everY
ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1 บทที่ 9 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 1
ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)
แปลโดย : ปราณหยก
ผลงานเรื่อง 灵媒 (Ling Mei)ของเฟิงหลิวซูไต
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
※ เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง, ปัญหาในครอบครัว, มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต, การทำร้ายเด็ก, การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ, การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ, การข่มขืน, การฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
※ Trigger ที่ระบุข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวละครหลักทั้งหมด
※ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 9 เจอสมบัติ
น่าเสียดายที่ฟั่นจยาหลัวไม่จำเป็นต้องดื่มกินและไม่ใส่ใจเรื่องการแต่งตัว ตอนย้ายบ้านเลยเอาแค่เป้สะพายหลังไปหนึ่งใบ ไม่ได้เรียกคนงานกลุ่มใหญ่มาช่วยอย่างที่พวกตำรวจคาดการณ์ เขาเอานาฬิกาข้อมือหนึ่งเรือนให้นายหน้า นายหน้ารับไปตรวจสอบแล้วก็กลับมาเซ็นสัญญากับเขาอย่างดีอกดีใจ นับตั้งแต่วันนี้ ดาดฟ้ากับห้องใต้ดินในอาคารห้องชุดตึกหมายเลขหนึ่งของมูนไลต์เบย์การ์เด้นเป็นของเขาแล้ว
ฟั่นจยาหลัวหิ้วกระเป๋าใบเล็กเดินเล่นไปรอบๆ คอนโดฯ จังหวะเลี้ยวเขาเห็นรถคันเล็กคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล มุมปากเผลอโค้งขึ้นเล็กน้อย
ตำรวจที่ซ่อนอยู่ในรถเพื่อเฝ้าดูเขาอดด่ากราดไม่ได้ “แม่งเอ๊ย ไอ้จิ้งจอก! ตามมาตั้งหลายวันพวกเรากลับไม่ได้เบาะแสอะไรเลย ถ้าคดีนี้ยังลากยาวต่อไปอีก หัวหน้าคงทนแรงกดดันจากเบื้องบนไม่ไหว! ฟั่นจยาหลัว ในเมื่อแกเก่งพอที่จะปล่อยคำเตือนเรื่องตายแล้วก็ทำอะไรให้พวกเราดูสักทีสิวะ!”
“ฉันสงสัยว่าเขากำลังปั่นหัวพวกเรา!” ตำรวจร่วมทีมพูดเสียงเบา
“ไม่แน่ ถ้าเราคิดแบบนี้แล้วไม่ระวัง เขามีสิทธิ์ลงมือ คอยก่อน ตอนนี้ทำได้แค่คอย!” ทั้งคู่คุยกันแล้วก้าวลงจากรถ เดินตามฟั่นจยาหลัวไปแบบเนียนๆ
มูนไลต์เบย์การ์เด้นมีพื้นที่กว้างขวาง ด้านหลังเป็นภูเขาเขียวชอุ่ม ด้านหน้าเป็นทะเลสาบ รอบด้านมีแหล่งการค้าขนาดใหญ่ โรงพยาบาล สถานีรถไฟใต้ดิน โรงเรียน และสถานที่ราชการ ไม่ว่าจะไปสนามบินหรือสถานีรถไฟใช้เวลาการเดินทางแค่ยี่สิบนาที ทำเลดีมาก องค์ประกอบต่างๆ ครบถ้วน สภาพแวดล้อมสวยงามเป็นพิเศษ
แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือคอนโดฯ แห่งนี้บุกเบิกโดยบริษัทติ่งเซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนลที่เป็นองค์กรระดับเศียรมังกรในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ มาตรฐานการก่อสร้างของบริษัทนี้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ การซื้อบ้านของที่นี่ไม่มีทางขาดทุน และเพราะสาเหตุนี้ ตอนที่เปิดขายคอนโดฯ มูนไลต์เบย์การ์เด้นราคาต่อตารางเมตรจึงทะลุแสน และเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง
ทว่าหลังจากส่งมอบบ้านล็อตแรก สถานการณ์กลับกลับตาลปัตร เริ่มจากการเกิดอุบัติเหตุในไซต์ก่อสร้างเป็นประจำ ตามมาด้วยเจ้าของบ้านที่ย้ายเข้าเกิดอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง ครอบครัวร้าวฉานและมีคนตาย เรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นเป็นประจำและถี่มาก ทำให้ข่าวเรื่องฮวงจุ้ยของมูนไลต์เบย์การ์เด้นไม่ดีแพร่สะพัดออกไป เจ้าของบ้านที่ยังไม่โอนเริ่มขบคิดเรื่องจะคืนบ้าน
ผ่านไปแค่ครึ่งปีโปรเจ็กต์ที่ถูกจับตาที่สุดของบริษัทติ่งเซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนลก็ถูกแบน คอนโดฯ พร้อมสวนดอกไม้แสนสวยถูกชาวเมืองเรียกว่าคอนโดฯ ผีสิง เมื่อมีชื่อออกไปในทางนี้บ้านย่อมขายไม่ออก ทำให้เฟสสองและสามพลอยได้รับผลกระทบ เวลานี้ต้องระงับการก่อสร้าง
โครงตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จเรียงรายกันอยู่ในพื้นที่คอนโดฯ ถูกโอบล้อมด้วยสายหมอกที่พรูลงมาจากภูเขาแถบนั้น เหมือนสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์แสนดุร้าย ทำให้คอนโดฯ ที่เดิมมีบรรยากาศมัวหม่นอยู่แล้วยิ่งดูน่ากลัว
ตำรวจสองนายเดินเข้าไปในคอนโดฯ แล้วรู้สึกหนาวๆ พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมฟั่นจยาหลัวถึงย้ายมาอยู่ที่นี่ หรือเพราะราคาถูก แต่นาฬิกาข้อมือเรือนนั้นที่อีกฝ่ายให้นายหน้าไปเป็นค่ามัดจำ พอให้ฟั่นจยาหลัวเช่าคอนโดฯ สุดหรูในเมืองหลวงได้หนึ่งปีเต็มๆ เลยนะ!
ฟั่นจยาหลัวผู้ถูกมองว่าบ้ากลับพอใจคอนโดฯ แห่งนี้มาก เขาเดินไปที่หน้าประตูตึกหมายเลขหนึ่งอย่างอารมณ์ดี เตรียมจะรูดคีย์การ์ด จังหวะนี้เองมีคนกลุ่มหนึ่งเดินรวมกลุ่มกันมา คนที่นำหน้าตัวสูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบกว่าเซนติเมตร เรียกได้ว่าเป็นหงส์ในฝูงกา สวมชุดสูทสีดำราคาแพง มาดน่าเกรงขาม หน้าตาหล่อเหลา ดูไม่ธรรมดาอย่างที่สุด
ฟั่นจยาหลัวปรายตามองอย่างไม่ใส่ใจ แต่แล้วความสนใจทั้งหมดของเขากลับถูกชายร่างสูงใหญ่ช่วงชิงไป เขามองอีกฝ่ายนิ่ง ไม่สามารถเลื่อนสายตาไปทางอื่น ตอนแรกเขาเข้าใจว่าการหาที่ที่มีฮวงจุ้ยยอดเยี่ยมแบบนี้ในเมืองหลวงที่แสนรุ่งเรืองได้เป็นเรื่องยากมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าในที่ล้ำค่าแห่งนี้จะซ่อนอัญมณีไว้
เขาลูบริมฝีปากสีแดงสด รอยยิ้มพลันเปลี่ยนเป็นพึงพอใจอย่างมาก ฟั่นจยาหลัวเก็บคีย์การ์ดใส่เป้ ก้าวเดินช้าๆ ในระหว่างนั้นเขาพลันนึกถึงข้อความประโยคหนึ่งในอินเตอร์เน็ตขึ้นมา…ภายในหนึ่งนาที ฉันจะต้องได้ข้อมูลทุกอย่างของผู้ชายคนนี้!
