everY
ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 6 บทที่ 216 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 6
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่
อาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ
การบังคับหรือโน้มน้าวให้
การฆ่าตัวตาย การใคร่เด็ก การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทารุณสัตว์ การลักพาตัว
การทรมาน การฆาตกรรมและแยกชิ้นส่วนร่
การสังหารหมู่ และฉากนองเลือด ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 216 สาเหตุการตายพิสดาร
ภายในลิฟต์ความเร็วสูง ลักษณะเป็นพื้นที่แคบปิดตาย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าหรือออกได้ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติไม่มีปัญหา แต่วินาทีต่อมากลับมีศพเย็นชืดหนึ่งศพโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ภาพแบบนั้นมันไม่น่าตกใจหรือ เกรงว่าคำถามนี้คงมีแต่คนหกคนที่อยู่ในลิฟต์เท่านั้นที่ตอบได้ เนื่องจากเรื่องสยดสยองพิลึกพิลั่นแบบนี้คนทั่วไม่คงไม่กล้าแม้แต่จะคิด ในขณะที่พวกเขาเจอกับตัวเลยจริงๆ
ภาพจากคลิปกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าแม่บ้านวัยกลางคนที่พบศพคนแรกตกใจจนนิ่งไปแล้ว เมื่อทุกคนถูกเสียงกรี๊ดของเธอเรียกให้หันมาเห็นก็ขวัญกระเจิงเช่นกัน แต่ละคนถดตัวไปเบียดประตู หลังแนบติดประตูลิฟต์ อยากทะลุกำแพงหายตัวไปจากที่นี่ใจแทบขาด
พอไปถึงชั้นที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกด ประตูลิฟต์เปิดออกโดยไร้เสียงเตือน ทั้งหกจับกลุ่มหกล้มหกลุกกันออกไป ส่วนคนที่คอยอยู่ชั้นนี้ตั้งใจจะเดินเข้าไป ปลายเท้าเพิ่งจะก้าวเข้าประตูลิฟต์ก็ต้องดึงกลับมาทันที แม้ไมค์รับเสียงของกล้องวงจรปิดจะไม่ดีมาก แต่สามารถได้ยินเสียงกรี๊ดที่ดังเป็นระลอกนั้นได้อย่างถนัดชัดเจน
คลิปหยุดอยู่แค่นี้ ภาพถูกแช่ค้างไว้ที่ศพซึ่งดูอ้างว้างเดียวดาย เสี่ยวหลี่กดปุ่มสองสามปุ่มเพื่อซูมภาพศพผู้หญิงให้อาจารย์ฟั่นพิจารณาอย่างละเอียด ส่วนตัวเองวิ่งไปข้างหน้าต่าง เปิดออกเพื่อสูดอากาศเย็นๆ เข้าปอดลึกๆ
เขาเป็นคนรับผิดชอบตัดคลิปความยาวหนึ่งนาทีกว่านี้ออกมาจากคลิปกล้องวงจรปิดอันยาวเหยียดน่าเบื่อ ด้วยเหตุนี้เสี่ยวหลี่จึงได้รับความตกใจและความช็อกอย่างจังและเยอะที่สุด เพราะไม่ว่าเขาจะย้อนภาพ เดินหน้าภาพ หรือสโลว์ภาพ เร่งภาพ ช่วงวินาทีที่สามสิบศพผู้หญิงก็ยังโผล่พรวดจากความว่างเปล่าเข้ามาในพื้นที่ปิดทึบนี้อย่างน่าอัศจรรย์
เสี่ยวหลี่ถึงขั้นเชิญช่างเทคนิคเครือข่ายที่มีทักษะเฉพาะมากกว่ามาช่วยพิสูจน์ว่าคลิปจากกล้องวงจรปิดนี้เป็นของจริง
ผู้หญิงคนนี้ถูกใครฆ่า แล้วทำไมพอตายแล้วถึงมาอยู่ในลิฟต์ เวลานี้คำถามง่ายๆ สองคำถามกลับเป็นเหมือนปริศนาสุดยากอายุพันปี มันค้างคาอยู่ในใจของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดีทุกคน เนื่องจากเวลานี้กระบวนการคลี่คลายคดีกับทักษะการสืบสวนของตำรวจไม่สามารถสืบคดีนี้ได้ ไม่มีทางเลย!
ทุกคนจึงฝากความหวังไว้ที่อาจารย์ฟั่น พวกเขาต่างกลั้นหายใจเฝ้ารอฟั่นจยาหลัวด้วยความหวังว่าชายหนุ่มจะมีคำตอบที่ชัดเจนแม่นยำ สำหรับตำรวจที่มีหน้าที่ ‘เปิดเผยความจริง’ น่ากลัวว่า ‘คดีค้าง’ สองคำนี้จะเป็นเรื่องน่ารังเกียจที่สุดและปล่อยวางไม่ได้มากที่สุดของพวกเขา
ท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน ฟั่นจยาหลัวพิจารณาศพผู้หญิงในภาพอย่างละเอียด เธอนั่งพิงผนังลิฟต์ แขนและขาทั้งสองข้างกางออก แหงนหน้าขึ้นข้างบน ดวงตาแห้งขุ่นมองตรงไปยังมุมหนึ่งใต้กล้องวงจรปิด แม้ดวงวิญญาณจะแตกซ่านไปแล้วแต่ความหวาดผวาและไม่ยอมแพ้ที่หลงเหลืออยู่ในดวงตาของเธอกลับยังคงเข้มข้น เสื้อผ้าของหญิงสาวยับยุ่งมาก แก้มตอบลึกดูไม่เหมือนป่วยหรือผ่ายผอมตามธรรมชาติ ในมือกำสายหนังบางๆ เส้นหนึ่งแน่น อีกด้านของสายหนังเชื่อมกับกระเป๋าสะพาย ซิปของกระเป๋าเปิดอ้า ของข้างในเทออกมาหมด กระจายเต็มพื้น มีทั้งมือถือ ลิปสติก ทิชชู และปากกาลูกลื่น
ข้าวของกระจุยกระจายพวกนี้โผล่ออกมาพร้อมศพ เหมือนอากาศควบรวมกันกลายเป็นสสาร
ฟั่นจยาหลัวจ้องภาพนี้สักพักแล้วส่ายหน้า “ผมต้องไปดูศพกับสถานที่เกิดเหตุเองกับตา ด็อกเตอร์ซ่งล่ะครับ เขาน่าจะอ่านข้อมูลจากภาพนี้ได้มากกว่า”
เมิ่งจ้งกำลังจะตอบ แต่เสียงห้าวทุ้มของใครคนหนึ่งก็ดังมาจากทางประตู “ผมมาสาย ระหว่างทางรถติดนิดหน่อย”
เมื่อหนึ่งวินาทีก่อนฟั่นจยาหลัวมีสีหน้าเคร่งเครียด แต่วินาทีต่อมาเขาหันมองผู้มาใหม่พร้อมแย้มรอยยิ้มทันที การได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าและอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติของเขาทำให้ซ่งรุ่ยที่ฝ่าฝุ่นควันมาอดยิ้มน้อยๆ ตอบไม่ได้ ดวงตาสีดำขลับฉายแววอารมณ์ดี
วันนี้ชายหนุ่มสวมโอเวอร์โค้ตผ้าวูลสีดำ การตัดเย็บที่ประณีตช่วยขับเน้นรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงของเขาให้ดูล่ำสัน พอถอดโอเวอร์โค้ตออกด้านในเป็นชุดสูทเรียบหรูหนึ่งชุด และสิ่งที่ตามมาคือกลิ่นน้ำหอมแนววู้ดดี้แสนชื่นใจ
ซ่งรุ่ยก้าวยาวๆ เข้ามาในสำนักงานคล้ายกับทำให้ห้องปิดทึบรุงรังและเต็มไปด้วยกลิ่นต่างๆ เปลี่ยนเป็นพระตำหนัก ที่แท้ประโยคที่บอกว่า ‘การมาเยือนของท่านถือเป็นเกียรติของเรา’ ก็เป็นเรื่องจริง มีตัวตนจริง ความสามารถในการบรรยายของคนโบราณยอดเยี่ยมมาก
ระหว่างที่เมิ่งจ้งกำลังแอบรู้สึกว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมาดเยอะขึ้นทุกวัน ฟั่นจยาหลัวก็ลุกขึ้นยืนอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อยกที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ให้ซ่งรุ่ย ทว่าอีกฝ่ายกลับก้าวยาวๆ ไปหาแล้วกดตัวชายหนุ่มให้กลับลงไปนั่งเบาๆ ส่วนตัวเองโค้งตัวมองจอคอมพิวเตอร์ ใบหน้าด้านข้างแทบจะแนบกับใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม กลิ่นวู้ดดี้โอบล้อมตัวอีกฝ่าย เขาพูดเสียงเบาที่ข้างหูฟั่นจยาหลัว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“มีศพหนึ่งโผล่ขึ้นมาในลิฟต์ ผมจะย้อนภาพให้คุณดู” ฟั่นจยาหลัวคลิกเม้าส์
ซ่งรุ่ยพยักหน้า ตาจ้องตรงไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่สองมือกลับวางอยู่บนไหล่ชายหนุ่มแสดงท่าทางกอดเขาจากทางด้านหลัง
เมิ่งจ้งเห็นแล้วหนังตากระตุก รู้สึกว่ามิตรภาพของสองคนนี้มีกลิ่นอะไรบางอย่าง แต่เวลาในคลิปนี้สั้นมาก ยังไม่ทันที่เขาจะได้มองให้ละเอียด ซ่งรุ่ยก็ถามเสียงหนัก “เช็กหรือยังว่าผู้ตายเป็นใคร รายงานการชันสูตรล่ะ”
“รายงานการชันสูตรกับรายงานพิสูจน์สิ่งของยังไม่ออก เพราะเพิ่งเจอศพไม่นาน แต่เราสามารถวิเคราะห์จากศพได้ว่าเธอน่าจะตายมาหนึ่งถึงสองวันแล้ว” เมิ่งจ้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันเดาว่าเธอเป็นผู้พักอาศัยในคอนโดฯ นี้ มีความเป็นไปได้มากว่าเธอตายเพราะขาดอาหารและน้ำ” แค่ดูคลิปรอบเดียวซ่งรุ่ยก็สรุปออกมาแบบนี้
เมิ่งจ้งถามทันควัน “นายรู้ได้ยังไง”
ซ่งรุ่ยชี้ไปที่ของในถุงพลาสติกสีดำซึ่งกระจัดกระจายอยู่ข้างตัวศพ “พวกคุณดูสิ นี่เป็นผ้าอนามัยหนึ่งห่อใช้ถุงสีดำห่อไว้ ของชิ้นใหญ่มากจนใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอไม่ได้ ต้องถือเอา ผู้หญิงคนหนึ่งไม่มีทางถือของใช้ส่วนตัวแบบนี้เดินร่อนอยู่ข้างนอก ยกเว้นเธอใกล้จะกลับบ้าน ผมเลยเดาว่าเธอน่าจะเป็นผู้พักอาศัยในคอนโดฯ นี้”
ทุกคนมองภาพนี้นิ่งๆ แล้วผงกศีรษะติดๆ กัน ไม่ผิด ผู้หญิงทั่วไปไม่มีทางถือผ้าอนามัยห่อใหญ่เดินร่อนอยู่ข้างนอก ยกเว้นจะเอาใส่ไว้ในกระเป๋าเป้
เมิ่งจ้งรีบโทรหาจวงเจินที่ยังทำการสอบสวนอยู่ในที่เกิดเหตุเพื่อให้เขาตรวจสอบผู้พักอาศัยเป็นพิเศษ
อาคารหลังนี้เป็นคอนโดฯ ระดับไฮเอ็นด์ที่ปล่อยให้เช่าโดยเฉพาะ ผู้พักอาศัยที่นี่ส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศที่ยังโสด นอกจากนี้ยังมีคนที่ทำงานอยู่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก ถ้าคนกลุ่มนี้หายตัวไป กรมตำรวจจะยังไม่ได้รับแจ้งความทันที ต้องคอยประมาณหนึ่งถึงสองเดือนหรือนานกว่านั้นค่อยมีคนเอะใจถึงการหายตัวไปของพวกเขา
“งั้นทำไมนายถึงสรุปว่าเธอตายเพราะขาดอาหารและน้ำ” หลังวางสาย เมิ่งจ้งก็ซักซ่งรุ่ยต่อ
ซ่งรุ่ยพาดแขนไว้บนไหล่ฟั่นจยาหลัว ชี้ไปที่ของชิ้นเล็กไม่สะดุดตาในคลิป “พวกคุณดูลิปสติกแท่งนี้สิ ฝามันเปิดอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเนื้อลิปหายไปไหน แล้วพวกคุณลองมองส่วนที่เหลือนั่นดูให้ดีๆ สิว่ามีรอยฟันอยู่ด้วยหรือเปล่า”
ฟั่นจยาหลัวอยากซูมภาพลิปสติกในจอ แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเลยเงยหน้าขึ้นมอง ดร. ซ่ง
พอถูกฝ่ายตรงข้ามมองตาปริบๆ มุมปากของซ่งรุ่ยก็เผลอโค้งขึ้น แต่ไม่นานเขาก็แสร้งทำท่าซีเรียสจริงจัง วางมือลงบนหลังมือของชายหนุ่มเพื่อจับเม้าส์พร้อมอีกฝ่าย พูดเสียงนุ่ม “ผมจะสอนให้ว่าซูมภาพยังไง”
การที่พวกเขากุมมือกันเพื่อคลิกเม้าส์คอมพิวเตอร์ทำให้หนังตาของเมิ่งจ้งกระตุก สองคนนี้ยิ่งดูยิ่งพิกลจริงๆ!
หลายวินาทีผ่านไปภาพถูกซูมจนเห็นว่าเนื้อลิปแท่งเล็กที่เหลือมีรอยฟันอยู่จริง มั่นใจได้ว่าถูกกัดหายไป
“ในลิฟต์ไม่มีเนื้อลิปอีกครึ่ง ผมเลยเดาว่ามันน่าจะถูกผู้ตายกัดแล้วกลืนกินลงไป สถานการณ์แบบไหนทำให้คนคนหนึ่งกินลิปสติกลงไปได้” ซ่งรุ่ยช้อนตาถาม
“คนที่หิวจนหน้ามืดค่ะ” หูเหวินเหวินตอบทันควัน
แต่เมิ่งจ้งส่ายหน้า “เนื้อลิปน่าจะถูกกัด แต่นายรู้ได้ยังไงว่าเธอกินมันลงไป แค่หาส่วนที่เธอกัดไม่เจอในลิฟต์เหรอ นายต้องเข้าใจนะว่าจนถึงตอนนี้เรายังไม่คอนเฟิร์มว่าลิฟต์นี่คือสถานที่เกิดเหตุ”
ซ่งรุ่ยส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่ใช่สถานที่เกิดเหตุแล้วของเกลื่อนกลาดพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ฆาตกรตั้งใจจัดฉากตอนเอาศพมาทิ้งเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้เลยว่าคดีนี้มีฆาตกรหรือเปล่า ถ้ามี เขาโยนศพเข้าไปในลิฟต์ได้ยังไง พวกคุณอธิบายได้มั้ย”
พวกเมิ่งจ้งอธิบายไม่ได้ ทำได้เพียงมองหน้ากันแล้วเงียบ
ซ่งรุ่ยวิเคราะห์ต่อ “ผมเข้าใจว่าเธอตายเพราะขาดอาหารและน้ำ และยิ่งมั่นใจได้ว่าเธอตายเพราะอวัยวะภายในล้มเหลวเนื่องจากการขาดน้ำ”
เมิ่งจ้งมองอาจารย์ฟั่นด้วยความหวังว่าเขาจะให้ความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปได้
ฟั่นจยาหลัวส่ายหน้า “ก่อนจะเห็นศพกับสถานที่เกิดเหตุ ผมคงจะคอนเฟิร์มอะไรไม่ได้ การวิเคราะห์จากภาพเป็นความสามารถเฉพาะทางของด็อกเตอร์ซ่ง”
แม้เขาจะพูดแบบคลุมเครือแต่ยังคงเป็นการรับรองการคาดเดาของซ่งรุ่ย เมิ่งจ้งจึงทำได้แค่เลิกสงสัย ปล่อยให้เพื่อนสนิทวิเคราะห์ต่อ
ซ่งรุ่ยชี้ผ้าอนามัยสีเหลืองนวลที่ตกอยู่ข้างมือซ้ายของศพ “พวกคุณสังเกตมั้ยว่าห่อผ้าอนามัยถูกเธอฉีกแล้วหยิบออกมาชิ้นเดียว มันเป็นเพราะอะไร พวกคุณซูมภาพดูกันหน่อยซิ”
ฟั่นจยาหลัวซูมภาพด้วยท่าทางที่ไม่ได้ชำนาญมาก แต่พอทำสำเร็จเขาก็อดช้อนตาขึ้นมอง ดร. ซ่งไม่ได้ ใบหน้างดงามนิ่งสนิท ทว่าสองตาเปล่งประกาย
ซ่งรุ่ยกลั้นยิ้ม “ทำได้ไม่เลว”
ฟั่นจยาหลัวก้มหน้ามองจอ
เมิ่งจ้ง “…”
แม่โว้ย สองคนนี้ต้องมีซัมธิงกันแหง! ไอ้บรรยากาศหวานๆ แบบนี้มันเป็นยังไงมายังไง
แต่ ณ ที่นั้น นอกจากเขาแล้วไม่มีใครสังเกตบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างฟั่นจยาหลัวกับซ่งรุ่ย ทุกคนต่างมองผ้าอนามัยที่ถูกซูมกันตาไม่กะพริบ มันอยู่ห่างจากปลายนิ้วของศพผู้หญิงไปแค่สิบกว่าเซ็นต์ แค่เอื้อมก็ถึงแล้ว รอยรูปโค้งสีแดงรอยหนึ่งปรากฏอยู่บนห่อ
เสี่ยวหลี่แยกแยะอยู่พักหนึ่งแล้วตะโกนว่า “นี่มันรอยฟัน รอยฟันที่ติดสีลิป เธอกัดผ้าอนามัย!”
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ย่อยข้อมูล ซ่งรุ่ยก็พูดประโยคที่ทำให้ทุกคนขนลุกเกรียว “ดูดีๆ สิ ผ้าอนามัยแบบนี้หน้าตาเหมือนขนมปังชิ้นเล็กๆ มั้ย”
ทุกคน “…”
หูเหวินเหวินหน้าแดง พูดเสียงเบา “อันที่จริงผู้หญิงเราก็แอบเรียกผ้าอนามัยว่าขนมปัง เพราะหน้าตาของมันเหมือนขนมปังจริงๆ เวลาไม่สะดวกที่จะเรียกว่าผ้าอนามัย เราจะใช้คำนี้แทน”
ซ่งรุ่ยสรุปแบบเน้นทีละคำ ทีละประโยค “ตอนแรกกินลิปสติก จากนั้นก็กัดผ้าอนามัยที่หน้าตาเหมือนขนมปัง บวกกับหน้าตาผอมแห้งซีดเซียวของเธอ ผมมั่นใจได้เลยว่าก่อนตายเธอจะต้องหิวจัด พวกคุณลองดูอีกทีสิ ผ้าอนามัยชิ้นที่ถูกโยนไปไกลๆ ทั้งยังถูกบิดเป็นก้อนเหมือนโดนเค้นนั่นพวกคุณรู้มั้ยว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไร”
พวกเมิ่งจ้งดูอย่างละเอียดแล้วเหมือนนึกอะไรได้ สีหน้าจึงเปลี่ยน
ซ่งรุ่ยพยักหน้า “ไม่ผิด ผมคิดเหมือนพวกคุณ ผมเข้าใจว่ามันน่าจะใช้รับน้ำปัสสาวะ ผู้ตายใช้ผ้าอนามัยรับน้ำปัสสาวะแล้วบิดออกมาเพื่อดื่ม ทำไมคนคนหนึ่งถึงต้องดื่มปัสสาวะตัวเอง เพราะเธอหิวน้ำเจียนตายแล้วยังไงล่ะ”
พวกเมิ่งจ้งสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอดและมองศพผู้หญิงในจอด้วยสายตาสับสนงุนงง
พวกเขาย้อนดูคลิปนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่กลับจดจ่อแค่เรื่องการปรากฏตัวแบบพิสดารของศพผู้หญิง ไม่ได้วิเคราะห์รายละเอียดพวกนี้เลย แต่พอ ดร. ซ่งมา เขากลับหาเบาะแสที่สามารถสาวไปถึงคำตอบของปริศนาข้อนี้ได้ ความช่างสังเกตของเขาช่างเฉียบไวจนน่าตกใจจริงๆ
เมิ่งจ้งจ้องมองภาพอยู่นานมาก ในที่สุดเขาก็ผงกศีรษะ “ข้อสันนิษฐานของนายมีเหตุผลดี”
ฟั่นจยาหลัวตบมือของ ดร. ซ่งที่ยังวางอยู่บนไหล่ของตัวเองเพื่อแสดงถึงความชื่นชมและยกย่องจากตนเงียบๆ
ส่วนคนอื่นเธอมองฉัน ฉันมองเธอ จากนั้นก็มองไปที่ศพผู้หญิงซึ่งแก้มตอบและแววตาสิ้นหวังในจอ แล้วพลันรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก สมัยนี้จะหาคนที่ขาดอาหารและน้ำจนตายได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นเสียแต่เขาหรือเธอจะถูกขังไว้ในที่ที่ไม่มีอาหารและแหล่งน้ำ พูดอีกอย่างคือตอนยังมีชีวิตอยู่ ผู้ตายน่าจะถูกจำกัดอิสรภาพและที่ที่เธออยู่ไม่มีทั้งอาหารทั้งน้ำ เมื่อหนีออกไปไม่ได้ เธอจึงต้องดิ้นรนอย่างสิ้นหวังจนเสียชีวิต
ที่นั่นคือที่ไหนกัน
ปริศนานี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในสมอง ทุกคนก็ได้ยิน ดร. ซ่งพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เธอน่าจะถูกขังอยู่ในลิฟต์ตัวนี้ ไม่ได้มีการเคลื่อนย้าย และยิ่งไม่มีการทิ้งศพ”
“เป็นไปไม่ได้!” เมิ่งจ้งค้านแบบตัดตะปูเฉือนเหล็ก
ซ่งรุ่ยชี้ศพผู้หญิง “พวกคุณดูท่านั่งของเธอ มันเข้ากับตัวลิฟต์ทุกอย่าง ของที่กระจัดกระจายดูไร้ระเบียบ แต่ความจริงพวกมันล้วนถูกกักไว้ด้วยผนังภายในลิฟต์ ทิ้งร่องรอยตามหลักกลศาสตร์ เอาไว้ ถ้าเป็นการทิ้งศพ รูปแบบการกระจายของสิ่งของพวกนี้จะไม่เป็นธรรมชาติแบบนี้”
เมิ่งจ้งค้านอีกครั้งทันที “แต่นายดูมือสองข้างของเธอสิ ปลายนิ้วเละ เล็บลอกหลุด นี่เป็นแผลที่เกิดจากการตะกุยผนังเพื่อหาทางรอด ถ้าเธอถูกขังจนตายอยู่ในลิฟต์ตัวนี้ทำไมประตูลิฟต์ถึงไม่มีรอยเลือดที่เกิดจากการตะกุยของเธอเลย ลิฟต์ตัวนี้มีคนเข้าออกทุกวันและเปิดอยู่ตลอด เป็นไปได้ยังไงที่อยู่ดีๆ จะมีคนถูกขังอยู่ที่นี่จนตาย”
ซ่งรุ่ยพูดเสียงหนัก “ต่อให้ไม่ได้ถูกขังอยู่ในลิฟต์ตัวนี้จนตาย แต่ก็ถูกขังอยู่ในสถานที่แคบและปิดทึบแบบเดียวกันจนตาย ดูจากท่านั่งของศพกับสิ่งของที่กระจัดกระจายมีแนวโน้มอย่างมากว่าที่นี่จะเป็นสถานที่เกิดเหตุที่แรก”
น้ำเสียงของเมิ่งจ้งเหนื่อยหน่าย “ไม่ผิด ดูจากสภาพสถานที่เกิดเหตุ ฉันเชื่อว่าที่นี่มีโอกาสจะเป็นสถานที่เกิดเหตุแห่งแรกมากที่สุด แต่ปัญหาคือเราหาหลักฐานมายืนยันข้อสันนิษฐานนี้ไม่ได้”
เขาตบศีรษะที่ปวดไม่หายพลางพูดต่อ “ถ้าเธอถูกขังอยู่ในลิฟต์ตัวนี้จนตายจริง ทำไมกล้องวงจรปิดถึงจับภาพไม่ได้ ลิฟต์ตัวนี้มีการใช้งานตามปกติตลอด แทบจะมีคนเข้าออกกันทุกนาที ทุกวินาที มันไม่มีทางขังใครจนตายได้”
ซุนเจิ้งชี่ยกมือพลางกล่าว “ผมรู้สึกว่าเรากำลังหลุดประเด็นกันหรือเปล่าครับ สิ่งที่เราควรตรวจสอบมากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่มีศพโผล่เข้ามาในลิฟต์แบบแปลกๆ หรือ นี่เป็นกุญแจสำคัญของปัญหาไม่ใช่หรือครับ”
“ก่อนหน้านี้เธอถูกขังอยู่ที่ไหนต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ” ซ่งรุ่ยแย้ง
เสี่ยวหลี่ขัด “ถ้าเธอไม่ได้ขาดน้ำตายล่ะครับ แบบนี้เท่ากับไม่มีปัญหาเรื่องถูกขังใช่หรือเปล่า”
เสี่ยวหลี่เพิ่งจะพูดจบ เจ้าหน้าที่เทคนิคจากหน่วยพิสูจน์หลักฐานก็เดินเข้ามาชูรายงานในมือ “รองผู้อำนวยการเมิ่งครับ เราพบรอยฟันบนลิปสติกกับผ้าอนามัยของผู้ตาย ผ้าอนามัยชิ้นที่ถูกใช้แล้วมีคราบปัสสาวะ ผลการตรวจสอบระบุว่าเป็นของผู้ตาย ประเด็นข้อสงสัยสามอย่างนี้สำคัญมาก ขอให้พวกคุณให้ความสำคัญด้วย”
เมิ่งจ้งรับรายงานมาแล้วแพทย์นิติเวชก็โทรมาบอก “รองผู้อำนวยการเมิ่งครับ ผู้ตายขาดน้ำจนเสียชีวิต เวลาตายคือคืนเมื่อวานซืน ดูจากระดับการขาดน้ำกับของในกระเพาะอาหาร เรายืนยันได้ว่าเธอไม่ได้กินหรือดื่มมาเป็นเวลาอย่างน้อยสามถึงสี่วัน”
เสี่ยวหลี่ “…”
ฟั่นจยาหลัวปล่อยเม้าส์ แหงนหน้ามอง ดร. ซ่งแล้วเผลอปรบมือเบาๆ
ด็อกเตอร์ของผมเยี่ยมมาก!
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 19 มี.ค. 65