X
    Categories: everYI Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง!ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 3 บทที่ 77 – 78 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเองเล่ม 3

ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)

แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย

ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 ** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

77

โต้วฟูคิดไม่ถึงว่าทั้งที่ใบหน้าของคนคนนี้ขาวจนกลายเป็นกระดาษอยู่แล้วก็ยังไม่ยอมเสียเปรียบ “นายแม่ง…นั่นเป็นเพราะฉันโชคไม่ดี แมตช์เกมนำได้มังกรลม เกมตามได้มังกรน้ำกับไฟ แบบนี้ยังจะสู้ไปทำหอกอะไรอีกเล่า!”

ในเกม LoL หลังจากมังกรตัวที่สามเกิด ธาตุของมังกรตัวต่อไปก็เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว เมื่อสังหารเดรกทั้งสี่ตัวจะมีบัฟวิญญาณมังกรเกิดขึ้น คนมากมายคิดว่าวิญญาณมังกรลมนั้นให้บัฟอ่อนที่สุด ขณะที่บัฟของวิญญาณมังกรน้ำและไฟกลับเด่นล้ำมากกว่า*

เจี่ยนหรงได้ยินคนโทษว่าวิญญาณมังกรคือสาเหตุของการแพ้เกมเป็นครั้งแรก เขาหัวเราะพรืด “ช่วยไม่ได้ คนโง่มีดวงของคนโง่ ส่วนคนโคตรโง่ไม่มีดวง”

“…” โต้วฟูเอาสองมือล้วงกระเป๋าแต่ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร เขาหรี่ตาถามด้วยความงุนงง “ว่าแต่นายเถอะ หน้าตาเป็นเด็กดีขนาดนี้ ทำไมพอเอ่ยปากแต่ละคำกลับชอบด่าคน”

เจี่ยนหรงพิงตัวกับผนัง “นายเองก็หน้าตาเหมือนคน ทำไมไม่เคยเห็นนายพูดภาษาคน”

โต้วฟู “…”

มือถือในกระเป๋าของโต้วฟูดังขึ้น เป็นโค้ชที่โทรมาเร่งให้เขากลับห้องพักนั่นเอง

“ท็อปเลนในทีมพวกนายเหมือนหมู ส่วนนายก็ผอมจนเหมือนซี่ไม้ไผ่” โต้วฟูเก็บมือถือ “นายเป็นอะไรกันแน่ ให้โทรเรียก 120** มาแบกเอามั้ย”

“แบกตัวนายเองเถอะ” เจี่ยนหรงพูดเสียงเย็นเยียบ “แพ้ติดกันเก้าแมตช์ในการแข่งขันรอบเก็บคะแนน ยังมีหน้าพูดถึงนักแข่งคนอื่นอีก รีบไสหัวไป”

โต้วฟูโกรธจนหัวเราะแล้ว จากนั้นพยักหน้าแล้วเอ่ย “นายสุดยอด”

หลังคนจากไปเจี่ยนหรงก็ล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า นวดท้องส่งๆ สองทีแล้วจึงหันกายออกจากห้องน้ำ

เขาผลักประตูของห้องพักออก “ลงสนามเมื่อไหร่…”

คำพูดหยุดลงกลางคัน

เจี่ยนหรงยันประตูไว้ด้วยมือเดียว มองดูห้องพักที่แทบจะว่างเปล่า “คนล่ะ?”

ตอนนี้ในห้องพักมีเพียงสองสามคน

Moon หันหน้ามองดูเขาแวบหนึ่งก่อนอธิบายว่า “พวกเขาขึ้นเวทีแล้ว”

เจี่ยนหรงขมวดคิ้ว “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

“ไม่ต้องหรอก” Moon เรียกเขาเอาไว้ “เหอจื่อไปแล้ว เกมนี้ส่งตัวสำรองไปแทน นายพักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่า”

เจี่ยนหรงยังยืนอยู่ตรงปากประตู เขาเลียริมฝีปากแล้วถาม “หมายความว่ายังไง”

“นายไม่สบายไม่ใช่เหรอ…” Moon ชะงัก “เรื่องเป็นแบบนี้ เมื่อกี้โต้วฟูมาเคาะประตู บอกกับกัปตันว่านายอ้วกในห้องน้ำ แถมยังบอกว่า…นายดูเหมือนใกล้จะตายแล้ว”

ตอนนั้นลู่ป๋อหยวนหันกายหมายออกจากประตูทันที ทว่าก็เจอกับเจ้าหน้าที่ที่มาเร่งพวกเขาขึ้นเวทีเสียก่อน

นักแข่งของ PUD ขึ้นไปบนเวทีแล้ว พวกเขาเองก็ต้องรีบเช่นกัน ลู่ป๋อหยวนมองไปทางห้องน้ำแวบหนึ่ง แล้วค่อยหันหน้ามาพูดกับเจ้าหน้าที่โดยไม่มีสีหน้าแต่อย่างใดว่าเกมนี้พวกเขาต้องเปลี่ยนนักแข่ง

เจี่ยนหรงฟังจบด้วยริมฝีปากขาวซีด จากนั้นถามว่า “รู้มั้ยว่าห้องพักทีมโหยวอวี๋อยู่ที่ไหน”

ทีมงานที่อยู่โดยรอบส่ายหน้าทันที

ใครแม่งจะกล้าบอกว่ารู้

“เจี่ยนหรง?” รองผู้จัดการทีมวิ่งมาอย่างเร่งรีบ “ฉันหานายในห้องน้ำครึ่งค่อนวัน นายไม่เป็นไรใช่มั้ย ยังอยากอ้วกอยู่หรือเปล่า ปวดท้องเหรอ ถ้ารุนแรงฉันจะพานายไปโรงพยาบาล…”

“ไม่เป็นไรครับ” เจี่ยนหรงดื่มน้ำ “แค่คลื่นไส้นิดหน่อย น่าจะน้ำตาลในเลือดต่ำกำเริบ”

รองผู้จัดการทีมพูดด้วยความสงสัย “น้ำตาลในเลือดต่ำก็ทำให้อ้วกได้?”

“คงใช่ครับ” เจี่ยนหรงพูดต่อว่า “ไป่ตู้บอกมา ยังไงก็คงไม่ตาย วางใจเถอะ”

“…”

รองผู้จัดการเพิ่งเคยเจอคนที่ไม่สนใจร่างกายตัวเองเป็นครั้งแรก เธอหยิบบิสกิตออกมาจากในกระเป๋าหลายห่อ “งั้นนายกินสักหน่อย ฉันจะส่งนายขึ้นไปพักผ่อนบนรถ”

โซฟาของห้องพักไม่ใหญ่ นั่งสองคนก็เบียดกันแล้ว อีกทั้งด้านนอกมีคนขวักไขว่ไปมาเสียงดังมาก บางครั้งยังมีทีมงานเข้าๆ ออกๆ อีกด้วย

เพิ่งอาเจียนมารอบหนึ่ง ตอนนี้เจี่ยนหรงเห็นอะไรก็ไม่อยากอาหารเอาซะเลย เขาเลยหาข้ออ้างไปเรื่อยเปื่อย “ไม่กินแล้วครับ ไม่ชอบรสนี้ ผมนั่งเฉยๆ ที่นี่ก็พอ คุณไม่ต้องสนใจผมหรอก”

“…ยังไงก็ต้องกินสักหน่อยนะ” รองผู้จัดการยืนกราน “อีกอย่างเทพลู่เป็นคนให้ฉันมาพานายไปพักที่รถ”

เจี่ยนหรงชะงักแล้วหันหน้าไปมองเธอ

“จริงๆ นะ” รองผู้จัดการทีมชูเสื้อคลุมในมือของตัวเองขึ้น “ยังบอกว่าในรถไม่มีผ้าห่ม…ให้ฉันเอาเสื้อคลุมห่มให้นาย”

เจี่ยนหรงกลับไปที่รถประจำทีม

รถที่นั่งในวันนี้เป็นรถมินิแวน เบาะหลังกว้างขวาง เจี่ยนหรงเก็บขานิดหน่อยก็นอนลงได้

เขานอนอยู่บนเบาะ ผมตรงหน้าผากเปิดออก เผยหน้าผากอันสะอาดสะอ้าน

เจี่ยนหรงรู้สึกหมดแรงอยู่บ้างแต่เขานอนไม่หลับ

เขาใช้มือถือเปิดดูถ่ายทอดสดการแข่งขัน

เกมเข้าสู่หน้าแบนแอนด์พิกแล้ว กล้องนักแข่งกำลังจับภาพลู่ป๋อหยวนพอดี

ลู่ป๋อหยวนสวมเสื้อทีมแขนสั้นเพียงตัวเดียว เขาเม้มริมฝีปาก สีหน้ายังคงเย็นชา จากนั้นก็เหมือนพูดว่าอืมคำหนึ่งก่อนยกนิ้วชี้ขึ้นดันไมโครโฟนของตัวเองไปด้านนอกเล็กน้อย

ผู้บรรยาย A กล่าว “PUD ยังคงแบน Lee Sin…เกมที่แล้วเทพลู่แข่งจนตื่นเต้นหรือเปล่า แม้แต่เสื้อคลุมก็ถอดแล้ว”

ผู้บรรยาย B หัวเราะ “แต่ผมดูลักษณะแล้วไม่ค่อยเหมือนตื่นเต้นนะครับ”

เจี่ยนหรงดึงเสื้อคลุมที่ห่มอยู่บนร่างขึ้นมาถึงคาง ดมกลิ่นเจลอาบน้ำอ่อนๆ

ผู้บรรยาย A พูดต่อไป “ผมคิดไม่ถึงเลยว่า TTC จะใช้วิธีเปลี่ยนคน มีกลยุทธ์อะไรหรือเปล่าครับ”

ผู้บรรยาย B เอ่ย “เป็นไปได้นะครับ เหอจื่อเองก็เป็นมิดเลนแบบทีมไฟต์ อาจจะอยากสู้กับ PUD ช่วงท้ายเกม?”

