ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4 บทที่ 140 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4 บทที่ 140 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4

ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว

มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน

การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

บทที่ 140 เผือกร้อนลวกมือกินไม่ได้

ซ่งรุ่ยเดินตามเมิ่งจ้งเข้าไปในห้องทำงานที่ทันสมัยอย่างที่สุดห้องหนึ่ง นอกจากจะมีจอมอนิเตอร์เรียงกันเป็นแถวแล้วในห้องยังติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคไว้มากมาย บนอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในนั้นมีแผ่นเอ็กซเรย์กับผลการซีทีสแกนสมองของเซียวเหยียนหลิง คนสวมชุดกาวน์สีขาวคนหนึ่งกำลังชี้ภาพพวกนี้ให้ชายที่สวมเครื่องแบบหัวหน้าหน่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ คนหนึ่งดูพลางพูดอะไรบางอย่าง รอบตัวชายคนนั้นมีมือดีของหน่วยพิเศษที่รูปร่างกำยำล่ำสันกลุ่มหนึ่ง คนที่ทำร้ายฟั่นจยาหลัวก็อยู่ในกลุ่ม ดูจากอินทรธนูบนบ่า เหมือนเขาจะเป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษหน่วยนี้

“นั่นคนของสกุลจางที่คุมหน่วยรบพิเศษทีมเก้า” เมิ่งจ้งพูดเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน “ตอนนี้เซียวเหยียนหลิงอยู่ในมือของหน่วยรบพิเศษทีมเก้า ทีมอื่นอยากทำวิจัยร่วมกับพวกเขาแต่ถูกปฏิเสธ แต่ช่วยไม่ได้ ตัวยาที่สกุลจางเสนอให้มีความสำคัญกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษทุกคนมาก ตอนนี้เลยไม่มีใครกล้าหือกับพวกเขา”

“งั้นพวกเขาไม่ใหญ่อยู่กลุ่มเดียวเหรอ” ซ่งรุ่ยดันกรอบแว่นสีทองบางๆ ที่อยู่บนสันจมูกเพื่อใช้มันปิดบังประกายเยียบเย็นในดวงตา

“ใช่ คนที่เข้ามาในหน่วยพิเศษได้ล้วนเป็นมือดีในหมู่มือดี พวกเขาเลยอยากได้พละกำลังที่ไร้ขีดจำกัด ใครทำให้พวกเขาแกร่งขึ้นได้พวกเขาก็จะติดตามคนนั้น นี่เป็นเรื่องจริง” เมิ่งจ้งส่ายหน้า ถอนหายใจเบาๆ เดิมทีเขาเข้าใจว่าการเปิดรับคนเข้ามาในหน่วยพิเศษเป็นเรื่องที่ดี คิดไม่ถึงว่าคนคิดอกุศลที่กรูกันเข้ามาเป็นจำนวนมากจะทำลายความเป็นปึกแผ่นและการรวมศูนย์ของกลุ่ม

“พวกเขากำลังหาของที่อยู่ในตัวเซียวเหยียนหลิง?” ซ่งรุ่ยเดา

“ใช่ เรื่องหัวขโมยคราวนั้นทำให้พวกเราตระหนักถึงการแปรสภาพของมนุษย์บางกลุ่มว่าเกิดจากขุมพลัง พวกเราเลยทำการวิจัยสัตว์ประหลาดที่จับมาได้ ผลคือพบของที่เปล่งแสงได้ในฟิล์มเอ็กซเรย์ พวกมันจะซ่อนอยู่ภายในร่างกายของสัตว์ประหลาด หัว คอ ท้อง หรือขาทั้งสองข้าง แน่นอนว่าอุปกรณ์การแพทย์ธรรมดาไม่มีทางหาเจอ อุปกรณ์ที่พวกเราใช้เลยเป็นอุปกรณ์ที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว มีการเพิ่มอุปกรณ์ตรวจจับสนามแม่เหล็กเข้าไป จากนั้นเราได้ทำการผ่าร่างของสัตว์ประหลาดพวกนี้เพื่อค้นหาทันที แต่ของกลับหายไป พอถ่ายเอ็กซเรย์อีกครั้งถึงเห็นว่ามันย้ายไปอีกที่ พอเราผ่าก็หายอีก…สรุปคือพวกเราหาไม่เจอ เวลานี้คนเดียวที่เอาเจ้านี่ออกมาได้คือฟั่นจยาหลัว เขาจึงมีค่ามากสำหรับพวกละโมบโลภมากกลุ่มนั้น”

เมิ่งจ้งชี้ไปที่มือดีของหน่วยพิเศษซึ่งคลุกคลีอยู่กับพวกสวมชุดกาวน์สีขาวพลางยิ้มเยาะ

ชายคนที่สวมเครื่องแบบหัวหน้าหน่วยถามเสียงกร้าว “หาไม่เจอ? หมายความว่าอะไร”

คนชุดกาวน์สีขาวชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ น้ำเสียงอ่อนใจ “คุณดูสิ นี่คือฟิล์มเอ็กซเรย์ที่เราถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ จุดแสงเดี๋ยวใหญ่เดี๋ยวเล็กพวกนี้คือสิ่งที่พวกคุณต้องการ แต่คุณมาดูฟิล์มเอ็กซเรย์ของเซียวเหยียนหลิง โครงสร้างร่างกายของเธอไม่ได้ต่างจากคนธรรมดา เราไม่สามารถหาจุดแสงได้”

“งั้นคุณจะอธิบายเรื่องพลังพิเศษของเธอยังไง”

“เธออาจมีพลังพิเศษมาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอะไรบางอย่าง”

“เป็นไปไม่ได้! ผมเจอพวกที่มีพลังพิเศษมามาก ส่วนใหญ่พวกเขามีความสามารถในการสื่อวิญญาณ มีสัมผัสที่หกหรือเจ็ดที่เหนือกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย แต่ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นนี้ นี่มันเป็นพลังเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่พลังของมนุษย์! แค่คิดก็เป็นจริง โลกยกย่องให้ฉันเป็นราชา คุณเข้าใจมั้ยว่านี่มันหมายความว่าอะไร มันหมายความว่าโลกจะพินาศในมือเธอ! คุณต้องเอาของชิ้นนั้นออกมาจากตัวเธอ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม!”

คำพูดของหัวหน้าหน่วยคนนี้ทำให้ซ่งรุ่ยหัวเราะ เขาเดินไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ซึ่งวางเรียงรายเพื่อมองดูเงาร่างเล็กๆ น่ารักที่อยู่ในทุกจอแล้วถอนหายใจ “เอาของชิ้นนั้นออกมาให้คุณ จากนั้นให้คุณคิดจนเรื่องกลายเป็นจริง และได้เป็นราชาของโลกถูกมั้ย คำประกาศว่าจะกู้โลกที่ฟังดูสวยหรูมันกลบความโลภของคุณไม่มิดหรอกนะ”

“ซ่งรุ่ย? คุณมาได้ยังไง ใครปล่อยให้คุณเข้ามา” หัวหน้าหน่วยคนนั้นหันไปมองเมิ่งจ้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมิ่งจ้งยักไหล่

“ลืมบอกคุณไปว่าด็อกเตอร์ซ่งรุ่ยเป็นที่ปรึกษาพิเศษของหน่วยเรามานานมากแล้ว คุณไปดูแผนภูมิโครงสร้างตำแหน่งได้ ระดับการรักษาความลับของเขาสูงกว่าคุณ”

ซ่งรุ่ยหยิบด็อกแท็ก หนึ่งอันจากกระเป๋าออกมาคีบไว้ แกว่งไกวไปมา

สีหน้าของหัวหน้าหน่วยคนนี้เปลี่ยนจากดำเป็นเขียว บิดเบี้ยวอย่างที่สุดแต่กลับต้องอดทน เนื่องจากพบว่าตำแหน่งของซ่งรุ่ยสูงกว่าตนจริง และสิ่งนี้เป็นหลักฐานการแต่งตั้งที่ออกโดยรัฐ ไม่สามารถยกเลิกได้ง่ายๆ ต่อให้เมิ่งจ้งถูกพวกเขาทำให้เหลือแค่ตำแหน่งอันไร้ซึ่งอำนาจ ทว่าอีกฝ่ายยังคงมีตำแหน่งสูงที่สุดในหน่วยพิเศษ ถ้าไม่เก่งจริงย่อมไม่มีทางโค่นเขาลงได้

ซ่งรุ่ยเก็บด็อกแท็กใส่กระเป๋า เงยหน้าขึ้นมองเซียวเหยียนหลิงที่อยู่ในจอมอนิเตอร์ เธอถูกขังเดี่ยวอยู่ในห้องขังกว้างใหญ่ห้องหนึ่ง ตรวนเหล็กเส้นหนาพันธนาการมือทั้งสองข้าง และขาทั้งสองข้างมีลูกตุ้มน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัม เด็กหญิงนั่งคำรามอย่างอัดอั้นอยู่บนพื้น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้ายับยุ่ง รองเท้าหลุดหายไปดูน่ากลัวเหมือนคนป่า

นักวิจัยที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวหนึ่งกลุ่มยืนสังเกตเธออยู่ห่างๆ พวกเขาตั้งเครื่องสแกนที่ผ่านการปรับแต่งเป็นพิเศษเครื่องหนึ่งไว้ในระยะปลอดภัยเพื่อทำการตรวจสอบเซียวเหยียนหลิงในทุกๆ ด้าน พวกเขาอยากรู้โครงสร้างทางชีวภาพของเธอมาก และจะดีอย่างยิ่งถ้าเอาเธอขึ้นเตียงผ่าตัดเพื่อชำแหละหาของที่สามารถบันดาลความปรารถนาให้เป็นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ชิ้นนั้นออกมาได้

“เอาของออกมาแล้วเราจะปล่อยหนูไป!” เจ้าหน้าที่พิเศษหญิงคนหนึ่งยืนตะโกนอยู่ในระยะห่างหลายสิบเมตร

สิ่งที่ตอบกลับมาคือรอยยิ้มเย็นชากับการแผดเสียงของเซียวเหยียนหลิง เด็กหญิงลากลูกตุ้มออกเดินหลายก้าวแต่กลับต้องล้มลงกลับไปนั่งอย่างหมดแรงดูเหมือนจะอ่อนล้ามาก ความเหนื่อยทำให้เธอร้องไห้โฮออกมาอย่างหลุดฟอร์ม เหมือนเด็กธรรมดาที่กำลังหลงทาง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

พอเห็นฉากนี้ซ่งรุ่ยก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขายิ้มอย่างสนอกสนใจ เด็กคนนี้ทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเธอใหม่จริงๆ การที่เธอสามารถหลบหลีกการโจมตีของฟั่นจยาหลัวได้แสดงว่าเธอต้องไม่ใช่คนธรรมดา

“ผู้ชายตัวโตทั้งกลุ่มแอบอยู่ในห้องควบคุม แล้วให้ผู้หญิงหนึ่งคนไปสอบปากคำผู้ต้องหาในสถานที่ที่เสี่ยงที่สุด สไตล์การทำงานของหน่วยรบพิเศษทีมเก้าของพวกคุณไม่เหมือนใครเลยจริงๆ มิน่าตอนตำรวจชั้นประทวนเข้าไปเป็นด่านหน้าเสี่ยงตาย พวกคุณกลับคอยให้เรื่องจบก่อนค่อยมาเด็ดลูกท้อ เพราะกลัวตายงั้นสิ?” ซ่งรุ่ยหันไปมองหัวหน้าหน่วยรบพิเศษทีมเก้าซึ่งเป็นคนที่ทำร้ายฟั่นจยาหลัวตรงๆ

ชายหนุ่มเป็นคนอารมณ์ร้ายและขี้หงุดหงิด ไม่งั้นเขาคงไม่ไปท้าทายฟั่นจยาหลัวทั้งที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เขาเดินหน้ามาหลายก้าว ถามเสียงเหี้ยมเกรียม “คุณพูดว่าอะไรนะ กล้าพูดอีกรอบหรือเปล่า”

ซ่งรุ่ยมองไปทางมอนิเตอร์ ส่ายหน้าถอนหายใจ “ผู้ชายแมนๆ ทั้งกลุ่มหลบอยู่หลังนักวิจัยหญิงอ่อนแอหนึ่งคนเพื่อรอผลสำเร็จ ผมจะบอกว่าหน่วยรบพิเศษทีมเก้าของพวกคุณเป็นพวกปอดแหกกลัวตายแล้วจะทำไม ถ้าเก่งจริงทำไมพวกคุณถึงไม่ไปจับเซียวเหยียนหลิงเอง ถ้ามีความสามารถจริงทำไมพวกคุณถึงไม่ไปสอบปากคำเซียวเหยียนหลิงเอง น่ากลัวว่าผลงานชิ้นใหญ่ของพวกคุณน่าจะเป็นการแย่งเอาตัวเซียวเหยียนหลิงที่ไม่ได้สติไปจากมือฟั่นจยาหลัวเพื่อพาเธอกลับมาที่นี่มากกว่า เธอตัวหนักมั้ย ทับมือพวกคุณแบนหรือเปล่า”

ซ่งรุ่ยดีดนิ้วเบาๆ พูดต่อ “อ้อ ผมเกือบลืม พวกคุณฉีดยาให้เธอหนึ่งเข็มด้วยนี่นา จะได้มั่นใจว่าเธอหลับสนิทแน่นอน ระหว่างทางที่ส่งเธอกลับมาพวกคุณคงต้องลำบากมาก เพราะพวกคุณต้องคอยผวาทุกนาทีว่าเธอจะตื่นแล้วบดขยี้พวกคุณเป็นผุยผง ความรู้สึกเหนื่อยใจมันทรมานกว่าเหนื่อยกายมาก เรื่องนี้ผมเข้าใจ”

พูดมาถึงตรงนี้เขาก็จับกรอบแว่นหัวเราะเบาๆ ใบหน้างดงามเหมือนจะเต็มไปด้วยตัวอักษรสี่คำ ‘หมิ่นแคลนเยาะหยัน’

ชายหนุ่มโมโหจนบ้า เขากระชากคอเสื้อซ่งรุ่ยหมายตะบันหน้าอีกฝ่าย แต่กลับถูกวาจาเย้ยหยันที่เยียบเย็นคมกริบของซ่งรุ่ยทำให้ตัวแข็งค้าง “สรุปคือคุณเก่งแต่กับคนที่ไม่มีแรงจะมัดไก่แบบผมล่ะสิ ใช่มั้ย เหมือนตอนที่คุณจงใจทำร้ายฟั่นจยาหลัว? กลัวคนแกร่ง รังแกคนอ่อนแอเป็นเอกลักษณ์ของคุณ? งั้นนี่คงเป็นความสามารถที่ค่อนข้าง ‘พิเศษ’ ของหัวหน้าหน่วยรบพิเศษทีมเก้าสินะ สมเป็นมือดีในกลุ่มมือดี มิน่าทีมถึงได้รับภารกิจ ‘สำคัญ’ อย่างการไปเอาตัวเด็กผู้หญิงที่หมดสติมาให้พวกคุณ”

“หัวหน้าครับ เขาแค่เล่นลิ้น คุณอย่าไปถือสาหาความเขาเลย” เจ้าหน้าที่หลายคนเดินมาไกล่เกลี่ย แต่ใบหน้ากลับฉายแววอับอาย เนื่องจากคำพูดของซ่งรุ่ยได้โยนเกียรติภูมิของหน่วยรบพิเศษทีมเก้าของพวกเขาลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำ!

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายครั้งก่อนผลักซ่งรุ่ยออกห่างอย่างแรง เขาตะโกนใส่วิทยุ “ม่ายซา กลับออกมา! ฉันจะไปสอบเซียวเหยียนหลิงเอง! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะล้วงเอาความจริงออกจากปากเด็กนั่นไม่ได้”

ชายหนุ่มผลุนผลันเดินไปโดยที่ไม่มีใครห้ามเขา ต่างพูดกันว่าต้องใช้การทูตนำการทหาร ในเมื่อความอ่อนโยนสุภาพของเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษหญิงทำอะไรเซียวเหยียนหลิงไม่ได้ งั้นถ้าลองเปลี่ยนเป็นการข่มขู่ของผู้ชายตัวล่ำๆ เด็กหญิงน่าจะกลัวแล้วยอมล่ะมั้ง

การเห็นคนกลุ่มนี้เปลี่ยนกลยุทธ์การสอบปากคำทำให้ริมฝีปากบางของซ่งรุ่ยโค้งขึ้นเล็กน้อย

เมิ่งจ้งคล้ายจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่เขากลับไม่พูดสักประโยค คนกลุ่มนี้กำลังใจร้อนอยากเอาของที่อยู่ในตัวเซียวเหยียนหลิงออกมา ความละโมบโลภมากทำให้พวกเขาใช้ทุกวิถีทาง ถ้าเซียวเหยียนหลิงไม่สบถสาบานว่าถ้าเธอตาย ของชิ้นนั้นจะหายไป เกรงว่าคนกลุ่มนี้คงฆ่าเธอไปนานแล้ว

แต่ถ้าจนแล้วจนรอดก็หาของชิ้นนั้นไม่พบ เมิ่งจ้งย่อมมีเหตุผลมากพอที่จะเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะส่งเซียวเหยียนหลิงไปที่ห้องวิจัยสุดโหดเพื่อทำการล้างสมอง ทำให้เธอกลายเป็นสิ่งที่พร้อมตอบสนองความต้องการของพวกเขา พูดได้ว่ามนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดบนโลก ต่อให้พวกเขาไม่ได้รับพลังอะไรก็สามารถเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดเองได้

ชายหนุ่มเป็นคนใจร้อนมาก พอลงไปที่ห้องขังก็เริ่มใช้วาจาบีบคั้นอย่างรุนแรง เนื่องจากสนามแม่เหล็กของเซียวเหยียนหลิงยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งชั้น เธอจึงทำได้เพียงถูกลูกตุ้มล่ามไว้ให้อยู่ที่เดิม ทนรับการข่มขู่จากเขา

“หนูไม่มีวันเอาของให้พวกคุณ เลิกพูดได้แล้ว! กรี๊ดๆๆๆ!” ชายหนุ่มบรรยายขั้นตอนการชำแหละร่างกายของมนุษย์แบบละเอียด เพื่อเป็นการบอกว่าเขาจะชำแหละเซียวเหยียนหลิงเพื่อค้นหาดวงรัศมีในเนื้อหนังของเธอทีละนิ้วๆ มันทำให้เซียวเหยียนหลิงระเบิด เธอเริ่มเอามือกุมศีรษะร้องกรี๊ด สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและแตกตื่น

ชายหนุ่มลำพองใจมาก เขาให้นักวิจัยเปิดจอใหญ่หนึ่งจอเพื่อฉายคลิปการชำแหละร่างกายมนุษย์ ภาพโชกเลือดแบบนั้นไม่มีทางที่เด็กคนหนึ่งจะรับไหว

เมิ่งจ้งขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจในกลยุทธ์การสอบปากคำของชายคนนี้อย่างที่สุด เพราะมันคือการทารุณจิตใจกันชัดๆ

แต่หัวหน้าทีมกลับพอใจผลงานของชายหนุ่มมาก เขาหยิบวิทยุมาพูด “ดีมาก นายเล่นงานจนปราการทางจิตของเธอพังแล้ว เธอเริ่มกลัว ออกแรงมากขึ้นอีกนิด เราจะได้จัดการเธออยู่หมัด”

ใบหน้ากระหยิ่มของชายหนุ่มปรากฏอยู่บนจอมอนิเตอร์ ทว่าซ่งรุ่ยกลับมองใบหน้านั้นด้วยแววตาที่มีประกายพึงพอใจจางๆ

ชายหนุ่มให้นักวิจัยฉายคลิปการชำแหละร่างกายมนุษย์แบบต่างๆ และเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นเพื่อเพิ่มอำนาจในการข่มขวัญ ไม่มีเสียงร้องจากคนที่ถูกชำแหละ แต่ตอนมือมีดแล่ลอกเนื้อหนัง ตัดกระดูกของพวกเขา เสียงควานในน้ำเลือดของพวกเขามันชวนให้หนังศีรษะชา เพราะความน่ากลัวไม่ได้อยู่ที่เสียงกรีดร้อง แต่อยู่ที่เสียงแผ่วเบาในความเงียบสนิท เนื่องจากคุณไม่มีทางรู้เลยว่าเสียงนั้นมาจากมนุษย์หรือสัตว์ประหลาด และสุดท้ายสิ่งที่ทำให้คุณผวาที่สุดคือความไม่รู้และการคาดเดา

เสียงสวบสาบพวกนี้เปรียบเสมือนผีร้ายสำหรับเซียวเหยียนหลิง เสียงกรีดร้องของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ โหยหวนขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันตุ้มเหล็กที่ขาทั้งสองข้างพลันถูกพลังจิตของเธอโยนขึ้นสูงและเหวี่ยงตัวเธอออกไป ตุ้มเหล็กกระแทกลูกกรงไม่หยุดทำให้ตัวเด็กหญิงกระแทกซี่ลูกกรงไม่ยั้ง เสียงดังปึงๆๆ เธอเริ่มทรมานตัวเองเพื่อหลีกหนีการข่มขวัญของชายหนุ่ม

ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาที เซียวเหยียนหลิงถูกกระแทกจนหัวแตก เลือดไหล สติเลือนรางก่อนจะหายไปพร้อมพลังจิตของเธอ ตุ้มเหล็กหล่นตุ้บลงมาทำให้เด็กหญิงกระแทกพื้นอย่างแรงอีกครั้ง

“ความกลัวทำให้เธอมีแนวโน้มทำร้ายตัวเอง!” นักวิจัยพูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “เรากระตุ้นเธอมากเกินไป มากเกินกว่าที่เธอจะรับไหว”

“รีบปิดคลิปกับเสียง!” หัวหน้าทีมรีบออกคำสั่ง

“เธอหมดสติไปแล้ว!” นักวิจัยอีกคนชี้ไปที่กราฟที่กลายเป็นเส้นตรงทั้งหมดบนเครื่องสแกน

“รีบไปดูว่าตอนนี้เธอเป็นยังไง ก่อนรู้ตำแหน่งของของชิ้นนั้นเราจะปล่อยให้เธอตายไม่ได้เด็ดขาด!” หัวหน้าทีมลนลาน เขาเดินออกจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ โยนวิทยุทิ้งเพื่อไปดูที่ห้องขังด้วยตัวเอง พลังที่สามารถบันดาลความปรารถนาให้เป็นจริง ใครบ้างไม่อยากได้ ถ้าพลาดไปเท่ากับพลาดโลกทั้งใบ!

มือดีของหน่วยรบพิเศษทีมเก้าต่างตามหัวหน้าลงไปดูสถานการณ์ ภายในห้องควบคุมจึงเหลือแต่ซ่งรุ่ย เมิ่งจ้ง และนักวิจัยหนึ่งคน

“ใช้วิธีการสอบปากคำแบบนี้กับเด็กคนหนึ่ง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าหน่วยพิเศษรับคนแบบไหนเข้ามา” เมิ่งจ้งมองจอมอนิเตอร์ สั่นศีรษะถอนหายใจ

ซ่งรุ่ยพูดเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน “เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มแล้ว อย่ากะพริบตา”

“อะไร”

เมิ่งจ้งใจสั่นสัมผัสได้ถึงความไม่สู้ดี และแล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้นในวินาทีต่อมา เมื่อคนที่ปราดเข้าไปหาเซียวเหยียนหลิง รวมไปถึงหัวหน้าหน่วยรบพิเศษคนนั้น ถูกอำนาจประหลาดสะกดให้หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าของพวกเขาแข็งค้าง ตัวแข็งทื่อ มีเพียงเส้นเลือดกับความตื่นตระหนกในดวงตาที่ฟ้องถึงความหวาดกลัวในใจ

เซียวเหยียนหลิงที่สลบอยู่ในตอนแรกพลันลืมตา ยื่นมือมาวางบนหน้าผากของหัวหน้าหน่วยรบพิเศษ ริมฝีปากแย้มออกเพื่อกระอักเลือดและยิ้มสดใสพร้อมกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหัวหน้าหน่วยรบพิเศษคือคนที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม หลังได้สูบกลืนเขา สนามแม่เหล็กของเด็กหญิงก็ขยายออกไปได้มากขึ้นกว่าเดิม ความหวาดกลัว ทำอะไรไม่ถูก การทำร้ายตัวเอง และหมดสติก่อนหน้านี้ล้วนเป็นละครที่เธอกำกับเอง เล่นเอง เพื่อล่อให้แมลงตัวเล็กตัวน้อยพวกนี้มาติดกับ ไม่รู้ว่าในสมองของเด็กหญิงมีความคิดพิสดารอยู่มากแค่ไหน เสียดายที่เจ้าหน้าที่พิเศษหญิงคนนั้นระมัดระวังตัวมากเกินไป ไม่ยอมเข้าใกล้เธอ เลยกลายเป็นเจ้ายักษ์โง่คนนี้ที่ให้โอกาสเธอแทน

นิ้วของเด็กหญิงสั้นและเล็กมาก แต่แค่วางมันลงบนใบหน้าของหัวหน้าหน่วยรบพิเศษ อีกฝ่ายกลับเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณ ปล่อยให้เธอควบคุม ดูดกลืน ช่วงชิง ภายในชั่วพริบตาชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงก็แห้งเหี่ยวหมดสภาพ คนที่ยืนอยู่รอบตัวเขาหน้าเปลี่ยนสีทันที แววตาเลื่อนลอย พลังชีวิตของพวกเขาต่างก็กำลังไหลออกจากตัว

ในตอนนี้สนามแม่เหล็กของเซียวเหยียนหลิงพลันขยายใหญ่ขึ้นอย่างที่สุด เครื่องสแกนที่ตั้งอยู่ในระยะปลอดภัยพวกนั้นทยอยระเบิดทีละเครื่อง บรรดาหัวหน้าหน่วยที่เพิ่งเดินออกจากลิฟต์พากันหน้ามืดเพราะถูกสนามแม่เหล็กที่แผ่ขยายออกไปเงียบๆ ช่วงชิงพลังชีวิตไปอย่างตะกละตะกลาม

“ปังๆๆ…” เสียงห้องขังสั่นไหว กล้องวงจรปิดที่ทำขึ้นจากวัสดุพิเศษถูกเซียวเหยียนหลิงที่มีพลังเพิ่มมากขึ้นระเบิดทิ้ง ภาพที่เคยมองเห็นได้ชัดกลายเป็นภาพเกล็ดหิมะซู่ซ่า จอมอนิเตอร์ไม่สามารถฉายภาพของเด็กหญิงได้อีก

นักวิจัยที่นั่งยองๆ อยู่ในห้องควบคุมตกใจจนเสียขวัญ เขาอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งก่อนติดต่อศูนย์ควบคุมเพื่อขอให้ทุกหน่วยมาช่วย คิดไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจที่ผิดพลาดของหัวหน้าหน่วยรบพิเศษคนนั้นจะส่งผลร้ายแรงขนาดนี้

เมิ่งจ้งยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ และไม่ได้ติดต่อลูกทีมของตัวเอง เพราะคนเหล่านั้นคือเส้นเลือดหลักของเขา เป็นคนที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับเขา บุกน้ำลุยไฟกับเขา ไม่เคยหักหลังเขา แล้วเขาจะส่งลูกน้องไปสังเวยชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ได้ยังไง พูดกันจริงๆ คือฝ่ายนั้นหาเรื่องใส่ตัวเอง ย่อมต้องโดนแบบนี้

ซ่งรุ่ยชี้ไปที่ภาพบนจอมอนิเตอร์ที่กลายเป็นเหมือนเกล็ดหิมะซู่ซ่า ยิ้มบางๆ เอ่ย “ฉันบอกแล้วว่าพวกนี้เลี้ยงเสียข้าวสุก เป็นแค่จำอวด สำหรับเซียวเหยียนหลิง การชำแหละมนุษย์ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เพราะเธอเคยผ่านเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในโลกมาแล้ว เธอหลอมหัวใจตัวเองจนกลายเป็นกำแพงเหล็ก พวกนายประเมินเธอต่ำเกินไป”

“เธออายุแค่นี้จะไปผ่านประสบการณ์น่ากลัวที่สุดอะไรได้ เธอแค่เสแสร้งเก่งและเหี้ยมพอที่จะทรมานตัวเองจนเจียนตาย เป็นปีศาจมาตั้งแต่เกิด!” ขนอ่อนๆ ทั่วตัวของเมิ่งจ้งชูชัน เขาเคยเข้าใจว่าเด็กหญิงเป็นเหยื่อที่แสนน่ารักในดงฉลาม แต่คิดไม่ถึงว่าเธอต่างหากที่เป็นฉลามขาวกินคนจริงๆ!

“ฆ่าพ่อแม่ตัวเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดในโลกแล้วหรือยัง” ซ่งรุ่ยเปิดประตูห้องทำงานแล้วเดินออกไป

เมิ่งจ้ง “…”

แม่งเอ๊ย นี่มันตัวอะไรวะ! การอยู่ร่วมโลกกับคนพวกนี้มันยากเกินไปแล้ว! ซ่งรุ่ยแม่งก็เป็นปีศาจเหมือนกัน! อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าคนของหน่วยรบพิเศษทีมเก้าถูกนายยุให้ไปตาย!

เมิ่งจ้งตามออกไป ตั้งใจจะไกล่เกลี่ย แต่ต้องปิดปากอย่างจนใจ เนื่องจากมีคนวิ่งผ่านเขาไปมากมาย แต่ละคนล้วนมีสีหน้าร้อนรนเห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกเซียวเหยียนหลิงทำให้ป่วนกันไปหมด ซ่งรุ่ยพูดไว้ไม่ผิด เผือกร้อนขนาดนี้ ต่อให้เป็นหน่วยพิเศษก็กินลงไปไม่ได้

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 10 .. 65

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com