เสียดายที่ตอนนี้เขาไม่มีอิทธิพลและอำนาจเลยไม่สามารถสืบได้ว่าชายคนนี้เป็นใคร และยิ่งไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ตามใจชอบ ชายคนนี้มีมาดน่าเกรงขาม อากัปกิริยาเป็นผู้ดี ประกายตาคมปลาบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
พอเห็นว่าฟั่นจยาหลัวมีแผนจะเข้าใกล้กลุ่มคนที่เพิ่งโผล่ออกมา ตำรวจสองนายก็รีบตามไป พวกเขาคุยกันเบาๆ ว่า “คนที่เดินนำหน้าคุ้นๆ ฟั่นจยาหลัวเอาแต่มองเขา หรือพวกเขาจะรู้จักกัน จะเกี่ยวกับคดีหรือเปล่านะ”
“ตามไปดูเดี๋ยวก็รู้ นี่ เดี๋ยวก่อน ฉันนึกออกแล้ว คนตัวสูงนั่นเหมือนจะเป็นนายใหญ่คนใหม่ของสกุลไป๋ ไป๋มู่! เขากับฟั่นจยาหลัวห่างชั้นกันมาก ไม่มีทางรู้จักกันได้ล่ะมั้ง”
ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตของตำรวจสองนาย ฟั่นจยาหลัวเดินเข้าไป แต่ไม่ได้ตรงเข้าไปใกล้คนกลุ่มนี้ทันที เพียงคอยดูอยู่ด้านข้าง
คนแก่ผมหงอกเต็มศีรษะท่าทางเหมือนเซียนคนหนึ่งเอ่ย “ประธานไป๋ การค้านี้ผมทำไม่ไหว คุณไปหาคนอื่นดีกว่า”
“ผู้เฒ่าโจวครับ ผมรู้ความสามารถของคุณ คุณช่วยผมสักครั้ง เรื่องค่าตอบแทนเราคุยกันได้” น้ำเสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำดึงดูดใจ
ฟั่นจยาหลัวเดินเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อมองอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจ
ผู้เฒ่าโจวเอาแต่สั่นศีรษะ “ประธานไป๋ ผมไม่ใช่คนประเภทตีชิงตามไฟ* เห็นแก่เงิน ผมบอกว่าทำไม่ไหวแปลว่าไม่ไหวจริงๆ คุณดูสิ ที่ดินผืนนี้เอนพิงภูเขารูปปู กลางเขามีช่องเขาขาดตรงกับคอนโดฯ พอดี ด้านบนมีน้ำตกไหลโกรก กระแสน้ำแรงจัด ส่งผลกระทบทั้งระยะใกล้ระยะไกล นี่เป็นรูปแบบของสายน้ำแห่งความวิปโยคตามตำรา ทำให้คนเก็บเงินไม่อยู่ ดูแลครอบครัวไม่ได้ นานวันเข้าสามีภรรยาจะเลิกร้างแยกทางกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตาย! และคุณดูแม่น้ำที่อยู่หน้าคอนโดฯ สายนี้ คุณภาพน้ำดีมากจริงๆ มองแล้วสบายตาสบายใจ แต่น้ำไหลแรงเกินไป ในน้ำมีหินหน้าตาประหลาดเรียงราย นี่คือสายน้ำพิฆาต ง่ายต่อการรวบรวมสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย”
ผู้เฒ่าโจวชี้ภูเขา ชี้สายน้ำ แล้วก็ชี้ไปยังถนนสายที่อยู่ด้านข้าง “ยังมีถนนสายนี้เป็นปัญหาใหญ่พอกัน แหล่งน้ำนี่อีก ผมมองออกว่าตอนแรกพวกคุณตั้งใจจะทำเป็นสายน้ำรูปตัวยูเพื่อเสริมชะตาการเงินใช่หรือเปล่า แต่องศานี้ที่พวกคุณทำมันยังลึกไม่พอ มนไม่พอ มีมุมแหลมจุดหนึ่ง ทำให้สายน้ำโอบล้อมกลายเป็นเส้นทางพยัคฆ์ขาวสังหาร คนอยู่ที่นี่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวจนตาย!”
ผู้เฒ่าโจวถอนหายใจหนักหน่วง สุดท้ายก็ชี้ต่อ “พวกคุณทำฐานของที่นี่ไม่ดี ทำเหลี่ยมเยอะตามแบบสมัยใหม่ทุกอย่าง ทำให้ทุกแห่งมีมุมเหลี่ยมมุมแหลม นี่คือห้องแห่งเปลวเพลิงตามตำรา คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จะเจอกับอัคคีภัยและเกิดอุบัติเหตุง่ายเป็นพิเศษ จะเกิดภัยที่นี่เป็นรายปีเลยทีเดียว!”