ผู้บรรยายทั้งสองคนเริ่มวิเคราะห์สาเหตุการส่งตัวสำรองอย่างออกท่าออกทาง ขณะเดียวกันในการแข่งขันเหอจื่อได้ล็อก Lissandra แล้ว

Lissandra คือแชมเปี้ยนขึ้นชื่อของเหอจื่อ และเป็นแชมเปี้ยนเพียงหนึ่งเดียวที่เจี่ยนหรงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ขณะโซโล่กับเขา เจี่ยนหรงยังเคยเห็นเขาเล่นตอนลงแรงก์มาก่อนด้วย นับว่าเล่นได้ไม่เลวทีเดียว

ลู่ป๋อหยวนล็อก Kindred

Kindred คือจังเกิ้ลที่มีแดเมจช่วงต้นเกม เห็นได้ชัดว่าเกมนี้ลู่ป๋อหยวนคิดเล่นช่วงต้นเกมและกลางเกม แต่เกมที่แล้ว PUD เพิ่งได้รับบทเรียนมา เกมนี้ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ลู่ป๋อหยวนฟาร์มและแกงค์คนอย่างสุขสบายอีก

แชมเปี้ยนที่แครี่ PUD หยิบคือ Ezreal เป็นแชมเปี้ยนที่มีความสามารถในการป้องกันตัวเองแข็งแกร่งมาก ดังนั้นหลัง Nautilus ผู้เป็นซัพพอร์ตถึงเลเวลที่เหมาะสมก็สามารถตามไปป่วนป่าของ TTC ได้ทันที

เกมนี้เสี่ยวไป๋เล่น Lulu เป็นซัพพอร์ตสายป้องกันที่ไม่อาจติดตามจังเกิ้ล ก่อนเลเวลหกลู่ป๋อหยวนก็ถูกแกงค์ในป่าไปสองครั้ง แม้ไม่ได้แจกคิลแต่การฟาร์มยังคงถูกจำกัดเอาไว้

ภายใต้การคุกคามของจังเกิ้ลและซัพพอร์ตฝ่ายศัตรู กระทั่งผ่านไปแล้วยี่สิบนาทีในสนามมีการคิลเพียงตัวเดียวเท่านั้น Pine คือผู้ที่ได้คิล แต่พูดตามจริงแล้วก็นับว่าได้เปรียบไม่มาก

เจี่ยนหรงดูเวลาการแข่งขัน หากยื้อกันต่อไปอีกสิบนาที…Orianna ของ Savior ก็จะถึงช่วงได้เปรียบแล้ว

เพื่อนร่วมทีมเองก็เห็นปัญหาข้อนี้อย่างชัดเจนจึงรวมตัวสู้ทีมไฟต์ทันที โดยที่ทีมไฟต์ครั้งแรกจบลงด้วยผลการต่อสู้สามแลกสาม ไม่ขาดทุนและไม่ได้กำไร

จังหวะทีมไฟต์ครั้งที่สอง PUD จงใจเลี่ยงการต่อสู้ ไม่ได้เปิดไฟต์

ทีมไฟต์ที่สาม Orianna เริ่มแสดงความสามารถ

Savior เล่น Orianna ได้ถึงขั้นชำนาญ เขาตรวจสอบตำแหน่งการยืนให้แน่ใจ จากนั้นแฟลชเข้าไปปล่อยสกิลอัลติเมตดึงสี่คนเอาไว้ ก่อนเบิร์สต์แดเมจสร้างความเสียหายครั้งใหญ่

ทีมไฟต์ครั้งนี้ทำให้ TTC ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย

ที่จริงก็มองออกว่าเหอจื่อหาโอกาสอยู่ตลอด แต่น่าเสียดายที่มิดเลนและแครี่ฝ่ายตรงข้ามหยิบสเปลคลีนส์* ที่สามารถล้าง CC ของเขาได้มา จึงทำให้การคุกคามของเขาตกต่ำอย่างไร้ขีดจำกัด

เกมนี้สู้กันไปสี่สิบหกนาทีแล้ว ป้อมซูเปอร์มินเนี่ยนทั้งสามเลนของ TTC แตกทั้งหมด สุดท้ายขณะที่เหอจื่อกำลังเคลียร์มินเนี่ยนอยู่นั้นก็ถูกซัพพอร์ตฝ่ายศัตรูแฟลชเข้ามาบังคับเปิดไฟต์ หลังสังหารมิดเลนได้ PUD จึงบุกโจมตีต่อไป สุดท้ายก็ดันฐานของ TTC จนแตก

PUD คว้าชัยชนะของการแข่งขันรอบเก็บคะแนนแมตช์นี้ไปด้วยผล 2 : 1

เจี่ยนหรงเพิ่งปิดการถ่ายทอดสด ด้านบนของมือถือก็มีการแจ้งเตือนเวยป๋อเด้งขึ้นมา…

 

[วงการอีสปอร์ตวุ่นวายมาก PUD เอาชนะ TTC ไป 2 : 1 สิ้นสุดการชนะติดต่อกันของ TTC! คลิกเพื่อดูเบื้องหลังการเปลี่ยนคนของ TTC!]

 

‘วงการอีสปอร์ตวุ่นวายมาก’ คือแอ็กปล่อยข่าวปลอมรายใหญ่ที่ได้รับการยืนยันตัวตนอย่างเป็นทางการ ซึ่งแอ็กเคานต์รองของเขาได้กดติดตามเอาไว้ เจี่ยนหรงกวาดตามองตัวหนังสือบรรทัดสุดท้าย ก่อนหลุบตาแล้วกดเข้าไป

วงการอีสปอร์ตวุ่นวายมากบอกว่าจากการเปิดเผยของคนที่เชื่อถือได้ Road เป็นคนเอ่ยปากจะเปลี่ยนตัว Soft แถมยังบอกว่าสีหน้าของ Road เคร่งขรึมเหมือนกำลังโกรธอยู่ สุดท้ายยังมีการเน้นย้ำว่าตอนนั้น Soft ไม่ได้อยู่ในห้องพัก

เจี่ยนหรงอ่านไปมาสองรอบ ความจริงคำพูดท่อนนี้ไม่มีปัญหาอะไร แต่กลับเป็นการเปิดพื้นที่จินตนาการต่างๆ แก่ชาวเน็ต…บางทีนี่อาจเป็นจุดที่เยี่ยมยอดของแอ็กปล่อยข่าวปลอม

ตามคาดช่องคอมเมนต์เปิดศึกแล้ว

 

[ในที่สุด Road ก็ทนไม่ไหวแล้ว? เกมแรกของวันนี้ Soft เล่นห่าอะไร เล่น Syndra แต่ก็ฆ่า Volibear ไม่ได้ กากจัดเลยจริงๆ ห่างชั้นกับ Savior หนึ่งกาแล็กซี่]

[ไอ้โง่ ไว้เกมหน้านายลองใช้ Syndra ฆ่า Volibear ที่เลเวลสูงกว่าตัวเองหนึ่งเลเวลครึ่งดูหน่อยไหม ไม่เห็นเหรอว่า Soft กดจน Savior ไม่กล้าออกจากป้อม อีกอย่างแดเมจในเกมแรกของ Soft ก็สูงกว่า Savior OK?]

