everY
ทดลองอ่าน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 3 บทที่ 81 – 82 #นิยายวาย
82
XIU ยังคงร้องเพลงที่เจี่ยนหรงได้ยินไม่ชัดเลยสักคำ
เจี่ยนหรงถือมือถือไว้ในมืออยู่ตลอดเพื่อตอบข้อความพี่ติง ถ้าเขาออกแรงอีกหน่อย ตอนนี้มือถือก็คงถูกบีบจนระเบิดแล้ว
…ถูกจับได้แล้ว
ขณะความคิดนี้กระโดดออกมาเจี่ยนหรงเองก็ตกใจจนสะดุ้ง
จังหวะนั้น ท่อน ‘ดั๊งก์ใส่หัวนาย’ ที่หากห้องส่วนตัวข้างๆ ได้ยินเป็นต้องถือมีดมาฟัน XIU ได้ดึงสติของเจี่ยนหรงกลับมา
เจี่ยนหรงถามกลับไปว่า “…ทำไมถามเรื่องนี้”
เขาร้อนตัวถึงขีดสุด ขณะพูดก็กะพริบตาตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว
ลู่ป๋อหยวนได้ยินไม่ชัด เขาหันศีรษะไปทางเจี่ยนหรงเล็กน้อย บอกเป็นนัยให้เจี่ยนหรงพูดอีกครั้งหนึ่ง
เจี่ยนหรงได้กลิ่นแอลกอฮอล์ของลู่ป๋อหยวนผสมมากับกลิ่นบุหรี่ กลายเป็นกลิ่นที่ชวนให้ใจสั่นอีกประเภทหนึ่ง
เจี่ยนหรงตัวแข็งทื่อหมดแล้ว เขาไม่ขยับเขยื้อน “ผมพูดว่า…ทำไมถามเรื่องนี้ พี่ติงจะ…จะจดเอาไว้เหรอ กลัวผมมีความรักก่อนวัย?”
จากนั้นเขาจึงได้ยินลู่ป๋อหยวนหัวเราะด้วยเสียงคลุมเครือและทุ้มต่ำ กลบเสียงเพลงที่ไม่ได้เรื่องของ XIU เอาไว้
ด้วยระยะห่างนี้ลู่ป๋อหยวนยกคางขึ้นแล้วพูดข้างหูเจี่ยนหรงว่า “ฉันอยากรู้เอง”
หนึ่งวินาทีให้หลังเขาก็พูดอีกว่า “อายุสิบแปดแล้ว ไม่ถือว่ามีความรักก่อนวัย”
ขณะเดียวกับที่หัวสมองของเจี่ยนหรงชะงักงัน ก็ยังไม่ลืมที่จะด่าคนดูในสตรีมของตัวเองในใจ คนเหล่านั้นต่างล้างสมองโดยการกรอกหูเขาทุกวันว่าอย่ามีความรักก่อนวัยเพราะจะส่งผลต่อการงาน แม่งทำกันถึงขั้นนี้แล้ว ในใจเขาล้วนกำลังคิดเรื่องเหลวไหลที่ว่ามีความรักก่อนวัยหรือไม่
เพราะรูปร่างหน้าตาของเจี่ยนหรง ตอนที่เขาสตรีมจึงมักมีคนบอกว่าเขาเป็นคนตุ้งติ้งและเกย์ ทุกครั้งเขาล้วนตอบโต้ด้วยคำว่า ‘ฉันคือพ่อนาย’ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ทว่าตอนนี้แม้แต่คำพูดปฏิเสธคำเดียวเขาก็พูดไม่ออก แถมยังร้อนรนด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่ตนแอบมองลู่ป๋อหยวนแล้วถูกจับได้คาที่ขณะดูวิดีโอใจสั่นอะไรนั่นที่แคมป์ก่อนหน้านี้ย้อนกลับมาอีกครั้ง
ตอนนั้นแอบมองแล้วถูกจับได้จริงๆ
ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมถึงจินตนาการว่าถูกลู่ป๋อหยวนหิ้วคอเสื้อจับได้อีกแล้ว…
ลู่ป๋อหยวนวางแก้วเบียร์ลง ท่าทางปกติมาก ในสายตาของเจี่ยนหรงที่ร้อนตัวกลับเหมือนเป็นการเร่งเร้าหลังจากที่รอมานานแล้ว
สมองของเจี่ยนหรงตื้อไปหมด หัวใจหวาดหวั่น ได้แต่พูดออกไปแบบหัววัวไม่ตรงกับปากม้า* “ทำไมถามเรื่องนี้ คุณเหยียดพวกรักร่วมเพศเหรอ”
สองวินาทีให้หลังเจี่ยนหรงก็คิดว่า ฉันถามคำถามอะไรเนี่ย ไม่สู้ฉันลงโทษตัวเองโดยการตบหน้าสามทีดีกว่า
เมื่อมองเห็นสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยของลู่ป๋อหยวน เจี่ยนหรงรู้สึกอีกว่าการตบหน้าแก้ไขปัญหาไม่ได้
ลู่ป๋อหยวนตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็กลับสู่ความปกติอีกครั้ง
เขาพูดว่า “ฉันเหยียดตัวฉันเอง?”
