ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 2 บทที่ 54 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 2 บทที่ 54 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 2

ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

 เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว

มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน

การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด

 นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

บทที่ 54 ความสำนึกในภารกิจของซ่งรุ่ย

ท้องฟ้ายามราตรีค่อยๆ มืดลง ดวงดาวอับแสง หลายคนหลับไปแล้ว แต่เสิ่นโหย่วเฉวียนยังคงคอยอยู่ที่สำนักย่อยเขตใต้ ตำรวจสองนายที่รับหน้าที่ดูแลเขา คนหนึ่งแซ่หลี่ อีกคนแซ่หลัว ทั้งคู่ยังหนุ่มมาก ความคิดอ่านเลยโลดโผนโจนทะยานเป็นพิเศษ พวกเขาปิดสมุดบันทึก ลดเสียงให้เบาลง “คุณเสิ่นครับ บ้านของด็อกเตอร์ซ่งรุ่ยอยู่ไกล กว่าจะมาถึงต้องใช้เวลาประมาณสี่สิบกว่านาที คุณเล่าเรื่องที่ควรเล่าได้ชัดเจนดีแล้ว ถ้าถามต่อก็จะเป็นการถามซ้ำ ไม่มีความหมายอะไรมาก พวกเรามาคุยเล่นกันดีกว่ามั้ยครับ”

เสิ่นโหย่วเฉวียนขอน้ำแร่จากอีกฝ่ายหนึ่งขวด เขาจิบน้ำพลางเอ่ยถาม “พวกคุณอยากคุยเรื่องอะไรหรือครับ”

“คุยเรื่องคุณฟั่นได้มั้ยครับ” เสี่ยวหลี่เกาะโต๊ะ ทำคอยืดคอยาว ดวงตาเป็นประกายฉายแววอยากรู้อยากเห็นและคาดหวัง ตำรวจที่ชื่อหลัวหงก็พูดเสริม

“ใช่ๆๆ คุยเรื่องคุณฟั่น เขาเป็นคนสำคัญของคดีนี้เหมือนกัน” พูดจบก็เปิดเครื่องบันทึกเสียงด้วยท่าทีจริงจัง

เนื่องจากเสิ่นโหย่วเฉวียนได้รับคำอนุญาตจากฟั่นจยาหลัวแล้ว เขาจึงเล่าเรื่องการพบกันระหว่างเขากับฟั่นจยาหลัวให้อีกฝ่ายฟัง เสี่ยวหลี่กับเสี่ยวหลัวรับฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม และขอให้เสิ่นโหย่วเฉวียนลงรายละเอียดอยู่เรื่อยๆ ถ้าจะให้ดีที่สุดคือให้เขาพูดทุกประโยคทุกตัวอักษรของฟั่นจยาหลัว ในระหว่างนี้มีก็ตำรวจเดินเข้ามาในห้องรับรองอย่างไม่ขาดสาย พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้รอบๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงคือกำลังคอยเงี่ยหูฟังอยู่

เสิ่นโหย่วเฉวียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้มาแจ้งความแต่มาร่วมงานเล่านิทาน คนพวกนี้อยากรู้เรื่องของฟั่นจยาหลัวกันขนาดนี้เชียว? เพราะอะไรกัน

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ขบคิดถึงปัญหาข้อนี้ ผู้อำนวยการของสำนักย่อยเขตใต้ก็มา เขาพูดแบบเปิดประตูเจอภูเขาว่า “ได้ยินว่าฟั่นจยาหลัวให้คุณขอด็อกเตอร์ซ่งมาทำคดีนี้หรือ”

“ครับ” เสิ่นโหย่วเฉวียนพยักหน้าติดๆ กัน

น้ำเสียงของผู้อำนวยการมีความลำบากใจ “แต่ด็อกเตอร์ซ่งไม่ใช่ตำรวจ เป็นแค่ที่ปรึกษา ตามหลักเขาไม่มีคุณสมบัติในการนำทีมทำคดี นอกจากคอยให้ความคิดเห็นอยู่ข้างๆ”