[ใครชนะคนนั้นสุดยอด กะอีแค่ชนเลนเก่งมีประโยชน์อะไร นี่เป็นเกมที่เล่นห้าคน Soft ของนายมีฝีมือขนาดใช้หนึ่งแบกห้าในลีก LPL เชียวเหรอ]

[เกมที่สามลูกชายฉันไม่ได้ลง ถ้าลงไม่รู้ใครจะชนะใคร แฟนคลับ PUD เพ้อเจ้ออะไรอยู่]

[ถ้าไม่ใช่เพราะเล่นกากทำไมถึงไม่ได้ลงล่ะ Road ขอเปลี่ยนคนเองด้วย ไอ้โง่กลุ่มหนึ่งยังชิปอยู่อีก ตลกจริงๆ]

[รอเดี๋ยว ฉันได้ยินว่า Soft ไม่สบายก็เลยไม่ได้ลงนี่? มีคนเห็นเขาถูกทีมงานพยุงออกจากสนามแข่ง ข่าวลือนะ! ลือกันว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ]

[น้ำตาลในเลือดต่ำ? เป็นไปได้เหรอ แม้แต่สมาชิกของทีม TTC ก็ยังน้ำตาลในเลือดต่ำ งั้นสมาชิกทีมอื่นอย่ามีชีวิตอยู่เลย]

[ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ต้องดูสมรรถภาพร่างกายแต่ละคนโอเคไหม อีกอย่าง Soft ก็ผอมมากอยู่แล้ว]

[เชี่ย ทำไมเจ้าผมฟ้ายิ่งไปอยู่ในทีมยิ่งน่าสงสาร ความกดดันมากเกินไปหรือเปล่า]

[ไปก่อนล่ะ ไปเติมเงินฟลัดของขวัญ ลูกชายโง่เง่าคนนี้ทำฉันโกรธแทบตาย]

[พูดตามตรง ถ้ารักษาสมดุลโภชนาการและกินข้าวให้เต็มที่ ปกติแล้วไม่มีทางน้ำตาลในเลือดต่ำ ทีม TTC มีนักโภชนาการ Soft ป่วยจนต้องออกจากสนามก็ออกจะเกินไปหน่อย]

[+1 นอกจากอาการบาดเจ็บที่มือที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงแล้ว นักแข่งต่างมีความรับผิดชอบในการดูแลร่างกายของตัวเองให้เต็มที่]

[เอ็นดู Road มากเลย ในสามเกมเขาแข่งเหนื่อยที่สุด ถ้า Soft อยู่ เกมที่สามก็ไม่แน่ว่าจะแพ้]

[Road ยังมีอาการบาดเจ็บที่มือไม่ใช่เหรอ]

 

เมื่อก่อนเจี่ยนหรงไม่สนใจคอมเมนต์ของชาวเน็ตเหล่านี้เลย ไม่ว่าคนอื่นจะด่าจะว่าอย่างไร เขาก็ไม่เจ็บไม่คัน

แต่เขาต้องยอมรับว่าครั้งนี้มีคอมเมนต์หลายคอมเมนต์ที่แทงใจดำของเขา

เป็นเขาเองที่ไม่กินอาหารเช้าเพราะกลัวง่วงหลังกินข้าว จึงทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นเหตุให้ไม่ได้ลงสนามและพ่ายแพ้การแข่งขัน

นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกว่าลงสนามแล้วถูกคนอื่นตบซะอีก

ลู่ป๋อหยวนแบกทีมด้วย Lee Sin เกมที่สามถูกโฟกัสแต่ก็ยังฟาร์มอย่างดื้อรั้น ทั้งสามเกมเลนล่างของเสี่ยวไป๋กับ Pine ไม่เสียเปรียบเลยสักเกม เกมแรกหยวนเชียนอ่อนหัดเล็กน้อย แต่อีกสองเกมเขาทนต่อความกดดันกัดฟันเกาะป้อมจนไม่เกิดข้อผิดพลาดอีก…

เพื่อนร่วมทีมต่างพยายามอย่างยิ่ง ความผิดของเขาใหญ่ที่สุด

สำหรับเจี่ยนหรงแล้วความรู้สึก ‘ละอายใจ’ นั้นมีความแปลกหน้าไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาจับมือถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วใช้อีกมือปิดตาเอาไว้ ค่อยๆ รู้สึกอยากอาเจียนทีละน้อยอีกครั้ง

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่กว่าประตูรถจะถูกเปิดออก

สุ้มเสียงของเสี่ยวไป๋ถ่ายทอดเข้ามาก่อน “PUD มีกลิ่นอายของทีมลีกเกาหลีจริงๆ พอฉันเห็นคอมพ์ช่วงท้ายเกมของพวกเขาก็ขนหัวลุกปวดท้องฉี่แล้ว”

“98K เก่งมาก ฉันเองก็คิดจะไปฝึก Volibear ดูเหมือนกัน เฮ้อ หลายวันมานี้ฉันไม่กล้าอ่านโพสต์เทียปาเลยจริงๆ” หยวนเชียนนั่งอยู่บนรถที่โคลงเคลงเล็กน้อย เขาหันหน้ามาถามว่า “เสี่ยวหรง นายโอเคมั้ย ได้ยินว่านายอ้วก?”

เจี่ยนหรงลุกขึ้นนั่ง “ผมไม่เป็นไร ดีขึ้นมากแล้ว”

“คนผอมก็มีความหงุดหงิดของคนผอม” เสี่ยวไป๋ทอดถอนใจเสร็จก็พูดต่อด้วยความประหลาดใจ “ใช่แล้ว นายเจอกับโต้วฟูแต่ไม่ได้ต่อยกัน?!”

เจี่ยนหรงเอ่ยโดยปราศจากสีหน้า “เกือบแล้ว”

เสี่ยวไป๋ “…”

เหอจื่อ Moon และทีมงานต่างนั่งรถอีกคันหนึ่ง ขณะนี้เหอจื่อยืนอยู่นอกประตูรถ ชะโงกหน้ามาพูดด้วยความรู้สึกขอโทษ “Soft ขอโทษนะ วันนี้ฉันเล่นไม่ดี”

เจี่ยนหรงตกตะลึงหนึ่งวินาทีแล้วจึงพูดว่า “ไม่เลย ความผิดของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย”

เสี่ยวไป๋ถามอย่างไม่ไยดี “นายมีความผิดอะไร”

เจี่ยนหรงตอบเขาว่า “ฉันน้ำตาลในเลือดต่ำ ลงสนามไม่ได้ ก็เลยแพ้”

บนรถนิ่งเงียบไปหลายวินาที แม้แต่พี่ติงที่เพิ่งขึ้นรถก็หันหน้ามามองด้วยความประหลาดใจ

หยวนเชียนยิ้มออกมา “ความหมายของนายคือนายลงแล้วพวกเราชนะแน่?”

เสี่ยวไป๋เอ่ย “…นายแม่งโคตรบ้า”

Pine มองไปนอกหน้าต่างเงียบๆ

เจี่ยนหรงไม่ได้รู้สึกว่าความคิดของตัวเองมีอะไรไม่ถูกต้อง “อย่างน้อยโอกาสชนะคงสูงขึ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์”

“ถึงสิ่งที่นายพูดจะเป็นความจริง” เหอจื่อกุมหัวใจพลางเอ่ย “แต่ฉันยังเจ็บอยู่ ฉันกลับขึ้นรถแล้ว ไว้พบกัน”

“เอาล่ะ จบแล้วก็ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนั้นแล้ว เกมสุดท้ายคอมพ์ของ PUD คิดยื้อถึงช่วงท้ายเกมอย่างชัดเจน นายลงก็ไม่แน่ว่าจะเซฟเท่าเหอจื่อ” พี่ติงเคยเห็นนักแข่งมามาก แวบเดียวก็มองออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตอนที่เพิ่งเข้าวงการมีใครบ้างไม่เกิดปัญหา ต่อไปต้องใส่ใจร่างกายตัวเองให้มาก กินข้าวตรงเวลาก็พอ”

เจี่ยนหรงพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะมองไปนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง

เมื่อมองไม่เห็นคนที่อยากเห็น เขาก็เม้มริมฝีปากถามว่า “กัปตันล่ะ”

เสี่ยวไป๋ถอดหมวกกำลังจัดผมอย่างหลงตัวเอง “ไม่รู้สิ เพิ่งแข่งเสร็จก็บอกว่ามีธุระต้องจัดการ ขอเวลาประมาณสิบนาที ให้พวกเรามารอบนรถ”

Pine เอ่ย “โทรถามดูหน่อย?”

