everY
ทดลองอ่าน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 2 บทที่ 41 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 2
ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)
แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย
ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
41
บ่ายวันต่อมา เจี่ยนหรงเพิ่งตื่นก็ได้รับข้อความจากพี่ติงบอกให้เขาไปหา
พี่ติงจ้องมองใบหน้าของเขาครู่หนึ่ง “เมื่อคืนนายไปเป็นโจรมาเหรอ”
เจี่ยนหรงผิวขาว รอยคล้ำใต้ตาจึงเด่นชัดเป็นพิเศษ
เมื่อนึกถึงท่าทางที่ตนถือโทรศัพท์เอาไว้และจมอยู่กับตัวเองจนถึงกลางดึก เจี่ยนหรงก็ขยี้ตาพลางพูดว่า “ฝันร้ายเลยนอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ พี่วางใจเถอะ มันไม่เป็นอุปสรรคต่อการฝึกซ้อมของผมหรอก”
“อย่าอาศัยว่าอายุน้อยแล้วจะทำลายสุขภาพตัวเองได้นะ ให้เวลานอนกับพวกนายอย่างเต็มที่ ไม่ได้ให้อดหลับอดนอน” พี่ติงพูดสองประโยค ในที่สุดก็เข้าสู่หัวข้อหลัก “หลังกลับมาจากตรุษจีนก็ใกล้ถึงวันเกิดนายแล้ว อายุครบสิบแปดปีนับเป็นวันเกิดครั้งใหญ่ นายอยากได้อะไรมั้ย”
“ไม่มีครับ” เจี่ยนหรงพูด “งั้นผมกลับไปสตรีมได้แล้วสิ?”
คิดไม่ถึงว่าเจี่ยนหรงจะพูดถึงเงื่อนไขข้อนี้ขึ้นมาเอง พี่ติงจึงตกตะลึงเล็กน้อย
เขาคิดว่าเด็กน้อยจะติดเล่นขอปาร์ตี้วันเกิดอะไรซะอีก
“อืม ฉันก็อยากพูดเรื่องกลับไปสตรีมกับนายสักหน่อยเหมือนกัน” พี่ติงกระแอม “ฉันดูมาแล้ว วันนั้นเป็นวันเสาร์ ถ้าจะสตรีมต้องเป็นตอนกลางคืน กลางวันต้องฝึกซ้อม คงไม่มีเวลาฉลองวันเกิดให้นาย…”
“ไม่ต้องฉลองครับ” เจี่ยนหรงพูดเสียงเฉยชา “ผมไม่ฉลองวันเกิด”
พี่ติงเลิกคิ้วด้วยความรู้สึกผิดคาด “โอเค แต่วันที่สตรีมก็ต้องจัดกิจกรรมบ้าง ถึงยังไงก็เป็นการกลับมาสตรีมไม่ใช่เหรอ ต้องคืนกำไรคนดูหน่อย นายอยากได้อะไรมั้ยล่ะ พวกเราจะเตรียมกิจกรรมไว้ให้หลายๆ อย่าง นายสามารถเลือกได้เลย”
จะคืนกำไรอะไรได้ เขาเป็นสตรีมเมอร์เกม อย่างมากก็แค่แบกคนดูตอนเล่นเกมด้วยกัน หรือสุ่มคนมาเล่นโหมด 5v5
เจี่ยนหรงไม่ได้มองแผนงานที่พี่ติงหยิบออกมา ส่ายหน้าพูดว่า “พวกพี่ตัดสินใจเถอะครับ”
“งั้นก็เอาตามนี้มั้ย หนึ่งวันก่อนกลับไปสตรีมพวกเราเปิดโหวต ให้คนดูตัดสินใจเนื้อหาการคืนกำไร?” พี่ติงเอ่ย
เจี่ยนหรงพยักหน้า “ได้ครับ”
พูดกันต่ออีกสิบนาทีบทสนทนาจึงสิ้นสุดลง
เจี่ยนหรงเพิ่งดึงประตูห้องประชุมออกก็ได้ยินพี่ติงถอนหายใจ พูดเสียงเอื่อย “เจี่ยนหรง นายถึงห้องฝึกซ้อมแล้วช่วยเรียกเสี่ยวลู่มาหน่อยนะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา”
ฝีเท้าเจี่ยนหรงหยุดชะงัก หลุดปากพูดว่า “พี่เรียกเองไม่ได้เหรอครับ”
พี่ติง “…?”
