everY
ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4 บทที่ 147 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว
มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน
การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 147 คำอธิษฐานของติงอวี่
ฟั่นข่ายเสวียนไม่กล้ามองแม่อีก และยิ่งไม่กล้ามองฟั่นจยาหลัว ทำได้เพียงซบหน้าแก่ๆ ของตัวเองลงบนฝ่ามือเพื่อหัวเราะอย่างเจ็บปวดและเต็มไปด้วยอารมณ์เยาะหยัน
ติงอวี่ไม่รู้ว่าจะปลอบเพื่อนสนิทอย่างไร อันที่จริงตัวเขาเองยังดึงสติกลับมาไม่ได้ ทำได้เพียงตบหลังเพื่อนสนิทเบาๆ ตีให้ตายเขาก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจริงจะพิสดารได้ถึงขั้นนี้! มิน่าฟั่นจยาหลัวถึงเอาแต่บอกว่าเพื่อนสนิทไม่ควรมีตัวตน ที่แท้ก็มีความหมายแบบนี้! โลกในสายตาอีกฝ่ายแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง!
ฟั่นจยาหลัวหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนพูดต่อ “สำหรับคุณข่ง การถือกำเนิดของคุณเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายอย่างมาก ตอนแรกเธอไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกใคร แต่พอคุณยิ่งโตยิ่งเหมือนฟั่นลั่วซานแบบไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอก็คอนเฟิร์มความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้ มันทำให้เธอฉุกใจ เธอเลยเริ่มคำนวณวันแล้วต้องตกใจ เมื่อพบว่าคุณไม่ใช่ลูกของใครแต่เป็นเด็กที่เกิดมาจากความคิดของเธอเอง เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานในใจเธอ
เธอไม่กล้าพาคุณกลับประเทศทันที เพราะคุณเกิดมาแบบอัศจรรย์มากเกินไป เธอจำเป็นต้องทดสอบความเสถียรของคุณก่อน เธอต้องเฝ้าสังเกตคุณดูว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นตัวอะไร”
ฟังมาถึงตรงนี้ฟั่นข่ายเสวียนก็เงยหน้ามองแม่ด้วยท่าทางที่ชวนให้รู้สึกว่าน่าสังเวช ทดสอบความเสถียร การใช้คำแบบนี้ไม่เหมือนเป็นการบรรยายถึงสิ่งมีชีวิต แต่เขารู้สึกชัดเจนมากว่าฟั่นจยาหลัวพูดไม่ผิด ในความรู้สึกของแม่ เขาเป็นผลผลิตที่ปราศจากความมั่นคง
“ตอนคุณโตได้สักแปดเก้าขวบ เธอแน่ใจแล้วว่าคุณจะไม่หายไปแบบปุบปับเลยเตรียมพาคุณกลับประเทศ แต่เธอเจอการขัดขวางจากคนอื่น คุณนายฟั่นให้คนคอยจับตาดูพวกคุณแม่ลูกอยู่ตลอด ไม่ยอมให้พวกคุณเดินทางกลับประเทศ แผนของคุณข่งเลยพัง ทำได้แค่พาคุณกลับไปดิ้นรนในชนชั้นล่างสุดของสังคมเพื่อเฝ้ารอโอกาสเงียบๆ ความสามารถในการหาเงินของคุณทำให้เธอเซอร์ไพรส์มาก และความอ่อนโยนหัวอ่อนของคุณยิ่งน่าเซอร์ไพรส์เข้าไปใหญ่ ไม่ว่าเธอจะหลอกคุณยังไง ใช้คุณแบบไหน คุณก็ไม่เคยตั้งข้อสงสัย เรื่องนี้ทำให้เธอพอใจมาก
เพราะคุณทำให้ชีวิตของเธอเริ่มมีสีสัน ตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะไม่กลับประเทศไปจนตลอดชีวิต แต่คุณนายฟั่นตาย สกุลฟั่นขาดนายหญิง ความโลภของเธอเลยเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันเติบโตเร็วมาก เธอไม่ยอมให้สมบัติของสกุลฟั่นตกมาถึงมือผม เพราะมันควรเป็นของของเธอ เธอเลยพาคุณกลับประเทศ อาศัยกำลังเงินและอิทธิพลของคุณเพื่อทำให้เธอกลายเป็นคุณนายฟั่นสมใจ”
ฟั่นจยาหลัวลูบริมฝีปากบาง น้ำเสียงเย็นชาไร้น้ำใจ “ตอนฟั่นข่ายซวี่เกิด ตัวตนของคุณก็ไร้ความหมายสำหรับเธอ เพราะเธอรู้มาตลอดว่าคุณไม่ใช่ลูกของเธอ ถึงขั้นเรียกไม่ได้ว่าเป็นมนุษย์จริงๆ คนหนึ่งด้วยซ้ำ ด้านหนึ่งเธอใช้ประโยชน์จากคุณ แต่อีกด้านกลับปฏิเสธตัวตนของคุณ ฟั่นข่ายซวี่เข้ามาแทนที่คุณทุกอย่าง ท่าทีที่เธอมีต่อคุณจึงเปลี่ยนจากรักษาระยะห่างเป็นหลีกเลี่ยง ต่อมาเธอพบว่าฟั่นลั่วซานใกล้ล้มละลาย ความฝันที่จะได้เป็นคุณนายไฮโซของเธออยู่ได้แค่สามปีก็จะพังพินาศ ลูกชายที่เธอรักที่สุดไม่สามารถรับสืบทอดทรัพย์สมบัติใดๆ ต้องกลายเป็นคนยากไร้ ในขณะที่คุณประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่สมบัติทุกอย่างของคุณจะต้องเป็นของภรรยากับลูกคุณ เธอกับฟั่นข่ายซวี่จะได้รับส่วนแบ่งแบบน่าสงสาร แค่หนึ่งในสี่ หนึ่งในห้า หรือน้อยกว่านั้น
ด้วยเหตุนี้ท่าทีของเธอที่มีต่อคุณจึงเปลี่ยนจากหลีกเลี่ยงเป็นปฏิเสธ เดิมคุณเป็นสิ่งที่ถือกำเนิดจากความปรารถนาของเธออยู่แล้ว ทันทีที่เธอปฏิเสธตัวตนของคุณ คุณย่อมหายไป นี่คือสาเหตุที่คุณล้มป่วย”
ขนตาที่หลุบต่ำของฟั่นจยาหลัวสั่นสะท้านน้อยๆ แววตาหม่นมัวอย่างประหลาดกวาดมองใบหน้าของฟั่นข่ายเสวียน เขาพูดตรงๆ “ตอนคุณเซ็นพินัยกรรม เท่ากับคุณเซ็นใบมรณบัตรของตัวเอง”
ในที่สุดฟั่นข่ายเสวียนก็ทนรับการกระหน่ำโจมตีไม่ไหว เขาแผดเสียงออกมาอย่างเศร้าเสียใจและสิ้นหวัง ที่แท้ชะตากรรมของเขา ชีวิตของเขา ทุกอย่างที่เขาฝ่าฟันมา เป็นแค่เรื่องชวนหัวไร้สาระ! นาทีที่ถือกำเนิด เขาก็ถูกกาหัวให้เป็นแค่ของเล่นในมือของผู้หญิงคนหนึ่ง!
“ทำไมแม่ทำกับผมแบบนี้” ฟั่นข่ายเสวียนน้ำตาไหล เขาเอ่ยถามด้วยแรงเฮือกสุดท้าย
ข่งจิ้งส่ายหน้าปฏิเสธอย่างบ้าคลั่ง “ไม่ใช่นะ! แม่ไม่เคยอยากให้ลูกตาย! แม่เห็นลูกเป็นลูกของแม่มาตลอด! แม่สาบานได้ ถ้าแม่มีความคิดอยากให้ลูกตายแม้แต่น้อย ขอให้สวรรค์ลงโทษให้แม่ตาย! ตอนเห็นลูกล้มป่วย แม่ตกใจจนขวัญกระเจิง แม่ไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง จริงๆ นะ จริงๆ ลูกเชื่อแม่นะ ข่ายเสวียน!”
ข่งจิ้งร้องไห้พลางคุกเข่าลงบนพื้น ความเจ็บปวดที่เกิดจากไม่ได้รับความเชื่อถือเหมือนจะระเบิดอยู่ในใจเธอ
ทว่าซ่งรุ่ยกลับมองดวงตาสีขุ่นของเธอแล้วพูดเสียงหนัก “คุณยังฟังไม่เข้าใจอีกเหรอ จิตใต้สำนึกของคุณสร้างฟั่นข่ายเสวียนขึ้นมา เมื่อจะกำจัดเขาก็ต้องใช้จิตใต้สำนึกของคุณ คุณเคยวาดฝันมาหลายต่อหลายครั้งแล้วใช่มั้ยว่าถ้าฟั่นข่ายเสวียนตาย คุณกับลูกชายคนเล็กของคุณจะได้สมบัติเท่าไหร่ ความคิดพวกนี้คือคำสั่งลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้จิตใต้สำนึกของคุณค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น และตอนฟั่นข่ายเสวียนเซ็นพินัยกรรมแล้วมีผลทางกฎหมาย จิตใต้สำนึกของคุณก็เป็นอิสระ มันเหนี่ยวไกที่รออยู่นานอย่างไม่ลังเล คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ เพราะตอนที่คุณไม่แน่ใจว่าพินัยกรรมมีผลทางกฎหมายแล้วหรือยังทำให้ฟั่นข่ายเสวียนต้องวนเวียนอยู่ระหว่างความเป็นกับความตายถึงสองรอบ มันได้ฟ้องถึงความโลภกับความเหี้ยมโหดในใจคุณหมดแล้ว แก้ตัวไปก็เปล่าประโยชน์ การที่เขาต้องนอนอยู่ที่นี่ทั้งหมดเป็นผลงานของคุณ”
ข่งจิ้งไม่รู้ว่าจะโต้คำพูดพวกนี้ยังไง หลังถูกฟั่นจยาหลัวปั่นหัวหลายต่อหลายครั้ง เธอตระหนักได้ว่าความเจ็บไข้ของลูกชายเหมือนจะเกี่ยวพันกับความคิดของตัวเอง เธอปิดหน้าร้องไห้โฮ ไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับทุกสิ่งในเวลานี้ยังไง เมื่อความคิดน่ารังเกียจพวกนั้นถูกแฉออกมา มันทำให้เธอรู้สึกอับอายและพังทลาย ฟั่นข่ายเสวียนเป็นก้อนเลือดที่ออกมาจากร่างกายของเธอ มีความรักต่อกันอย่างลึกซึ้งมานานถึงยี่สิบกว่าปี แต่เธอกลับควบคุมจิตใต้สำนึกของตัวเองไม่ได้ ถึงขั้นไม่รู้ว่าที่แท้ตัวเองอยากฆ่าเขา!
ฟั่นข่ายเสวียนจ้องเธอตาเขม็ง แต่สีหน้ากลับไร้อารมณ์ความรู้สึก ชีวิตของเขาร่อแร่ จิตใจไม่สมบูรณ์ เขาจึงไม่รู้สึกเกลียดแค้นผู้หญิงคนนี้ ทว่าความรักที่เขามีต่อเธอได้สลายไปแล้ว
“อาจารย์ฟั่น โรคของข่ายเสวียนรักษาได้หรือเปล่าครับ” ปัญหาที่คาใจติงอวี่ที่สุดยังคงเป็นเรื่องนี้
ฟั่นจยาหลัวมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้งแวบหนึ่ง ผงกศีรษะ “ก่อนเจอคุณ ผมตั้งใจแขวนความโลภของคุณข่งไว้กับชีวิตของฟั่นข่ายเสวียน ถึงจะไม่อายุยืนเป็นร้อยปี แต่อีกสักสามปีห้าปียังพอไหว แต่หลังเจอคุณ ผมรู้สึกว่าเขาสามารถอยู่ได้นานกว่านั้น”
“หมายความว่าอะไร” ติงอวี่รีบซัก
“หมายความว่าคนที่อยากช่วยเขาจริงๆ คือคุณ ไม่ใช่ผม” ฟั่นจยาหลัวเดินไปหาข่งจิ้งกุมมือข้างหนึ่งของเธอไว้เบาๆ ลดเสียงลง “ปล่อยลูกคนนี้ไปเถอะครับ เขาเรียกคุณว่าแม่มายี่สิบกว่าปี เขาเลี้ยงดูคุณ มอบชีวิตหรูหราในฝันให้คุณ ถึงขั้นยอมรับพ่อที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองอย่างฟั่นลั่วซาน เขาอุทิศชีวิตให้คุณมายี่สิบกว่าปี คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้เขา แค่ปล่อยเขาไปก็พอ
ปล่อยลูกคนที่จนถึงตอนนี้ก็ยังเกลียดแค้นคุณไม่ลงคนนี้ไปได้หรือเปล่าครับ” ฟั่นจยาหลัวชี้ไปที่สองตาที่ฉายแววมรณะของฟั่นข่ายเสวียน
ข่งจิ้งเผลอมองตามปลายนิ้วของเขาไปแล้วเปล่งเสียง “อ่า” เวลานี้เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองทรมานลูกคนนี้ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ารู้แต่แรกว่าแค่คิดก็สามารถทำร้ายลูกได้ เธอไม่มีวันปล่อยตัวไปตามความโลภของตัวเองเด็ดขาด!
“ได้ ฉันปล่อยเขา ฉันปล่อยเขาแล้ว! ฉันไม่อยากให้เขาตาย จริงๆ นะ! เวลายี่สิบกว่าปีฉันจะไม่รักเขาได้ยังไง ฉันรักเขา ฮือๆๆ!” ข่งจิ้งร้องไห้จนหายใจไม่ทัน ฟั่นจยาหลัวเชื่อว่าคำสารภาพของเธอในเวลานี้เป็นความจริงที่มาจากใจ เนื่องจากหยกขนาดหัวนิ้วโป้งสาดแสงสีเทาเรืองรองหนึ่งอันลอยออกมาจากฝ่ามือของเธอ ก่อนถูกฟั่นจยาหลัวกำไว้แน่น
“นี่คือสิ่งที่สร้างคุณขึ้นมา” ฟั่นจยาหลัวกำป้ายหยกรูปปลานี้ไว้ขณะบอกฟั่นข่ายเสวียนที่เบิกตากว้างขึ้นทันที
“ประธานติงครับ ยื่นมือของคุณออกมาหน่อย” ฟั่นจยาหลัวหันไปหาติงอวี่
ติงอวี่ยื่นมือออกมาอย่างงงๆ ถามว่า “อาจารย์ฟั่นอยากให้ผมทำอะไรหรือครับ”
“ผมอยากให้คุณอธิษฐาน ขอให้ฟั่นข่ายเสวียนมีชีวิตอยู่ต่อไป ของชิ้นนี้จะได้ยินเสียงร้องเรียกในใจของมนุษย์ ถ้าคำอธิษฐานของคุณสามารถทำลายขีดจำกัดจนมันได้ยิน มันจะช่วยทำให้คำอธิษฐานของคุณเป็นจริง บนโลกนี้ใครคือคนที่หวังให้ฟั่นข่ายเสวียนรอดมากที่สุด ผมคิดว่าคงมีแต่คุณ” พูดมาถึงตรงนี้ฟั่นจยาหลัวที่ทำหน้าเครียดมาตลอดก็แย้มยิ้มบางๆ ออกมา
พริบตาที่เห็นติงอวี่ ฟั่นจยาหลัวก็รู้ว่าคนคนนี้คือความหวังในการรอดชีวิตของฟั่นข่ายเสวียน
“ผม…ให้ผมอธิษฐาน? มีแต่ผมที่ทำได้หรือ” ติงอวี่ที่ถูกผู้คนขนานนามว่าเสือหน้ายิ้มเกิดอาการหน้าแดง หูแดง ขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด
ฟั่นข่ายเสวียนเผลอหันไปมองเขา ใบหน้าเฒ่าชราไม่สามารถแสดงสีหน้าสับสน ทว่าในดวงตาขุ่นมัวกลับมีประกายไม่แน่ใจจางๆ
ติงอวี่สบตากับเขาแวบหนึ่งแล้วถามเสียงจริงจัง “อธิษฐานให้ทำลายขีดจำกัดแปลว่าอะไร ถ้าทำลายไม่ได้ล่ะ”
“ความหมายของการทำลายขีดจำกัดคือคำอธิษฐานที่คุณอยากให้ฟั่นข่ายเสวียนรอดอยู่เหนือกฎเกณฑ์ในชีวิตของคุณทุกอย่าง คุณต้องแคร์ชีวิตของเขาเหมือนที่แคร์ชีวิตตัวเอง ถ้าความปรารถนาของคุณไม่แรงถึงขั้นนั้น เขาก็มีแต่ต้องรอความตาย คุณอยากลองหรือเปล่า”
ใบหน้าของติงอวี่แดงเรื่อ แต่กลับผงกศีรษะอย่างแน่วแน่ “ลองครับ เพราะนอกจากผมดูเหมือนจะไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าอีก”
แต่ฟั่นข่ายเสวียนกลับบีบข้อมือติงอวี่แน่น ส่ายหน้าน้อยๆ
ติงอวี่มองเข้าไปในสองตาที่ขุ่นมัวของอีกฝ่ายแล้วเข้าใจความหมายทันที ฟั่นข่ายเสวียนกำลังห่วงว่าคำอธิษฐานครั้งนี้จะทำให้ตัวเองกระโดดออกจากหลุมของแม่แล้วตกลงไปในหลุมของติงอวี่แทน เนื่องจากชีวิตของเขาได้มาจากคนอื่น เขาย่อมต้องทำตามคนคนนั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขากลัวอนาคตที่ต้องถูกบงการ ปฏิเสธการผูกมัดตัวเองกับติงอวี่ และยิ่งไม่อยากยอมรับความรู้สึกของอีกฝ่ายจนเกิดความรู้สึกที่ผิดธรรมชาติ
อันที่จริงเขารู้มานานแล้วว่าติงอวี่คิดอะไรกับตัวเอง แต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้มาโดยตลอด ถึงขั้นใช้ประโยชน์จากความรักของติงอวี่อย่างช่ำชองเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์และความก้าวหน้า ถ้าไม่มีทุนที่ไร้ขีดจำกัดกับเส้นสายที่แข็งแกร่งของติงอวี่ เขาไม่มีทางใช้เวลาแค่ไม่กี่ปีก็นำพาข่ายเสวียนกรุ๊ปให้เติบโตยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้
ฟั่นข่ายเสวียนสมกับเป็นลูกชายของข่งจิ้ง เพราะในใจมีความเห็นแก่ตัวและโหดร้ายเหมือนกัน ต่อให้อยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เขาก็ยังสามารถจับความรู้สึกนึกคิดของติงอวี่ได้อย่างแม่นยำ เขารู้ว่าขอแค่ตัวเองแสดงท่าทีลำบากใจและไม่อยากแค่เล็กน้อย อีกฝ่ายก็จะยอมประนีประนอมอย่างไม่มีเงื่อนไข
ติงอวี่มองสองตาที่เต็มไปด้วยการบอกปัดและคิดคำนวณของฟั่นข่ายเสวียนแล้วพลันหัวเราะออกมา
“วางใจเถอะ ฉันไม่ทำอะไรล้ำเส้นหรอก” เขาค่อยๆ แกะมือ ‘เพื่อนสนิท’ แล้ววางมือลงบนฝ่ามือที่ถือป้ายหยกของฟั่นจยาหลัว พูดเน้นทีละคำ ทีละประโยค “ผม ติงอวี่ ขอให้ฟั่นข่ายเสวียนอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง”
เขาหยุดนิ่งไปนานก่อนพูดเสียงแหบ “ผมขอให้เขามีชีวิตอยู่โดยไม่ถูกใครบงการ ไม่ถูกใครบีบบังคับ ขอให้เขาอยู่เพื่อตัวเอง มีอิสระ ได้ทำตามใจปรารถนา”
ทันใดนั้นป้ายหยกพลันเปล่งประกายเรืองรองก่อนแทรกซึมเข้าไปในฝ่ามือของฟั่นจยาหลัวช้าๆ และหายวับไป ขณะเดียวกันใบหน้าเฒ่าชราของฟั่นข่ายเสวียนได้เปลี่ยนกลับเป็นหนุ่มหล่ออีกครั้ง ร่างกายผอมแห้งเริ่มมีเนื้อหนังช้าๆ ผมที่ขาวโพลนร่วงหมดหัวกลับมีผมสีดำงอกขึ้นมาใหม่ ฟันฟางง่อนแง่นเรียงแน่นครบถ้วนอย่างรวดเร็ว…
แค่ชั่วอึดใจ ชายหนุ่มกลับคืนสู่ลักษณะพีคสุด ความขุ่นมัวในดวงตาพลันหายไป เปล่งประกายเจิดจ้า เขามองร่างกายแข็งแรงของตัวเองด้วยสีหน้าไม่กล้าเชื่อ ในความรู้สึกเลือนๆ เหมือนเรื่องทั้งหมดเมื่อครู่เป็นความฝันเพ้อเจ้อหนึ่งตื่น
ข่งจิ้งอุทานอย่างตื่นเต้นดีใจ ฟั่นจยาหลัวกวักมือเรียกซ่งรุ่ยเป็นการบอกให้เขาตามตนออกไป
ติงอวี่คิดไม่ถึงว่าคำอธิษฐานของตัวเองจะเป็นจริง แต่หลังความดีใจ สิ่งที่เหลือคือความโล่งอก เพื่อคนคนนี้เขาเดินทางจากอเมริกามาประเทศจีน จากนิวยอร์กเปลี่ยนมาทำศึกที่ปักกิ่ง เสี่ยงภัยมากมาย ได้กำไรมหาศาล แต่กลับสูญเสียความเป็นตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาของตนคอยติดตามคนคนนี้ และใจเฝ้าพะวงถึงแต่อีกฝ่าย ถึงขั้นกลายเป็นโรคติดเหล้าเพื่อเสาะหาการปลอบโยนลวงตาในความบ้าคลั่งและเมามาย
ทั้งที่ฟั่นข่ายเสวียนรู้ทุกอย่าง แต่ด้านหนึ่งกลับเอาแต่บอกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่าให้ดื่มน้อยหน่อย และให้ความหวังเล็กๆ น้อยๆ แก่เขา ส่วนอีกด้านยิ่งใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนอย่างไม่เกรงใจ
พอแล้ว ติงอวี่บอกตัวเองเงียบๆ อยู่ในใจ เขาทุ่มลงไปมากพอแล้ว การให้คนคนนี้ได้มีชีวิตอย่างอิสระ ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดจากความรักที่ไร้ความหวัง เขามองฟั่นข่ายเสวียนที่กำลังดื่มด่ำกับความยินดีจนแทบคลั่งแล้วยิ้มอย่างพอใจบางๆ ก่อนผลักประตูเดินตามฟั่นจยาหลัวไป
ตอนที่ฟั่นข่ายเสวียนได้สติ ภายในห้องพักผู้ป่วยก็เหลือแค่แม่กับตัวเอง ฟั่นจยาหลัวไปแล้ว ซ่งรุ่ยไปแล้ว แม้แต่ติงอวี่ก็หายไปด้วย ทำไมติงอวี่ถึงไม่อยู่ อีกฝ่ายอยากให้เขามีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาวที่สุดไม่ใช่เหรอ คำอธิษฐานของติงอวี่สามารถกลบฝังความละโมบของข่งจิ้งและช่วยเขาได้ แล้วทำไมติงอวี่ถึงจากไปเงียบๆ
ฟั่นข่ายเสวียนขมวดคิ้วเข้ม หยุดการเคลื่อนไหวลงทันที นาทีที่ได้รับชีวิตใหม่โดยไม่มีติงอวี่อยู่ด้วยมันเหมือนกับเขาสูญเสียสีสันและสิ่งสำคัญส่วนใหญ่ไป ฟั่นข่ายเสวียนรีบสวมรองเท้าและผลักประตูตามออกไป แต่กลับเห็นโถงทางเดินเวิ้งว้างว่างเปล่า
หมอเจ้าของไข้เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยฝั่งตรงกันข้ามพอดี เขามองฟั่นข่ายเสวียนที่กลับมามีรูปลักษณ์และลักษณะในจุดพีคสุดแล้วหูฟังในมือถึงกับร่วงลงพื้นดังแกร๊ก
“อัศจรรย์ มหัศจรรย์! อาจารย์ฟั่นสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆ!” หมอวิ่งกระเจิงพลางตะโกนเสียงดัง ไม่นานทั้งชั้นก็อลหม่าน
ทว่าฟั่นข่ายเสวียนกลับมองทางออกที่ปลายทางเดินซึ่งว่างเปล่าพลางคิดในใจอย่างขมขื่นอย่างมากว่าฟั่นจยาหลัวไม่ใช่คนที่สร้างปาฏิหาริย์ แต่เป็นเพื่อนแท้ชั่วชีวิตของเขาต่างหาก
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 4
วางจำหน่ายที่ร้าน JamClub, เว็บไซต์ Jamsai Store และร้านหนังสือทั่วไป