ผู้เฒ่าโจวเดินไปข้างสระชมวิวหน้าห้องชุดตึกหมายเลขหนึ่งแล้วสั่นศีรษะติดๆ กัน “สระน้ำนี้ของคุณก็เลือกตำแหน่งไม่ดี อาคารใหญ่หลังนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทิศคุน** ส่วนสระน้ำนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทิศเกิ่น*** สระน้ำแห่งนี้คือธารเทพหลัก แต่กลับหมดสิ้นความขลัง คนที่อยู่ที่นี่จะดวงพลิกกลับ ง่ายต่อการประสบอุบัติเหตุ”
ผู้เฒ่าโจวเงยหน้าขึ้นทอดสายตามองไปทั่วทั้งคอนโดฯ เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงท้อแท้ใจอย่างมาก “ถ้ามีปัญหาแค่จุดสองจุดผมพอจะช่วยแก้ให้คุณได้ แต่นี่มีปัญหาทุกจุด คุณจะปรับภูเขาด้านหลังให้เรียบได้เหรอ จะทำให้น้ำตกหยุดไหลได้เหรอ ตัดสายน้ำไม่ได้ เปลี่ยนทางหลวงไม่ได้ ฐานรากก็รื้อสร้างใหม่ไม่ได้ คุณบอกทีซิว่าจะให้ผมทำยังไง ประธานไป๋ครับ ผมดูฮวงจุ้ยให้คนมาทั้งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอคอนโดฯ ที่มีปัญหามากขนาดนี้ ผมอยากช่วยก็ช่วยไม่ไหว คุณไปหาผู้สูงส่งคนอื่นดีกว่า!”
ผู้เฒ่าโจวประสานมือพลางพาลูกศิษย์เดินจากไป ทำเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนเพิ่งเคยพบเคยเห็น
สายตาของพวกประธานไป๋ทั้งกลุ่มมองดูพวกเขาเดินห่างออกไป หน้าซีดจนเขียวแล้วเขียวจนม่วง เรียกได้ว่ามีสีสัน ต่อให้ตีให้ตายพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าฮวงจุ้ยของมูนไลต์เบย์การ์เด้นจะเลวร้ายถึงขั้นนี้ มิน่าจนถึงวันนี้เจ้าของบ้านจำนวนหลายร้อยคนที่ย้ายเข้ามาเป็นกลุ่มแรกถึงได้ย้ายออกไปแล้วเจ็ดแปดส่วน และที่เหลืออยู่สิบกว่าหลังไม่ได้ย้ายไปเพราะทุ่มงบมาซื้อบ้านหมดแล้ว ไม่สามารถไปไหนได้
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนพวกเจ้าของธุรกิจต่างมาออกันที่หน้าประตูคอนโดฯ เพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์ แต่ต่อมามีรถคันหนึ่งเสียการควบคุม ชนคนตายคาที่สามคน ล้วนเป็นพวกที่ได้รับกรรมสิทธิ์แล้วทั้งสิ้น ชื่อคอนโดฯ ผีสิงจึงยิ่งโด่งดังขึ้นนับตั้งแต่นั้น โปรเจ็กต์นี้ของบริษัทติ่งเซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนลได้รับความเสียหายด้านเงินลงทุนอย่างหนัก ถ้าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ห่วงโซ่เงินลงทุนของบริษัทจะต้องมีอันขาดสะบั้น ทำให้เครือบริษัททั้งหมดเผชิญหน้ากับความเสี่ยงอย่างมหาศาล
ชายร่างสูงใหญ่เพ่งมองเงาหลังของผู้เฒ่าโจวเป็นเวลานาน สีหน้านิ่งสนิทอยู่ตลอดเวลา ทว่าดวงตากลับทุกข์ตรมขมขื่นอย่างอธิบายได้ยาก ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
ฟั่นจยาหลัวฟังๆ แล้วยิ้ม ผู้เฒ่าโจวคนนี้พูดถูกแค่ส่วนที่หนึ่ง แต่เขาไม่เข้าใจส่วนที่สอง ปัญหาของที่นี่ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งที่ตั้ง แต่อยู่ที่ลักษณะพื้นที่ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าที่ดินของคอนโดฯ มูนไลต์เบย์การ์เด้นมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะที่ถูกล้อมด้วยพื้นที่สูง สภาพของฮวงจุ้ยที่เป็นแอ่งกระทะจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายอัปมงคล เมื่อกลิ่นอายอัปมงคลมารวมตัวกันแล้วไม่มีทางให้ระบายออก ย่อมค่อยๆ ทิ้งตัวลงและควบรวมกันมากขึ้น นานวันก็เกิดเป็นที่ดินเก้าหยินหายนะ*