“เมื่อกี้โทรแล้ว ไม่รับ” พี่ติงขมวดคิ้ว พึมพำว่า “ฉันบอกว่าจะหาคนไปเป็นเพื่อนเขาก็ไม่ยอม”

หยวนเชียนพูดว่า “แถวนี้มีแฟนคลับเยอะขนาดนี้ คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกมั้งครับ…”

เจี่ยนหรงนั่งไม่ติดแล้ว

เขาหยิบหมวกขึ้นมาใส่ง่ายๆ ก่อนลุกขึ้น “ผมจะไปหาเขา”

“ไม่ต้องๆ” เสี่ยวไป๋รีบขวางเขาเอาไว้ “ฉันกลัวว่านายจะอ้วกบนทางเดิน เพิ่มงานให้เจ้าหน้าที่สุขาภิบาลเปล่าๆ”

“ฉันดีขึ้นแล้ว” เจี่ยนหรงตอบ

เสี่ยวไป๋ยื่นมือจับแขนของเขาเอาไว้ “หน้านายขาวกว่าฉันทาแป้งอีก ดีขึ้นกับผีสิ…”

เจี่ยนหรงไม่ได้ตอบอะไรอีก มือเขาเพิ่งวางบนประตูรถ จู่ๆ มันก็ถูกเปิดออก

ลู่ป๋อหยวนสวมผ้าปิดปากและหมวกยืนอยู่นอกประตู เผยให้เห็นเพียงดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่ง

เจี่ยนหรงสวมหมวกต่ำมาก ตอนแรกมองเห็นเพียงชุดทีมบนร่างของลู่ป๋อหยวนกับถุงพลาสติกสีดำที่ถืออยู่ในมือ

เจี่ยนหรงยังไม่ทันตอบสนอง ปีกหมวกก็ถูกคนจับเอาไว้แล้วยกขึ้นเล็กน้อย

ลู่ป๋อหยวนมองดูเขาพลางถามเสียงทุ้มผ่านผ้าปิดปาก “จะไปไหน”

เขายังไม่ทันเอ่ยปากเสี่ยวไป๋ก็ช่วยพูดก่อนแล้ว “เจี่ยนหรงกลัวพี่หายไป เลยเตรียมจะลากสังขารผุพังไปหาพี่น่ะ”

อาการน้ำตาลในเลือดต่ำทำให้เจี่ยนหรงตอบสนองเฉื่อยชาอยู่บ้าง กระทั่งเขากลับไปนั่งที่เบาะหลังอีกครั้ง ความคิด ‘สู้ตายกับเสี่ยวไป๋’ จึงผุดขึ้นมาช้าๆ

ระหว่างทางกลับแคมป์ เดี๋ยวเสี่ยวไป๋ก็บ่นว่าเกมแรกถูกแกงค์จนเละเป็นโจ๊ก เดี๋ยวก็บ่นว่าไม่ได้เล่น Blitzcrank เลยอดใช้สกินแชมป์โลก พี่ติงกำลังถกเถียงกับหยวนเชียนเรื่องความผิดพลาดเล็กน้อยขณะหยวนเชียนชนเลนในเกมแรก ขณะที่ Pine เปิดมือถือดูรายการวาไรตี้

ที่นั่งหลายแถวหน้าเสียงดังเกินไป เบาะหลังจึงเงียบเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด

เจี่ยนหรงไม่ได้ถอดหมวก อาศัยจังหวะที่ลู่ป๋อหยวนมองไม่เห็น หลุบตาจ้องมือของลู่ป๋อหยวนอยู่ตลอด

เขาจำได้ว่ามีคอมเมนต์หนึ่งบอกว่าลู่ป๋อหยวนมีอาการบาดเจ็บที่มือ?

ถ้าเป็นกล้ามเนื้อบาดเจ็บธรรมดา เหมือนยังไม่ถึงกับต้องใช้คำว่า ‘อาการบาดเจ็บที่มือ’

จ้องไปจ้องมามือข้างนี้ก็พลันยื่นมาหา

ลู่ป๋อหยวนวางถุงพลาสติกสีดำไว้ในอ้อมอกเขา

เจี่ยนหรงตกตะลึง จากนั้นก็ถามว่าคืออะไรไปพลางเปิดถุงไปพลาง

ในถุงนั้นเต็มไปด้วยขนมอย่างเช่นลูกอม บิสกิต ช็อกโกแลต…บรรจุภัณฑ์กับรสชาติของทุกแบบล้วนต่างกัน

ลู่ป๋อหยวนถอดผ้าปิดปากออก “กินสักหน่อย”

เจี่ยนหรงยังคงค้างในท่าที่เปิดถุงเอาไว้ ไม่กี่วินาทีให้หลังเขาก็พูดว่า “…ทำไมซื้อมาเยอะแยะขนาดนี้”

ลู่ป๋อหยวนกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง “รองผู้จัดการบอกฉันว่าในทีมมีคนเลือกกิน”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพักผ่อนพอแล้วหรือเปล่า เจี่ยนหรงถึงไม่รู้สึกทรมานแล้ว

เขากินช็อกโกแลตครึ่งชิ้นกับบิสกิตสองถุง ก่อนหลับตางีบยังโยนลูกอมเข้าไปในปาก

เขาถอดหมวกออก ศีรษะพิงอยู่บนหน้าต่างรถ หลับตาแต่กลับไม่ได้นอนหลับเลย

อารมณ์ของเขาในตอนนี้แปลกเล็กน้อย

เมื่อได้รับขนมที่รวมกันแล้วอาจไม่เกินห้าร้อยไคว่ถุงนี้ เขาเหมือนดีใจจนเกินไปอยู่บ้าง…ดีใจกว่าตอนขึ้นแรงก์ชาเลนเจอร์ครั้งแรก ได้รับของขวัญสตรีมครั้งแรก ขึ้นการแนะนำที่หน้าแรกของสตรีมครั้งแรก

ลู่ป๋อหยวนแข่งติดต่อกันสามเกม แต่เรื่องแรกที่ทำหลังลงจากเวทีก็คือซื้อลูกอมให้เขา

พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา เจี่ยนหรงจึงอดไม่ได้ที่จะกัดลูกอมในปาก

พี่ติงหันหน้ามา “นายรู้สึกมั้ยว่าไม่กี่เกมนี้ XIU เล่นได้ธรรมดา…”

ขณะนั้นลู่ป๋อหยวนกำลังเล่นมือถือ เขาพูดเบาๆ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “เบาเสียงหน่อยครับ”

พี่ติง “…”

พี่ติงมองดูเจี่ยนหรงที่พิงหน้าต่างหลับแล้วลดเสียงพูดว่า “คืนนี้ฉันให้คุณป้าทำกับข้าวหลายอย่างหน่อย ช่วงนี้ต้องรีบบำรุงเขา”

“เพิ่มกับข้าวไปก็ไม่มีประโยชน์” ลู่ป๋อหยวนเอ่ย “ต้องเฝ้าไว้”

พี่ติงพยักหน้า “ก็จริง อาหารเช้าที่คุณป้าทำอร่อยมาก แต่เขากลับอดทนไว้ไม่กิน…งั้นฉันจัดผู้ช่วยส่วนตัวให้เขาดีกว่า?”

ลู่ป๋อหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ต้องครับ ยุ่งยาก”

พี่ติงอาสา “งั้นฉันเอง…”

“ผมดูแลเขาเอง” ลู่ป๋อหยวนพูด

พี่ติง “…?”

เจี่ยนหรง “…”

พี่ติงตกตะลึงอยู่สองวินาทีจึงเข้าใจความหมายของเขารางๆ

“นายแม่งให้มิดเลนที่ฉันซื้อตัวมาหนึ่งล้านสี่แสนนวดมือให้นายยังพอว่า” พี่ติงรู้สึกเหลือเชื่อ “แต่นี่ฉันจ่ายสิบล้านกว่าซื้อนายมาเพื่อให้นายไปเฝ้าคนอื่นกินข้าวเหรอ…”

พี่ติงยังไม่ทันพูดจบ รถก็เหมือนแล่นผ่านหลุมใหญ่หลุมหนึ่งจนทั้งคันสั่นไหวอย่างแรง

เจี่ยนหรงถูกสั่นสะเทือนจนตัวเอนเล็กน้อย ศีรษะของเขากำลังจะชนกับกระจก แต่แล้วลำคอพลันถูกคนยื่นมือมาพยุงเอาไว้

เขาจับลำคอของเจี่ยนหรงไว้อย่างง่ายดาย ออกแรงเล็กน้อยให้เด็กหนุ่มพิงบนไหล่ตนเอง

พี่ติงถูกสั่นสะเทือนจนกลับไปที่เดิม เอ่ยให้คนขับขับช้าลงหน่อยด้วยเสียงแผ่วเบาทันที บอกว่าบนรถมีสมาชิกทีมกำลังนอนหลับ

ที่เบาะหลังเจี่ยนหรงซึ่งหลับตาอยู่ตลอดกำลังหัวใจเต้นรัว หัวสมองยุ่งเหยิง ขนตาสั่นไหวอย่างรวดเร็วจนคล้ายเห็นเป็นภาพลวงตา

 

* มังกร หรือเดรกทั้งสี่ธาตุจะสุ่มเกิดขึ้นมาจนกระทั่งถึงตัวที่สาม หากมังกรตัวที่สามเป็นธาตุใด มังกรตัวถัดไปก็จะเป็นธาตุเดียวกัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถเก็บมังกร (เดรก) ได้ครบ 4 ตัวก่อน จะมีวิญญาณมังกร หรือ Elder Dragon เกิดขึ้นมา ซึ่งจะมีบัฟความสามารถที่สูงกว่าเดรก ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันเป็นอย่างมาก โดยบัฟของมังกรลมจะเป็นการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ มังกรน้ำช่วยในการฟื้นฟู ส่วนมังกรไฟเพิ่มแดเมจ หลายคนเลยมองว่าบัฟจากมังกรลมนั้นไม่มีประโยชน์เมื่อเทียบกับมังกรไฟหรือมังกรน้ำ

** 120 เป็นหมายเลขโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินของประเทศจีน

* สเปลคลีนส์ เป็นเวทสนับสนุนแบบกำหนดเป้าหมาย มีผลในการลบล้างเอฟเฟ็กต์ของ CC และสถานะดีบัฟต่างๆ

78

พอกลับมาที่แคมป์แพทย์ประจำทีมก็มาถึงแล้ว

เขาวัดน้ำตาลในเลือดให้เจี่ยนหรง ปรากฏว่ามันเกินค่าปกติขึ้นมาอย่างฉิวเฉียด

“ดีขึ้นบ้างแล้ว” แพทย์ประจำทีมเก็บเครื่องวัดระดับน้ำตาลแล้วถามว่า “เมื่อก่อนเคยมีอาการแบบนี้หรือเปล่า”

เจี่ยนหรงส่ายหน้า ถ้าก่อนหน้าเคยมีอาการ เขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเป็นอีก

“งั้นต่อไปต้องระวังให้มาก” แพทย์ประจำทีมครุ่นคิด “แต่คนที่น้ำตาลในเลือดต่ำจะมีอาการอาเจียนให้พบน้อยมาก อาจเป็นเพราะกำลังแข่งขันอยู่พอดีนายเลยกดดันมาก ถ้าต่อไปยังรู้สึกปวดท้องอีกต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลนะ”

เจี่ยนหรงพยักหน้า “โอเคครับ”

“ตอนนี้นายยังทรมานอยู่มั้ย” พี่ติงมองดูสิ่งของในมือของเขา “นายจะถือถุงนี่ไปถึงเมื่อไหร่ วางไว้ที่โต๊ะไม่ได้เหรอ”

“ดีขึ้นมากแล้วครับ” เจี่ยนหรงผูกถุงพลาสติก ลากกระเป๋าอุปกรณ์ต่อพ่วงของตัวเองมาแล้วเปิดออก ก่อนที่จะใส่มันเข้าไป

ลู่ป๋อหยวนมองไปยังแพทย์ “อาการผิดปกตินี้มีวิธีรักษามั้ยครับ”

“สิ่งสำคัญก็ยังคงเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่ เวลากินข้าวต้องมีวินัย กินอาหารก็ต้องรักษาสมดุลโภชนาการ เดี๋ยวฉันจะกำชับคุณป้าที่แคมป์พวกนายไว้” แพทย์ประจำทีมชะงักเล็กน้อย “แล้วก็ต่อไปเวลาออกไปข้างนอกก็พกลูกอมกับบิสกิตติดตัวไว้หน่อย”

“โอเคครับ” ลู่ป๋อหยวนพยักหน้า “คืนนี้รบกวนให้คุณมาแล้ว”

“ไม่รบกวน ฉันมาดูมือนายพอดี” แพทย์ประจำทีมก้มหน้ามองดู “หลายวันมานี้ฝึกซ้อมเกินเวลาอีกแล้วใช่มั้ย ฉันเคยบอกแล้วว่ามือนาย…”

เมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาของเจี่ยนหรงกวาดมองมา ลู่ป๋อหยวนก็ขัดจังหวะเขา “เรื่องนี้อีกหน่อยค่อยว่ากันครับ”

ด้วยความที่วันนี้สมาชิกทีมอาการไม่ดี พี่ติงจึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ตื่นกันแล้วค่อยดูรีเพลย์การแข่งขัน

หลังกินอาหารเย็นเสร็จ เจี่ยนหรงก็ถูกไล่ไปนอนทันที

เขาเพิ่งขึ้นชั้นบน เสี่ยวไป๋ก็ระบายลมหายใจ “สีหน้าของเจี่ยนหรงเหมือนดีขึ้นเล็กน้อย? ตอนอยู่หลังเวทีหน้าเขาดูซีดมากเลย เหมือนจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ”

หยวนเชียนเห็นด้วย “ตอนกลับมาที่รถสีหน้าเขาก็ดูไม่ค่อยดี เฮ้อ ยังผอมเกินไป”

“ตอนนั้นเขากำลังดูถ่ายทอดสด” Pine พูดอย่างเฉยชา “ฉันได้ยินเสียงผู้บรรยาย”

“ดูถ่ายทอดสด…” เสี่ยวไป๋นิ่วหน้า “ความสามารถในการต้านแรงกดดันของเขาแข็งแกร่งจริงๆ ฉันใช้นิ้วเท้าก็คิดได้ว่าซับกระสุนในการถ่ายทอดสดวันนี้น่ากลัวแค่ไหน ไม่น่าล่ะ ตอนกินข้าวเขาไม่พูดเลยสักประโยค”

ลู่ป๋อหยวนไม่ได้ส่งเสียง เขาโยนมือถือเข้ากระเป๋าแล้วหันกายไปห้องน้ำชาตามลำพัง

เมื่อเจี่ยนหรงอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าในมือถือมีข้อความวีแชตหลายข้อความ

 

Qian เสี่ยวหรง ชอบกินน้ำแกงไหม พี่สะใภ้นายบอกว่าอยากต้มน้ำแกงมาให้ อย่าเห็นว่าปกติเธอดูไม่สนใจไยดีอะไรเท่าไหร่ จริงๆ น้ำแกงที่เธอต้มหอมเป็นพิเศษเลย (ไม่ได้หมายความว่าน้ำแกงที่คุณป้าในแคมป์ทำไม่หอมนะ)

Pine [แชร์ลิงก์ : ผู้ป่วยน้ำตาลในเลือดต่ำควรระวังอะไร]

เสี่ยวไป๋ ชั้นสุดท้ายบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ฉันมีช่องเล็กๆ อยู่ ด้านในใส่ช็อกโกแลตไว้เยอะมาก ต่อไปถ้านายรู้สึกไม่สบายตอนฝึกซ้อมก็หยิบมากินได้เลย

 

เจี่ยนหรงยังคงไม่มีแรงอยู่บ้าง เขานั่งอยู่ตรงหัวเตียง อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาและกดช่องพิมพ์แชตหลายรอบแต่ไม่รู้ว่าควรตอบอะไร

เขาไม่ได้รับข้อความแบบนี้มานานมากแล้ว ในวีแชตของเขาแอดคนไว้มากมาย มีทั้งสตรีมเมอร์ แอดมิน ผู้บริหารระดับสูง ข้อความที่ได้รับแทบจะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับการสตรีมทั้งหมด หรือบางครั้งช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลอื่นเมื่อได้รับข้อความอวยพรก็ไม่จำเป็นต้องตอบกลับ

เจี่ยนหรงพิมพ์คำว่า ‘โอเค’ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเพิ่มคำว่า ‘ขอบคุณ’ อีกคำ

ข้อความเพิ่งส่งออกไปไม่ถึงสองวินาทีประตูก็ถูกเคาะ

ลู่ป๋อหยวนเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ส่วนมืออีกข้างถือแก้วเอาไว้พลางพูดว่า “ดื่มเจ้านี่ค่อยนอน”

พอเจี่ยนหรงรับแก้วมาก็ได้กลิ่นหอมของน้ำผึ้งอ่อนๆ “…ขอบคุณครับ”

บรรยากาศเงียบไปสองวินาที

ลู่ป๋อหยวนถอนหายใจเบาๆ “เข้าไปได้มั้ย”

เจี่ยนหรงดึงประตูห้องเปิดกว้างทันที

เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ในห้องจึงมีกลิ่นเจลอาบน้ำที่คุ้นเคยอบอวล ลู่ป๋อหยวนเคยนอนไม่หลับและได้กลิ่นมันอยู่ทั้งคืน

เขาไม่ได้เดินเข้าไปในห้อง เพียงกอดอกพิงผนังเท่านั้น “การแข่งวันนี้…”

เจี่ยนหรงต่อความอย่างรวดเร็ว “ความผิดผมใหญ่มาก”

ลู่ป๋อหยวนเลิกคิ้ว “นายคิดว่าความผิดของนายคืออะไร”

“ความสามารถในการสนับสนุนอ่อนเกินไป ยังคอลล์เกมได้ไม่ดี สู้ทีมไฟต์ไม่สนใจเพื่อนร่วมทีม” เจี่ยนหรงก้มหน้าเอาไว้ “…ไม่กินข้าวเช้าให้เต็มที่ ป่วยจนทำให้ไม่ได้ลงในการแข่งขันเกมที่สาม”

ลู่ป๋อหยวนพยักหน้า “มีอีก”

เจี่ยนหรงครุ่นคิด “ช่วงต้นเกมไม่ได้ช่วยเลนบน ระหว่างนั้นมีเวฟหนึ่งที่ผมควรตามคุณไปเลนบน”

ลู่ป๋อหยวนไม่ได้ส่งเสียงใด เป็นนัยให้เขาพูดต่อไป

“ยังมี…” วันนี้เจี่ยนหรงฟอร์มไม่ดี รายละเอียดการแข่งขันมากมายเขาล้วนจำได้เลือนราง “ผมขอคิดดูหน่อย”

ลู่ป๋อหยวนเตือนสติอย่างเฉยชา “เป็นเรื่องนอกการแข่งขัน”

เจี่ยนหรงเข้าใจทันที “…ผมไม่ควรด่าโต้วฟูว่ากาก”

ลู่ป๋อหยวน “…”

“และไม่ควรด่าเขาว่าไอ้โง่”

“…”

“ยิ่งไม่ควรเยาะเย้ยว่าเขาแพ้ติดต่อกันเก้าแมตช์”

“ไม่เกี่ยวกับเขา” ลู่ป๋อหยวนขัดจังหวะอย่างเฉยชา หลุบตามองดูอีกฝ่าย “ไม่สบายทำไมไม่บอก”

เจี่ยนหรงตกตะลึงเล็กน้อย “ผมอ้วกเสร็จก็ดีขึ้นแล้ว ไม่ส่งผลต่อการเล่น”

“นี่ไม่เกี่ยวข้องกับการแข่ง” ลู่ป๋อหยวนนิ่งเงียบสองวินาทีก่อนพูดว่า “ทีมเซ็นสัญญากับนาย ไม่ใช่ให้นายมาทุ่มเทสุดชีวิต”

เจี่ยนหรงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “…เป็นความผิดผมเอง”

ลู่ป๋อหยวนมองดูเขาอย่างนิ่งเงียบครู่หนึ่ง

“ปัญหาของนายในวันนี้มีเยอะมาก”

เจี่ยนหรงหลับตาลง กำลังจะใจแป้วอยู่แล้ว แต่ก็ได้ยินลู่ป๋อหยวนพูดต่อว่า “แต่ล้วนเป็นความผิดพลาดที่สมาชิกใหม่อาจก่อขึ้นได้ ไม่นับเป็นความผิดใหญ่โตอะไร”

เจี่ยนหรงพลันเหลือบตาขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม

แววตาของลู่ป๋อหยวนดูนิ่งสงบ “ความสามารถส่วนตัวของนายแข็งแกร่งมากก็เลยชอบบุกเดี่ยว อยากสร้างการเล่นที่ยอดเยี่ยมในการแข่งขัน อยากเป็นชุดหลักทุกแมตช์…ความคิดแบบนี้ปกติมาก”

“…”

“ถ้าอยู่ใน LSPL ที่เต็มไปด้วยหน้าใหม่ นายคงถูกกำหนดว่าจะเป็นแชมป์ไปแล้ว บางทีอาจยังได้รับคำเชิญจากสโมสรใหญ่อื่นๆ…แต่จุดเริ่มต้นของนายสูงเกินไป ทีมที่เผชิญหน้าก็มีประสบการณ์มาก พวกเขาอาจสู้ 1v1 กับนายไม่ได้ แต่พวกเขารู้ว่าจะควบคุมและกดดันนายยังไง แล้วยังมีนักวิเคราะห์ที่ศึกษาข้อมูลของนายโดยเฉพาะ พวกเขารู้จุดอ่อนของนายดีกว่าตัวนายเองซะอีก…ดังนั้นฉันคิดว่าการที่นายไม่คุ้นกับการเล่นแบบนี้เป็นปกติมาก”

อาจเพราะเสียงของลู่ป๋อหยวนแฝงความปลอบโยนไว้หลายส่วน หรืออาจเพราะเขาสตรีมนานเกินไป คุ้นเคยกับการทำผิดแค่นิดหน่อยแต่ก็ยังถูกด่าเต็มหน้าจอไปแล้วก็เป็นไปได้

สรุปแล้วในขณะนี้เจี่ยนหรงเศร้าใจเล็กน้อย

เขาพูดว่า “…แต่ผมก็ซ้อมแข่งมาตั้งหลายเดือนแล้ว”

“ใช่” ลู่ป๋อหยวนพูดเสียงทุ้มช้า “Twisted Fate Orianna และ Galio แชมเปี้ยนสำหรับการแข่งขันเหล่านี้นายล้วนกำลังฝึกอยู่ นายกำลังพยายามแต่ก็ยังไม่ค่อยพอ ขณะที่ Savior เชี่ยวชาญการสนับสนุนและทีมไฟต์ เขารู้ดีกว่านายว่าควรทำอะไรตอนไหน ถ้านายฝึกไม่กี่เดือนก็ไล่ตามไทม์มิ่งของเขาได้ทัน…นั่นก็ไม่ยุติธรรมกับค่าตัวราคาฤดูกาลละแปดล้านของเขาอยู่บ้าง”

เจี่ยนหรงหลุบตาเอาไว้ นึกถึงเรื่องจริงที่ตนเองเป็นเพียงมิดเลนราคาหนึ่งล้านสี่แสนขึ้นมาอีก

“แต่การแข่งขันรอบเก็บคะแนนเป็นเพียงการให้โอกาสทีมในการปรับเปลี่ยน นายยังมีเวลาฝึกซ้อมอีกมาก” ลู่ป๋อหยวนเลิกคิ้ว “ก่อนอื่นเลยคือร่างกายของนายต้องรับไหว”

“ผมรู้” เจี่ยนหรงพยักหน้า “ผมจะกินข้าวให้เต็มที่”

ลู่ป๋อหยวนผงกศีรษะก่อน ไม่กี่วินาทีให้หลังเขาพลันยิ้มออกมาเล็กน้อย

เจี่ยนหรงถามตามสัญชาตญาณ “ยิ้มอะไร”

ลู่ป๋อหยวนตอบเขาว่า “เปล่า”

แค่รู้สึกว่าคนที่มักจะทำหน้าบูดเกลียดฟ้าเกลียดดินทุกวันมาก้มหน้าพูดว่า ‘ผมจะกินข้าวให้เต็มที่’ แบบนี้ก็น่ารักอยู่บ้าง

ลู่ป๋อหยวนถามต่อว่า “ดีขึ้นบ้างแล้ว?”

“อืม ดีขึ้นแล้ว” เจี่ยนหรงชะงักไปเล็กน้อยแล้วพลันถามว่า “คุณ…เมื่อก่อนก็สั่งสอนพวกเขาแบบนี้เหมือนกัน?”

เจี่ยนหรงไม่มีความคิดอย่างอื่น เขาแค่รู้สึกว่าคำพูดของลู่ป๋อหยวนมีประโยชน์มาก เพียงแค่สิบนาทีสั้นๆ แต่ทั้งร่างของเขากลับเหมือนฟื้นคืนชีพขึ้นมา

ลู่ป๋อหยวนอึ้งไปสองวินาที

เขาครุ่นคิดถึงคำว่า ‘สั่งสอน’ ชั่วครู่จากนั้นถามว่า “นายคิดว่าฉันกำลังสั่งสอนนาย?”

เจี่ยนหรงตกตะลึงเล็กน้อย “อ่า”

ลู่ป๋อหยวนแย้มยิ้มออกมา “ฉันคิดว่าฉันกำลังปลอบนายอยู่”

คำพูดที่ดูแปลกหน้าอย่างคำว่า ‘ปลอบ’ พลันพุ่งเข้าหัวสมองของเจี่ยนหรง

เขาไม่รู้ว่าทำไมความสนใจถึงไปอยู่ที่คำคำนี้หมดแล้ว หลังจากมันวิ่งวนเวียนไปมาในหัวสมอง เขาก็รู้สึกว่าตนเองแทบไม่รู้จักคำคำนี้เลย ซ้ำยังมาแบบกะทันหันเหมือนน้ำเดือดทะลุผ่านลูกโป่ง กระแสความร้อนถั่งโถมพุ่งตรงมาใส่เซลล์ทั่วร่างของเขา

ภายใต้แสงไฟมืดสลัวสายตาของลู่ป๋อหยวนอ่อนโยนมาก เจี่ยนหรงเม้มปาก เลียริมฝีปาก อ้าปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกทั้งสิ้น

สุดท้ายลู่ป๋อหยวนขยับมือไปจับประตูที่ด้านหลังแล้วพูดว่า “พักผ่อนเถอะ”

 

เจี่ยนหรงนอนหลับสบาย ตั้งแต่เข้าทีมมาก็ไม่เคยฝันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

อาจเป็นเพราะนอนเร็วเกินไป เมื่อตื่นนอนในวันต่อมาก็พบว่ายังไม่ถึงเก้าโมง

ก่อนนอนหลับไปเมื่อคืนเขาไม่ได้ปิดม่านหน้าต่าง ดวงอาทิตย์รุ่งเช้าส่องบนเปลือกตาของเจี่ยนหรงชวนให้รู้สึกอบอุ่นและสุขสบาย เขาหลับตาดื่มด่ำอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งจึงค่อยหยิบมือถือขึ้นมาตามความเคยชิน…

 

[วงการอีสปอร์ตวุ่นวายมาก ติดตามเหตุการณ์ของ TTC…หลังการแข่งขันจบลง Road หายไปด้วยสีหน้าดำมืดเหมือนไม่พอใจมิดเลนคนใหม่]

[วงการอีสปอร์ตวุ่นวายมาก TTC เสี่ยงดึงคนใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เข้าชุดหลักถูกหรือผิดกันแน่ คลิกอ่านการวิเคราะห์เชิงลึกของโค้ชรีไทร์]

 

แอ็กปล่อยข่าวปลอมนี้ไม่หลับไม่นอนเหรอ กลางค่ำกลางคืนก็ยังส่งบทความปัญญาอ่อนมาเยอะขนาดนี้?

เจี่ยนหรงปิดมันลงโดยไม่แม้แต่จะอ่านเนื้อหา ก่อนเลิกผ้าห่มลงจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน

ทั่วทั้งแคมป์เงียบสงัด ก่อนที่คุณป้าจะมาถึงตอนเก้าโมง เจี่ยนหรงเทนมวัวแก้วหนึ่งไปนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อ้าปากหาวแล้วจึงเปิดสตรีม

กระแสคนดูในสตรีมตอนเช้าตรู่น้อยกว่ากลางดึก ขณะที่เพิ่งสตรีมบนหน้าจอก็มีซับกระสุนไม่มาก

 

[เพิ่งแพ้การแข่งขันก็สตรีมแล้ว มาให้โดนฉอด?]

[ทำไมเวลาสตรีมของนายอัศจรรย์ขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เป็นวันพักผ่อนไม่ใช่เหรอ]

[วันพักผ่อนของทีมไหนบ้างที่จะได้พักผ่อนจริงๆ]

[เวลานี้ดีมาก พ่อเพิ่งตื่นนอน ด่าสักหน่อยจะได้เรียกสติพอดี]

[ยังเหลือเวลาสามนาทีก่อนแอนตี้แฟนจะถึงสนามรบ พ่อตื่นมารำไทเก๊กวอร์มร่างกายก่อน]

 

นักแข่งมากมายต่างไม่มีทางสตรีมหลังแพ้การแข่งขัน เพราะก่อนจะมีทีมที่พ่ายแพ้ทีมต่อไปปรากฏตัวขึ้นมา ระหว่างนี้ความสนใจของแอนตี้แฟนย่อมติดอยู่ที่คุณตลอด

เมื่อเห็นเจี่ยนหรงสตรีม เหล่าพ่อใหม่พากันด่าว่าด้วยสีหน้าโศกเศร้า ส่วนเจ้าตัวฉีกถุงบิสกิตออกกินหนึ่งชิ้น จากนั้นนั่งไขว่ห้างเปิดรีเพลย์การถ่ายทอดสดของเมื่อวาน

“ฟลัดเครื่องหมายคำถามอะไรกัน” เจี่ยนหรงพูดอย่างเกียจคร้าน “ธรรมเนียมเก่า ดูรีเพลย์”

 

[ธรรมเนียมเก่าอะไร]

[เมื่อก่อนตอนที่หมอนี่กดแรงก์ไม่เก่งมักจะดูรีเพลย์วิดีโอ ต่อมาอาจเพราะความนิยมสูงขึ้น รู้สึกว่าการดูรีเพลย์จะเสียแฟนคลับ ไอ้โง่ก็เลยไม่ทำอีกแล้ว]

[จุดสำคัญไม่ใช่ปัญหาของการแข่งขัน เป็นปัญหาที่คุณสมบัติส่วนตัวของนักแข่ง ฉันเพิ่งเคยเห็นนักแข่งที่ไม่อาจลงสนามเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นครั้งแรก]

[ไสหัวออกจาก TTC ไปเถอะ TTC รับพระพุทธรูปใหญ่* อย่างนายไว้ไม่ได้ อย่ามาสร้างหายนะให้ทีมฉัน OK?]

[ทีมอื่นก็ไม่ต้องการ ทางนี้แนะนำให้รีไทร์กลับไปทำอาชีพสตรีมเมอร์ของนาย ถึงยังไงอาชีพนี้ก็ไม่มีความต้องการด้านคุณสมบัติพนักงาน อย่าทำร้ายคนอื่น]

[ฮ่าๆๆๆ ทีมของนาย? ทำไมคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของทีมทีมหนึ่ง คุณเป็นใคร หน้าด้านจังเลยนะ ฮ่า พวกนักฉอดโง่เง่า]

 

“ไม่ได้คิดว่าการดูรีเพลย์จะเสียแฟนคลับสักหน่อย พ่อนายแข็งแกร่งขึ้นแล้ว” เจี่ยนหรงกวาดตามองซับกระสุน “เป็นน้ำตาลในเลือดต่ำ ฉันโง่เอง ไม่ได้กินข้าวเช้า จุดนี้พวกนายด่าได้ตามสบาย แอดมินไม่ต้องแบนคน…ยังไม่ได้คิดรีไทร์และไม่คิดย้ายทีมด้วย ดังนั้นต่อให้พวกนายไม่สบายใจแค่ไหนก็ต้องดูฉันแข่งการแข่งขันฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้จนจบ ไม่พอใจก็ลงสนามแข่งมาแกงค์ฉันเอง”

 

[มิดเลนที่แบกไม่เป็นเอามามีประโยชน์อะไร ใช้เป็นป้อมเฝ้าเลนกลาง?]

 

เจี่ยนหรงลากแถบความคืบหน้าของวิดีโอรีเพลย์การถ่ายทอดสด กระโดดไปอยู่ที่หนึ่งวินาทีก่อนเริ่มการแข่งขัน “ใช่ ไม่ได้แบกคือความผิดของฉัน คราวหน้าทำได้แน่”

พูดจบแล้วเจี่ยนหรงก็ดูการแข่งขันอย่างตั้งใจจริงๆ

ท่าทีนี้ทำให้เหล่าแอนตี้แฟนงุนงงไปสองวินาที จากนั้นก็เริ่มเพิ่มเชื้อเพลิง พยายามปั่นกระแสคนดูที่ผ่านทางมา…

 

[เวฟนี้ไดฟ์ป้อมได้ชัดๆ กลับไม่แฟลชตามเข้าไป กากจริงๆ เลยว่ะ]

[ไม่เล่นอัสแซสซินก็เลยฆ่าคนไม่เป็น?]

 

เจี่ยนหรงไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้ว่าเวฟนี้ตนไม่มีข้อผิดพลาด Savior ที่มีทั้งสเปลคลีนส์ แฟลช และสกิลอัลติเมตกำลังรอไดฟ์ป้อมอยู่

เหล่าแอนตี้แฟนทุ่มเทต่อ หลังผ่านไปหลายนาทีกลับพบว่าทิศทางของซับกระสุนไม่ค่อยถูกต้อง

คนอื่นบนซับกระสุนพากันฉอด Soft ตามพวกเขาด้วย

แต่คนที่ฉอด…ดันติดไอคอนแฟนตัวยงในสตรีมของเขาหมดเลย

 

[ไอ้โง่ เมื่อคืนพวกพ่อช่วยแกจัดการในเทียปา แกเริ่มดูตั้งแต่นาทีที่แปดเถอะ]

[Savior เดินไปตรงหน้า Pine แล้ว นายยังลาสต์มินเนี่ยนอยู่เลนกลาง ถ้าฉันเป็น Pine ฉันต้อง AFK อยู่ที่บ่อน้ำแล้วคุยกับนายแน่]

[ถ้านายไม่รีบไปแกงค์คนก่อน Savior หรือไม่งั้นก็แค่ไม่ต้องรีบไปดันป้อมกลาง นายดูสิ นายไปๆ มาๆ เหมือนไอ้โง่ ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง]

[กากจนฉันออกไปข้างนอกก็อายที่จะบอกกับคนอื่นว่าฉันคือพ่อแก]

[กากจนเมื่อคืนพ่อฝันว่า Syndra โง่เง่าของแกกำลังวิ่งมาราธอน]

[ปกตินายฉายเดี่ยวตอนกดแรงก์ยังพอว่า นี่ลงสนามแข่งนายยังทำแบบนี้อีก? ตอนแข่งฝึกซ้อมไม่ได้ฝึกเหรอ]

 

แอ็กเคานต์ของซิงคงทีวีสามารถผูกกับไอดีเกม LoL ของตัวเองได้ แอนตี้แฟนบางคนรู้สึกถึงความผิดปกติเลยกดเปิดไอคอน LoL ด้านหลังชื่อของคนที่กำลังวิจารณ์และสั่งสอนเหล่านี้ในซับกระสุน จากนั้นอันดับแรงก์ก็สะท้อนเข้าตาทันที

ไดมอนด์ มาสเตอร์ ไปจนถึงชาเลนเจอร์ กระทั่งแรงก์ต่ำที่สุดอย่างโกลด์ก็มี

เจี่ยนหรงดูวิดีโอซ้ำไปซ้ำมาอย่างนิ่งเงียบ หลายนาทีนี้ไทม์มิ่งของเขาโดดเดี่ยวไปบ้างจริงๆ

ขณะเจี่ยนหรงแข่งฝึกซ้อมย่อมมีการฝึกสนับสนุน แต่ระหว่างเขาเล่น Syndra นั้นไปสนับสนุนคนอื่นน้อยมาก และไม่เคยเห็น Aurelion Sol ที่แกงค์คนบ่อยเหมือนอย่าง Savior

เขาเปิดมือถือ บันทึกช่วงเวลาสนับสนุนของ Savior ไว้ในบันทึกความจำ

นมวัวครึ่งแก้วลงท้อง ริมฝีปากบนของเจี่ยนหรงเปื้อนสีขาวแถบหนึ่ง

 