หัวใจของเสิ่นโหย่วเฉวียนเต้นตุบๆ ระหว่างที่กำลังกังวลเรื่องนี้ เขากลับได้ยินผู้อำนวยการบอกว่า “แต่ถ้าฟั่นจยาหลัวรู้สึกว่าเขาทำได้ งั้นผมก็จะขอแหกกฎให้เขานำทีมสักครั้ง เพราะความปลอดภัยของเด็กคือสิ่งสำคัญที่สุด ครั้งนี้พวกนายต้องฟังคำสั่งของด็อกเตอร์ซ่ง เวลานี้เขาเป็นหัวหน้าทีมชั่วคราวของพวกนาย” ผู้อำนวยการสั่งพวกเจ้าหน้าที่ในหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทีมหนึ่ง

“ทราบแล้วครับผู้อำนวยการ” ทุกคนรับคำสั่งกันอย่างรวดเร็ว

หัวใจที่แขวนห้อยอยู่บนที่สูงของเสิ่นโหย่วเฉวียนถึงค่อยวางลงได้ เขาคิดไม่ถึงว่าคำพูดของฟั่นจยาหลัวจะมีอิทธิพลมหาศาลขนาดนี้ เบื้องหลังอีกฝ่ายไม่มีสกุลฟั่นแล้ว ทำไมถึงยังทำแบบนี้ได้อีก แต่ต่อให้ไม่มีสกุลฟั่นแล้วยังไง ลองว่าความสามารถของอีกฝ่ายมีความมหัศจรรย์ขนาดนี้ คนที่รู้จักฟั่นจยาหลัวคนไหนจะกล้าไม่ให้เกียรติ

การรอคอยให้ความรู้สึกยาวนานและแสนทรมาน เสิ่นโหย่วเฉวียนที่ตอนแรกใจเย็นมากเริ่มนั่งไม่ติด แม้เสิ่นอวี้เหราจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา แต่ก็เป็นชีวิตน้อยๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น เขาไม่อาจทำเป็นไม่ดูดำดูดีได้

เสี่ยวหลี่มองเห็นความกระวนกระวายใจของเขาจึงพูดปลอบ “ไม่ต้องใจร้อน ในเมื่อฟั่นจยาหลัวบอกว่าเด็กจะไม่ถูกฆ่า เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”

เสิ่นโหย่วเฉวียน “…”

ความร้อนรนกระวนกระวายถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาพบว่าตำรวจกลุ่มนี้เชื่อมั่นในตัวฟั่นจยาหลัวมาก พวกเขาไปเจอเรื่องอะไรมาถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้ จะเกี่ยวกับคดีของเกาอี้เจ๋อหรือเปล่า เพราะฟั่นจยาหลัวรู้ตัวผู้เสียหายทั้งห้า มิน่า…

เมื่อความคิดของเสิ่นโหย่วเฉวียนเริ่มล่องลอย เวลาก็ดูจะเดินเร็วขึ้นมาก เหมือนแค่ชั่วพริบตา ดร. ซ่งคนที่ว่ากันว่ามีมาตรฐานการทำงานอยู่ในระดับสูงสุดก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ที่เหนือคาดคือเขามีรูปร่างสูงใหญ่และหน้าตาหล่อออกไปทางสวยมาก ชายหนุ่มแต่งตัวไม่เหมือนกับพวกคงแก่เรียนที่ไม่สนใจเรื่องรูปลักษณ์ แต่กลับโดดเด่นเหมือนนายแบบที่เดินอยู่บนแคตวอล์ก เขาสวมชุดสูทสีเทาเงิน ผูกเนกไทพิมพ์ลายสีฟ้าอ่อนเส้นหนึ่ง กระดุมเพชรสีฟ้าเป็นประกายสะท้อนแสงไฟ ดูไฮโซมาก กลิ่นน้ำหอมโอดิโคโลญโชยมาพร้อมการเดินเข้ามาใกล้ของเขา ให้ความรู้สึกน่าประทับใจ

พูดกันจริงๆ ว่าถ้าเสี่ยวหลี่ไม่ลุกขึ้นแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน เสิ่นโหย่วเฉวียนไม่มีทางคิดว่าผู้ชายคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เนื่องจากภาพลักษณ์และท่าทางภายนอกของเขาดูเด่นกว่านายแบบระดับแนวหน้าหลายคนในแวดวงแฟชั่นด้วยซ้ำ

เสิ่นโหย่วเฉวียนกดข่มความประหลาดใจไว้ รีบเดินเข้าไปจับมือกับ ดร. ซ่ง แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธด้วยท่าทีเย็นชา “ขอโทษด้วย ผมเป็นมายโซโฟเบีย เราทำงานกันก่อนดีกว่า” นับตั้งแต่ถูกฟั่นจยาหลัวฉีกหน้า เขาก็คร้านจะแสร้งทำตัวสุภาพ แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ย่อมไม่มีใครทำอะไรเขาได้

“ครับๆ ครั้งนี้ต้องรบกวนคุณจริงๆ” เสิ่นโหย่วเฉวียนหดมือกลับอย่างหวาดๆ

ซ่งรุ่ยไม่มีเวลามาโอภาปราศรัยกับอีกฝ่าย ชายหนุ่มหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาอ่านอย่างจริงจัง หัวคิ้วของเขาขมวดแน่นคล้ายกำลังรำคาญใจและคิดหนัก เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมในคืนหน้าร้อนที่อากาศเริ่มเปลี่ยนเป็นอบอ้าว เขาถึงทิ้งการเขียนวิทยานิพนธ์และอ่านบทความขับรถออกมาตามลำพัง ต้องทนกับการจราจรติดขัดกับอากาศแย่ๆ เพื่อวิ่งมาคลี่คลายคดีลักพาตัวแสนธรรมดาที่กรมตำรวจซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของฟั่นจยาหลัวงั้นหรือ เหลวไหลไร้สาระ!

เขาพยายามปฏิเสธความคิดนี้อย่างเต็มที่ แต่ในใจกลับบอกกับตัวเองตามความสัตย์จริงว่า…ใช่ เพราะคำพูดประโยคเดียวของฟั่นจยาหลัว นายถึงเผ่นมานี่ เพราะคำพูดประโยคนั้นมันไม่ธรรมดาและมีความหมาย เป็นคำรับรองและชื่นชมที่ออกมาจากปากของคนที่เย็นชาร้ายกาจแบบนั้น

ซ่งรุ่ยไร้รัก ไร้แค้น ไร้ชอบ ไร้ชัง ไม่รู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าสวยงามหรืออัปลักษณ์ และยิ่งไม่มีความรู้สึกสงสารหรือเห็นใจใดๆ ต่อให้มีคนมาตายอย่างน่าอนาถต่อหน้า เขาก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่คืนนี้ ตอนที่เขาได้ยินเสิ่นโหย่วเฉวียนทวนคำพูดของฟั่นจยาหลัว ความรู้สึกที่หาได้ยากของเขากลับมีความยินดีจางๆ ปรากฏขึ้น การได้รับคำรับรองและชื่นชมจากคนแบบนั้น มันทำให้เขาบังเกิดสามัญสำนึกบางอย่างและมีใจอยากทำงาน เขาเลยรีบแต่งตัวดีๆ ก่อนเดินทางไกลกว่าครึ่งเมือง ฝ่ารถติดเป็นแพและฝุ่นควันเพื่อมาที่นี่

เหลวไหล! ไร้สาระมาก! ซ่งรุ่ยถ่มถุยตัวเองไปพร้อมๆ กับการอ่านบันทึกทุกตัวอักษรและทุกประโยคอย่างเอาจริงเอาจัง

“เท่าที่ผมรู้ โรงเรียนอนุบาลอิงไฉเป็นโรงเรียนระดับสูงที่มีการดูแลเข้มงวดเป็นพิเศษ ทำไมพวกเขาถึงปล่อยให้คนแปลกหน้ารับตัวเสิ่นอวี้เหราไปง่ายๆ” เขาคิดทบทวนถึงข้อสงสัย

เสิ่นโหย่วเฉวียนรีบบอก “คนร้ายหญิงคนนั้นใส่หมวก มาสก์ และแว่นตาดำ หน้าเขียวบวมไปหนึ่งแถบ มองไม่เห็นหน้าจริง แต่เสียงเธอเหมือนผู้ช่วยของจงฮุ่ยลู่เป๊ะ เธอบอกครูโรงเรียนอนุบาลว่าเธอเพิ่งไปทำศัลยกรรมมาเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้หน้ายังไม่เข้าที่ และต่อสายวิดีโอคอลล์กับจงฮุ่ยลู่เพื่อยืนยันตัวตน ครูที่โรงเรียนเลยเชื่อเธอ พาเด็กออกมา พวกคุณก็รู้ว่าจงฮุ่ยลู่เป็นดาราดัง ในวงการนี้การทำศัลยกรรมเป็นเรื่องธรรมดามาก มีคนเปลี่ยนหน้าใหม่สองรอบในสามวันเยอะแยะไปหมด ครูเลยไม่สงสัย ตอนหลังจงฮุ่ยลู่บอกผมว่าช่วงที่คนร้ายรับลูกไป เธอกำลังไลฟ์เลยวิดีโอคอลล์กับครูไม่ได้ และผู้ช่วยของเธอก็คอยอยู่ที่หลังเวที ไม่ได้ไปไหน เรื่องนี้มันแปลกมากจริงๆ!”

“ไม่แปลก วิดีโอคอลล์สามารถทำขึ้นได้ แค่หาผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนภรรยาคุณมาสักคนมาต่อสายหลอกครูโรงเรียนอนุบาลก็พอ ได้ยินว่าภรรยาคุณมีใบหน้าเพอร์เฟ็กต์แบบที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน สมัยนี้เทคนิคการศัลยกรรมล้ำหน้ามาก น่าจะหาคนที่ทำหน้าคล้ายเธอได้ไม่ยาก” ซ่งรุ่ยวิเคราะห์อย่างเยือกเย็น

เสิ่นโหย่วเฉวียนพยักหน้ารับรัวๆ “จริงครับ มีหลายคนอยากเป็นอย่างจงฮุ่ยลู่ ถ้าพูดแบบนี้ ครูโรงเรียนอนุบาลคงไม่ได้ตั้งใจ ไม้นี้ต่อให้ระวังก็กันไม่อยู่ เฮ้อ…”

น้ำเสียงของซ่งรุ่ยยังคงเยียบเย็น “อีกเดี๋ยวพวกเราไปตรวจสอบข้อมูลจากครูโรงเรียนอนุบาล ผมพอจะรู้เค้าโครงของคดีแล้ว เสี่ยวหลี่ เรียกทุกคนมา เราจะเปิดประชุม”

เสี่ยวหลี่รีบไปเรียกคน สิบนาทีต่อมาสมาชิกทุกคนต่างถือสมุดเล่มเล็กมายืนอยู่รอบตัวซ่งรุ่ย เสิ่นโหย่วเฉวียนอยากหลบไป แต่กลับถูกซ่งรุ่ยสั่งให้อยู่ก่อน “คุณเสิ่นครับ งานของเราจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากคุณ ขอให้คุณอยู่ฟังแผนของเราด้วย” ไม่คอยให้เสิ่นโหย่วเฉวียนพยักหน้าตอบรับ เขาก็ออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว “เวลานี้คนร้ายยังเอาแต่ปิดเครื่อง เบอร์โทรศัพท์ก็เป็นแบบไม่ขึ้นทะเบียนทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้ มือถือที่พวกเขาใช้ไม่ได้เป็นสมาร์ตโฟน แทร็กตามไม่ได้ ทางนี้เลยตัน พวกเราทำได้แค่รอให้พวกเขาโทรมาอีกที

หลังคนร้ายรับตัวเด็กไป เธอเปลี่ยนรถตรงจุดบอดของกล้องวงจรปิดในลานจอดรถสาธารณะเฉาอัน รถที่ถูกทิ้งไว้เป็นรถที่ถูกขโมยไปเมื่อสิบปีก่อน ถูกเปลี่ยนมือหลายทอดจนหาต้นตอไม่เจอ ลานจอดรถสาธารณะเฉาอันมีรถจอดอยู่หลายหมื่นคัน แต่มีกล้องวงจรปิดน้อยมาก ตำแหน่งที่ถ่ายไปไม่ถึงมีเยอะ ทำให้เราคอนเฟิร์มไม่ได้ว่ารถที่เธอขับไปคือคันไหน และตอนนี้ยังไม่รู้เส้นทางของเธอ ยิ่งคอนเฟิร์มไม่ได้ด้วยว่าเธอจะเปลี่ยนรถอีกหรือเปล่า เรื่องทุกอย่างอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ไม่มีความชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องดำเนินการสำรวจเบื้องต้นก่อน

ไอเดียในการทำคดีของผมเป็นแบบนี้ อันดับแรก เสี่ยวหลี่ คุณไปเช็กดูว่าพ่อแท้ๆ ของเสิ่นอวี้เหราเป็นใคร เน้นสืบค้นช่องทางโซเชียลทุกอย่างของจงฮุ่ยลู่ โดยเฉพาะแอ็กลับ ในคดีลักพาตัว คนที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเหยื่อทุกคนต้องถูกสอบทั้งหมดเพื่อตัดผู้ต้องสงสัยออกไป จงฮุ่ยลู่เป็นดารา นิสัยโอ้อวดคือข้อเสียของคนเป็นดารา ทั้งที่รู้ว่าเรื่องบางอย่างบอกใครไม่ได้ แต่พวกเขายังใช้ช่องทางลับๆ บางอย่างเพื่อเผยแพร่ออกไปอยู่ดี ขอเพียงหาช่องทางเหล่านี้เจอ พวกเราก็จะเจอเบาะแส สอง บันทึกการใช้จ่ายกับบันทึกการโทรน่าจะช่วยเปิดเผยความลับของเธอได้ พวกเราเช็กจากหลายๆ ช่องทางและดำเนินการให้เร็วที่สุด สุดท้ายคุณไปเช็กเส้นทางหลังจากที่คนร้ายสาวคนนั้นเปลี่ยนรถ การเปรียบเทียบภาพที่เกี่ยวข้องเหล่านั้นมีจำนวนมากเกินไป จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ในการคัดกรอง นี่ถือเป็นจุดแข็งของคุณ”

“ครับ ด็อกเตอร์ซ่ง” เสี่ยวหลี่ผงกศีรษะพลางจดบันทึก

ซ่งรุ่ยมองคนที่เหลือก่อนออกคำสั่ง “พวกคุณไปเก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดจากหน้าร้านและถนนในละแวกโรงเรียนอนุบาลอิงไฉมา ในเมื่อคนร้ายสามารถทำวิดีโอคอลล์ของจงฮุ่ยลู่ได้ เลียนแบบเสียงของผู้ช่วยได้ แสดงว่าพวกเขาต้องทำการบ้านเรื่องสกุลเสิ่นเยอะ และต้องมีการไปดูลาดเลาแถวโรงเรียนเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถทำการลักพาตัวได้อย่างสะดวกราบรื่น เราน่าจะเจอคนน่าสงสัยจากกล้องวงจรปิด จำไว้ว่าในขั้นตอนการเก็บข้อมูล พวกคุณจะต้องเงียบไว้ อย่าทำให้คนร้ายเอะใจว่าคุณเสิ่นมาแจ้งความ อีกอย่างจะต้องให้ครูโรงเรียนอนุบาลพวกนั้นเก็บความลับไว้ให้มิด ถ้าพวกเขาแพร่งพรายออกไป เสิ่นอวี้เหรามีสิทธิ์ถูกฆ่า นอกจากนี้ให้หาตัวผู้หญิงคนที่ต่อสายวิดีโอคอลล์กับครูโรงเรียนอนุบาลโดยสืบหาจากโรงพยาบาลศัลยกรรมในละแวกนั้น มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะทำศัลยกรรมจริงและหน้ายังไม่เข้าที่ นี่เป็นเบาะแสสำคัญเบาะแสหนึ่ง พวกคุณแบ่งกันไปสามทาง หนึ่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด สองตรวจสอบคำให้การของประจักษ์พยาน และสุดท้ายตรวจสอบโรงพยาบาลศัลยกรรม”

ทุกคนต่างรับคำอย่างระมัดระวังและหนักแน่น

ซ่งรุ่ยหันไปหาเสิ่นโหย่วเฉวียน สั่งเสียงเฉียบ “คุณเสิ่นครับ เวลานี้คุณช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนที่คุณไปรับลูกสาวกลับบ้านหน่อย รวมถึงเรื่องของคนที่บ้านว่ากำลังทำอะไร พูดอะไร จำไว้ด้วยนะครับว่าคุณจะต้องพูดตามความจริงและเหมือนตอนนั้นทุกอย่าง อย่าพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไปแม้แต่อย่างเดียว เพราะมันอาจมีส่วนช่วยในการสืบหาของเรา”

“ครับๆๆ ผมจะพูดตามความจริงแน่นอน” เสิ่นโหย่วเฉวียนเช็ดเหงื่อบนศีรษะ เขานึกย้อนพลางเล่าออกมา และคอยเสริมรายละเอียดที่ตกหล่นไปเป็นระยะ

ซ่งรุ่ยบันทึกคำพูดพวกนี้ไว้ในเครื่องบันทึกเสียง ผ่านไปครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “คุณเสิ่นครับ เวลานี้ทางตำรวจจะคุ้มกันให้คุณออกจากกรมตำรวจไปเงียบๆ เพราะมีความเป็นไปได้มากว่าคนร้ายอาจจะแอบเฝ้ามองคุณอยู่”

“งั้นจะทำยังไงดี แบบนี้ก็หมายความว่าพวกเขารู้เรื่องที่ผมมาแจ้งความที่กรมตำรวจแล้วเหรอ” เสิ่นโหย่วเฉวียนตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะช่วยคอนเฟิร์มให้คุณเอง” ซ่งรุ่ยรักษาความเยือกเย็นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ “ถ้าคนร้ายสะกดรอยตามคุณจริง เราก็มีอีกวิธีเพื่อใช้รับมืออีกฝ่าย คุณไม่ต้องกังวล แต่จนถึงตอนนี้ฝั่งนั้นยังไม่ติดต่อคุณ เห็นได้ว่าพวกมันใจเย็นมาก น่าจะยังไม่รู้เรื่องที่คุณมาแจ้งความ หลังออกจากกรมตำรวจ ผมอยากให้คุณไปรวบรวมเงินทันที ไม่ว่าคุณจะอยากจ่ายค่าไถ่หรือไม่ คุณก็ต้องแสดงท่าทีเพื่อให้คนร้ายตายใจ พร้อมกันนั้นก็ช่วยยื้อเวลาไว้ให้พวกเราหน่อย อีกสองชั่วโมงเพื่อนร่วมงานผมจะแอบพาคุณกลับมาที่กรมตำรวจแล้วเรามาหารือขั้นตอนต่อไปกันอีกที”

เสิ่นโหย่วเฉวียนไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับทุกอย่างตรงหน้าอย่างไร ไม่ว่าตำรวจจะว่ายังไงเขาก็ต้องฟัง โชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะรอยของสำนักย่อยเขตใต้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วบอกเขาว่าโจรไม่ได้สะกดรอยตามดูเขา เวลานี้เสิ่นอวี้เหราน่าจะยังปลอดภัยดี ระหว่างนี้เสิ่นโหย่วเฉวียนได้รับสายจากจงฮุ่ยลู่ คุณพ่อเสิ่น คุณแม่เสิ่นที่โทรมาถามว่าเขารวบรวมเงินได้หรือยัง แต่ถูกเขาตอบแบบส่งๆ ไป

ทันทีที่ ดร. ซ่งรุ่ยมาถึง การสืบสวนก็เริ่มดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไอเดียของเขาชัดเจนดีมาก เหมือนมีมือข้างหนึ่งมาช่วยดึงเอาเมฆหมอกออกไป ทำให้ปัญหายุ่งยากทั้งหมดเปลี่ยนเป็นง่ายดาย เรื่องนี้ทำให้เสิ่นโหย่วเฉวียนยิ่งมีความมั่นใจในคำตัดสินของฟั่นจยาหลัวอย่างไร้ข้อกังขา เหมือนอย่างที่อีกฝ่ายทำนายไว้ว่าถ้าหากจะมีใครสามารถพาเสิ่นอวี้เหรากลับมาอย่างปลอดภัยได้ คนคนนี้จะต้องเป็น ดร. ซ่งคนเดียว

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 1 .. 64

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com