เจี่ยนหรง “…”
จบแล้ว
ฉันเหมือนได้ยินไม่ชัด
ต้องฟังผิดหรือฟังพลาดไปแน่เลย
เจี่ยนหรงพึมพำว่า “…พูดว่าอะไรนะ”
เสียงของ XIU สกัดคำพูดพึมพำประโยคนี้ของเจี่ยนหรงเอาไว้ ลู่ป๋อหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดังนั้นเจี่ยนหรงจึงถามด้วยเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “คุณพูดว่าอะไรนะ…”
หนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก เสียงเพลงพลันขาดห้วงและผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเจี่ยนหรงก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาเปิดพอดี…
“พูดว่าอะไรนะ…”
“อะไรนะ…”
“นะ…”
เสียงของเจี่ยนหรงดังก้องอยู่ในห้องส่วนตัวเนิ่นนาน
คนทั้งหมดในห้องส่วนตัวมองมาพร้อมกัน เจี่ยนหรงมองดูใบหน้าด้านข้างของลู่ป๋อหยวน ตัดสินใจว่าอีกสักครู่จะออกจากร้านคาราโอเกะแล้วเรียกแท็กซี่หนีไป
UU ที่เปลี่ยนเพลงโดยพลการได้สติกลับมาเป็นคนแรก ด่าคนที่อยู่ข้างไมโครโฟนตั้งพื้น “นายร้องเพลงที่คนฟังเข้าใจหน่อยได้มั้ย”
XIU ถือไมโครโฟนอยู่ “…นายจะไปเข้าใจอะไร นี่เรียกว่าฮิพฮ็อพ!”
“ฮิพแม่นายสิ คนอื่นร้องเป็นฮิพฮ็อพ นายร้องอย่างกับสวดมนต์…ออกเสียงยังไม่ชัดเล้ย”
XIU ด่าพลางวางไมโครโฟนลง ไม่นานเพลงต่อไปก็ดังขึ้นแล้ว อินโทรผ่อนคลายขึ้นทำให้ทุกคนรู้สึกสบายหูไม่น้อย
ยกเว้นเจี่ยนหรง
ตอนนี้ถ้าใครเอาบุหรี่มาวางไว้บนหูของเขาก็อาจติดไฟได้ทันที
XIU เดินมาหาเขาตรงๆ ถือโอกาสลาก UU มาด้วย ปากพึมพำว่า “ฉันรู้แล้วว่าอาจจะพูดคุยและร้องเพลงดีๆ กับไอ้ลูกหมาอย่างนายไม่ได้ ถ้าคืนนี้ไม่ดื่มให้เมาตาย วันหลังสองเราไม่อาจแข่งขันอย่างสบายใจได้อีก”
หนึ่งวินาทีก่อนที่พวกเขาจะเดินมาถึง ลู่ป๋อหยวนทวนคำพูดเมื่อกี้อย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง
“ฉันบอกว่าฉันชอบผู้ชาย” เขาพูด “ตอนนี้”
เจี่ยนหรงยังไม่หลุดออกจากสภาวะตะลึงงัน XIU ก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างลู่ป๋อหยวนแล้ว
XIU เทเบียร์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว “เชี่ยเอ๊ย เมื่อกี้ฉันมองมาแวบหนึ่งคิดว่านายสองคนกำลังจูบกันซะอีก”
เจี่ยนหรง “…”
UU “…?”
