everY
ทดลองอ่าน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 4 บทที่ 114-115 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 4
ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)
แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย
ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
114
หยวนเชียนสูดจมูกรอเพื่อนร่วมทีมกอดกันอยู่ด้านข้าง
เขามองซ้ายมองขวาแต่สองคนตรงหน้ากลับไม่มีความคิดจะปล่อยมือจากกัน เขาเดินไปเดินมาอย่างทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ความคิดที่ว่า ‘กอดนานเกินไปหรือเปล่า’ เพิ่งผุดขึ้นมาก็ถูกพี่ติงที่พุ่งมาจากด้านล่างเวทีกอดเอาไว้แล้ว
หลังการแข่งขันสิ้นสุดกล้องตกเป็นของผู้ชนะอยู่ตลอด ฉากนี้ถูกตากล้องจับภาพเอาไว้ทั้งหมดจากทุกทิศทาง
ซับกระสุนในการถ่ายทอดสดฟลัดคำว่า ‘TTC สุดยอด’ ครู่หนึ่ง จากนั้นถูกฉากนี้ทำให้เบี่ยงเบนไป…
[ชอตแย่งบารอนของเทพลู่ฉันดูจนท้องเลยว้ายยย…]
[Savior ร้องไห้แล้ว น่าสงสารมากเลย ฮือๆ T-T อย่าร้องไห้ PUD ปีหน้าพวกเราเอาใหม่! และขอแสดงความยินดีกับ TTC!]
[Soft จะไปฝัง rish ที่เกาหลีจริงๆ แล้ว…]
[กอดกันหนึ่งนาทียี่สิบวินาทีแล้วนะ พอได้แล้ว]
[ทำไมล่ะๆ เสี่ยวไป๋นายคิดรัดคอ Pine ให้ตายเหรอ!]
[เชี่ย! มือของ Road วางอยู่บนก้นลูกชายฉัน!]
[Soft แทบกำเสื้อสามีฉันจนขาดแล้ว…]
[จากแฟนคลับแท้ๆ เพราะปีนี้ลูกชายติดตามการแข่งขัน LoL เป็นครั้งแรก อยากถามหน่อยว่าเมื่อก่อนตอนที่ทีมคว้าแชมป์ก็กอดแบบนี้เหรอ ฉันกับสามีฉันยังไม่เคยกอดกันแน่นขนาดนี้เลย]
[พี่เชียนคือผู้ชนะในชีวิตที่มีแฟนสาวเพียงคนเดียวในทีมไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูแล้วน่าสงสารกว่าคนโสดซะอีก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ]
สุดท้ายเป็นเพราะพี่ติงตบไหล่ของพวกเขาให้ไปรับถ้วยรางวัล เจี่ยนหรงจึงผละออกมา
ใบหน้าของเจี่ยนหรงแดงเพราะความตื่นเต้น ดวงตาลุกวาวและยังเลียริมฝีปากหลายครั้งระหว่างทางที่ไปกลางเวที
พวกเขาทั้งห้าคนยืนล้อมถ้วยรางวัลเอาไว้ ชูถ้วยรางวัลขึ้นพร้อมกันท่ามกลางเสียงกรี๊ดเสียงตะโกนนับไม่ถ้วนของผู้ชมและเสียงของพิธีกร
หลังจากนั้นเขาลงเวทีอย่างไร กอดกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นอย่างไร ยัดอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้ากระเป๋าอย่างไร…เจี่ยนหรงจำได้ไม่ชัดแล้ว เขารู้สึกว่ามีชั่วขณะหนึ่งที่ตนเองลอยอยู่ จนเมื่อนั่งลงบนที่นั่งสัมภาษณ์หลังการแข่งขัน เขาจึงถูกแสงแฟลชที่เบื้องหน้าดึงสติกลับมา
พวกเขาทั้งห้าคนนั่งเรียงแถวเป็นหน้ากระดาน เป็นทางการเหมือนงานแถลงข่าวหลังการแข่งขันของ NBA หรือฟุตบอลโลก
“ทำไมงานการแข่งขันฤดูใบไม้ผลิปีนี้ใหญ่ขนาดนี้” หยวนเชียนประหลาดใจ “นี่คืองานแบบการแข่งขันระดับโลกปีที่แล้วเชียวนะ”
“อย่าถามเลย คำตอบก็คือ LPL มีมูลค่าทางธุรกิจมากขึ้นทุกปี” พี่ติงยิ้มน้อยๆ ให้บรรดานักข่าว พูดเสียงแผ่วเบาว่า “เอาล่ะ ใกล้จะเริ่มแล้ว”
ถึงแม้รูปแบบงานจะใหญ่กว่าเดิม แต่ไปๆ มาๆ คำถามก็มีแค่ไม่กี่คำถามเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นด้านการแข่งขันปะปนกับคำถามส่วนตัวไม่กี่คำถาม
สมาชิกของ TTC ต่างกร้านโลกแล้ว แม้แต่ Pine ก็เคยแข่งระดับโลกมาสองครั้ง พวกเขาล้วนมีทักษะในการตอบคำถาม แต่เพราะพื้นฐานที่เป็นเด็กติดเกมกลุ่มหนึ่ง การพูดคุยแบบประจันหน้ากับนักข่าวนั้นไม่ได้มีอิสระเหมือนเปิดสตรีมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ดังนั้นทุกคนจึงค่อนข้างพูดน้อย แม้แต่เสี่ยวไป๋ก็เพียงแค่ตอบคำถามตามมาตรฐานเสร็จก็ไม่พูดอะไรแล้ว
เมื่อถึงตาลู่ป๋อหยวน นักข่าวถามว่า “ในฐานะรุ่นพี่ คุณรู้สึกว่าถัวถัวจังเกิ้ลคนใหม่ของ PUD แสดงผลงานเป็นยังไงบ้างคะ”
ลู่ป๋อหยวนพูดอย่างรวบรัดตัดความ “ไม่เลวครับ”
“เทียบกับ XIU คู่ปรับเก่าของคุณล่ะคะ”
“ต่างกันนิดหน่อย” ลู่ป๋อหยวนพูดอย่างเฉยชา “แต่ถ้าเขายังเอาแต่ส่งข้อความมารบกวนผมทุกวันจนไม่เป็นอันทำงานอีก ไม่นานคงถูกคนใหม่แทนที่แล้วมั้งครับ”
นักข่าวทนไม่ไหวหัวเราะพรืดออกมา จากนั้นเธอก็ดึงกลับเข้าคำถาม “โอเคค่ะ…งั้นคำถามสุดท้าย ความจริงแฟนคลับสนใจความรักของคุณมาก ถือโอกาสที่วันนี้มีความสุขช่วยเปิดเผยให้ทุกคนฟังหน่อยได้มั้ยคะ”
ลู่ป๋อหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ขณะที่นักข่าวคิดว่าเขาคงไม่ตอบแล้ว กำลังคิดจะบอกว่า ‘ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรค่ะ’ นั้นเอง…
“เขาผมสั้น” ลู่ป๋อหยวนชะงักสองวินาทีแล้วพูดเสริม “แถมยังย้อมสีผม”
ในสนามเงียบสงัดหลายวินาที มีเพียงแสงแฟลชที่สว่างอย่างต่อเนื่อง
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาประหลาดใจของเพื่อนร่วมทีมอีกหลายคน และแววตาที่มีน้ำตาในรอยยิ้มของพี่ติง ลู่ป๋อหยวนเลยส่งเสียงเตือนอย่างเฉยชา “ผมพูดจบแล้ว”
นักข่าว “อ๊ะ…โอเคค่ะ…ขอบคุณค่ะ”
กล้องเคลื่อนไปทางขวาอีก…
มิดเลนผมสั้นสีฟ้าของ TTC ปรากฏตัวในกล้อง
นักข่าว “…”
เจี่ยนหรง “…”
ผู้ชมที่กำลังดูการถ่ายทอดสดรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง “…?”
พี่ติงฝืนยิ้ม “หวังว่าทุกคนจะถามคำถามที่เกี่ยวกับการแข่งขันสักหน่อยนะครับ”
นักข่าวพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ ถามคำถามที่ค่อนข้างปกติทั่วไปอีกหลายคำถาม
สองมือของเจี่ยนหรงกุมอยู่ตรงท้องน้อย พูดตามที่พี่ติงสอนก่อนหน้านี้โดยไม่มีข้อผิดพลาดอะไร
พอถึงตอนสุดท้ายนักข่าวถามว่า “คุณกับเพื่อนร่วมทีมกำลังจะเป็นตัวแทน LPL กรีธาทัพสู่การแข่งขันกลางฤดูของปีนี้ และเป็นการเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติขนาดใหญ่ครั้งแรกของคุณ รู้สึกตื่นเต้นมั้ยคะ”
เจี่ยนหรงตอบว่า “ไม่ครับ”
“มีทีมหรือนักแข่งที่ค่อนข้างกลัวมั้ยคะ อย่างเช่น Master มิดเลนที่ตอนนี้ถูกเรียกขานว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกจากทีม HT…”
“ไม่มีครับ ถึงผมจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนประเมินมิดเลนอันดับหนึ่งของโลก…” เจี่ยนหรงขัดจังหวะเธอ สายตาที่มองไปยังกล้องสงบเยือกเย็น “แต่อีกไม่นานคนคนนั้นก็จะต้องเปลี่ยนมุมมองของตัวเองแล้ว”
เสร็จสิ้นกระบวนการซับซ้อนมากมาย หนึ่งชั่วโมงครึ่งหลังการแข่งขันสิ้นสุด TTC ก็ได้นั่งอยู่บนรถที่กำลังขับกลับโรงแรมในที่สุด
แม้จะแข่งไปสี่เกมแถมวันนี้ยังตื่นเช้า แต่หลังคว้าแชมป์มาได้กลับไม่มีใครรู้สึกเหนื่อย ต่างตื่นเต้นจนแทบเลี้ยวรถกลับสเตเดี้ยมไปแข่ง Bo5 อีกสักแมตช์
สถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองคือห้องส่วนตัวของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง พี่ฟู่จองไว้ตั้งแต่วันที่การแข่งขันรอบรองชนะเลิศสิ้นสุด ตามคำพูดของเขาในตอนนั้นถ้าคืนนี้ชนะคืองานเลี้ยงฉลองความสำเร็จในการคว้าแชมป์ ถ้าแพ้ก็คืองานเลี้ยงฉลองความสำเร็จรองแชมป์
พอกลับถึงโรงแรมและอาบน้ำเรียบร้อย ทุกคนจึงเดินไปที่ห้องอาหาร
เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ง่วงหลังกินข้าว นอกจากเจี่ยนหรงที่มีประวัติน้ำตาลในเลือดต่ำเลยกินขนมปังไปหลายแผ่นแล้ว วันนี้คนอื่นๆ ต่างไม่ได้กินอะไร ดังนั้นพออาหารมาเสิร์ฟทุกคนจึงก้มหน้ากินพริกเคล้ากับแอลกอฮอล์อย่างบ้าคลั่ง
“พวกนายลองบอกมาว่านี่มันเรื่องอะไร…” หยวนเชียนยกมือถือของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าเขาแดงเพราะความเผ็ด “ช่องการค้นหายอดนิยม TTC คว้าแชมป์ครั้งแรก SoftRoad กอดกันครั้งที่สอง ByePine กอดกันครั้งที่แปด หยวนเชียนไม่มีคนกอดครั้งที่เก้า…นี่แม่ง…”
เสี่ยวไป๋จับจุดสำคัญได้อย่างแม่นยำ “ทำไมลำดับของผมกับ Pine อยู่ด้านล่างพวกพี่ชาย!”
ลู่ป๋อหยวนมองไปยังพี่ติง “ทีมของพวกเราเหมาการค้นหายอดนิยมของเวยป๋อรายปี?”
พี่ติงพูดในใจว่า ต่อให้ฉันจ่ายเงินจริงก็ไม่มีทางให้เพื่อนร่วมทีมสี่คนของตัวเองขึ้นไปขายความวายในการค้นหายอดนิยม
“นี่ก็คือความนิยมของ LPL ในตอนนี้” พี่ติงดื่มเหล้าขาวหนึ่งอึก เริ่มเมาเล็กน้อยแล้ว “ดังนั้นพวกนายลองดู…ลองดูรอยย่นที่หางตาฉัน…มีจิตสำนึกหน่อยเถอะ อย่าก่อเรื่องให้ฉันไม่เว้นวัน”
คำสั่งห้ามดื่มแอลกอฮอล์ถูกยกเลิกชั่วคราว บรรยากาศในคืนนี้ดีเหลือเกิน แม้แต่เจี่ยนหรงก็อดไม่ได้ที่จะดื่มสองแก้ว
ลู่ป๋อหยวนกำลังคิดจะบอกให้เขาดื่มน้อยลงหน่อย เสี่ยวไป๋ก็ชิงพูดตัดหน้าเขาซะก่อน “นายเลิกดื่มได้แล้ว คราวก่อนดื่มจนเป็นยังไงไม่รู้เหรอ วันนี้นายคว้าแชมป์การแข่งขันฤดูใบไม้ผลิ เกิดบ้าๆ บอๆ จนถูกแบกออกไปเหมือนคราวก่อนจะทุเรศแค่ไหน”
วิธีการชวนดื่มแบบเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ ลู่ป๋อหยวนนับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
หลังการเลี้ยงฉลองจบลงถึงเจี่ยนหรงไม่ได้เมาแต่ก็ไม่แตกต่างกันนัก แม้กระทั่งก้าวเดินก็โซซัดโซเซ หรี่ตาเอาไว้มองเห็นคนไม่ชัด แต่เสี่ยวไป๋หนักกว่าเล็กน้อย สภาพของเขาในตอนนี้เหมือนขณะคว้าแชมป์หมาดๆ เพราะตั้งแต่ออกจากร้านอาหารจนถึงโรงแรมล้วนกอดลำคอของ Pine ไม่ยอมปล่อยเลย
แค่กอดคอยังพอว่า แต่นี่ปากของเขาก็ยังพูดไม่หยุดอีกด้วย “ฉันฝึกดื่มเบียร์ตั้งแต่อายุสิบห้า ฉันคอแข็งโป๊ก…ฉันเคยกลัวใครที่ไหน! คราวก่อนใครกันแน่! ดื่มเหล้าขาวสองแก้วก็อ้างไปฉี่แล้ว แน่จริงก็ชนอีกสองแก้วสิ…”
เจี่ยนหรงพิงอยู่บนร่างลู่ป๋อหยวน หรี่ตาพูดว่า “มาสิ”
จากนั้นเสี่ยวไป๋ยังตามไปถึงห้องของพวกเขาจริงๆ
เขาเมาไม่ได้สติแล้ว ออกท่าออกทางเกินปกติ Pine กลัวทำเขาบาดเจ็บจึงได้แต่พยุงอยู่ด้านหลัง
ประตูห้องนอนทั้งสองห้องเปิดอยู่ เสี่ยวไป๋เดินไปยังห้องสะอาดสะอ้านตามสัญชาตญาณ หลังนอนบนเตียงจึงรู้สึกแปลกๆ ตะโกนไปด้านนอกว่า “ห้องนี้…เอิ๊ก ใครอยู่เหรอ ทำไมไม่มีกระเป๋าเดินทาง ไม่มีเสื้อผ้า…เตียงก็ไม่เคยแตะต้อง…”
ลู่ป๋อหยวนไม่ได้สนใจเขา เพียงพยุงเอวของเจี่ยนหรงเอาไว้และพูดกับ Pine ที่ตามเข้ามาว่า “รอเขาหลับแล้วค่อยพากลับไป”
Pine มองดูกระเป๋าเดินทางสองใบที่พื้นห้องนอนฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่ง ไม่กี่วินาทีให้หลังจึงรั้งสายตากลับมา “อืม เขาเมาแล้วหลับเร็วมาก ผมจะรอเขาที่นี่”
เดิมทีเจี่ยนหรงนอนไม่พออยู่แล้ว ยิ่งดื่มแอลกอฮอล์ก็รู้สึกปวดหัวแทบระเบิด หลังถูกลู่ป๋อหยวนวางลงบนเตียงจึงหลับตาลง
ลู่ป๋อหยวนช่วยเขาถอดถุงเท้าออก ก่อนหันกายไปซักผ้าขนหนูที่ห้องน้ำ
เจี่ยนหรงหลับไปเงียบๆ ลู่ป๋อหยวนก้มตัวลง ยกมือเสยผมตรงหน้าผากของเขาไปด้านหลังทั้งหมด ใช้ผ้าขนหนูช่วยเช็ดหน้าให้เขา ผิวของเจี่ยนหรงแดงง่าย ขณะลู่ป๋อหยวนเช็ดจึงตัดใจออกแรงไม่ลง
ขณะที่เช็ดไปถึงคาง เจี่ยนหรงก็พลันลืมตาขึ้น
นัยน์ตาของเจี่ยนหรงเป็นประกายมาก เขาเหมือนดื่มจนมึนเล็กน้อยแล้ว สบตาอยู่กับลู่ป๋อหยวนสองวินาทีค่อยจำได้ว่าเบื้องหน้าคือใคร
สายตาของเจี่ยนหรงตกตะลึงอยู่บ้าง ลู่ป๋อหยวนสบตากับเขาด้วยความตลกครู่หนึ่ง นิ้วมือแตะคางของเขา “เงยหน้า เช็ดคอหน่อย…”
เขายังไม่ทันพูดจบเจี่ยนหรงก็ยกมือขึ้นมากอดลำคอของลู่ป๋อหยวนเอาไว้ ออกแรงเล็กน้อยดึงเขาลงมา
ลู่ป๋อหยวนนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงไป
เขาก้มตัวเอาไว้ มือข้างหนึ่งวางอยู่ข้างหมอนเจี่ยนหรง จูบกับเขาอย่างเงียบงันและเร่าร้อน
ตอนแรกเจี่ยนหรงเป็นฝ่ายรุกแต่เวลานี้เขารู้สึกมึนอยู่บ้าง หลังจับคนลงมาจูบแล้วกลับเฉื่อยชาลงมาก หลับตายอมให้ลู่ป๋อหยวนเป็นฝ่ายกระทำ
เจี่ยนหรงถูกจูบจนหูแดง ลู่ป๋อหยวนโยนผ้าขนหนูไปบนพรม มืออีกข้างจับข้างลำคอของเขาอย่างเบามือ นิ้วโป้งกดลงบนลูกกระเดือกของเจี่ยนหรงแล้วนวดเบาๆ สองทีเป็นบางครั้ง บอกเป็นนัยให้เขาปรับลมหายใจ
ด้านหลังถ่ายทอดเสียงแอ๊ดมาโดยไม่ทันตั้งตัวเพราะประตูถูกคนที่ด้านนอกเปิดออก
ลู่ป๋อหยวนถอยออกมาทันที
ผ่านไปประมาณสองวินาทีเขาจึงลุกขึ้นอย่างสงบนิ่ง ยื่นมือช่วยเช็ดริมฝีปากให้เจี่ยนหรงที่หลับตาไปแล้ว จากนั้นหันหน้ามองไปนอกประตู
เสี่ยวไป๋ที่คิดมาต่อสู้กับเจี่ยนหรงอีกสามร้อยเพลงรบด้วยความเมามายยังยืนโง่อยู่ที่เดิม อ้าปากเตรียมพูดครึ่งค่อนวันแต่ก็ไม่ได้ผายลมออกมา เขาจับ Pine ที่พยุงตนเองไว้แน่น มองดูลู่ป๋อหยวนก่อน แล้วค่อยมองเจี่ยนหรงที่ถูกจูบจนหลับไป
เมื่อได้มาเห็นฉากนี้ต่อให้ดื่มเหล้าขาวสิบจินก็ควรสร่างได้แล้ว
ดื่มเหล้าแล้วขวัญกล้า เสี่ยวไป๋มึนงงเนิ่นนาน สักพักถึงเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักราวกับลิ้นคับปาก “พี่ชาย…พี่…เขา…พวกพี่…พี่กับเจี่ยนหรงจูบปากกันเหรอ”
ลู่ป๋อหยวนพูดว่า “อืม”
เสี่ยวไป๋ “…”