเต้นผิดจังหวะ เขารีบเอื้อมมือไปหยิบทันที น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้แตะต้องลิปบาล์มแท่งนั้นมันก็ถูกคนอื่นเก็บไปซะก่อน

เซี่ยงไหวจือถือลิปบาล์มเอาไว้พร้อมก้มหน้ามองบนบรรจุภัณฑ์ก่อนอ่านเสียงเบา “ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก…รสสตรอเบอรี่”

จิ่งฮวนตัวแข็งอีกครั้ง

เขาเงยหน้าขึ้นกะพริบตาอย่างรวดเร็วเพราะความหวาดหวั่น จากนั้นก็ฉีกยิ้มออกมา “ถ้าผมบอกว่าลู่เหวินเฮ่ายัดมาให้ผมพี่จะเชื่อไหม”

เซี่ยงไหวจือยิ้มบาง “เชื่อ”

จิ่งฮวนยื่นมือไปหยิบลิปบาล์มกลับมา ทว่าเซี่ยงไหวจือกลับชักมือกลับ กำลิปบาล์มแท่งนั้นเอาไว้ในฝ่ามือ จากนั้นเซี่ยงไหวจือก็ถามว่า “แล้วนายทาหรือยัง”

จิ่งฮวน “…”

เซี่ยงไหวจือไม่ได้กำลังมองเขา แต่กำลังมองริมฝีปากของเขาต่างหาก

บรรยากาศแปลกๆ ที่สลายลงไปอย่างยากลำบากโอบล้อมจิ่งฮวนอีกครั้ง จิตสำนึกเขาคิดจะเม้มปากแต่ก็รู้สึกว่ามันคงจงใจเกินไป

เขาหัวเราะเสียงแห้ง “ยังไงก็ให้มาแล้ว ไม่ใช้ก็เสียดายแย่”

เซี่ยงไหวจือไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่มองจิ่งฮวน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มราวกับมีเวทมนตร์ทำให้หัวใจเต้นแรงได้อย่างง่ายดาย จิ่งฮวนมึนเบลอเล็กน้อย

เขาคิดมากไปหรือเปล่า ทำไมเขาถึงคิดว่า…เซี่ยงไหวจืออยากจูบเขา

ไม่ได้

คราวนี้เขาจะทำเรื่องพรรค์นั้นแบบไร้สติไม่ได้เด็ดขาด

ในหัวเขาคิดวิธีการรับมือหลายร้อยวิธีพร้อมกำหมัดเบาๆ ถึงเขาจะรู้สึกผิดอยู่มาก แต่ก็ไม่มีทางหลับหูหลับตาทำกับเซี่ยงไหวจือเพราะความรู้สึกผิดเด็ดขาด

ถ้าเซี่ยงไหวจือจูบลงมาจริงๆ เขาก็จะ…

เขาจะชกอีกฝ่าย

ชกไหล่ก็ได้ ไหล่คงไม่เจ็บเท่าไร

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ขัดจังหวะความคิดของเขา

เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงปล่อยมือวางลิปบาล์มลงบนโต๊ะก่อนส่งเสียงออกไป

จิ่งฮวนคิดว่าสิ่งที่เซี่ยงไหวจือวางลงบนโต๊ะไม่ใช่ลิปบาล์ม แต่เป็นหัวใจของเขาต่างหาก

ลู่หังรออยู่ด้านนอกประตูสักพัก เขายกมือขึ้นกะจะเคาะต่อประตูก็เปิดเสียงดังปัง เขายกยิ้มและกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พบว่าสายตาของรูมเมตที่รักของเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเอาซะเลย

เซี่ยงไหวจือยืนขวางประตูพร้อมเอ่ยถาม “จะไปคาราโอเกะไม่ใช่เหรอ”

“…” ลู่หังว่า “ได้ยินมาว่าไม่มีสาวก็เลยไม่อยากไป ไปร้องเพลงกับพวกผู้ชายตัวโตๆ เป็นฝูงไม่เห็นจะสนุกเลย แน่นอนว่าเหตุผลหลักคืออยากกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนายไง”

เซี่ยงไหวจือเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะดึงประตูเปิดให้เขาเข้ามา

ลู่หังมีสีหน้างุนงง

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเมื่อกี้นี้ถ้าเขาตอบคำถามไม่ดีไปคงไม่ได้เข้าประตูห้องแน่ล่ะ

ลู่หังผลักประตูเดินเข้าไป เมื่อเห็นว่าภายในห้องมีใครอีกคนเขาก็ตกใจ

“จิ่งฮวน?” พอเห็นคนที่อยู่บนเก้าอี้ชัดๆ เขาก็ถามขึ้นมา “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ”

“ผม” จิ่งฮวนตกใจเล็กน้อยก่อนจะโพล่งออกมา “มาช่วยพี่เขาทำเควสต์ประจำวันน่ะครับ”

ลู่หัง “…”

เซี่ยงไหวจือพูดโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี “อืม”

“นายไม่ได้เล่น Nine Heroes ไม่ใช่เหรอ” ลู่หังถอดเสื้อโค้ตออก

จิ่งฮวนมองไปที่คนข้างตัวโดยไม่รู้ตัว เซี่ยงไหวจือจึงเอ่ยว่า “ก็แค่ไม่ได้เล่นแล้ว ไม่ได้ลืมวิธีเล่นหรอกนะ”

“นายนี่ก็จริงๆ เลย ให้เขาเข้ามาจากข้างนอกเพื่อมาทำเควสต์ประจำวันให้โดยเฉพาะเนี่ยนะ?” ลู่หังพูด

“เปล่าครับ วันนี้ผมกลับมากินหม้อไฟที่หอเลยถือโอกาสแวะมา” จิ่งฮวนถือโอกาสลุกจากเก้าอี้ “ไหนๆ ก็ทำเควสต์เสร็จพอดี งั้นผมไปก่อนนะครับ ไม่รบกวนพวกพี่พักผ่อนแล้ว”

“ไม่ๆๆ” ลู่หังรีบเรียกเขาไว้ เขาพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ไหนๆ ก็มาแล้ว งั้นก็ช่วยฉันทำหน่อยสิ”

เซี่ยงไหวจือถาม “นายไม่มีมือหรือไง”

“นายก็ให้จิ่งฮวนช่วยทำไม่ใช่เหรอ อย่าสองมาตรฐานดิ๊” ลู่หังว่า “ได้ไหมฮวนฮวน มือฉันแข็งจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากถอดถุงมือเลย”

ไหนๆ เขาก็อยู่ที่นี่ จิ่งฮวนไม่คิดมากอยู่แล้ว

ตอนที่เขาทำเควสต์ ลู่หังก็พิงเก้าอี้หันหลังดื่มโยเกิร์ต

“ฮวนฮวน นายนี่เป็นคนดีจริงๆ” ลู่หังพูด “จริงสิ ชอบของขวัญที่ฉันให้นายหรือเปล่า”

จิ่งฮวนกล่าว “ชอบมากเลยครับ”

“ดีกว่าของที่เซี่ยงเซี่ยงให้เยอะเลยใช่มะ” ลู่หังถาม

“…” จิ่งฮวนเอ่ย “ไม่ต่างกันหรอกครับ ผมชอบมากทั้งคู่เลย”

เขาควบคุมผู้วิเศษเดินไปที่สำนัก ทันใดนั้นข้อความจากเพื่อนก็สว่างวาบขึ้นมา

จิ่งฮวนกดเปิดตามสัญชาตญาณ

 

[เพื่อน] หัวใจเพรียกหา : ?

[เพื่อน] ถนนยาวไกล : …

 

ไอ้บ้า

ฉันไม่ใช่เจ้าของไอดีนะ!

นายอย่ามาทำเป็นสนิทกับฉันสิ!

เซี่ยงไหวจือนั่งท่าเกียจคร้าน เสียงเคาะคีย์บอร์ดดังเข้ามาในหูฟังของจิ่งฮวนรัวๆ

จิ่งฮวนหัวใจเต้นตึกตักไม่หยุด ไม่รู้ว่าเซี่ยงไหวจือส่งอะไรมาให้เขา แถมเขายังกลัวว่าอยู่ๆ ลู่หังจะหันมาเห็นข้อความของพวกเขาทั้งสองคนด้วย

โชคดีที่ลู่หังไม่ได้หันมาเลยจนกระทั่งเขาทำเควสต์เสร็จ เซี่ยงไหวจือเองก็ไม่ได้ส่งข้อความมาอีก

“ทำเสร็จแล้วครับ” จิ่งฮวนลบบันทึกแชตในครั้งนี้จนเกลี้ยง หลังจากยืนขึ้นเขาก็ถอนหายใจ “งั้นผมกลับแล้วนะ”

“ลำบากนายแล้ว” ลู่หังทุบไหล่เขาสองที “ครั้งหน้าเดี๋ยวพี่จะเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นที่แพงหูฉี่ในเมืองนะ”

จิ่งฮวนหัวเราะ “ครับ”

“จริงสิ หัวหน้าคลาสเราฝากฉันมาขอโทษนายด้วย เขาบอกว่าครั้งหน้าจะไม่จงใจเทเหล้าให้นายแล้ว” ลู่หังพูด

จิ่งฮวนส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ดื่มไปไม่เยอะ”

“วันนี้พวกนั้นยังปรึกษากันอยู่เลยว่าวันคริสต์มาสจะไปเที่ยวในเมือง ฉันเลยมาชวนนายด้วย” ลู่หังโยนกล่องโยเกิร์ตทิ้งไปก่อนถามเขา “ว่าไง สนใจเปล่า มาแต่ตัวก็ได้ไม่ต้องหาร”

จิ่งฮวนแย้มยิ้ม ขณะที่เขากำลังจะตอบตกลงออกไปก็ถูกใครบางคนเอาผ้าพันคอพาดไว้บนคอของเขา

เซี่ยงไหวจือว่า “ยังไม่กลับอีก ประตูหลังจะปิดแล้วนะ”

ลู่หังมองผ้าพันคอผืนนั้นแล้วพูดด้วยความแปลกใจ “นี่…ไม่ใช่ของขวัญที่นายให้ฮวนฮวนเหรอ ทำไมถึงกลับมาอยู่กับนายได้ล่ะ”

เซี่ยงไหวจือไม่สนใจเขาแต่กลับไปถามคนข้างๆ “ไปเลยไหม”

ผ้าพันคอผืนนี้ไปๆ มาๆ ก็กลับมาอยู่กับตัวเขาอีกครั้ง จิ่งฮวนถึงกับรู้สึกว่าบนผ้าพันคอผืนนี้มีกลิ่นของเซี่ยงไหวจืออยู่ด้วย แต่ความจริงมันเป็นกลิ่นอะไรเขาก็แยกไม่ออก สรุปว่ามันหอมมากก็แล้วกัน

จิ่งฮวนพันผ้าพันคอให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว “งั้นผมไปแล้วนะครับ”

แต่เขากลับเห็นเซี่ยงไหวจือหยิบเสื้อโค้ตมาสวมเหมือนกัน

“เดี๋ยวฉันลงไปส่ง”

ทั้งสองคนเดินออกจากประตูห้อง ลู่หังกลับมานั่งที่ของตัวเองพลางพูดพึมพำกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี “เป็นผู้ชายตัวโตๆ ทั้งคู่ยังต้องไปส่งอีก แปล๊กแปลก”

 

จิ่งฮวนสองมือล้วงกระเป๋า พอออกมาจากหอพักและได้สูดอากาศสดชื่นเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมา

“ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ” จิ่งฮวนคิดว่าเซี่ยงไหวจือกลัวว่าถ้าหอปิดประตูแล้วคนคุมหอจะไม่ยอมให้ออกไป เขาจึงพูดยิ้มๆ “ผมสนิทกับคนคุมหอ เธอยึดปลั๊กไฟผมไปตั้งสี่ตัว ตอนที่ผมย้ายออกไปผมยังให้เธอไปอีกอันด้วย เพราะงั้นเธอจำผมได้แน่”

เซี่ยงไหวจือไม่ได้กังวลว่าเขาจะออกจากหอไม่ได้

บนบันไดจิ่งฮวนเดินอยู่ด้านหน้า ในใจก็คิดว่าอีกเดี๋ยวจะไปซื้อของว่างมื้อดึกกลับไปกินดีหรือเปล่า

“จิ่งฮวน” กระทั่งเดินไปถึงตีนบันไดเซี่ยงไหวจือก็เรียกเขา

จิ่งฮวนเดินเลาะกำแพง หลังจากได้ยินเสียงและกำลังจะหันกลับมาเขาก็ถูกใครบางคนดึงไปเบาๆ

ขณะที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวแผ่นหลังก็แนบติดเข้ากับกำแพง

เซี่ยงไหวจือโน้มตัวลงมาจูบ

จิ่งฮวนมึนงง ปฏิกิริยาแรกในหัวก็คือ…เย็น

เซี่ยงไหวจือนี่มันยังไงกัน ริมฝีปากกับนิ้วมือเย็นเฉียบไปซะทุกที ไตมีปัญหาหรือไง…

ความคิดที่อธิบายไม่ถูกเหล่านี้หายวับไปทั้งหมดหลังจากเซี่ยงไหวจือดูดดึง คราวนี้มันไม่ได้หยุดอยู่แค่การแตะริมฝีปาก ฝ่ามือข้างหนึ่งของเซี่ยงไหวจือวางอยู่ข้างกายเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะตกบันได ส่วนมืออีกข้างก็กำเสื้อเขาไว้ เซี่ยงไหวจือจูบสะเปะสะปะแต่ก็อบอุ่นและอ่อนโยน

จิ่งฮวนกำหมัด

หมัดของเขาดันอยู่บนหน้าอกของเซี่ยงไหวจือ ขณะกำลังคิดจะขยับมือก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังมาจากชั้นล่าง

หัวใจของจิ่งฮวนจะระเบิดอยู่แล้ว ฝ่ามือก็ไม่กล้าออกแรงไปชั่วขณะ

“นายก็ออกมาทิ้งขยะด้วยเหรอ” ปรากฏว่าก็เป็นเสียงลู่เหวินเฮ่า

ทุกชั้นในหอพักของพวกเขาจะมีถังขยะใบใหญ่วางไว้ตรงมุมบันได

“ไร้สาระ ไม่งั้นนายจะให้ฉันมานอนที่นี่หรือไง”

ลู่เหวินเฮ่าหัวเราะ “เล่นไพ่ไหม”

“ไม่เล่น ไม่มีเงิน ใกล้คริสต์มาสแล้วต้องซื้อของขวัญให้แฟน”

“ไม่มีแววเอาซะเลย ไม่อยากชนะเยอะๆ จะได้เอาเงินไปซื้อของดีๆ ให้แฟนเหรอ”

เสียงฝีเท้าค่อยๆ หายไป จิ่งฮวนรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะขาดอากาศหายใจตายอยู่ตรงบันไดแล้ว

เขากำหมัดแน่น

บ้าเอ๊ย ถ้าเมื่อกี้ถูกลู่เหวินเฮ่าเห็นเข้าล่ะก็…

เขาจะฆ่าลู่เหวินเฮ่าให้ตาย

ในความมืดมิดเซี่ยงไหวจือยืนตัวตรงและถามเขาด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ “ลู่หังให้อะไรนาย”

บ้า มาถามเรื่องนี้ตอนนี้เนี่ยนะ นายไม่คิดจะขอโทษฉันบ้างหรือไง

หมัดที่จิ่งฮวนใช้ดันเซี่ยงไหวจือออกแรงขึ้นอีกนิด “ไม่รู้ครับ ผมยังไม่ได้แกะ”

เซี่ยงไหวจือรู้สึกเจ็บ เขาไม่เพียงไม่ถอยออกไปแต่ยังยกยิ้มนิดๆ อีกต่างหาก

เมื่อก่อนเขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนและยังไม่เคยชอบใครด้วย ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าการมีความรักเป็นยังไง

สรุปก็คือ…อยู่คนเดียวไม่ค่อยได้นั่นเอง

“ขอโทษนะ” เซี่ยงไหวจือพูด “คงจูบจนนายเจ็บล่ะสิ”

จิ่งฮวนเดินออกจากมหาวิทยาลัย สายลมเย็นเยียบพัดเข้ามาปะทะหน้าผากของเขาอยู่หลายทีแต่ก็ยังไม่สามารถเรียกสติเขากลับมาได้

ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา จิ่งฮวนหยิบออกมาดู

 

ลู่เหวินเฮ่า [รูปภาพ]

ลู่เหวินเฮ่า ฮวนฮวน นายไปทำอะไรอยู่ข้างล่าง

 

ในรูปภาพนั้นคือแผ่นหลังของเขา จิ่งฮวนหันกลับไปดู ลู่เหวินเฮ่ากำลังโบกมือให้เขาอยู่ตรงหน้าต่างพร้อมยิ้มหวาน

จิ่งฮวนมองอีกฝ่ายอยู่หลายวินาทีก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นทำมือแบบไม่เป็นมิตรสุดๆ ใส่เขา จากนั้นเจ้าตัวก็เดินกลับไปท่ามกลางสายตามึนงงไม่รู้เรื่องรู้ราวของลู่เหวินเฮ่า

พอเห็นลู่เหวินเฮ่า จิ่งฮวนก็นึกถึงเรื่องตรงบันไดเมื่อกี้นี้ขึ้นมา จากนั้นความรู้สึกอยากทุบตีคนก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง…

บ้าเอ๊ย

ถือว่าเซี่ยงไหวจือขอโทษได้เร็ว ไม่อย่างนั้นหมัดของเขาคงหยุดเอาไว้ไม่อยู่

ระหว่างทางที่จิ่งฮวนเดินกลับบ้าน เขาก็เห็นเงาดำสองสายบริเวณใกล้ๆ อพาร์ตเมนต์

เงานั้นเป็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูบกันอยู่ สองคนนั้นจูบกันซื่อๆ เหมือนไก่อ่อนกำลังจิกกันไม่มีผิด แม้แต่หัวก็ยังไม่เอียงสักนิด

“…”

เซี่ยงไหวจือเป็นเกย์แน่นอน!!!

ไม่อย่างนั้นจะทั้งจูบทั้งดูดทั้งเลียผู้ชายได้ยังไง…

ขนาดคู่รักต่างเพศยังทำแบบนายไม่ได้เลย!!!

ก่อนเข้านอนจิ่งฮวนก็ยังคิดถึงเรื่องที่ตรงบันได เดิมทีเขากำลังครุ่นคิดว่าจะพูดกับเซี่ยงไหวจือให้ชัดเจนอย่างไร ตัวเขาสามารถตอบแทนด้วยชีวิตได้ แต่คงตอบแทนด้วยร่างกายไม่ได้ เมื่อคิดไปคิดมาความคิดของเขาก็ล่องลอยไปไกล

เขารีบร้อนออกมาจากหอพักเกินไปจนไม่ได้รูดซิปเสื้อโค้ต ตอนเซี่ยงไหวจือกำเสื้อยืดของเขา นิ้วมือเย็นเฉียบของอีกฝ่ายก็ปัดผ่านผิวของเขาไปเบาๆ

ตอนจูบกัน…เขาเลยส่งเสียงออกไปเล็กน้อยเพราะปัญหาด้านท่าทาง

จิ่งฮวนยิ่งคิดก็ยิ่งห่อเหี่ยว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง หลังจากนั้นสิบนาทีเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

ต่อมาก็ดึงผ้าห่มของตัวเองขึ้นมาช้าๆ แล้วมองลงไปอย่างไม่อยากเชื่อ

“…???”

ฮัลโหล

น้องชายตัวน้อย

ตื่นผิดคนแล้วมั้ง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com