ลู่ป๋อหยวนถอยหลังกลับไปที่เดิม
ถึงจะเป็นแบบนี้แต่เจี่ยนหรงเองก็รู้สึกว่าพวกเขาใกล้กันเกินไป เด็กหนุ่มดึงเสื้อคลุมที่ยับยู่ยี่ตรงหน้าอกเล็กน้อยด้วยความกลัวว่าลู่ป๋อหยวนจะได้ยินเสียงหัวใจของเขา
UU ยิ้มพลางด่า “นายประสาทเหรอ ผู้ชายสองคนจูบอะไรกัน”
เมื่อตระหนักได้ว่าตนพลั้งปากออกไปแล้ว XIU ก็รีบกระแอมให้คอโล่ง “ทำไมผู้ชายสองคนจะจูบกันไม่ได้ นายเป็นคนหลงยุคจากสมัยราชวงศ์ชิง? ว่าแต่ทำไมไอ้เวรนั่นยังไม่มา รอมาครึ่งค่อนวันแล้วนะ”
“วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีแขกเยอะ เรียกพนักงานก็ต้องรอกันครึ่งวันถึงจะมา รออีกสักแป๊บเถอะน่า รีบร้อนอะไร” UU ยิ้มพลางมองไปด้านหลังลู่ป๋อหยวน “Soft อย่าอยู่เฉยสิ ดื่มเหล้าไม่ได้ร้องเพลงแทนก็ได้ ไปเลือกเพลง แซงคิวได้ตามใจ”
เจี่ยนหรงดีใจที่ไฟในห้องส่วนตัวมืด
เขาก้มหน้าลง ซ่อนใบหน้าของตัวเองเอาไว้แล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “ไม่เอา ผมร้องไม่เป็น”
UU เลิกคิ้ว “นายเคยเป็นสตรีมเมอร์ไม่ใช่เหรอ ร้องเพลงไม่เป็น?”
“ใช่ว่าคนอื่นจะต้องอาศัยการร้องเพลงดึงดูดแฟนคลับ” XIU เทเบียร์ให้เขาเต็มแก้ว “เลิกพูดได้แล้ว ดื่มเบียร์”
แก้วของลู่ป๋อหยวนเองก็ถูกเทเบียร์ เขาไม่ได้พูดอะไร หยิบขึ้นมาชนแก้วกับ XIU
เจี่ยนหรงก้มหน้าเอาไว้ ไม่นานก็ใจเย็นลงได้บ้าง
ลู่ป๋อหยวนชอบผู้ชาย แล้ว…ชอบผู้ชายคนไหนล่ะ
ตอนแรกเจี่ยนหรงคิดว่าเป็นตัวเอง
แต่หลังลู่ป๋อหยวนกลับไปชนแก้วกับ XIU อย่างรู้ใจ…เขาก็รู้สึกอีกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดสมเหตุสมผลเกินไป
ในสายอาชีพของพวกเขาล้วนเป็นผู้ชายแทบทั้งหมด คนใหม่ เด็กฝึก ไปจนถึงจังเกิ้ลสำรองในทีมพวกเขาล้วนเป็นแฟนบอยของลู่ป๋อหยวน นักแข่งที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ LPL เหล่านั้นก็รู้จักลู่ป๋อหยวน ถึงขั้นดาราชายหลายคนก็อยากเล่นเกมกับลู่ป๋อหยวน
การที่ลู่ป๋อหยวนจะชอบใครล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น
อีกอย่างตอนนี้ลู่ป๋อหยวนดื่มแอลกอฮอล์ ดูเหมือนจะเมาเล็กน้อย การที่จู่ๆ จะเปิดตัวกับเขาก็ไม่แปลก
หัวใจของเจี่ยนหรงยังคงเต้นเร็ว แต่ท่าทีของเขาสงบลงแล้ว ขณะลู่ป๋อหยวนพูดคุยกับ XIU อยู่นั้นเขาก็ฉวยโอกาสยกมือขึ้นมา ออกแรงนวดใบหน้าของตัวเอง
XIU เบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา “จริงสิ สัปดาห์ที่แล้วแข่งกับพวกนายเสร็จ หลัง Savior กลับไปก็พูดถึงมิดเลนของนายอยู่ตลอด”
เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่เพราะตอนนี้เสียงเพลงเบาๆ ดูผ่อนคลาย เจี่ยนหรงเองก็ได้ยินเช่นกัน
เจี่ยนหรงอยู่ในสภาวะครุ่นคิด ฟังอย่างไม่ได้ตั้งใจนักจึงไม่ได้ยินคำว่า ‘มิดเลนของนาย’ ที่ XIU ใช้
ลู่ป๋อหยวนดื่มเบียร์ “พูดถึงว่าอะไร”
“บอกว่าคราวหน้าต้องชนเลนชนะให้ได้”
XIU เตรียมตัวฟังคำเยาะเย้ยจากเจี่ยนหรงแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวจะกำลังจ้องไปที่จุดหนึ่งอย่างเหม่อลอย แม้แต่คำเยาะเย้ยสักคำก็ไม่มี
“คิดมากไปแล้ว”
XIU ตกตะลึง มองไปยังลู่ป๋อหยวน “อะไรนะ”
ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก พนักงานร้านคาราโอเกะเข็นขนมเค้กเข้ามา บนรถขนมเค้กยังห้อยลูกโป่งเอาไว้สองใบ
“รอรอบเพลย์ออฟแล้วกัน” ลู่ป๋อหยวนตบไหล่ของเขา “ไปเป่าเทียน”
XIU “…”
แม่งเอ๊ย การตบไหล่ของลู่ป๋อหยวนทำให้เขามีความรู้สึกประเภท ‘กินข้าวมื้อนี้เสร็จจะได้ออกเดินทาง’*
หลังเป่าเทียนเจี่ยนหรงแบ่งเค้กออกมาหนึ่งชิ้น เขากินเชอรี่บนครีมโดยที่ไม่ได้แตะเนื้อเค้กแต่อย่างใด
เขาฟังพวกลู่ป๋อหยวนกับ UU คุยเรื่องในอดีต ดูดซับข้อมูลอย่างเชื่องช้า…
ในห้องส่วนตัวล้วนเป็นนักแข่งยุคแรกของ LPL นอกจากลู่ป๋อหยวนกับ XIU แล้วคนอื่นต่างรีไทร์กันหมด พวกเขารู้จักกันนานแล้ว เมื่อก่อนเล่นเกมด้วยกันที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ร้านหนึ่งทุกวัน ตอนที่ลู่ป๋อหยวนทะเลาะกับพ่อก็อยู่ที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่แทบทุกวัน…
เจี่ยนหรงตกตะลึง ได้สติกลับมาทันที
UU กำลังเล่าด้วยความตื่นเต้น “ทุกวันตอนที่ฉันกลับบ้านนอนเขาลงแรงก์อยู่ที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ตอนที่ฉันตื่นเขาก็ยังลงแรงก์อยู่ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ นายแตกต่างอะไรกับเด็กเรียนที่แอบเรียนรู้พวกนั้น”
ลู่ป๋อหยวนหัวเราะพรืด “ฉันต้องแอบฝึก ให้นายรู้ได้เหรอ”
“พูดถึงตรงนี้ ตอนนั้นที่พ่อนายบุกมาที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ด้านหลังยังพาคนใส่สูทมาด้วยหลายคน เหตุการณ์นั้นทำฉันตกใจจนสะดุ้ง”
“เชี่ย ฉันจำได้ ตอนนั้นนอกร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เถื่อนมีรถหรูจอดเป็นแถว คนทั้งถนนต่างหยุดดู!”