[แล้วก็ทีมไฟต์ตอนนาทีที่ยี่สิบแปด นายลองดูเอาเองเถอะว่านายกากแค่ไหน ตำแหน่งยืนดีขนาดนั้น แต่กลับผลักบอลไปโดนแค่สองคน]

[สำคัญสุดคือสตัน 98K ไม่ได้ ค่าตอบแทนก็คือถูกคนตบทีเดียวตาย กระจอกจริงๆ]

[หยวนเชียนโคตรกาก Soft เองก็โคตรกาก ว่ากันว่าหยวนเชียนใกล้จะหมดสัญญาแล้วใช่ไหม จูงมือกันไสหัวไปพอดีเลย]

 

“เวฟนั้นฉันจำได้…ไม่ได้ดันให้ดี” เจี่ยนหรงกินบิสกิตอีกหนึ่งชิ้นพลางขยับปลายนิ้วแบนคนที่พูดถึงหยวนเชียน “ดูรีเพลย์ก็ดูรีเพลย์ ด่าฉันก็ด่าฉัน คนที่ฉวยโอกาสมาก่อกวนไสหัวไปให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ พ่อไม่ชินกับพวกนาย”

พูดจบเขากดปุ่ม ‘เล่น’ ต่อไป

ดูรีเพลย์เกมแรกใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง

อารมณ์ดุเดือดแต่เดิมของเหล่าแอนตี้แฟนกลับสู่ความสงบ…แฟนคลับกลุ่มนี้ด่าแรงกว่าพวกเขาซะอีก นี่แม่งทำได้อย่างไร

คุณป้าผลักประตูเข้ามาถามเขาว่าต้องการให้ทำอาหารเช้าหรือไม่ เจี่ยนหรงพยักหน้า “เอาครับ รบกวนด้วย”

 

[นายเป็นหมูเหรอ กินมินิบิสกิตไปสองถุงแล้วยังจะกินอีก?]

[สิ่งนี้มีโภชนาการไม่พอหรอก เจ้าโง่กำลังเติบโตอยู่นะ]

[อายุสิบแปดยังเติบโตได้? ชาตินี้ส่วนสูงคงได้แค่นี้แล้วแหละ น้ำหนักอาจยังเพิ่มขึ้นได้อีก]

 

เจี่ยนหรงบิไข่ต้มเป็นสองส่วน ชิ้นหนึ่งในนั้นยัดเข้าปาก ตอบอย่างคลุมเครือ “เพ้อเจ้อ…อย่างน้อยฉันก็สูงหนึ่งร้อยแปดสิบ”

 

[หนึ่งร้อยแปดสิบในฝัน]

[นายพูดคำนี้โดยไม่หน้าแดงได้ไงเนี่ย?]

[ลูกชาย พ่อเห็นคนอื่นบอกว่า Road โกรธนายจนหน้าดำ? เป็นความจริงไหม]

[พูดให้ถูกต้องสักหน่อย เขาโกรธจนหนีไป แข่งเสร็จไม่ได้กลับห้องพักก็ไปเลย ฮ่าๆๆ]

 

ท่าเคี้ยวของเจี่ยนหรงช้าลงเล็กน้อย

 

[ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง เอาจริงการแข่งขันเกมนี้ไม่ใช่ความผิดของลูกชายฉันทั้งหมดหรอก]

[รักมากก็ตำหนิแรง]

[รักกับผีสิ กากแบบนี้คงเลิกกันไปแล้ว]

[เลิกกัน? ลูกชายฉันรักเขาฝ่ายเดียวมาตลอดไม่ใช่เหรอ พูดให้ถูกหน่อย ลูกชายฉันอกหักฝ่ายเดียว]

[ลูกชายน่าสงสารจัง ทั้งแพ้การแข่งขัน ทั้งไม่มีความรัก]

[ดีมาก แบบนี้ลูกชายฉันก็ไม่ต้องเป็นเกย์แล้ว]

 

พอพูดถึงลู่ป๋อหยวน เขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาอีก

คำว่า ‘ปลอบ’ กัปตันใช้ตอนที่ห่วงใยสมาชิกในทีมได้เหรอ

ผู้ชาย…ต้องปลอบผู้ชายเหรอ

เมื่อรู้สึกว่าใบหูของตนดูท่าจะร้อนจนลวกขึ้นมา เจี่ยนหรงก็รีบกลืนไข่ต้มลงไป เด็กหนุ่มกำลังคิดจะขัดจังหวะของซับกระสุน ประตูห้องฝึกซ้อมก็ถูกคนผลักออก

ลู่ป๋อหยวนสวมชุดลำลองเดินเข้ามา มองดูอาหารเช้าบนโต๊ะของเจี่ยนหรง แล้วยังมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วย

เจี่ยนหรงคิดไม่ถึงว่าเขาจะตื่นเช้าขนาดนี้ ได้แต่เงยหน้ามองคางของอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง

คนทั้งสองต่างยังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไร คุณป้าที่ผัดข้าวให้พวกเขาก็เข้ามาก่อนแล้ว

คุณป้าคิดจะมาช่วยเจี่ยนหรงเก็บชามและตะเกียบพอดี เธอรู้ว่าปกติเด็กหนุ่มกลุ่มนี้ลำบากไม่น้อย ดังนั้นเรื่องที่ทำได้ล้วนไม่ให้พวกเขาต้องลงมือเอง

เธอตกตะลึงเมื่อมองเห็นลู่ป๋อหยวน “เสี่ยวลู่ ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้ ป้ากวาดโถงทางเดินเสียงดังจนปลุกเธอเหรอ”

“เปล่าครับ” ลู่ป๋อหยวนพูดอย่างเฉยชา “กลัวเขาไม่กินอาหารเช้าเลยตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้”

เจี่ยนหรงเอามือข้างหนึ่งวางบนคีย์บอร์ด สีหน้าตกตะลึงกว่าเดิม

“แบบนี้นี่เอง…” คุณป้าวางใจแล้ว “งั้นป้าไปทำอาหารเช้าให้เธอสักชุดดีมั้ย อยากกินอะไร”

“เหมือนกับเขาก็ได้ครับ รบกวนคุณป้าด้วย”

หลังคุณป้าออกไปลู่ป๋อหยวนถึงหลุบตาถามว่า “ทำไมสตรีมเช้าขนาดนี้”

เจี่ยนหรงส่งเสียงหืม “สตรีมฆ่าเวลา”

เมื่อพบว่าลู่ป๋อหยวนกำลังดูวิดีโอบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา เจี่ยนหรงก็อธิบาย “พี่ติงยังไม่มา ผมเลยดูรีเพลย์เองก่อน”

“ดูจบแล้ว?”

“…อืม”

ลู่ป๋อหยวนผงกศีรษะ “ฉันจะเปิดเครื่อง พวกเราดูโอ้กัน”

เจี่ยนหรงพูดทันที “โอเค”

ลู่ป๋อหยวนกำลังจะเดินไปโต๊ะคอมพิวเตอร์ของตนเอง แต่เมื่อมองเห็นไข่ต้มครึ่งใบที่เหลืออยู่บนโต๊ะของเขา จึงยื่นมือมาขยี้หัวเจี่ยนหรงพลางกำชับ “กินให้หมด”

เจี่ยนหรงยัดไข่ต้มอีกครึ่งใบใส่ปาก

ไม่กี่วินาทีต่อมาซับกระสุนพลันมีเครื่องหมายคำถามลอยผ่าน

 

[แอ็กปล่อยข่าวปลอมโง่เง่าเมื่อไหร่จะตาย]

[…ช่างเถอะ เกย์ก็คือเกย์นั่นแหละ ได้เป็นคู่เกย์กับ Road ก็นับว่านายเล่นของสูงแล้วลูกชาย]

[ความสัมพันธ์ของพวกนายนี่คนอื่นในทีมรู้ไหม]

[นี่เรียกว่าหน้าดำ? นี่เรียกว่าหน้าดำ? นี่แม่งอีกนิดเดียวก็สตรีมขึ้นเตียงแล้ว!]

[สองนาทีก่อนเพิ่งรีเฟรชเจอวิดีโอที่ Road ยื่นมือเข้าปากไอ้โง่ ช่างเถอะไม่พูดมากแล้ว ขอให้ 99*]

[ขอภาพหน่อย ขอให้ 99]

[ขอให้ 99]

[ขอให้ 99]

 

* พระพุทธรูปใหญ่ เป็นคำเปรียบเทียบ หมายถึงคนเก่งที่ไม่เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆ บางครั้งก็ใช้ในการปฏิเสธอย่างสุภาพด้วย

* ขอให้ 99 หมายถึงขอให้รักกันยืนยาว ซึ่งเลข 9 ในภาษาจีนออกเสียงว่า ‘จิ่ว’ ซึ่งพ้องกับคำว่า 久 (จิ่ว) ที่แปลว่ายาวนาน

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 25 .. 65

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: