ทดลองอ่าน Nights ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 3 บทที่ 29 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Nights ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 3 บทที่ 29 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Nights ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 3

ผู้เขียน : 木苏里 (Mu Su Li)

แปลโดย : Luna

ผลงานเรื่อง : 黑天 (Hei Tian)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การฆ่าตัวตาย การก่อการร้าย

ประสบการณ์เฉียดตาย บาดแผลทางใจในวัยเด็ก

มีการกล่าวถึงอาการบาดเจ็บเรื้อรังและอาการป่วยทางจิต

 ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 29 มิตรภาพยามวิกฤต

 

หมดเวลา

ชั่วขณะนั้นคลื่นสัญญาณสื่อสารทั้งหมดระหว่างยานรบอวกาศของกองทัพอินทรีขาวกับกองทัพนครซิลเวอร์ถูกตัดจนขาดสะบั้น แผนที่ยุทธศาสตร์ดวงดาวที่ทั้งสองฝ่ายใช้ร่วมกันจอดับวูบทันที จากนั้นก็มีข้อมูลไวรัสวิ่งออกมา เพียงครู่เดียวก็กระจายทั่วไป

ศูนย์บัญชาการของกองทัพนครซิลเวอร์รู้ตัวเร็วจึงทำการกักไวรัสรอบด้านไว้ทันที แต่ถึงอย่างนั้นข้อมูลมหาศาลของศูนย์บัญชาการก็เสียหายในระดับหนึ่ง

เวลาซ่อมแซมตัวเองในหนึ่งนาที

เวลาหนึ่งนาทีนั้นแสนสั้น แต่มากพอที่จะทำอะไรได้มากมาย

อย่างเช่นจับตัวพลเอกคนหนึ่งที่ซ่อนกายบงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง

อย่างเช่นบังคับเปิดประตูยานครึ่งหนึ่งของยานอินทรีขาว

อย่างเช่นนำยานรบนับหมื่นลำเร้นหายไปกับทะเลดาว…

บนยานบัญชาการที่ผ่านการดัดแปลงในบรรดายานรบเหล่านั้น เฮ่อซิวเหวินกับจอยส์ขนาบข้างพลเอกเมอร์ตันพร้อมจ่ออีกฝ่ายด้วยปืนใหญ่มือพิฆาตขนาดเล็ก ขอเพียงเหนี่ยวไกเบาๆ พลเอกเมอร์ตันก็จะหายไปกับกลุ่มควันที่ก่อตัวจากระเบิดพิฆาต ไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก

เฮ่อซิวเหวินผลักพลเอกเมอร์ตันให้จอยส์ ปล่อยให้เขามัดตัวอีกฝ่าย ส่วนตัวเองก็กดปุ่มหนึ่งบนเครื่องสื่อสารภายในยาน ช่องสัญญาณสื่อสารดังติ๊ดเสียงหนึ่งบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกดรับแล้ว

เฮ่อซิวเหวินมองจุดสีเขียวเล็กๆ นั้น เขายกนิ้วขึ้นแตะที่ปลายคิ้ว ทำความเคารพผ่านทะเลดาวอันไกลโพ้น

“รายงานตัว พลโทเฮ่อซิวเหวินผู้ปลอมตัวเป็นคนร้ายมาหลายสิบปี พร้อมนักรบผู้ซื่อสัตย์อีกจำนวนหนึ่งพันสามร้อยแปดสิบสองคนกลับทัพครับ!”

จอยส์ที่มีแผลเป็นเก่ารอยหนึ่งบริเวณหางตาทำการ ‘เชิญ’ พลเอกเมอร์ตันเข้าห้องกักตัวชั่วคราว จากนั้นเขาก็สาวเท้าไปทางห้องนักบินพลางยกมือขึ้นแตะที่ปลายคิ้วทีหนึ่ง

“รายงานตัว พลโทจอยส์ที่ปลอมตัวเป็นคู่อริกับเหล่าเฮ่อมาหลายสิบปี พร้อมยานรบหกหมื่นเก้าพันกว่าลำกลับทัพครับ!”

อีกด้านของช่องสัญญาณสื่อสาร พลทหารทุกนายในยานอวกาศขนาดกลางถูกเกณฑ์ไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของเมลลาร์ดที่เป็นผู้นำสูงสุดเพียงคนเดียวบนยานอย่างไม่ต้องสงสัย หลังผ่านการวาร์ปฉุกเฉินสองครั้ง นำยานอวกาศขนาดกลางไปจอดบนเศษเสี้ยวดาวเคราะห์ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานบัญชาการกองทัพอินทรีขาว

ตอนที่เฮ่อซิวเหวินกับจอยส์ติดต่อมา เมลลาร์ดกำลังใช้สิทธิ์การเข้าถึงที่ยังไม่ถูกปิดกั้นเพื่อปรับเปลี่ยนยุทโธปกรณ์ให้กับเหล่านักรบบนยานอวกาศที่ยอมสวามิภักดิ์

เขาเองก็ยกมือขึ้นแตะปลายคิ้วทีหนึ่งแล้วตอบเสียงทุ้ม “ลำบากแล้ว เมลลาร์ดที่ถูกจำกัดอำนาจทางการทหารมาหลายสิบปี พร้อมนักรบอีกห้าร้อยสิบเจ็ดคนและยานรบกำลังสูงหนึ่งหมื่นลำ ไปรวมตัวกับพวกคุณ!”

ในเวลาเดียวกันฉู่ซือเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตภายในกองทัพ พูดผ่านช่องสัญญาณสื่อสารสาธารณะของพวกเมลลาร์ด

“ฉู่ซือ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการกองอำนวยการความมั่นคง พร้อมเจ้าหน้าที่กองอำนวยการความมั่นคงทั้งหมดและยานรบหนึ่งแสนลำ พร้อมเป็นทัพหนุนเต็มกำลังครับ!”

วึ้ง

ในพื้นที่ใต้ดินของปราการบาร์นี อุปกรณ์ขนาดใหญ่ทำงานอย่างเป็นทางการภายใต้คำสั่ง S001 ใหม่ทั้งหมด เสียงดังกระหึ่มคล้ายมีลมทะเลหวีดหวิวพัดผ่านพื้นที่ปิดแห่งนี้

ไอน้ำแข็งลอยขึ้นในแคปซูลเดี่ยวนับร้อยเครื่อง พริบตาเดียวทุกคนก็จมอยู่ในนั้น

เซ่าตุนนั่งอยู่ในแคปซูลนิรภัยที่ปิดล็อกรอบด้าน สายตาจดจ้องจอแสดงผลข้อมูลของอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีการมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์

ใต้หน้าจอเป็นแถบโพรเกรสบาร์ยาวๆ แต่ละแถบกำลังค่อยๆ มีสีขึ้นทีละนิด…

กระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นแล้วหนึ่งเปอร์เซ็นต์

 

ต่อให้กองทัพช่วงชิงโอกาสหนึ่งนาทีมาได้ แต่นครซิลเวอร์ยังคงตั้งตัวรับมือได้อย่างฉับไว

กองทัพทั้งหมดที่ล้อมอยู่นอกเส้นระวังภัยก็ออกจากโหมดเฝ้ารอแล้วเข้าสู่โหมดสงครามทันทีราวกับสัตว์ร้ายที่แสยะคมเขี้ยวออกมากะทันหัน

ยานรบหนึ่งแสนกว่าลำจากองค์กรที่ต่างกันเปิดศึกในเวลาเดียวกัน สามเขตยุทธศาสตร์ใหญ่เคลื่อนไหวเชื่อมโยงกัน ก่อร่างเป็นกำแพงเพลิงยาวเหยียดที่เจิดจ้าที่สุด ปกป้องเศษเสี้ยวดาวเคราะห์เรือนหมื่นไว้ในเขตช่วยเหลือ

พวกเขาประจันหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าเป็นเท่าตัว หลังชนกับมาตุภูมิที่แตกเป็นเศษเสี้ยว กล้าหาญไม่กลัวตาย

นั่นน่าจะเป็นภาพเหตุการณ์ที่ตระการตาที่สุดในทะเลดาวในรอบศตวรรษ

สิบสามนาที สิบเก้าวินาที

กระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นแล้วสิบหกเปอร์เซ็นต์

กำแพงเพลิงจากยานรบนับแสนลำแข็งแกร่งดุจหินผา ในช่วงระยะเวลานี้ไม่ยอมปล่อยให้นครซิลเวอร์เดินหน้าแม้แต่นิดเดียว

ขณะเดียวกันซ่าเอ้อ หยางที่เร่งกลับจากเขตแดนปราการบาร์นีพร้อมซิงก์การควบคุมยานบินหงส์ดำกองกำลังใหญ่ที่มีจำนวนน่าตะลึงเข้าสู่สนามรบด้วย เขาหัวเราะใส่ช่องสัญญาณสื่อสารสาธารณะ

“หัวหน้า ขยับที่ให้ฉันหน่อย”

ฉู่ซือได้ยินเสียงของอีกฝ่ายแล้วก็เบาใจอย่างน่าประหลาด “ได้”

“เชี่ย!!! เขาคนเดียวควบคุมยานบินพร้อมกันได้ทีเดียวหนึ่งร้อยลำ!!!” เซ่าเหิงแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง

ซ่าเอ้อยิ้มเยาะ “มาอีกร้อยลำก็ไหว”

มาตรฐานของคนทั่วไปเอามาเป็นข้อเปรียบเทียบและเงื่อนไขกับคนคนนี้ไม่ได้เลย

เขาใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเด่นของยานบินหงส์ดำอย่างเต็มที่ วาร์ปได้เร็ว บินลัดเลาะก็เร็ว ก่อนเข้าไปรวมกับกองกำลังใหญ่ก็บินวนรอบสามเขตสงครามใหญ่ ABC รอบหนึ่งราวกับวิญญาณประหลาด พร้อมยิงปืนยิงรังสีปฏิสสารสำหรับอวกาศกับระเบิดบีบมิติไปตลอดทาง

ทัพใหญ่ของนครซิลเวอร์ที่ประชิดเข้าไปใกล้เขตช่วยเหลือรอบด้านต้องเสียกำลังรบไปขบวนหนึ่งให้กับหน่วยจู่โจมนอกความคาดหมายที่โผล่มาโดยไม่สนใจการบัญชาการของเขา

หากมีมุมกล้องถ่ายจากมุมสูงในอวกาศก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทัพใหญ่ดำทะมึนที่อยู่วงนอกถอยร่นไปวงหนึ่งราวกับคลื่นที่ไหลกลับมหาสมุทร

จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามปรับตัวกับลูกไม้ลัดเลาะเหมือนฝนดาวตกของเขาแล้ว ซ่าเอ้อจึงนำยานบินหงส์ดำกลับเข้าสู่เขตสงครามของฉู่ซือ

“ทำไมถึงไปเขต A ล่ะวะ! ทางผมก็ขาดกำลังอาวุธมากเลยเหอะ!” เซ่าเหิงตวาด

“อย่ารายงานข่าวกรองมั่วซั่ว ฉันดูอัตรากำลังอาวุธทางฝั่งนายอยู่” ฉู่ซือเปิดโปงเขาอย่างเย็นชา

สิบแปดนาที ยี่สิบสองวินาที

กระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นแล้วสามสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์

กองกำลังหลักจู่โจมของนครซิลเวอร์มาถึงสนามรบแล้ว คำนวณคร่าวๆ จำนวนน่าจะระดับหลักล้าน

กำลังพลที่มากกว่าเป็นสิบเท่ากดดันจนน่าปวดหัว ฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีจะเปิดทางด้วยชีวิตคนโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ในเวลาเดียวกับที่พวกเขาโอบล้อมโจมตีก็เคลื่อนกำลังพลที่เหลือไปยังจุดเดียวกันทั้งหมด ราวกับเข็มเหล็กที่ยื่นออกมาภายใต้การตีวงล้อมและเริ่มการทะลวง

“รายงาน หน่วย B-13 กำลังจะถูก…”

สมาชิกหน่วยที่ส่งรายงานมายังพูดไม่จบเสียงยานบินระเบิดดังสนั่นกึกก้องจากฝั่งนั้นก็ดังเข้ามาทางช่องสัญญาณสื่อสารสาธารณะ เสียงพูดชะงักกึกกลายเป็นเสียงเครื่องจักรแจ้งเตือนที่สายหลุดกะทันหัน เตือนสติทุกคนอย่างเย็นเยียบว่ากำแพงเพลิงอาจจะยันไว้ไม่อยู่แล้ว

เนื่องจากการควบคุมยานบินคนเดียวห้าสิบลำผ่านการซิงโครไนซ์ เมื่อไหร่ที่คนขับจริงๆ ถูกโจมตี ยานบินลำอื่นก็จะหลุดจากการซิงก์และถูกปล่อยทิ้งไป

แผนที่ยุทธศาสตร์ดวงดาวจะเห็นภาพได้ชัดเจนที่สุด เมื่อไหร่ที่จุดกลมจุดหนึ่งดับไปก็จะพลอยทำให้จุดกลมอีกหลายสิบจุดที่ตามหลังดับวูบไปด้วย

การดับมืดนี้ให้ความรู้สึกเหมือนโดมิโนล้ม ด้วยเหตุนี้สถานการณ์คุมเชิงที่ดำเนินอยู่สิบกว่านาทีก็ถูกทำลายลง การป้องกันด้วยอาวุธสมรรถนะสูงถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทะลวงจนเกิดช่องโหว่

ฉู่ซือเห็นเขตสงครามที่มืดไปทั้งผืนกะทันหันแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

บอกตามตรงว่าแม้ฝั่งพวกเขาจะเป็นกองทัพใหญ่ที่มียานบินแสนกว่าลำ แต่ความเป็นจริงแล้วก็แค่ห่มหนังเสือเท่านั้น กำลังพลที่รบจริงมีเพียงไม่กี่พันคน แรกเริ่มฝ่ายศัตรูอาจจะเสียขวัญ แต่ภาพเหตุการณ์ที่ยานบินร่วงตกเป็นขบวน ไม่นานฝ่ายตรงข้ามก็จะเห็นพิรุธ

ขณะที่เขากำลังพะวงเรื่องนี้จุดกลมที่ดับไปผืนหนึ่งในตอนแรกก็สว่างขึ้นหลังผ่านไปสองนาที

“ยานรบ C182 สี่ร้อยหกสิบสองลำกลับเข้าสู่แผนที่ยุทธศาสตร์ดวงดาว” เสียงอิเล็กทรอนิกส์ของระบบยุทธวิธีดังขึ้นผ่านช่องสัญญาณสื่อสารสาธารณะโดยไม่มีเค้าลางใดๆ

ฉู่ซือชะงัก จากนั้นก็ได้ยินเซ่าเหิงที่ถูกจัดสรรไปดูแลเขต B ตื่นเต้นจนแทบผูกคอ

“เชี่ย คุณหยางจัดได้สวย!!!”

ฉู่ซือได้ยินแล้วก็ตัดภาพไปที่เขต B ทันที พอเรียกภาพวิดีโอการสู้รบเมื่อครู่ออกมาดูก็เห็นซ่าเอ้อนำทัพยานบินหงส์ดำกองกำลังใหญ่วาร์ปจากเขต A เข้าเขต B อย่างเงียบเชียบอีกครั้ง จากนั้นยานบินหงส์ดำหนึ่งร้อยลำที่ซ่าเอ้อบังคับแต่ละลำก็ทำการซิงก์ยานบินที่ไร้พลขับเหล่านั้นเป็นครั้งที่สอง

สี่ร้อยหกสิบสองลำ!

บวกกับยานบินหงส์ดำหนึ่งร้อยลำที่มีอยู่ ซ่าเอ้อ หยางคนเดียวบังคับยานรบเกือบหกร้อยลำพร้อมกัน!

หากจะบอกว่าไม่น่าประหลาดก็เป็นเรื่องโกหก แต่ฉู่ซือไม่มีทางตะโกนโหวกเหวกใส่ช่องสัญญาณสื่อสารสาธารณะเหมือนอย่างเซ่าเหิงแน่นอน เขาติดต่อเข้าช่องสัญญาณสื่อสารหนึ่งต่อหนึ่งในห้องนักบินของซ่าเอ้อ หยาง

“นายมักทำให้ฉันตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไรได้เสมอ”

ซ่าเอ้อก็ตัดสายเข้าช่องสัญญาณสื่อสารส่วนตัวแล้วเปิดจอโฮโลแกรม เขาหรี่ตาพลางลากเสียงพูดอย่างเฉื่อยเนือย

“ไม่ต้องพูดอะไรหัวหน้า เก็บไว้ถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ หลังจบศึกนี้ก็พอ…ตรงนี้…” เขายิ้มพลางแตะที่ริมฝีปากตัวเอง “ถ่ายทอดให้เต็มที่เลย”

ฉู่ซือ “…”

ยี่สิบห้านาที สี่สิบหกวินาที

กระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นแล้วสี่สิบสามเปอร์เซ็นต์

สถานการณ์ของกองทัพไตรภาคีกลับไม่สู้ดีนัก การป้องกันที่โอบล้อมเป็นวงถูกทะลวงทีละชั้น ยานบินนับไม่ถ้วนสลายเป็นดอกไม้ไฟที่ขาวจนแสบตาท่ามกลางทะเลดาว กองทัพที่เป็นรูปขบวนปลายมีดบาดเจ็บล้มตายกันมากที่สุด

พลเอกเมลลาร์ดไม่ได้ให้อภิสิทธิ์ใดๆ กับตัวเอง เขาบังคับยานรบประจัญบานพลังสูงยี่สิบลำต้านอยู่แนวหน้าอย่างห้าวหาญ

ในเวลาเดียวกันกระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นไปแล้วเกือบครึ่ง ผลสะท้อนชั่วคราวที่เจี่ยงชีบอกว่าอาจเกิดขึ้นได้ก็แสดงผลในที่สุด ฉับพลันนั้นเขตแดนปราการบาร์นีก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างหนัก ความถี่ของแรงสั่นส่งผลกระทบกับสนามพลังงานของเสามังกรศูนย์กลาง ราวกับมีลูกบอลพลังงานนับไม่ถ้วนพุ่งชนกันอย่างบ้าคลั่ง ลัดเลาะไปมาจนทำให้เวลาของปราการบาร์นีเกิดความยุ่งเหยิง

ภายในพื้นที่อิสระใต้ดิน แคปซูลเดี่ยวแบบนั่งถูกเกาะพราวไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง มองเผินๆ คนที่นั่งอยู่ด้านในต่างถูกปิดกั้นอยู่นอกศึกสงคราม

มีเพียงเซ่าตุนที่จับตาดูข้อมูลชีววิทยาอยู่ตลอดเท่านั้นที่รู้ว่าคนในนั้นกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดแบบไหน…พวกเขาที่เป็นปัจจัยของผลกระทบจะรบกวนการทำงานของโปรแกรมฟอร์แมตและการฟื้นฟูลำดับเวลา กลับกัน การฟอร์แมตคืบหน้าไปก้าวหนึ่ง การปรับแก้ลำดับเวลาแต่ละครั้งล้วนแล้วแต่จะเกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับไปที่ตัวพวกเขา

เซ่าตุนจดจ้องหน้าจอ ยื่นมือไปปรับค่าตัวเลขที่หลุดออกไปให้กลับเข้าที่ เขานิ่งดุจหินผาท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนที่ชวนตะลึง เฝ้าปกป้องห้องรักษาเขตแดนแห่งนี้

อันที่จริงเขาไม่เข้าใจคนที่ต้องการดิ้นหลุดจากกาลเวลาอย่างบ้าคลั่งแบบพวกนั้นเลยสักนิด

ดูสิ เวลาช่างน่าอัศจรรย์ใจ หนุ่มสาวที่กระฉับกระเฉง หยอกล้อกันสนุกสนานในรูปจบการศึกษาเหล่านั้น ภายหลังก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง มีชีวิตที่ต่างกันสุดขั้ว…ในบรรดาพวกเขามีคนเคยแสร้งเป็นกลาง มีคนเคยสวมบทศัตรู มีคนรับใช้กองทัพ มีคนปฏิบัติหน้าที่ในรัฐบาลกลาง มีคนเคยเป็นวีรบุรุษ และมีคนเคยถูกขีดให้เป็นกบฏ มีคนที่มีชีวิตอยู่และมีคนที่เสียชีวิตไปแล้ว…

ปัจจุบันคนส่วนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในแคปซูลเดี่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากเขา ส่วนหนึ่งกำลังอยู่ในแนวรบต่อสู้กับนครซิลเวอร์ พวกเขาร่วมเป็นร่วมตายในสถานะที่แตกต่างกันไป

ทั้งหมดทั้งมวลเสมือนเป็นเวลาชั่วครู่แค่หลับตาและลืมตา แล้วเวลาเกือบศตวรรษก็ผ่านไปทั้งอย่างนี้

สมาคมนั้นของพวกเขาเดิมทีแค่ตั้งขึ้นเพราะนึกครึ้ม ไม่ได้ตั้งชื่อดีๆ เสียด้วยซ้ำ มีเพียงสโลแกนเชิงล้อเล่นที่ไม่มีความหมายแก่นแท้ว่า…มิตรภาพนิรันดร์กาล

สโลแกนที่บอกคุณสมบัติของสมาคมไม่ได้นี้ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะเย้ยกันเองอยู่นานพักใหญ่ คิดไม่ถึงว่าเมื่อนึกถึงอีกครั้งในวันนี้ของอีกหลายปีให้หลัง เซ่าตุนกลับหาสโลแกนที่เหมาะสมยิ่งกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ดูสิ กาลเวลาเป็นพยาน มิตรภาพนิรันดร์กาล

ทว่าสิ่งที่ไร้รูปและปราศจากราคาเหล่านี้ เมื่อมีคนเห็นเป็นสิ่งล้ำค่า ย่อมมีคนไม่แยแสให้คุณค่า

เฮ่อซิวเหวินกับจอยส์มีกำลังคนจำกัด ทันแค่จับตัวเมอร์ตันที่เป็นหนึ่งในพลเอกสองคนเท่านั้น ส่วนพลเอกอีกคนยังคงควบคุมยานอินทรีขาวของกองทัพ บนแผนที่ยุทธศาสตร์ดวงดาว ภายใต้การบัญชาการของเซียว ยานอินทรีขาวทำการเปลี่ยนขบวน หันอาวุธมาทางพวกฉู่ซือ ไม่สนใจความเป็นความตายของเมอร์ตันที่เป็นเพื่อนร่วมงานเก่าแก่มาหลายสิบปี จุดยิงหลายพันจุดทั่วยานอวกาศถูกเปิดออกทั้งหมด ก่อนเปิดศึกยิงใส่กองทัพต่อต้านที่เกิดจากอำนาจไตรภาคีอย่างไม่ลังเล

ข้ออ้างที่เขานำออกมาใช้คือไล่ล่ากบฏ ช่างเป็นมือดีในการผลักความชั่วให้คนอื่นจริงๆ

ความขัดแย้งในระดับนี้เรื่องบางอย่างต่อให้รู้อยู่เต็มอกก็พูดไม่ได้ แม้คนบนยานอินทรีขาวพอเห็นภาวะศึก ส่วนใหญ่ต่างก็มีข้อคาดเดาในใจกันแล้ว แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดพวกเขาก็ยังลังเลเอาแน่ไม่ได้กับทั้งสองฝ่าย

มนุษย์มักโน้มเอียงไปหาความสงบมั่นคงเสมอ ในเวลาที่สองจิตสองใจคนส่วนมากมักเลือกที่จะอยู่กับสถานะปัจจุบัน คิดในใจว่าเดี๋ยวดูก่อนละกัน ค่อยๆ พิจารณาอีกที

เวลาเช่นนี้ขอเพียงเบื้องบนที่มีอำนาจการตัดสินใจกล่าวว่า ‘เรายังคงเป็นฝ่ายคุณธรรม’ อย่างนั้นคนที่ชินกับสถานะปัจจุบันก็จะไม่เกิดภาวะการแปรพักตร์ขนานใหญ่ เพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็มีคณะผู้มีอำนาจตัดสินใจเป็นผู้รับผิดชอบ

เซียวก็เป็นเช่นนี้ เขาใช้ประโยชน์จากแนวคิดนี้วางท่าเป็นฝ่ายคุณธรรมผู้เด็ดขาดดุดันต่อไปบนยานอินทรีขาวพลางส่งข่าวสารให้ทางนครซิลเวอร์ผ่านช่องทางเข้ารหัสไปด้วย

นครซิลเวอร์ที่กำจัดไวรัสแล้วตรวจพบความผิดปกติในการทดลองเรื่องเวลาได้อย่างรวดเร็ว เดิมทีการโจมตีของพวกเขาเป็นการกดดันและกำราบเท่านั้น ฉะนั้นจึงล้อมเป็นวงเหมือนต้องการต้อนให้อีกฝ่ายหมดทางหนีทีไล่ ทว่าตั้งแต่เซียวส่งข่าวไปสำเร็จแล้ว ทางนั้นก็วิเคราะห์ต้นสายปลายเหตุโดยรวมได้จากข้อมูลนั้น

พริบตาเดียวกองกำลังใหญ่ของนครซิลเวอร์ที่อยู่ในภาวะคับขันก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่

“ไหงกำลังรบเริ่มไปรวมพลกันที่เขตรบ A-18 แล้วล่ะ!” เสียงของเซ่าเหิงดังเข้ามาในช่องสัญญาณสื่อสารบัญชาการพร้อมกับเสียงระเบิดโจมตีอย่างไม่ขาดสาย

นับตั้งแต่นครซิลเวอร์ไล่ต้อนเข้ามาถึงเส้นระวังภัยส่วนในของเขตช่วยเหลือทีละก้าว เสียงของเขาก็ไม่เบาลงอีกเลย ทุกคำสั่งการล้วนเป็นเสียงตะโกน เมื่อทำติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เสียงก็แหบแห้ง

ทางฉู่ซือเองก็ปรับตำแหน่งทีมเล็กแต่ละทีมอย่างรวดเร็ว กัดฟันต้านไม่ให้ฝ่ายศัตรูทะลวงเขตรบ A-18 ได้ แต่กำลังพลระดับหลักล้านของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาต้องง่วนกับการบัญชาการโยกย้ายกำลังพล ในเวลาเดียวกันยังต้องควบคุมการป้องกันกับการโจมตีของยานบินที่ตัวเองบังคับด้วย

เขาล่อทัพเบิกทางทีมหนึ่งของอีกฝ่ายที่อยู่ในตำแหน่งคมดาบให้เข้ามาภายในเส้นระวังภัย แล้วจงใจปล่อยคันบังคับให้ยานบินทั้งหมดเหมือนเสียการควบคุมจนร่วงตก

ทัพเบิกทางทีมนั้นเห็นภาพเหตุการณ์นั้นแล้วคงคิดว่ากองกำลังกีดขวางสุดท้ายก็เสียผู้ควบคุมไปแล้ว จึงรู้สึกว่าหมดภัยคุกคามทันที แล้วคิดจะเข้าเขตช่วยเหลืออย่างอาจหาญ

ฉู่ซือมองจังหวะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาอย่างแม่นยำ ก่อนใช้ความรวดเร็วกางเกราะวาร์ปพร้อมกัน

เมื่อไหร่ที่เริ่มการวาร์ปก็จะกลับลำกลางคันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเมื่อหัวไปแล้วแต่หางยังอยู่ที่เดิม ผลสรุปจะเป็นอย่างไรย่อมคาดเดาได้…นั่นคือจะถูกกระบวนการวาร์ปตัดครึ่งโดยตรง

แสงสีฟ้าสดใสเรืองรองก่อเป็นรูปทรงตาข่ายผืนหนึ่งท่ามกลางยานบินห้าสิบลำ ทัพเบิกทางหยุดไม่ทัน จึงพุ่งชนเข้าไปในเกราะวาร์ป ถูกบังคับให้วาร์ปพร้อมกันไปด้วย วินาทีที่กระบวนการวาร์ปทำงานฉู่ซือก็ตัดโปรแกรมวาร์ปของยานบินอีกสี่สิบเก้าลำที่ไร้พลขับกลางทาง จากนั้นก็ตัดการบังคับแบบซิงโครไนซ์ทันที

ยานลำนี้ของเขานับเวลาเสร็จสิ้นแล้ววาร์ปได้อย่างราบรื่น ส่วนยานบินสี่สิบเก้าลำที่ถูกสะบั้นนั้นลากทัพเบิกทางของฝ่ายศัตรูซึ่งถูกรวบเข้าไปให้ถูกบดขยี้ด้วยกันในอวกาศ

ทันใดนั้นวินาทีที่ยานบินฝ่ายศัตรูเกือบสามพันลำถูกบดขยี้จนระเบิดพร้อมกัน คลื่นกับแรงกระแทกสสารในจักรวาลก็พัดยานบินที่ตามหลังพวกเขามาติดๆ ให้กระเด็นออกไป

เมื่อมองจากมุมสูงก็เหมือนมีระลอกคลื่นลูกหนึ่งผลักกองกำลังใหญ่ของนครซิลเวอร์ที่ตามมาเตรียมฝ่าทะลวงให้กลับออกไป

“เชี่ย! ทำไมคุณถึงไปที่เขตดาวเบต้าคนเดียว!!!” เซ่าเหิงตะลึงอึ้ง

“วาร์ปเชิงยุทธศาสตร์” ฉู่ซือตอบอย่างใจเย็น

พูดจบเขาก็ตัดเข้าช่องสัญญาณสื่อสารสาธารณะทันที ด้านหนึ่งเปิดการวาร์ปกลับไป ด้านหนึ่งบัญชาการกองกำลังย่อยที่เหลือให้อุดช่องว่างที่เกือบแตกพ่ายนั้นอีกครั้ง

สามสิบหกนาที สิบวินาที

กระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นแล้วหกสิบสามเปอร์เซ็นต์

แถบโพรเกรสบาร์ที่เกินครึ่งนั้นชวนให้คนตื่นเต้น เซ่าเหิงตะโกนใส่ช่องสัญญาณสื่อสารสาธารณะอย่างฮึกเหิม

“ใกล้แล้ว! พวกเราต้องตรึงไว้แค่ห้าสิบแปดนาที…! ตอนนี้สามสิบหกนาทีแล้ว!!! เหลืออีกแค่ยี่สิบสองนาที!! ยี่สิบสองนาทีเท่านั้น! กะพริบตาทีเดียวก็ผ่านไปแล้ว!”

เสียงของเฮ่อซิวเหวินดังมาติดๆ “ตั้งหลายปีที่แม่งอดทนอดกลั้นมา ทำไมจะยันไอ้ยี่สิบสองนาทีนี้ไว้ไม่ได้”

จากนั้นก็เป็นเสียงของฉู่ซือ “นครซิลเวอร์น่าจะวิเคราะห์ได้แล้วว่าต้นตออยู่ที่ปราการบาร์นี ตอนนี้กำลังรบทั้งหมดรวมอยู่ที่เขตรบ A-18 ห่างจากเขตแดนปราการบาร์นีไม่ไกลแล้ว”

“ซ้ำเติมกันได้เจ๋งมาก!” เซ่าเหิงพักหายใจเฮือกหนึ่ง เสียงแหบแห้งเหลือเกิน “ผมเพิ่งจะเติมกำลังใจให้พองโตไปแหม็บๆ คุณก็มาเจาะลมกันเลยเหรอหัวหน้า”

เสียงของเมลลาร์ดสุขุมเคร่งขรึมเหมือนกับเจ้าตัว “เข้าใกล้แล้วก็ยังถ่วงเวลาได้ครู่หนึ่ง ยังไงพวกเขาก็หาช่องทางโค้งกาลอวกาศไม่เจอหรอก กว่าจะรู้ตัวก็ต้องใช้เวลา”

“อืม แต่พวกเขาระเบิดเศษเสี้ยวดาวเคราะห์ไปเลย รู้ตัวใช้เวลายี่สิบนาที ระเบิดใช้เวลาแค่หนึ่งวินาที” ฉู่ซือพูดเข้าประเด็นในประโยคเดียว

ถึงเวลาปราการบาร์นีทั้งบนดินและใต้ดินก็จะมลายหายสูญ

“แต่นั่นเป็นทางเลือกสุดท้าย” เฮ่อซิวเหวินกล่าว “ฉันคลุกคลีกับพวกเขามาหลายสิบปี รู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี ถ้ารู้ว่าพวกเราสร้างช่องทางโค้งกาลอวกาศขึ้นมา หากไม่ได้เห็นสักหน่อยพวกเขาไม่มีทางทำลายง่ายๆ แน่ แต่เมื่อไหร่ที่ดูเสร็จแล้วจะทำลายขึ้นมาก็ไม่สนอะไรเลย จุดนี้พวกเขาบ้าบิ่นเอาเรื่องอยู่แล้ว”

สามสิบเก้านาที ห้าสิบเอ็ดวินาที

กองทัพนครซิลเวอร์อาศัยความได้เปรียบด้านจำนวนแหวกทางเขตรบ A-18 ออกจนได้

กองทัพที่นำทัพโดยเมลลาร์ดสูญเสียกำลังไปกว่าครึ่ง กำลังรบของทางรัฐบาลกลางเทียบกับอีกสองฝ่ายไม่ได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อัตราการบาดเจ็บล้มตายสูงถึงเจ็ดสิบสามเปอร์เซ็นต์ ทางฉู่ซือเองก็สถานการณ์ไม่ดีเช่นกัน ยานบินหนึ่งแสนลำเมื่อดูจุดแสงสว่างผ่านๆ แล้วยังคงตระการตา แต่ใช้การไม่ได้จริง…

เมื่อคลื่นการปรับสภาวะของเวลากระจายไปถึงพรมแดนของเขตช่วยเหลือ ซ่าเอ้อกำลังเก็บยานบินที่ไร้คนบังคับกลับมาซึ่งไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว รู้แค่ว่าเขาซิงก์การขับยานบินหงส์ดำที่ไร้พลขับเก้าสิบกว่าลำตามหลังลำที่บินนำลำนั้น ซึ่งด้านหลังยานบินหงส์ดำเก้าสิบกว่าลำนั้นก็มียานบินไร้พลขับอีกจำนวนนับไม่ถ้วนพ่วงอยู่

เขาเหมือนต้นไม้ที่งอกเงยอย่างอาจหาญท่ามกลางทะเลดาวกว้างใหญ่ไพศาล แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมราวกับมวลเมฆา

ตอนแรกเซ่าเหิงยังอดถอนหายใจเพราะความตะลึงไม่ได้ ภายหลังนอกจากสูดลมหายใจลึกๆ แล้วก็หมดคำพูด เหมือนคนคนนี้มีความอดทนที่ไร้ขีดจำกัด

“ยัง…”

ขณะที่ฉู่ซือติดต่อกับซ่าเอ้อ หยาง ปืนแม่เหล็กไฟฟ้าวิถีไกลก็ยิงมาที่ยานบินของเขา ต่อให้เขาไหวตัวได้เร็ว หมุนคันบังคับทันที ยานบินเฉี่ยวผ่านขอบวิถีระเบิดที่ซับซ้อนวงหนึ่ง พลิ้วหลบการโจมตีได้อย่างมีชั้นเชิง ในเวลาเดียวกันยังเก็บยานบินหลายสิบลำที่กำลังร่วงตกได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นหางลมของปืนแม่เหล็กไฟฟ้าวิถีไกลก็ยังพัดกระหน่ำใส่ด้านหนึ่งของยานบิน จนยานบินพลิกหมุนไปหลายตลบ

แม้เก้าอี้นักบินจะมีอุปกรณ์นิรภัยช่วยล็อกนักบินให้มั่นคง แต่ท่ามกลางแรงสั่นโยกอย่างรุนแรงก็ทำให้ร่างกายไม่สบายอย่างหนักหน่วงเช่นกัน

ฉู่ซือเอามือยันแผงบังคับเพื่อทรงตัวก่อนจะพูดต่อจนจบประโยค “…ยังพ่วงได้อีกเท่าไหร่”

ขาดคำปืนแม่เหล็กไฟฟ้าวิถีไกลก็ถูกยิงมาอีกสามลูก ม่านตาของฉู่ซือหดลงทันที…แรงเฉื่อยจากยานบินพลิกตลบยังไม่หาย ต่อให้เขาควบคุมบังคับได้เทพแค่ไหนก็ไม่สามารถหลบสามลูกจากปืนแม่เหล็กไฟฟ้าวิถีไกลที่พุ่งขนาบเข้ามาได้

บึ้ม!

เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นในทะเลดาวกว้างใหญ่ ประกายแสงเจิดจ้าทะลุผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง ส่งผลให้ฉู่ซือหรี่ตาลง

เขาสัมผัสได้ว่าระบบนิรภัยฉุกเฉินของยานบินทำงานทันที กำลังจะห่อหุ้มตัวเขาพร้อมกับเก้าอี้นักบินแล้วเหวี่ยงออกนอกอวกาศ ขบวนทัพเรือนหมื่นสุดยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามาจากด้านข้างราวกับดาบยาว สกัดกั้นการยิงไว้นอกกองทัพจนได้

ในเวลาเดียวกันเสียงของซ่าเอ้อก็ดังมาจากช่องสัญญาณสื่อสาร “อาการหัวใจเต้นเร็วของฉันทั้งหมดในชีวิตนี้เกิดจากนายทั้งนั้น หัวหน้าที่รัก นายนี่ช่างสรรหาความตื่นเต้นให้ฉันจริงๆ”

“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉู่ซือคว้าโอกาสได้ เขาดึงคันบังคับเคลื่อนยานบินเข้าสู่เขตปลอดภัยทันที

“นายตั้งใจ อย่ามาแก้ตัว”

ยานบินกองกำลังใหญ่ของซ่าเอ้อ หยางพร้อมหางขบวนยาวเหยียดเกรียงไกร ผ่านไปนานพักใหญ่ก็ยังไม่เห็นท้ายขบวน ดูยิ่งใหญ่ตระการตา

“นายยังไม่ได้บอกว่านายยังพ่วงได้อีกเท่าไหร่” ฉู่ซือถามอีก

ซ่าเอ้อคลี่ยิ้ม “นายแบ่งเค้กรางวัลก้อนใหญ่หลังจบศึกให้ฉัน ฉันคนเดียวก็สร้างกองทัพอวกาศให้นายได้กองกำลังหนึ่งเลย”

กองทัพอวกาศจำนวนเริ่มต้นก็คือห้าหมื่น

“ได้”

สี่สิบห้านาที ยี่สิบสามวินาที

กระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นแล้วเจ็ดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์

จำนวนยานรบที่มีสัญลักษณ์ของกองกำลังรักษาความมั่นคงเหมือนจะเสถียรอยู่ที่จุดจุดหนึ่ง ไม่ว่าจะลดน้อยลงเท่าไหร่ จุดกลมที่ดับไปก็จะสว่างขึ้นอีกครั้งในเวลาสิบกว่าวินาทีให้หลัง

เสียงอิเล็กทรอนิกส์จากระบบการรบของทางซ่าเอ้อ หยางดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

“ยานรบ C12-11 ซิงก์เข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว!”

“ยานรบ C12-81 ซิงก์เข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว!”

“ยานรบ C12-192 ซิงก์เข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว!”

“ยานรบ C12-261 ซิงก์เข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว!”

เขาพูดคำไหนคำนั้น ยานรบไร้พลขับห้าหมื่นลำที่ฉู่ซือโยกฉุกเฉินออกมาจากยานอินทรีขาวถูกซ่าเอ้อดึงเข้าระบบการบังคับของเขา ก่อเป็นกำแพงเมืองพาดขวางอยู่ในเขตรบ A-18 ด้วยกำลังของเขาเพียงคนเดียว!

ทว่าสองนาทีต่อมานครซิลเวอร์อาศัยว่ามีกำลังพลเต็มพิกัด ขณะที่กองทัพใหญ่นับล้านกับกองทัพไตรภาคีคุมเชิงกันก็ลอบส่งกองทัพตบตากองกำลังหนึ่งชิดเข้าไปทางพรมแดนของเขตรบ C-03 แล้วเคลื่อนเข้าไป ยานรบที่พวกเขาใช้เป็นของกองทัพอินทรีขาว ติดสัญลักษณ์ที่เอาไว้ตบตา แอบเข้าไปในเขตช่วยเหลืออย่างแนบเนียน

พวกฉู่ซือหันหลังจะขวางก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

สี่สิบเก้านาที สิบหกวินาที

กองทัพตบตาพุ่งปราดเข้าไปประชิดอาณาเขตปราการบาร์นี

“ฉันมีวิธีหนึ่ง!” ซ่าเอ้อบอก

ฉู่ซือถาม “ช่องทางโค้งกาลอวกาศเหรอ”

ซ่าเอ้อหัวเราะ “เห็นทีเราจะใจตรงกัน”

“อะไรนะ” เสียงของคนอื่นๆ ตะโกนผ่านช่องสัญญาณสื่อสารบัญชาการ

ซ่าเอ้อเตือนความจำ “ลืมแล้วเหรอ นอกจากยานบินหงส์ดำ ยานบินทั่วไปเข้าช่องทางโค้งกาลอวกาศก็จะเละกันทั้งคนและยาน”

ทุกคนเข้าใจความหมายของพวกเขาสองคนทันที…พวกเขาคิดว่าในเมื่อขัดขวางไม่ได้ก็ล่อให้คนของนครซิลเวอร์ไปที่ช่องทางโค้งกาลอวกาศให้หมด

“แต่ควรล่อพวกเขาไปที่จุดนั้นยังไงโดยที่ไม่ทำให้พวกเขาสงสัยด้วย” เซ่าเหิงถาม

สี่สิบเก้านาที ยี่สิบห้าวินาที

ฉู่ซือใช้เครื่องสื่อสารเชื่อมต่อช่องสัญญาณสื่อสารช่องหนึ่ง

ภาพวิดีโอของคาร์ลอส เบลกปรากฏบนจอโฮโลแกรม “มีอะไรเรอะ”

ฉู่ซือเข้าประเด็นทันที “เพื่อนฝูง มาช่วยหน่อยสิ”

ครั้งนี้เขาไม่พล่ามเรื่องความร่วมมือหรือวิน-วินทั้งสองฝ่ายอะไรแบบทีเล่นทีจริงอีก และไม่ได้ยื่นเสบียงผลประโยชน์เพื่อหว่านล้อม ยิ่งไม่ได้ให้กองกำลังใหญ่ไปบังคับขู่เข็ญกดดันอีกฝ่าย

ก็คือถ้อยคำง่ายๆ อย่าง…เพื่อนฝูง มาช่วยหน่อยสิ

อดีตราชาผู้พเนจรไม่ใช่เด็กสามขวบ แค่ยื่นลูกอมให้เม็ดหนึ่งก็จะทำให้บุกน้ำลุยไฟอย่างไม่อิดออด ทว่าถ้อยคำของฉู่ซือกระตุกเส้นประสาทบางอย่างของเขาเข้าพอดี

ชีวิตคนมักได้เจอวาสนาแปลกประหลาดบางอย่าง คาร์ลอส เบลกเองก็ไม่เป็นข้อยกเว้น สมัยที่เขายังอายุน้อยกว่านี้ แม้จะได้ฉายาราชาผู้พเนจรก็ไม่ได้เก่งกาจถึงขั้นแพ้ไม่เป็น และเคยเจอการดักซุ่มรวมทั้งอันตรายที่เกือบเอาตัวไม่รอด ครั้งที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือที่พรมแดนเขตดาวอัลฟ่า ครั้งนั้นเขาพลัดกับกลุ่มเพราะเหตุบางอย่าง แล้วถูกกองกำลังผู้พเนจรรับจ้างสามฝ่ายล้อมโจมตี บังเอิญมีกองกำลังทหารอพยพกองหนึ่งที่ไม่รู้สังกัดผ่านมาพอดี

ราชาผู้พเนจรที่เป็นคนวัยหนุ่มเลือดร้อนเป็นคนกล้าเสี่ยง ดังนั้นเขาจึงเจาะเข้าไปในช่องสัญญาณสื่อสารของกองกำลังทหารอพยพนั้นอย่างนักเลงหัวไม้ แล้วตะโกนไปประโยคหนึ่งว่า…’เพื่อนฝูง ช่วยหน่อยสิ!’

ตอนแรกแค่เสี่ยงดวง กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาช่วยจริง ขับไล่ผู้พเนจรทั้งสามกลุ่มนั้น หลังจากช่วยชีวิตเขาไว้แล้วก็จากไปอย่างสง่างามโดยไม่บอกกล่าว

บอกได้เพียงว่าฉู่ซือดวงดีเกินคาด เมื่อคาร์ลอส เบลกได้ยินถ้อยคำที่คล้ายคลึงกันนี้ก็นึกถึงการพบเจอจากโชคชะตาของตัวเองครั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้ราชาผู้พเนจรที่ก้าวสู่วัยชราผู้นี้เหมือนได้ความฮึกเหิมในวันนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง เขาหัวเราะ ฟังเนื้อหาที่ฉู่ซือขอให้ช่วยแล้วก็หันไปกวักมือเรียกพรรคพวกของเขา

“ไป! ออกไปเที่ยวกัน!”

ห้าสิบนาที

กองกำลังผู้พเนจรที่คาร์ลอส เบลกนำทีมเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ละแวกช่องทางโค้งกาลอวกาศของปราการบาร์นีตามแผนของฉู่ซือ พวกเขาลาดตระเวนไปมาอย่างเป็นระบบระเบียบ มองเผินๆ เหมือนคอยระแวดระวังเช่นนี้มานานแล้ว

กองทัพของนครซิลเวอร์สำรวจพบภาพนี้ได้แต่ไกล ทำความเข้าใจตำแหน่งจุดสำคัญของปราการบาร์นีได้ทันที แล้วมุ่งหน้าไปที่นั่นอย่างไม่ลังเล

ในเวลาเดียวกันฉู่ซือก็นำกองทัพไร้พลขับบินอ้อมเข้ามาทางซ้าย ส่วนซ่าเอ้อนำยานบินห้าหมื่นลำของตัวเองบินอ้อมมาจากทางขวา

ห้าสิบนาที ยี่สิบสองวินาที

ทันใดนั้นกองทัพของนครซิลเวอร์ก็มีผู้นำแยกออกไปสองทางขณะเข้าใกล้ช่องทางโค้งกาลอวกาศ เหมือนจะแยกกันเป็นสามขบวน

ซ่าเอ้อ หยางกับฉู่ซือตีโอบมาทางซ้ายขวา ไล่ต้อนให้กองทัพซึ่งกำลังจะแยกขบวนกลับมารวมกันอีกครั้ง

ห้าสิบนาที สามสิบสองวินาที

กองทัพสามฝ่ายที่ยื้อยุดกันชุลมุนพุ่งไปยังช่องทางโค้งกาลอวกาศ กองกำลังผู้พเนจรที่แสร้งทำเป็นเฝ้าอยู่ตรงนั้นก็กระจายตัวกันทันที เผยทางเข้าช่องทางโค้งกาลอวกาศออกมา

ราวกับเทพแห่งความตายที่แสยะยิ้ม

บนจอโฮโลแกรมซ่าเอ้อก็คลี่ยิ้มตามไปด้วย เขาพูดกับฉู่ซือ “หัวหน้า เตรียมตัว สาม…”

สอง…

หนึ่ง…

“กระโดด!”

วินาทีที่ยานบินชนกระแทกกับทางเข้าช่องทางโค้งกาลอวกาศขนาดมหึมาก็พลันปล่อยแสงสว่างจ้า เหมือนใยแมงมุมขนาดยักษ์ที่กางออกกะทันหัน แผ่อยู่กลางทะเลดาว

ฉู่ซือหันไปก็เห็นกองทัพนครซิลเวอร์ที่บินขนานมากับเขาชนเข้ากับตาข่ายชั้นนั้นแล้ว ประกายไฟกับการระเบิดทะลักพวยพุ่งออกมาในชั่วพริบตา

ขับยานบินด้วยความเร็วแบบนั้นจะเปลี่ยนทิศทางกะทันหันย่อมเป็นไปไม่ได้ รวมถึงฉู่ซือด้วย

วินาทีที่ยานบินถูกบดขยี้ แคปซูลฉุกเฉินที่เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ก็ครอบตัวเขาพร้อมที่นั่งนักบิน แล้วดีดตัวออกจากห้องนักบินตกสู่ห้วงอวกาศสีดำ

ทว่าเขายังไม่ทันได้มองม่านรัตติกาลที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมากกว่านี้ ยานบินหงส์ดำลำหนึ่งที่บินผ่านเบื้องล่างก็เปิดประตูยานแล้วรับเขาเข้าไปด้านในได้ทันเวลา

ชั่วขณะที่ประตูยานปิดตัว ยานบินหงส์ดำก็กระแทกเข้าไปในช่องทางโค้งกาลอวกาศภายใต้แรงดูดมหาศาล

ด้านหลังที่พวกเขามองไม่เห็น กองกำลังใหญ่เรือนหมื่นของนครซิลเวอร์ถูกบดจนแหลกที่ปากทางเข้าช่องทางโค้งกาลอวกาศทำให้เกิดการระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่า ประกายเพลิงแผ่ปะทุ ควันโขมงกระจายรอบทิศ

เหมือนดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ตระการตาที่สุดในทะเลดาว

ไม่มีใครมองข้ามความเคลื่อนไหวนี้ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพไตรภาคีหรือนครซิลเวอร์ต่างตกตะลึงกับการระเบิดที่สะเทือนเลื่อนลั่นนี้จนลืมการโจมตี ราวกับสงครามถูกกดปุ่มหยุดไว้ในวินาทีนั้น

 

ในเวลาเดียวกันนี้อีกด้านหนึ่งของช่องทางโค้งกาลอวกาศ บนหน้าจอตรงหน้าเซ่าตุน แถบโพรเกรสบาร์กระบวนการฟอร์แมตก็กะพริบไปสองครั้ง…

ห้าสิบเอ็ดนาที สองวินาที

กระบวนการฟอร์แมตเสร็จสิ้นแล้วแปดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์

ขณะที่มันกำลังจะกระโดดไปถึงแปดสิบแปดเปอร์เซ็นต์ จู่ๆ แจ้งเตือนสีแดงแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมา…

 

‘ปัจจัยภายนอกไม่เสถียร หยุดกระบวนการฟอร์แมต!’

 

หัวใจของเซ่าตุนหล่นวูบ ยังไม่ทันทำอะไรคลื่นพลังงานกับคลื่นกาลอวกาศจากการปรับสภาวะของเวลาก็กระจายออกเป็นวงกว้าง เขาเข้าสู่ภาวะช็อกจากแรงสั่นสะเทือนมหาศาลที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้

จากนั้นประกายแสงที่เหมือนใยแมงมุมบริเวณปากทางเข้าช่องทางโค้งกาลอวกาศก็สว่างวาบ ราวกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามากะทันหัน กระเพื่อมเป็นระลอกกว้างภายในเวลาเพียงครึ่งวินาที ประกายแสงเรืองรองเข้าปกคลุมเขตดาวทั้งหมดรวมไปถึงทั้งกลุ่มดาว

ยานบินหงส์ดำหลายสิบลำในช่องทางโค้งกาลอวกาศก็ไม่ได้โชคดีพอจะรอดพ้น ในลำที่นำหน้าอยู่ซ่าเอ้อ หยางกับฉู่ซือในแคปซูลฉุกเฉินก็เข้าสู่ภาวะช็อกท่ามกลางแรงกระแทกมหาศาล

ฉู่ซือรู้สึกว่าตัวเองหลับไปเนิ่นนาน ฝันขาดๆ หายๆ ไปมากมายหลายครั้ง

ทั้งในแบบมหัศจรรย์ แบบที่ใกล้เคียงความเป็นจริง แบบภาพนิ่ง แบบเคลื่อนไหว เดิน วิ่ง ซ้ำยังฝันว่าตัวเองถูกช่องทางโค้งกาลอวกาศบดจนแหลกทั้งร่าง

จนทำให้ก่อนลืมตาเขารู้สึกว่ากระดูกทั้งตัวเหมือนถูกประกอบขึ้นมาใหม่ ทั้งปวดเมื่อยและแข็งทื่อ แม้กระทั่งเก้าอี้นักบินใต้ร่างก็แสนจะไม่สบายตัว ไม่เหมือนหนังเทียมอ่อนนุ่มเลยสักนิด กลับเหมือนเปลือกไม้สากๆ แข็งๆ เสียมากกว่า

เขาหรี่ตาก่อนจะลองขยับลำคอ…จนกระทั่งรู้สึกว่ามีแสงสว่างสีขาวส่องผ่านเปลือกตาบางๆ เขาจึงรู้สึกตัวแล้วลืมตาขึ้นทันที

ม่านตาหดลงท่ามกลางแสงสว่าง ก่อนจะค่อยๆ ขยายดังเดิมหลังจากปรับตัวได้อย่างช้าๆ

เมื่อภาพตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนแล้ว ฉู่ซือก็มีสีหน้ามึนงงอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก…เขาสงสัยว่าตัวเองกำลังละเมอ ไม่อย่างนั้น…

ทำไมถึงมองเห็นแสงแดดกับร่มเงาต้นไม้ได้

เขาขยับตัวทีหนึ่งจึงพบว่าจุดที่ตัวเองนั่งอยู่ไม่ใช่เก้าอี้นักบินก่อนร่างกายจะช็อก และไม่ใช่โซฟาในห้องทำงานบนยานหมาป่าขาว…

สัมผัสรับรู้กึ่งหลับกึ่งตื่นของเขาไม่ผิดเพี้ยน…เป็นเปลือกไม้สากๆ แข็งๆ จริงๆ

เพียงเข้าสู่ภาวะช็อกไปเดี๋ยวเดียว เขาก็มานั่งอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอย่างไร้คำอธิบาย

สิ่งที่น่าขายหน้าที่สุดคือเพิ่งตื่นนอนแขนขาจึงมีความฝืดแข็ง ปฏิกิริยาก็ช้า การขยับตัวเมื่อครู่ทำให้เขาเสียการทรงตัว เมื่อได้สติเขาก็ ‘ร่วงจากกิ่งไม้อยู่กลางอากาศ’ แล้ว

‘หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการแห่งกองอำนวยการความมั่นคงที่มากความสามารถและอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังจะตกจากต้นไม้ลงมาศีรษะกระแทกตายก่อนวัยอันควร’…นี่น่าจะเป็นหัวข้อข่าวที่ครองพื้นที่ข่าวสารระหว่างดวงดาวเลยทีเดียว…ในส่วนของข่าวบันเทิง

ขณะที่ฉู่ซือกำลังพยายามใช้แขนอันแข็งเกร็งป้องกันท้ายทอย สัมผัสของพื้นแข็งๆ ที่คาดการณ์ไว้กลับไม่มาเยือน…

แผ่นหลังของเขาชนเข้ากับอ้อมอกอุ่นร้อน เสียงหัวเราะที่แปลกหูทว่าคุ้นเคยดังขึ้นข้างหูเขาก่อนเสียงพูด

“ฉันรับนายไว้ได้แล้ว”

 

 

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Nights ยามดาราสิ้นสูญ เล่ม 3

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

 

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com