ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1 บทที่ 1 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1 บทที่ 1 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1

ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง 灵媒 (Ling Mei)ของเฟิงหลิวซูไต

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

※ เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง, ปัญหาในครอบครัว, มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต, การทำร้ายเด็ก, การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ, การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ, การข่มขืน, การฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

※ Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด

※ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 1 นายคือภาชนะ

ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางคนหนึ่งยืนอยู่ข้างสระน้ำสีดำขนาดใหญ่ สายตาหลุบต่ำ สีหน้านิ่งสนิท ในสมองมีคำพูดประโยคหนึ่งก้องกังวานซ้ำไปซ้ำมาเหมือนพายุโหมกระหน่ำ ‘ฟั่นจยาหลัว ฉันชอบเวลาที่นายนิ่งๆ มากกว่า’

“นิ่งเหรอ เหอะ ฉันฟั่นจยาหลัวเคยนิ่งตอนไหนกัน” ชายหนุ่มกัดฟัน พ่นคำพูดประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา สองมือค่อยๆ กำเป็นหมัดแน่นราวกับกำลังกดข่มความรู้สึกบางอย่างไว้สุดกำลัง

ถูกต้อง ฟั่นจยาหลัวป่วยด้วยภาวะเมเนีย* ซึ่งแสดงอาการครั้งแรกตอนอายุเจ็ดขวบ เขาได้บีบคอแมวตัวหนึ่งที่บ้านตายด้วยมือเปล่า เขารู้ดีว่าชาตินี้ตนไม่มีทางอยู่นิ่งได้ ต่อให้เป็นเวลาแค่สิบนาทีก็ตาม ร่างกายของเขาเหมือนภูเขาไฟที่ยังมีชีวิต พร้อมที่จะระเบิดออกมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงกระตุ้นให้เขาโกรธนิดเดียวเขาก็สามารถเป็นบ้า หลุดจากการควบคุมได้ทันที

ทะเลาะ ต่อยตี แข่งรถ แหกปากตะโกน เต้นรำอย่างบ้าคลั่ง…คือพฤติกรรมปกติของเขา เขาสามารถเอาขวดเหล้าฟาดหัวคนอื่นในวินาทีแรก แล้ววินาทีต่อมาก็หัวเราะลั่นแบบแปลกๆ อารมณ์ของเขาเป็นเหมือนบ่อลาวาที่เดือดพล่าน ปล่อยควันพิษเร่าร้อนออกมาอย่างไม่เคยหยุดพัก

มีเพียงเผชิญหน้ากับคนผู้นั้นที่สามารถทำให้เขาระงับความบ้าคลั่งและเย่อหยิ่งจองหอง ยอมศิโรราบให้ด้วยความเต็มใจได้ แต่เขาก็ยังอาละวาดเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฝ่ายตรงข้ามอย่างสุดความสามารถ แล้วจะอยู่นิ่งได้อย่างไร

“ผมรู้นะว่าคนที่คุณพูดถึงไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้โง่พวกนั้นใช่มั้ย” ฟั่นจยาหลัวครางเสียงต่ำ “คุณชอบผมตอนที่อยู่นิ่งๆ เหรอ ได้! ผมจะเปลี่ยนเพื่อคุณ ผมจะเปลี่ยนเป็นแบบที่คุณชอบ…”

สุดท้ายฟั่นจยาหลัวก็เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นวงหน้าบิดเบี้ยว ฉายแววคลุ้มคลั่ง แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่านอกจากภาวะเมเนียแล้วเขายังเป็นผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกด้วย ในตัวเขามีบุคลิกที่แอบซ่อนอยู่ยี่สิบ? สามสิบ? หรือบางทีอาจจะสี่สิบ?

อันที่จริงแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้จำนวนที่แน่ชัด แต่ในฐานะบุคลิกหลัก เขาเกลียดชังความรู้สึกที่ร่างกายถูกบุคลิกที่ไม่รู้จักพวกนั้นควบคุม เขาจึงเล่นสนุกอย่างบ้าคลั่งแบบลืมวันลืมคืน พยายามลดทอนเวลานอนให้น้อยลง เพื่อที่บุคลิกพวกนั้นจะได้ถูกกดไว้ เพราะเขาต่างหากที่เป็นเจ้าของร่างนี้ ที่เหลือก็เป็นแค่ขยะ!

แต่ต่อให้เขาอะเลิร์ตมากกว่านี้ก็ต้องมีช่วงที่เหนื่อยล้า บางครั้งช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่เขาเผลอหลับไป บุคลิกพวกนั้นก็จะออกมาสำรวจโลกภายนอกอย่างกระตือรือร้น มีบุคลิกรองที่บ้าระห่ำเหมือนเขาสองสามคน แต่บุคลิกรองที่ชอบอยู่นิ่งๆ ก็มีอีกสองสามคนเช่นกัน

ฟั่นจยาหลัวไม่รู้ว่าบุคลิกไหนที่ทำให้คนคนนั้นพูดออกมาแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร อีกฝ่ายชอบความนิ่งไม่ใช่เหรอ คอยให้เขากลืนกินบุคลิกรองทั้งหมด หลอมรวมความทรงจำ ทักษะ และนิสัยของพวกนั้นแล้ว ย่อมสามารถแสดงท่าทีนิ่งๆ ออกมาได้เอง

คืนนี้ฟั่นจยาหลัวรับยานอนหลับอย่างแรงจากนักบำบัดจิตแล้วเข้าสู่ปราสาทซึ่งแอบซ่อนอยู่ภายในร่างกาย เตรียมทำให้ที่นี่นองเลือด เขาไม่รู้จำนวนบุคลิกรองเหล่านั้น แต่ไม่เป็นไร แค่ดูดกลืนพวกนั้นเข้าไปให้มากที่สุดก็พอ เขามีอำนาจในฐานะของผู้ปกครองโลกภายในจิตใจ และตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือทำลายปราสาทแห่งนี้ เท่านี้เขาก็จะสังหาร ‘พวกหนู’ ที่แอบซ่อนอยู่ได้อย่างราบคาบ

ตอนมาถึงที่สระน้ำสีดำแห่งนี้ เขาสังหารบุคลิกรองไปยี่สิบสี่บุคลิกแล้ว มีเสียงเล็กๆ ในใจบอกเขาว่าแค่กลืนอันสุดท้ายเข้าไป เขาก็จะมีพลังในการทำลายล้างมิตินี้ ตอนแรกเขาคิดจะควานหาเหยื่อที่อยู่ในสระน้ำ แต่บังเอิญพบว่าที่ก้นสระน้ำสีดำมีเงามนุษย์ร่างเพรียวบาง เปล่าเปลือย ขาวเหมือนหยกอยู่หนึ่งร่าง กำลังหลับใหลอย่างสงบ

ฟั่นจยาหลัวมีบุคลิกรองมากมาย ซึ่งบุคลิกพวกนี้มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ และเด็ก ใบหน้าของพวกเขาบางคนสวยงาม บางคนธรรมดา บางคนอัปลักษณ์ แต่กลับไม่มีคนไหนทำให้ฟั่นจยาหลัวต้องหยุดมองนานๆ หรือเรียกความสงสารจากเขาได้เลย

แต่ตอนนี้สายตาของเขากลับไม่อาจเคลื่อนจากใบหน้าของคนที่อยู่ก้นสระได้ อีกฝ่ายกำลังหลับลึก สีหน้านิ่งสงบมาก ใบหน้านั้นแลดูอ่อนโยนเหมือนสายน้ำไหล ริมฝีปากแดงดุจโลหิตแต่กลับเร่าร้อนเหมือนเปลวเพลิง ผิวของอีกฝ่ายขาวเข้าขั้นโปร่งใส เรือนผมสีดำสนิทไม่สั้นไม่ยาว คลื่นน้ำหมุนวนอยู่รอบกายขาวใสนั่น เปล่งประกายสว่างไสว ความสดใสอย่างที่สุดของสีสันกระทบกับความเปลี่ยนแปลงร้อยแปดของแสง อาบย้อมให้คนคนนั้นเป็นเหมือนปีศาจ

หากที่นี่ไม่ใช่โลกในจิตใจที่ฟั่นจยาหลัวสร้างขึ้น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกภายนอก เขาจะต้องเข้าใจว่าคนคนนี้เป็นปีศาจที่มาจากที่ไหนสักแห่ง เนื่องจากอีกฝ่ายงดงามราวภาพมายา เป็นเหมือนความฝัน

ฟั่นจยาหลัวยืนอยู่ข้างสระเป็นเวลานานกว่าจะค่อยๆ พ่นลมหายใจออกมา เขายื่นแขนออกไป กางกรงเล็บไขว่คว้าอากาศ หลังสูบกลืนบุคลิกรองไปมากมาย ต่อให้ยังไม่มีพลังทำลายโลกใบนี้ แต่เขาสามารถควบคุมสรรพสิ่งที่นี่ได้ตามใจปรารถนา

สระน้ำที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขาถูกดึงขึ้นมากลางอากาศ เงาร่างมนุษย์ที่ขาวเหมือนหยกซึ่งนอนอยู่ก้นสระค่อยๆ ลอยขึ้นมา และถูกดูดดึงมาตรงหน้า

เมื่อมาเห็นใกล้ๆ ใบหน้าของคนคนนี้เรียกได้ว่าไร้ที่ติ หากตนมีใบหน้าแบบนี้มีหรือจะไม่ได้รับความสนใจจากจ้าวเหวินเยี่ยน ใจของฟั่นจยาหลัวเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม ริษยา และบ้าคลั่ง นิ้วมือทั้งห้างอเพื่อบีบลงไปที่คอมนุษย์ซึ่งลอยตัวอยู่ตรงหน้าตน

ลำคอของอีกฝ่ายระหงได้รูปงดงามมาก ตอนที่มันถูกหักจะต้องเกิดเป็นมุมโค้งสวยงามแน่นอน พอคิดแบบนี้มุมปากของฟั่นจยาหลัวก็โค้งเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ออกแรงที่นิ้วเพิ่มขึ้นทันที

วินาทีที่กระดูกคอใกล้จะหัก ชายที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมา เขามองหน้าฟั่นจยาหลัวด้วยดวงตาสีดำสนิท ไร้ความสับสน ลึกล้ำเหมือนห้วงมหาสมุทร พอเห็นหน้าฟั่นจยาหลัวชัดๆ ม่านตากลมนั่นก็หดตัวทันที สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นเส้นบางๆ สองเส้น กลายเป็นรูม่านตาในแนวตั้งทันที แม้ลำคอจะถูกบีบเค้นด้วยพละกำลังมหาศาล และเผชิญหน้ากับการข่มขู่เอาชีวิต แต่สีหน้าของเขายังคงนิ่งสนิทเหมือนตอนหลับ มองไม่เห็นความทุกข์ทรมานใดๆ ถึงขั้นพิจารณาฟั่นจยาหลัวได้อย่างสบายใจ เหมือนกำลังวิเคราะห์ของชิ้นหนึ่ง

เมื่อถูกคนคนนี้มองตาไม่กะพริบ นิ้วของฟั่นจยาหลัวก็เริ่มสั่น ทั้งที่ถ้าออกแรงอีกเพียงนิดเขาก็จะฆ่าอีกฝ่ายตายได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ทำไม่สำเร็จ ร่างกายของเขาเกิดแข็งค้างเพราะสายตาของคนคนนี้

ชายคนนั้นพิศดูฟั่นจยาหลัวนิ่งๆ สีหน้าเรียบสนิท ทว่าดวงตาลึกล้ำกลับฉายแววพึงพอใจคล้ายคนที่ถูกบีบคออยู่ไม่ใช่เขา ราวกับเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทั้งที่ความจริงเป็นชั่วระยะเวลาแค่พริบตาเดียว เขายื่นมือทั้งสองข้างมาประคองใบหน้าของฟั่นจยาหลัว ถามเสียงเบา “เจ้าสูบกลืนไปกี่คนแล้ว”

นิ้วของชายคนนั้นเรียวยาว นุ่มสวย แต่กลับเย็นเยียบ ตอนที่เขาแตะถูกใบหน้า ฟั่นจยาหลัวถึงกับตัวสั่นอย่างอดไม่อยู่ ทั้งที่เขาไม่ได้ใช้กำลังเลย แต่ฟั่นจยาหลัวกลับรู้สึกว่าศีรษะของตนถูกสองมือของคนคนนี้ล็อกไว้แล้ว อย่าว่าแต่จะหันหนี แม้แต่กะพริบตายังเป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงมาก เสียงของเขาไพเราะ คล้ายธารน้ำกลางภูเขา ใสกระจ่างคดโค้ง แฝงไปด้วยเสน่ห์สะกดตรึงวิญญาณ ทำให้คนที่ถูกถามต้องเอ่ยปากอย่างไม่สามารถต่อต้านหรือบังคับตัวเองได้ ต้องยอมตอบคำถามตามความสัตย์

ความรู้สึกนี้ประหลาดมาก และบุคลิกนี้พิสดารยิ่งกว่า

ฟั่นจยาหลัวแตกตื่นก่อนจะนึกถึงพลังของตนที่สามารถควบคุมโลกใบนี้ขึ้นได้ เขากัดฟันแน่น พูดเสียงกร้าว “ฉันสูบกลืนบุคลิกรองไปยี่สิบสี่ตัวแล้ว แกเป็นรายที่ยี่สิบห้า รู้มั้ยว่าฉันมีพลังที่สามารถสร้างสรรค์และยึดครองที่นี่ พอกินแกเข้าไปอีกคน ฉันก็จะทำลายที่นี่ให้หมด!”

เพราะฉะนั้นฉันไม่กลัวแกหรอก!

ความรู้สึกที่ว่าทุกสิ่งรอบตัวยังอยู่ในความควบคุมของตนทำให้จิตใจที่สั่นไหวของฟั่นจยาหลัวนิ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ใช่แล้ว เขามีอำนาจแข็งกล้า ไม่จำเป็นต้องกลัวบุคลิกรองแปลกๆ ที่อยู่ตรงหน้านี้ อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ แค่ความคิดของเขาก็สามารถบดขยี้บุคลิกรองนี้ได้!

ริมฝีปากบางที่เม้มแน่นของฟั่นจยาหลัวค่อยๆ คลายออก เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เขาปลดปล่อยความคิดไปโอบล้อมชายคนนั้นอย่างแนบเนียน

วินาทีที่ความคิดของเขากำลังเตรียมสูบกลืนอีกฝ่าย ฟั่นจยาหลัวกลับได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของชายคนนั้น “บุคลิกรอง? เจ้าแน่ใจหรือว่าสิ่งที่กินเข้าไปคือบุคลิกรองทั้งหมด?”

ชายคนนั้นประคองใบหน้าของฟั่นจยาหลัว ขยับเข้ามาใกล้ทีละน้อยๆ แล้วหยุดอยู่ในระยะที่ห่างกันแค่นิ้วเดียว บีบให้ต้องเผชิญหน้ากัน ริมฝีปากสีแดงสดโค้งนิดๆ เป็นรอยยิ้มปริศนา ดวงตาสีดำสนิทของเขาคล้ายหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นก้น ภายในมีอารมณ์มากมายป่วนปั่น แต่กลับไม่มีความหวาดหวั่นหรือผวากลัวแม้แต่น้อย ในสายตาเขา ฟั่นจยาหลัวไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น

เจอกับสายตาแบบนี้ อย่าว่าแต่ร่างกายเลย แม้แต่ความคิดของฟั่นจยาหลัวก็พลอยถูกแช่แข็งไปด้วย

“แก แกหมายความว่ายังไง ถ้าไม่ใช่บุคลิกรองแล้วจะเป็นอะไร” ฟั่นจยาหลัวเผลอถามออกไป

ชายคนนั้นหัวเราะ ใบหน้าไร้ที่ติยังคงดูอ่อนโยนทว่ากลับฉายแววชั่วร้ายออกมาอย่างลึกล้ำ “รู้หรือไม่ว่าร่างของเจ้ามิใช่ของเจ้า แต่เป็นภาชนะใบหนึ่งที่ข้าสร้างขึ้น บุคลิกรองพวกนั้นรวมถึงตัวเจ้า ล้วนเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ถูกภาชนะใบนี้สูบเข้ามา พวกเจ้าต่างดำรง เติบโต และเปิดฉากประหัตประหารกันในภาชนะใบนี้ จนเมื่อหนึ่งในพวกเจ้ามีพลังแข็งกล้ามากพอก็จะกลายเป็นอาหารเพื่อเซ่นสังเวยข้า ปลุกข้าให้ตื่น ทำให้ข้าอิ่มหมีพีมัน…”

ระหว่างที่พูดใบหน้าของชายคนนั้นก็เคลื่อนเข้ามาที่ข้างหูของฟั่นจยาหลัว เขาแลบลิ้นสีแดงเหมือนลิ้นอสรพิษออกเลียฟั่นจยาหลัวเบาๆ เย็นจัด เหนียวหนึบ น่ากลัว

ดวงตาของฟั่นจยาหลัวเบิกกว้างจนมองเห็นเส้นเลือด เขาไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองได้ยินอะไร! เขาเติบโตขึ้นมาในร่างนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนได้ และทำไมบุคลิกรองที่ถูกเขาสูบกลืนถึงอาจเป็นผีเหมือนกัน บนโลกนี้มีเรื่องเหลวไหลแบบนี้ด้วย?!

นาทีนี้ทุกสิ่งที่ฟั่นจยาหลัวรู้มาตลอดยี่สิบปีกับความหมายในการมีชีวิตอยู่ล้วนผิดเพี้ยนไปหมด ความกลัวเป็นเหมือนสัตว์ป่าตัวใหญ่ที่ฉีกทึ้งหัวใจที่กำลังสั่นสะท้านของเขาอย่างรุนแรง เขาเริ่มดิ้นสุดกำลังก่อนจะค้นพบอย่างสิ้นหวังว่าใบหน้าของเขาถูกชายคนนั้นประคองไว้ รวมถึงร่างกายของเขาก็ถูกชายคนนั้นควบคุม แม้แต่ความคิดยังถูกชายคนนั้นสะกดเอาไว้ด้วย

ฟั่นจยาหลัวขยับตัวไม่ได้ เมื่อร่างกายที่มีพลังแข็งกล้าตกอยู่ในเงื้อมมือของชายคนนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำแล้วถูกสูบเข้าไปทางโพรงจมูกของอีกฝ่าย ชายคนนั้นยิ้มอย่างไม่อนาทร แหงนหน้า เผยอริมฝีปากแดงเล็กน้อยเพื่อส่งเสียงครางอย่างเปรมปรีดิ์ที่สุดออกมา เขาดูอิ่มเอมมาก บัดนี้ นาทีนี้ ใบหน้าอ่อนละมุนงดงามแปรเปลี่ยนเป็นอหังการยิ่ง

ร่างกายของฟั่นจยาหลัวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโปร่งแสง ท้ายที่สุดก็เลือนหายไปจนหมด ฟั่นจยาหลัวเพิ่งค้นพบด้วยความหวาดกลัวว่าปราสาทอลังการที่ถูกปกคลุมด้วยสายหมอกแห่งนี้กำลังพังทลายลงทีละน้อย บุคลิกรองที่วิ่งออกมาจากปราสาทต่างส่งเสียงหวีดร้องแล้วกลายเป็นควันสีดำก่อนถูกสูบเข้าไปในโพรงจมูกของชายคนนั้น หล่อเลี้ยงร่างกายที่เพิ่งตื่นจากนิทราของเขา

ชายคนนั้นพูดไม่ผิด เขาหลับอยู่ใต้สระมายี่สิบปีเพื่อคอยช่วงเวลานี้ และพวกฟั่นจยาหลัวทุกคนคือเครื่องสังเวยของเขา!

ความรู้สึกเสียใจและเคียดแค้นถาโถมเข้ามา แล้วสลายหายไปในเสี้ยววินาที…

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทที่ 2 ได้ในวันที่ 3 .. 64

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com