“ถ้าฉันมีฐานะทางครอบครัวแบบนี้ ฉันยังจะเล่นเกมไปทำหอกอะไร…”
เจี่ยนหรงฟังแล้วตกตะลึง
เขารู้ว่าบ้านลู่ป๋อหยวนมีเงิน มองแวบเดียวก็รู้ว่าคุณพ่อลู่คุณแม่ลู่เป็นคนมีการศึกษาที่ประสบความสำเร็จสูงมาก แต่…ลู่ป๋อหยวนเคยทะเลาะกับที่บ้านด้วย?
ขณะที่เขากำลังก้มหน้าฟังอยู่ เชอรี่เปื้อนครีมลูกหนึ่งก็ถูกวางไว้ในจานเค้กของเขา
ลู่ป๋อหยวนยังคงพูดคุยกับเพื่อนสนิท หลังแบ่งเชอรี่ออกไปแล้วเขาค่อยวางจานเค้กลง “เอาล่ะ ไม่มีเรื่องอื่นให้คุยแล้ว?”
เมื่อกินเค้กเสร็จลู่ป๋อหยวนก็พาเจี่ยนหรงจากไปโดยไม่สนใจการเหนี่ยวรั้งของ UU
ด้านนอกร้านคาราโอเกะล้วนเป็นรถแท็กซี่ คนทั้งสองขึ้นแท็กซี่คันหนึ่ง ได้เจอคนขับที่ไม่ชอบพูดด้วยความโชคดี
เจี่ยนหรงจ้องไปนอกหน้าต่าง ในหัวสมองยังคงวนเวียนกับคำถามนั้น
ลู่ป๋อหยวนชอบใครกันแน่
ลู่ป๋อหยวนกดเปิดหน้าต่างลงเป็นช่องเล็กๆ ให้ลมยามค่ำคืนพัดเข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์บนร่างลอยไปทางเจี่ยนหรงทั้งหมด
ลู่ป๋อหยวนกำลังคุยโทรศัพท์กับพี่ติง พี่ติงไม่เข้าใจว่าตนให้เจี่ยนหรงไปรับคน แต่รับไปรับมาเจี่ยนหรงเองก็เงียบไปแล้ว ไม่ตอบข้อความ แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่รับจนเขาเกือบไปแจ้งตำรวจแล้ว
ลู่ป๋อหยวนกวาดตามองเจี่ยนหรงซึ่งกำลังเหม่อลอยอยู่ข้างกายแวบหนึ่ง เริ่มสงสัยว่าคำที่ตนพูดในห้องส่วนตัว คนคนนี้ได้ยินชัดกี่ประโยคกันแน่
“เขาไม่เป็นไร”
“ผมจะมีเรื่องอะไรได้”
“ดื่มไม่เท่าไหร่ ไม่เมา กำลังกลับแล้วครับ”
พอถึงแคมป์แล้วจึงสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงิน
ขาข้างหนึ่งของลู่ป๋อหยวนเพิ่งก้าวลงจากรถ
“คุณชอบใครเหรอ…”
เจี่ยนหรงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
เขาอยากรู้เหลือเกิน พยายามอดทนอดกลั้นตั้งแต่ร้านคาราโอเกะจนถึงตอนนี้ แต่เขากลั้นไม่อยู่จริงๆ
เขารู้สึกว่าถ้าไม่ถามให้ชัดในคราวเดียวล่ะก็ คืนนี้ คืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆ ไปเขาคงนอนไม่หลับแน่
เจี่ยนหรงเอามือข้างหนึ่งช่วยลู่ป๋อหยวนจับประตูรถ มืออีกข้างชูขึ้นมาสาบานว่า “ผมจะไม่พูดต่อเด็ดขาด ถ้าผมพูดออกไปขอให้เล่นแพ้ติดต่อกันทุกวัน ด่าสู้คนดูไม่ได้ ถูกฆ่าเละเทะตอนชนเลน…”
ลู่ป๋อหยวนลงจากรถ ปิดประตู จากนั้นจูงข้อมือของเจี่ยนหรงไว้
เขาจูงเจี่ยนหรงไปในเงามืดทางขวาของไฟริมทาง
เจี่ยนหรงคิดว่าเขาไม่ชอบที่ตนเองถามมากเกินไปจึงเอ่ยว่า “แน่นอนว่าถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร”