ฮวงจุ้ยของที่ดินเก้าหยินหายนะไม่มีวิธีแก้ไข นอกจากสูบเอากลิ่นอายอัปมงคลที่ตกตะกอนอยู่ข้างล่างออกไปให้สะอาด ความชั่วร้ายก็จะมลายหายและสามารถเริ่มต้นใหม่ พอคิดมาถึงตรงนี้ฟั่นจยาหลัวก็เลียริมฝีปาก รู้สึกหิวขึ้นมา เขาหยิบคีย์การ์ดออกมาเดินผ่ากลางวงคนกลุ่มนี้ จังหวะที่เดินผ่านประธานไป๋ เขาแสร้งทำเป็นไม่ระวัง ชนถูกอีกฝ่าย
นิ้วเย็นๆ ลูบผ่านหลังมือของไป๋มู่ ทำให้อีกฝ่ายได้สติอย่างรวดเร็วจึงเบี่ยงหลบไปด้านข้างทันที หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นเหมือนไม่คุ้นกับการสัมผัส พอรับรู้ได้ว่าคนของตนขยับเข้ามา ไป๋มู่จึงรีบเดินออกไปนอกวง ทิ้งห่างทุกคนไปไกล
ปฏิกิริยาของไป๋มู่ทำให้รอยยิ้มของฟั่นจยาหลัวกดลึกขึ้นกว่าเดิม ด้านหนึ่งเขาสูดกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของอีกฝ่ายเข้าปอดลึกๆ และอีกด้านก็เปิดประตูเดินเข้าตึกใหญ่ของคอนโดฯ ไป
ไป๋มู่เงยหน้าขึ้นมองสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์อลังการแล้ว ดวงตาฉายแววขมขื่นออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว
ในที่สุดกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกก็แยกย้ายกันไป แต่ตำรวจสองนายกลับยังอยู่ ทว่านั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อฟั่นจยาหลัว เขาไม่ใช้ลิฟต์แต่ใช้บันไดเดินขึ้นดาดฟ้าช้าๆ ระหว่างทางก็เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวในตึกไปด้วย ดูเหมือนชั้นสี่จะอยู่กันหนึ่งครอบครัว มีเสียงเด็กเล็กกำลังเล่นสนุก ชั้นเจ็ดมีสามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกันแรงมาก อารมณ์ของผู้ชายไม่ดีเอามากๆ เขาจึงทำลายข้าวของในห้องเสียงดังตึงตัง ชั้นแปด ชั้นเก้า ชั้นสิบ เงียบมาก ไม่รู้ว่ามีคนอยู่หรือเปล่า
ตอนเดินไปถึงชั้นสิบเจ็ด ฟั่นจยาหลัวเห็นเด็กชายคนหนึ่งนั่งกอดเข่าทั้งสองข้างขดตัวอยู่ตรงมุมบันได หน้าผาก มุมปาก คอ หลังมือ…ผิวส่วนที่โผล่พ้นชายผ้าออกมาล้วนมีแผลเล็กใหญ่ สีเขียวสีม่วง พอได้ยินเสียงฝีเท้า อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาไร้ประกาย
ฟั่นจยาหลัวยิ้มและพูดว่า “สวัสดี” จากนั้นก็เดินผ่านไปขึ้นบันไดแบบไม่เร็วไม่ช้า
เด็กชายมองตามแผ่นหลังของเขาไปด้วยสีหน้าเฉยชา ทว่าวินาทีต่อมาอีกฝ่ายกลับต้องกระโดดลุกขึ้น วิ่งลงบันไดหนีไป มีแม่บ้านวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งไล่ตามเด็กชายลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ใช้กำปั้นและขาต่อยเตะพร้อมผรุสวาทด่าทอ เหมือนไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นมนุษย์
ถ้าเป็นคนทั่วไปมาเห็นการใช้ความรุนแรงแบบนี้คงทนไม่ไหว แต่ฟั่นจยาหลัวกลับทำเหมือนไม่เห็นอะไร เดินตรงไปยังชั้นสิบแปด ห้องที่เขาเช่าอยู่คือตึกนี้ ห้องหมายเลข 1818 เป็นมงคลมาก ภายในตกแต่งไว้หรูหราเป็นพิเศษ แค่มีกลิ่นอับบ้างเล็กน้อย
ฟั่นจยาหลัวเปิดหน้าต่างสี่ด้านเพื่อให้ลมเข้ามา ทั้งยังทำการปัดกวาดฝุ่น จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปแช่น้ำ คราวนี้เขาไม่ทำน้ำแข็งแล้ว แต่นอนลงไปในน้ำอุณหภูมิปกติ รอยช้ำสีม่วงเข้มปื้นใหญ่ที่ขึ้นมาบนไหล่และลำคอ กำลังลามไปยังหน้าอกและหน้าท้องอย่างช้าๆ พร้อมมีกลิ่นเหม็นเน่าจางๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสภาพของร่างนี้ย่ำแย่ถึงขีดสุดแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทที่ 10 ได้ในวันที่ 22 ก.ย. 64