“…” นิ่งเงียบหลายวินาที เจี่ยนหรงก็พูดอย่างสั้นกระชับว่า “รู้แล้วครับ”
ยิ่งใกล้ถึงห้องฝึกซ้อม ฝีเท้าของเจี่ยนหรงก็ยิ่งช้าลง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก บอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว
นักแข่งอีสปอร์ตฝึกซ้อมทุกวัน จะเอาเรี่ยวแรงและความกล้าจากไหนมาใช้แอ็กเคานต์หลักไถเวยป๋อ
ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมา เจี่ยนหรงก็นึกถึงเสี่ยวไป๋ที่นั่งอยู่ข้างตนเอง ใช้แอ็กเคานต์หลักมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับอย่างสนิทสนมทุกวัน
และเมื่อคราวที่แล้วลู่ป๋อหยวนก็ตอบกลับแฟนคลับโง่เง่าคนนั้นที่ใต้เวยป๋อของเขา…
ไม่ๆๆ
ต่อให้ลู่ป๋อหยวนเล่นเวยป๋อ แต่เจ้าตัวถูกแท็กวันละเป็นร้อยเป็นพัน จะมองเห็นคอมเมนต์โง่เง่านั่นได้อย่างไร
เจี่ยนหรงปลอบใจตัวเองตลอดทางจนรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ขณะเขามองผ่านกระจกเข้าไปเห็นลู่ป๋อหยวนที่นั่งก้มหน้าเล่นมือถืออยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ปฏิกิริยาแรกก็คือเลี้ยวกลับห้องเก็บสัมภาระ
เจี่ยนหรงถอยหลังหนึ่งก้าว เอาหน้าผากยันผนังครุ่นคิด ถ้าเกิด…ถ้าเกิดลู่ป๋อหยวนเห็นจริงๆ เขาควรจะพูดว่าอะไร
ผมไม่ใช่เกย์
ผมขอโทษแทนคนดูอกตัญญูกลุ่มนั้นของผม
ผมเข้าทีมมาเพราะอยากเล่นอาชีพด้วยใจจริง ไม่ได้อยากจีบคุณ
ผมไม่ได้กำลังแอบรักคุณข้างเดียว
“เสี่ยวหรง?”
เจี่ยนหรงลังเลอยู่นอกประตู ในที่สุดในห้องก็มีคนทนดูต่อไปไม่ได้ ประตูห้องฝึกซ้อมเปิดแง้มเอาไว้ สุ้มเสียงสงสัยของหยวนเชียนจึงถ่ายทอดออกมา “ทำอะไรของนาย หมุนอยู่ตรงนั้นอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว…กินอาหารเช้าเยอะไปก็เลยเดินย่อยเหรอ”
ขณะเจี่ยนหรงหันหน้าก็คืนสู่สีหน้าในยามปกติแล้ว เขาผลักประตูเข้าไป “อืม”
เจี่ยนหรงเดินไปด้านหลังลู่ป๋อหยวนอย่างเชื่องช้า ปกติเขาไม่รู้สึกสนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่ตอนนี้เขาแทบอยากเอาลูกตาของตัวเองแปะไว้บนมือถือลู่ป๋อหยวน เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังดูอะไรอยู่กันแน่
ลู่ป๋อหยวนใส่หูฟังอยู่ หน้าจอมือถือกำลังรีเพลย์วิดีโอการแข่งขันของทีมไหนก็ไม่รู้สองทีม
เมื่อมองเห็นภาพหน้าจอได้ชัด ลมหายใจที่ค้างอยู่ของเจี่ยนหรงยังไม่ทันระบายหมด ลู่ป๋อหยวนก็เงยหน้าขึ้นแล้ว
ขณะลู่ป๋อหยวนเพิ่งตื่นนอนตามักจะกลายเป็นชั้นเดียว ดูแล้วเย็นชากว่าปกติ “มีอะไรหรือเปล่า”
เจี่ยนหรงเม้มริมฝีปาก “พี่ติงให้คุณไปหา”
ลู่ป๋อหยวนส่งเสียงอืม เพิ่งล็อกมือถือ เสี่ยวไป๋ที่กำลังเล่นเกมก็พลันถามว่า “พี่ชาย วันนี้พี่ดูเวยป๋อหรือยัง”
เจี่ยนหรงแผ่นหลังชาวาบ แน่วนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการแข็งทื่อไปแล้ว
ลู่ป๋อหยวนยัดมือถือใส่กล่องเสียบปากกาส่งๆ “ยัง”
“แฟลชแล้วอัลติเมตในไฟต์สุดท้ายเมื่อคืนของผมขึ้นช่องค้นหายอดนิยมแล้ว! ฮ่าๆๆ!” เสี่ยวไป๋หัวเราะจนหัวโยก
Pine พูดเรียบๆ “พี่ติงคงเป็นคนซื้อ”
เสี่ยวไป๋สำลัก “ซื้อแล้วยังไง! นั่นก็เป็นเพราะการเล่นที่ยอดเยี่ยมของฉันถึงซื้อได้! ขึ้นช่องค้นหายอดนิยมได้ก็เป็นเพราะฉันสุดยอด!”
เจี่ยนหรงสงสัยว่าจวงอี้ไป๋คือผู้ที่สวรรค์ส่งมาทำลายสภาพจิตใจเขาโดยเฉพาะ
เขาเล่นแมตช์เลื่อนชั้นแรงก์ไดมอนด์หนึ่งก็ไม่เคยอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้มาก่อน
เบื้องหน้าถ่ายทอดเสียงขาเก้าอี้ลากพื้นมา
ลู่ป๋อหยวนลุกขึ้น อยู่ห่างกับเจี่ยนหรงเพียงระยะครึ่งตัวคน บนร่างเจี่ยนหรงยังมีกลิ่นครีมอาบน้ำนมที่หมกอยู่ในผ้าห่มทั้งคืน คางเปียกน้ำเล็กน้อย คงเป็นเพราะหลังกินอาหารเช้าเสร็จก็บ้วนปากแล้วไม่ได้เช็ดให้แห้ง
เจี่ยนหรงได้สติกลับมาจึงรีบถอยหลังหลีกทางให้เขาทันที
ลู่ป๋อหยวนเดินออกไปสองก้าวก็หันหน้ามา “โพสต์เมื่อคืนในเวย…”
เจี่ยนหรงหลุดปากออกมา “ผมไม่ใช่เกย์”
ห้องฝึกซ้อมเงียบลงทันที Pine กับเสี่ยวไป๋กำลังสู้ถึงช่วงสำคัญของทีมไฟต์ แต่เป็นเพราะเสียจังหวะการเล่นจึงถูกฝ่ายตรงข้ามคว้าโอกาสเคาน์เตอร์คิลได้สำเร็จ
ลู่ป๋อหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย ชะงักเนิ่นนานแล้วจึงพูดต่อ “ผ้าพันคอเมื่อคืน ให้พี่ติงส่งกลับไป”
“…” เจี่ยนหรงนิ่งอึ้งสองวินาที “ผ้าพันคอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ลู่ป๋อหยวนพูดด้วยความตลก เห็นเขาไม่เอ่ยคำใดจึงพูดต่อ “อย่ารับของขวัญประเภทนี้จะดีที่สุด แต่แน่นอนว่าถ้านายชอบก็เก็บไว้ได้”
เมื่อหวนนึกถึงคำพูดที่ตนเองกล่าวเมื่อกี้ เจี่ยนหรงก็ข่มความรู้สึกอยากแทรกแผ่นดินหนีเอาไว้ ทำหน้านิ่งพูดว่า “ไม่ ผมไม่ชอบ…เดี๋ยวผมจะให้พี่ติงส่งคืนไป”
หลังลู่ป๋อหยวนจากไป เจี่ยนหรงนั่งที่ตำแหน่งของตัวเอง กดปุ่มเปิดคอมพิวเตอร์เงียบๆ
เสี่ยวไป๋เขยิบเข้ามา กระแอมให้คอโล่ง “เจี่ยนหรง ที่แท้นายเป็นคนตรงขนาดนี้เลยเหรอ งั้นเมื่อคืนฉันล้อเล่นเกินไปหรือเปล่า”
“…ฉันเป็นคนตรงมาตลอด” เจี่ยนหรงพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ไม่เกินไป ฉันไม่สนใจ”
เสี่ยวไป๋ส่งเสียงโอ้ “งั้นก็ได้ เมื่อคืนฉันเห็นนายทำท่าเหมือนอยากบีบคอฉันให้ตาย”
นายยังมีสติตระหนักรู้ประเภทนี้ด้วย?
เจี่ยนหรงเปิดเกม ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น
ผ่านไปไม่กี่วินาที เสี่ยวไป๋ก็เขยิบมาอีก “งั้นนายคงไม่ดูถูกฉันกับ Pine หรอกใช่มั้ย”
เจี่ยนหรง “…?”
เสี่ยวไป๋ “นายวางใจได้ ฉันสองคนแค่ขายภาพลักษณ์ความวาย ความสัมพันธ์แท้จริงเหมือนนายกับพี่ชายฉัน เป็นความรู้สึกของมิตรภาพ เป็นสังคมของเพื่อนร่วมทีมที่บริสุทธิ์…Pine นายไปเลนกลางทำไมไม่เรียกฉันไปด้วยฮะ!”
Pine ไม่แม้แต่จะหันหน้า “นายเสียงดังเกินไป”
เจี่ยนหรงคร้านที่จะสนใจอีกฝ่าย หันไปเปิดโหมดคัสตอมเงียบๆ และเลือกหยิบ Azir ที่เมื่อคืนลู่ป๋อหยวนบอกให้เขาฝึกมากๆ
ระหว่างทางไปห้องประชุม ลู่ป๋อหยวนถือมือถือกำลังกดปิดแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างเอาไว้
แอพพลิเคชั่นอันสุดท้ายคือเวยป๋อ หน้าจอหยุดอยู่ในช่องคอมเมนต์ของโพสต์หนึ่ง ด้านบนเขียนว่า…
[พวกนายรอเดี๋ยว ฉันถาม @TTC•Road ดูหน่อย]
[ทำไมต้อง @TTC•Road ด้วยล่ะ บอกแล้วว่าอย่า @TTC•Road @TTC•Road ยุ่งขนาดนั้นจะมีเวลาว่างที่ไหนมาดูเวยป๋อ?]
[ฉันไปเป็นสายลับในกลุ่มแฟนคลับหญิงของ @TTC•Road มาหลายนาที ที่แท้ @TTC•Road เองก็ไม่เคยมีความรัก]
[@TTC•Soft ไอ้โง่อยู่ไหม ออกมาสารภาพสิ]
จากนั้นก็ปิดแอพพลิเคชั่น ลู่ป๋อหยวนโยนมือถือเข้ากระเป๋าแล้วเปิดประตูห้องประชุม
พี่ติงเลิกคิ้วเมื่อเห็นเขา “นายยิ้มอะไร”
ลู่ป๋อหยวนลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาส่งๆ แล้วนั่งลง “เปล่าครับ เรียกผมมามีธุระอะไร”
พี่ติงเล่าเรื่องที่เจี่ยนหรงจะกลับไปสตรีมในวันเกิดให้เขาฟัง สุดท้ายพูดว่า “ถึงก่อนหน้านี้เขาเองก็พอมีความนิยม แต่ฉันรู้สึกว่ายังต้องมีลูกเล่นหน่อย อยากจัดให้คืนนั้นนายสองคนสตรีมเล่นดูโอ้”
“ผมไม่สตรีม” ลู่ป๋อหยวนเอ่ย
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธ พี่ติงรู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง ตกตะลึงสองวินาทีถึงพูดว่า “ก็ได้…”
“เขาสตรีมคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าผมสตรีมจะแย่งกระแส” ลู่ป๋อหยวนกล่าว “ส่วนเล่นดูโอ้ผมเล่นได้”
พี่ติงพยักหน้าและกากบาทบนสมุดบันทึก จากนั้นก็บอกว่า “ฉันพบว่านายดีกับเจี่ยนหรงมาก”
ลู่ป๋อหยวนถามกลับ “ผมไม่ดีกับพี่?”
“นั่นเทียบกันได้เหรอ พวกเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว” พี่ติงหยุดชะงัก “แต่ถ้าดูตอนที่เพิ่งรู้จักกัน Soft ได้รับการปฏิบัติจากนายเหมือนลูกชายแท้ๆ จำได้ว่าตอนที่นายเพิ่งรู้จักกับพวกเสี่ยวไป๋ อย่าว่าแต่ดูโอ้เลย ต่อให้นั่งด้วยกันนายก็ไม่เต็มใจจะพูดด้วย”
พี่ติงครุ่นคิดชั่วครู่ “หรือเป็นความชอบตั้งแต่แรกพบ? นายเห็นเขาแวบแรกในสตรีมก็รู้สึกถูกใจเป็นพิเศษ?”
“การเล่นถูกใจ” ลู่ป๋อหยวนดูนาฬิกา “ยังมีธุระอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีจะกลับไปแล้ว”
“ไม่มีแล้ว อ้อ ยังมีเรื่องหนึ่ง” พี่ติงลังเลครู่หนึ่งจึงพูดว่า “เมื่อกี้เจี่ยนหรงบอกกับฉันว่า ตรุษจีนเขาจะอยู่ที่แคมป์”
ลู่ป๋อหยวนเลิกคิ้ว “ห้ามอยู่?”
“ได้น่ะมันได้ ปีที่แล้วเหอจื่อก็อยู่ฉลองปีใหม่ที่แคมป์ไม่ใช่เหรอ” พี่ติงเอ่ย “แต่ฉันเห็นเขาอายุน้อย แถมบ้านก็อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ เลยปากมากถามเขาหนึ่งประโยคว่า…ทำไมไม่กลับไปพบหน้าครอบครัว”
เมื่อสังเกตเห็นว่าพี่ติงมีสีหน้าผิดปกติ ลู่ป๋อหยวนก็เหลือบตารอเขาพูด
“เขาบอกว่าเขาไม่มีครอบครัว” พี่ติงกล่าวคำพูดประโยคนี้จบแล้วยกมือตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง “ฉันเองก็ด้วย ฉันว่างจนถามมากขนาดนี้ทำไมนะ…นายว่าสถานการณ์อย่างเขา เป็นเพราะทะเลาะกับคนในครอบครัวเลยหนีออกจากบ้าน หรือว่า…ไม่มีใครแล้วจริงๆ”
ลู่ป๋อหยวนนิ่งเงียบเนิ่นนาน “ไม่รู้ครับ”
เขาหวนนึกถึงสีหน้าตอนเจี่ยนหรงมาหาตนเองเมื่อกี้…ไม่มีอะไรแตกต่างจากปกติ
ลู่ป๋อหยวนสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ขณะเพิ่งเข้าประตูมารอยยิ้มในดวงตาสลายไปหมดแล้ว ครู่หนึ่งเขาถึงถามว่า “ตอนที่พี่รับคนเข้าทีมไม่ได้ถามสถานะครอบครัวให้ชัดเจนเหรอ”
“เคยให้กรอกแบบฟอร์ม แต่เมื่อกี้ฉันถามเขา เขาบอกว่าเขากรอกมั่ว!” พูดถึงตรงนี้พี่ติงก็โกรธแล้ว “ฉันจะไปคิดได้ไง…นี่คือครั้งแรกที่เจอคนกล้ากรอกแบบฟอร์มเท็จ ยังดีที่แบบฟอร์มนี้ฉันเซฟเอาไว้ภายใน ไม่ต้องส่งมอบให้สมาพันธ์
ฉันพลาดเองล่ะ แล้วช่วงนี้ฉันยังรู้เรื่องหนึ่งมา…ความจริงหลายปีก่อนเขาเคยส่งแบบฟอร์มสมัครเป็นเด็กใหม่ให้ทีมเรา ใครจะไปรู้ว่าวันทดสอบเขากลับเบี้ยวนัดพวกเราไปเป็นสตรีมเมอร์ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจำเขาได้ หลายวันก่อนเลยบอกให้ฉันฟังตอนที่เจอกัน”
เมื่อเห็นลู่ป๋อหยวนไม่พูด พี่ติงก็ถามด้วยความลังเล “นายว่าฉันต้องให้นักจิตวิทยาในทีมคุยกับเขาหน่อยมั้ย”
ลู่ป๋อหยวนได้สติกลับมา ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “ยังไม่ต้องครับ”
เมื่อกลับถึงห้องฝึกซ้อม เจี่ยนหรงใส่หูฟังไม่รู้กำลังพูดคุยกับใครอยู่
ลู่ป๋อหยวนกวาดตามองหน้าจอ ในช่องแชตเขียนว่า ‘สือหลิว’
“ดูโอ้? ตอนนี้เหรอ…ไม่ใช่ ไม่ได้รังเกียจนาย” เจี่ยนหรงหันหน้าไปดูเมื่อสังเกตเห็นว่าข้างกายตนเองมีคนมา เขาดึงหูฟังลงแล้วถามทันที “กัปตัน ดูโอ้มั้ย ผมจะฝึก Azir”
ลู่ป๋อหยวนหลุบตาเอาไว้ สบตากับเขาสองวินาที “วันนี้ไม่เล่น นายฝึกเองเลย”
เจี่ยนหรงส่งเสียงอ้อ อยากถามไปตามสัญชาตญาณว่าเจ็บมืออีกแล้วเหรอ แต่ลู่ป๋อหยวนก็เดินไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ของตัวเองแล้ว
ลู่ป๋อหยวนไม่ได้แตะคอมพิวเตอร์ หลังเขานั่งลงก็เสียบหูฟังอีกครั้ง เปิดแอพพลิเคชั่นวิดีโอแอพฯ หนึ่งบนหน้าจอมือถือ
แม้ซิงคงทีวีจะมีกิจการใหญ่โต แต่ก็คงไม่เก็บรีเพลย์สตรีมของสตรีมเมอร์เอาไว้ทุกครั้ง จึงได้แต่ไปเสี่ยงโชคที่แพลตฟอร์มวิดีโอ
ลู่ป๋อหยวนค้นหาคำว่า ‘สตรีมของ Soft’ เริ่มค้นหาตั้งแต่ตอนแรกสุด ผ่านไปเนิ่นนานจึงพบวิดีโอเมื่อสองปีก่อน
เขาปรับเสียงดังแล้วเปิดดู
เจี่ยนหรงในตอนนั้นยังไม่ถูกไล่ไปบล็อกความสวยความงาม ผมยังเป็นสีดำ ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าตอนนี้ ดูแล้วเป็นหนุ่มน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ความแตกต่างจากคนอื่นๆ เพียงอย่างเดียวคือเขาหน้าตาน่ารักกว่าคนรุ่นเดียวกันมาก
ไม่รู้เขาเพิ่งผ่านเรื่องอะไรมา ขอบตาถึงได้แดงอยู่บ้าง ขณะเล่นเกมยังเม้มริมฝีปากแน่น
สตรีมของเจี่ยนหรงในตอนนั้นยังไม่มีคนดู ลู่ป๋อหยวนดูวิดีโอหลายนาทีก็มีซับกระสุนปรากฏขึ้นมาในที่สุด…ล้วนมาจากคนเดียวกัน
[เด็กน้อยร้องไห้ทำไมเหรอ บอกให้อาฟังหน่อยซิ อาจะได้ปลอบใจเธอ]
[หรือว่าบ้านนายอยู่ไหน อยากกินอะไร อาจะพาเธอไป แอด QQ คุยกันหน่อยไหม]
[อารู้สึกว่านายเล่นได้ดีมาก ลำคอของนายก็สวยมากเลยล่ะ]
เจี่ยนหรงที่อายุสิบห้าปีมองเห็นซับกระสุนนี้แล้ว เขาขมวดคิ้วขึ้น ดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจว่าไอ้โรคจิตคนนี้กำลังพูดอะไรอยู่
ขณะ ‘คุณอา’ คนนี้ส่งซับกระสุนก่อกวนข้อความที่สี่มา เจี่ยนหรงน้อยยกแขนปาดน้ำตาของตัวเอง
“…คุณพูดจาน่าเกลียดเกินไปแล้ว” เขาพูดเจือเสียงขึ้นจมูกเพราะเพิ่งร้องไห้ และเป็นเพราะยังอยู่ในวัยเปลี่ยนเสียง เสียงจึงเล็กกว่าตอนนี้เล็กน้อย พูดจบยังถูจมูก “ไสหัวไป”
สิ้นคำพูดเจี่ยนหรงน้อยขยับนิ้วมือ หาไอดีของไอ้โรคจิตคนนี้จากในบรรดาคนดูสามสิบคนที่เขามีอยู่จนพบ จากนั้นเตะคนออกไป
ลู่ป๋อหยวนหัวเราะเสียงแหบ
ครู่หนึ่งเขาลากแถบเวลาบนวิดีโอย้อนกลับไปครึ่งนาที มองดูท่าทางเช็ดน้ำตาถูจมูกด้วยสีหน้าดำมืดของเจี่ยนหรงอีกรอบหนึ่ง
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 18 ส.ค. 65