ลู่ป๋อหยวนฟังแล้วแย้มยิ้ม เขาปล่อยมือของเจี่ยนหรงออก
“ดูเหมือนว่าคำถามนี้ฉันเป็นคนถามนายก่อน ยื่นหมูยื่นแมวถึงจะยุติธรรม”
เจี่ยนหรง “…”
ผ่านไปเนิ่นนาน จู่ๆ เขาก็ตอบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ผม…อนุบาลไม่มี ประถมไม่มี ม.ต้น ไม่มี ม.ปลาย ก็ไม่มี”
พูดถึงตรงนี้เจี่ยนหรงก็ยกมือดึงผมของตัวเอง ตกอยู่ในความเงียบงัน
ลู่ป๋อหยวนรอเขาพูดจนจบอย่างเงียบๆ
เจี่ยนหรงพบว่าต่อให้ลู่ป๋อหยวนไม่ทำอะไรเลย แต่แค่ยืนก้มหน้ามองอยู่แบบนี้ เขาก็ตื่นเต้นจนตัวแทบระเบิดอยู่ดี
“ตอนนี้…” เจี่ยนหรงหลับตา “ตอนนี้ก็…เหมือน…มีคนที่ชอบหนึ่งคน…”
ลู่ป๋อหยวนถามว่า “ใคร”
แม้แต่การหายใจเจี่ยนหรงยังหายใจลำบาก แต่เขาไม่เคยยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “ยื่นหมูยื่นแมวถึงจะยุติธรรม…”
ด้านหลังถ่ายทอดเสียงดังแอ๊ดอันเสียดหูมา
“เชี่ย! ฉันตากกางเกงในไว้ที่ระเบียง มองลงมาจากไกลๆ ก็รู้ว่าเป็นนายสองคน!” ศีรษะของเสี่ยวไป๋ยื่นออกมาจากประตูเหล็กของแคมป์ ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ทำไมพวกนายไม่เข้ามา ข้างนอกหนาวมากนะ”
เจี่ยนหรง “…”
ฉันจะฆ่าซัพพอร์ต
การลงแรงก์เกมรองสุดท้ายของคืนนี้ ทำไมฉันต้องแฟลชเข้าไปช่วยไอ้โง่นี่
ตากกางเกงในก็ตากกางเกงในไปสิ นายเหลียวซ้ายแลขวาทำหอกอะไร
เวลานี้นายฝึกซ้อมเสร็จแล้ว? นายคิดว่าการแข่งขันในวันนี้นายเล่นได้ดีมากเหรอ
แสงไฟมืดมาก เสี่ยวไป๋มองเห็นไม่ชัดถึงความเดือดดาลและพังทลายในสายตาของมิดเลน เมื่อเห็นคนทั้งสองต่างไม่ตอบสนอง เสี่ยวไป๋ก็ดึงประตูเอาไว้พลางถามว่า “ไม่เข้ามาเหรอ พี่ติงรอพวกนายอยู่ข้างในนานแล้ว”
เจี่ยนหรงกำหมัดแน่นแล้วคลายออก คลายออกแล้วกำแน่น
กระทั่งมือของเขาถูกคนจับไว้เบาๆ
ในมุมที่เสี่ยวไป๋มองไม่เห็น ลู่ป๋อหยวนยื่นมือออกมา นิ้วมือของคนทั้งสองพัวพันกันสองวินาที
“นาย” เสียงของลู่ป๋อหยวนเบามาก ซ้ำยังแฝงไว้ด้วยความแหบพร่าหลังดื่มแอลกอฮอล์ “ชอบนาย”
* หัววัวไม่ตรงกับปากม้า หมายถึงการตอบไม่ตรงคำถามหรือเรื่องราวไม่สอดคล้องกัน
* กินข้าวมื้อนี้เสร็จจะได้ออกเดินทาง ประโยคนี้มักใช้พูดกับนักโทษประหาร หมายถึงหลังจากที่พวกเขากินอาหารมื้อนี้เสร็จก็จะถูกประหารชีวิต
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 3
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub
และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN