everY
ทดลองอ่าน The Link of a Relationship แหวนเชื่อมรัก เล่ม 1 บทที่ 3.4 ถึง 3.6 #นิยายวาย
Chapter 3.6 ชินอูซอ
หนึ่งชั่วโมงแล้วที่ผมตามพี่จีกอนมาที่บาร์วินเทจแห่งหนึ่งซึ่งน่าอายเกินกว่าจะเรียกว่าร้านเหล้า
ผมนั่งดื่มค็อกเทลอยู่ข้างพี่เขาหน้าบาร์หรูแบบที่เคยเห็นในหนัง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่แก้วแรก แต่เป็นแก้วที่สาม
“ผมรู้ว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้…จริงๆ นะครับ”
ผมกระดกค็อกเทลสีใสที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วเข้าปาก ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเสยผมด้านหน้าที่กระเซิงขึ้นอย่างลวกๆ
“ผมคาใจที่คังจีซอกทำดีกับผมและเป็นห่วงผมบ่อยๆ คำพูดตอนนั้นเลยยังวนเวียนอยู่ในหัวตลอด…ทั้งที่เขาก็ทำแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ แถมยังมีคนที่ชอบอยู่แล้ว…แล้วทำไมผมต้องหวั่นไหวกับเรื่องพรรค์นั้นด้วย…ทำไมกัน…”
ผมกินก้อนชีสลูกกลมๆ สีขาวจากปลายส้อมที่พี่จีกอนจ่อใส่ปากอย่างไม่ลังเล ถ้าเป็นตอนปกติผมคงบอกว่า ‘เดี๋ยวผมกินเอง’ ด้วยความเขินอาย แต่ตอนนี้แอลกอฮอล์กำลังพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ความสะดวกสบายที่ไม่ต้องหยิบกับแกล้มกินเองจึงมาก่อนความเขินอาย
พี่จีกอนที่ป้อนกับแกล้มให้ผมใช้ส้อมจิ้มของแบบเดียวกันเข้าปากตัวเองก่อนจะตอบกลับ
“มันก็เป็นไปได้แหละนะ คนที่ชอบดันมาทำดีด้วย ไม่ว่าใครก็อยากให้ความหมายกับมันทั้งนั้นแหละน่า”
“ความหมาย…จริงสิ ความหมาย…นั่นสินะครับ…”
ผมใช้มือเท้าศีรษะที่มึนตึ้บไปหมดเพื่อประคองตัวอย่างทุลักทุเลขณะปรายตามองแก้วค็อกเทลที่ว่างเปล่า ใบหน้ายิ้มร่าของคังจีซอกถูกวาดขึ้นมาอย่างเลือนรางบนพื้นผิวของแก้วค็อกเทล
“ผมเคยคิดนะว่าต่อให้คังจีซอกคบกับผู้หญิงคนอื่นจนแต่งงาน…ตัวผมเองก็คงจะโอเค ผมต้องโอเคให้ได้อยู่แล้วล่ะ…ก็ผมยังอยากยืนอยู่ข้างเขานี่นา…”
เพราะรู้ตัวว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมเลยตั้งใจว่าจะอยู่ในฐานะเพื่อนแบบนี้ไปให้นานที่สุด ตั้งใจว่าจะไม่รู้สึกอะไรที่ไม่ควรรู้สึกและแสดงออกแค่ในฐานะเพื่อนสนิทเท่านั้น และผมก็มั่นใจว่าตัวเองทำได้ดีมาตลอดเหมือนที่ทำมาจนถึงตอนนี้
แต่ถึงอย่างนั้นพอรู้ว่าคังจีซอกมีผู้หญิงที่ชอบ ผมก็ดันมามีสารรูปแบบนี้เอาเสียได้ แล้วแบบนี้ผมจะสามารถอยู่เคียงข้างเขาต่อไปได้ยังไงในเมื่อผมควบคุมความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว ผมได้แต่สมเพชตัวเองจนอดคิดไม่ได้ว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ผมคงต้องถอยห่างหรือตัดใจจากเขาแล้วจริงๆ บรรยากาศสุขุมเฉพาะตัวและความเป็นผู้ใหญ่ของพี่จีกอนในตอนนี้ดึงดูดสายตาของผมมากกว่าใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคังจีซอก
“ถ้าผมอายุเท่าพี่ ผมก็น่าจะทำใจได้ใช่ไหมครับ”
ถ้าสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเหมือนพี่จีกอน ผมจะจัดการกับความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นอีกหน่อยไหมนะ ลำพังแค่ได้ยินว่าคังจีซอกชอบใครบางคนอยู่ผมก็เป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว วันหลังถ้าเกิดเขาบอกว่าคบกับใครขึ้นมา ถึงเวลานั้นผมจะแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้านอะไรได้เหรอ แล้วผมก็แค่นหัวเราะให้พี่เขาที่นั่งอยู่เงียบๆ
“การรักใครข้างเดียวนี่มัน…เหนื่อยจริงๆ เลยนะครับ”
มุมปากที่เคยยกยิ้มอย่างปลอบโยนของพี่เขาลดต่ำลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแบบนั้นหรือเปล่า รอยยิ้มของพี่เขาจึงดูขมขื่นเหมือนกับผมในตอนนี้และแตกต่างไปจากรอยยิ้มในยามปกติ
ในจังหวะที่ดื่มค็อกเทลแก้วใหม่ไปได้ครึ่งแก้ว ภาพเบื้องหน้าของผมก็เกิดวูบไหวขึ้นมาราวกับเป็นการแจ้งเตือนว่าตอนนี้ผมดื่มเกินขีดจำกัดไปมากแล้ว แถมร่างกายเองก็โงนเงนจนพี่จีกอนต้องโอบไหล่ผมเพื่อช่วยประคอง
“ทีนี้ก็ถึงเวลาต้องกลับกันแล้วนะ นายดื่มหนักไปแล้ว”
“ไม่ครับ ผมยัง…”
ผมรู้สึกผิดกับพี่เขาเพราะตัวเองเอาแต่อาศัยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นั่งพร่ำบ่นคนเดียวไปเรื่อย ถึงพี่เขาจะรู้ว่าผมคิดยังไงกับคังจีซอก แต่เรื่องน่าอึดอัดแบบนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าฟังสักเท่าไหร่นัก
ผมพูดอ้อแอ้ว่า ‘ทีหลังถ้าพี่มีอะไรที่อยากระบายก็พูดมันออกมาได้นะ’ ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ เหนือไหล่ที่กำลังซบอยู่
ผมเห็นใครบางคนเดินเข้ามาพูดอะไรสักอย่างแล้วพี่จีกอนก็ยื่นบัตรเครดิตใบหนึ่งให้คนคนนั้นผ่านสายตาที่พร่าเบลอของผม ภาพนั้นให้ความรู้สึกแตกต่างจากตอนที่ผมยื่นเงินสดจำนวนหนึ่งให้เพื่อนแล้วออกมาจากร้านเหล้าอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนความต่างนั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผมยังเป็นเด็กที่ยังไม่โตเต็มที่
ผมขยับขาที่รู้สึกหนักอึ้งเป็นพิเศษตามพี่เขาออกมาข้างนอก ทั้งที่เมื่อครู่นี้สายลมยังเย็นยะเยือกขนาดนั้น แต่พอเวลาผ่านไปก็กลับอ่อนลงเป็นสายลมเย็นสบายที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายแทน
ผมไม่รู้ว่าตัวเองมานั่งบนที่นั่งข้างคนขับได้ยังไง ผมรู้สึกเหมือนจะจำได้รางๆ ว่าพี่จีกอนอุ้มผมมาจากที่นั่งในบาร์เมื่อครู่ แต่แล้วภาพความทรงจำของผมก็เริ่มตัดไปอย่างที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
พอได้ยินเสียงประตูฝั่งคนขับปิดลง ผมก็ตั้งใจจะหลับตาลงเพราะคิดว่าในไม่ช้ารถก็จะแล่นออกไปแล้ว แต่ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น ระหว่างที่ดื่มเหล้ากับพี่จีกอน ไม่ว่าสายไหนจะติดต่อมาผมก็เมินมันหมดทุกสาย แต่เวลาใกล้เช้ามืดอย่างนี้ก็ยังจะติดต่อมาไม่เลิก
ผมหยิบมือถือออกมาเช็กดูด้วยแววตารำคาญก่อนจะตาสว่างขึ้นมาในฉับพลัน
นายอยู่ไหนน่ะ อูซอยาㅠㅠ
คังจีซอกส่งข้อความมาหาผม หลังจากตรวจดูประวัติการโทรเข้าแล้วปรากฏว่าสายที่ผมไม่ได้รับทั้งสิบเอ็ดสายล้วนเป็นสายจากคังจีซอก ซึ่งนั่นยังไม่รวมข้อความอีกนับไม่ถ้วน
หากเป็นเมื่อก่อนผมคงจะรู้สึกดีกับความเอาใจใส่แบบนี้ของเขา แต่วันนี้ผมไม่อาจรู้สึกดีกับมันได้อย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ เพราะเรื่องเหล่านั้นที่คอยกวนใจ และสิ่งที่กวนใจผมไปมากกว่านั้นคือการที่ถึงแม้ตอนนี้เวลาจะเลยตีหนึ่งมาแล้วแต่คังจีซอกกลับยังไม่เมาปลิ้นจนหลับเป็นตายอีก
อยู่บ้านคนเดียวมันน่ากลัวนะㅠㅠ
ดูสิ หมอนี่พิมพ์ไม่ผิดเลยสักตัว
ไม่ว่าจะแค่งัวเงีย เมายาแก้หวัด หรือเมาเหล้าการพิมพ์ผิดของคังจีซอกก็จะบอกถึงสภาพของเจ้าตัวได้อย่างละเอียดยิบ ดูจากที่เมื่อครู่นี้เขายังแย่งเหล้าของผมไปดื่มอึกๆ แต่พิมพ์ไม่ผิดสักตัวแล้ว นั่นหมายความว่าสติของเขายังครบถ้วนสมบูรณ์ดีอยู่แน่ๆ
พอคิดได้อย่างนั้นผมก็ยิ่งไม่อยากกลับคอนโดฯ เข้าไปใหญ่ ผมคาดเดาไม่ได้เลยว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำให้ตัวเองเผลอหลุดพูดอะไรออกไปหรือเปล่า ถ้าเจอคังจีซอกในสภาพที่ตัวเองกำลังอารมณ์อ่อนไหวและสติไม่ครบถ้วนแบบนี้
ผมจ้องหน้าจอมือถือนิ่งโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนที่มือใหญ่ของใครบางคนจะยื่นเข้ามาบดบังหน้าจอนั้น
“อูซอยา พี่ว่าเรา…”
พี่จีกอนที่ใช้มือปิดข้อความของจีซอกส่งยิ้มมาให้อย่างเย้ายวน พริบตานั้นผมมองเห็นใบหน้าของคังจีซอกซ้อนทับอยู่บนหน้าของพี่เขาจนหัวใจเผลอเต้นแรงไปวูบหนึ่ง หากมองต่อไปคงหลงตายเอาแน่ๆ แต่หากเบือนหน้าหนีผมก็คงจะเสียดายจนต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
“…ไม่กลับคอนโดฯ กันไหม”
ข้อเสนอของพี่เขาเย้ายวนพอๆ กับรอยยิ้ม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นดีเห็นงามได้ไม่เต็มปาก
“ไหนบอกว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงานเช้าไงครับ”
“อืม…เรื่องนอนพี่ก็ต้องนอน แต่ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าคอนโดฯ นี่นา”
บางครั้งผมก็รู้สึกขนลุกที่พี่เขาเป็นแบบนี้ พี่เขารู้ความคิดของผมอย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนั้นได้ยังไงกัน
“เดี๋ยวพี่จองโรงแรมใกล้ๆ แล้วจะขยายเวลาเช็กเอาต์ก่อนออกไปทำงานให้ นายเองก็หลับให้เต็มอิ่มแล้วค่อยเช็กเอาต์ออกมาก็แล้วกัน”
มือของพี่จีกอนที่เทียบกันแล้วอุณหภูมิต่ำกว่าลูบแก้มอุ่นๆ ของผมอย่างเบามือ ความรู้สึกเย็นสบายจากฝ่ามือนั้นชวนให้ข้างในใจของผมรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก และในขณะเดียวกันภาพของคังจีซอกก็มักจะซ้อนทับกับพี่เขาที่กำลังเอาใจใส่ผม
“ไม่ว่าจะคังจีซอกหรือพี่…ทำไมทุกคนถึงได้เอาใจใส่ผมขนาดนี้กันนะ…”
ลิ้นที่อ่อนเปลี้ยพูดคำที่อยู่ในหัวออกมาไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีผมก็กำลังถูแก้มกับฝ่ามือเย็นๆ ของพี่เขาเสียแล้ว
“ครั้งแรกเลยนะที่พี่ได้ยินใครบอกว่าพี่เอาใจใส่น่ะ”
“ไหนพี่บอกว่าเคยมีคนรักไงครับ…คนรักของพี่เขาไม่ได้บอกพี่ทุกวันหรอกเหรอ”
ไม่ว่าจะการพูด การกระทำ หรือสายตาของพี่เขา ทุกอย่างล้วนเป็นคังจีซอกทั้งหมด ต่อให้ยกความเอาใจใส่นี้ออกไปร่างกายนี้ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นคังจีซอก…
“อืม ไม่เคยได้ยินเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่เอาใจใส่เลย มีแต่คนด่ากันทั้งนั้นว่าพี่เย็นชา”
“โกหก…”
“พี่พูดจริงนะ ที่นายรู้สึกว่าพี่เอาใจใส่นาย บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพี่แสดงเก่งเกินไปล่ะมั้ง?”
ดวงตาและริมฝีปากของพี่จีกอนคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกัน พี่เขาเหมือนคังจีซอกมากจนผมสับสนไปชั่วขณะว่าตัวเองกำลังคุยกับอยู่ใครกันแน่
หัวที่มึนตึ้บคิดประมวลผลอย่างช้าๆ ก่อนจะเข้าใจความหมายที่พี่เขาพูดขึ้นในทีหลัง
‘พี่เลียนแบบเป็นจีซอกเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่นายต้องการ’
อ๋า…เพราะแบบนี้นี่เองสินะ
เสียงหัวเราะอันไร้เรี่ยวแรงหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของพี่เขา พี่เขาก็แค่พยายามทำในสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำ แค่แสดงสีหน้า แค่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้เหมือนกับคังจีซอก และแค่ทำทุกอย่างที่ผมต้องการจากคังจีซอก
พอรู้อย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเป็นกอง ต่อจากนี้ผมไม่ต้องคอยคิดว่ามันเป็นความเพ้อฝันของผมที่ยังมีเยื่อใยกับความเอาใจใส่ของคังจีซอกที่รู้สึกได้จากพี่เขาแล้วก็ได้
เสี้ยวหนึ่งในหัวของผมบิดเบี้ยวและเกิดความคิดอันเห็นแก่ตัวขึ้นมา ถึงคนที่กำลังสบตากับผมอยู่ตอนนี้จะไม่ใช่คังจีซอก แต่ก็เหมือนว่าเขาจะสามารถรับฟังผมได้ทุกสิ่งในสิ่งที่ผมต้องการจากคังจีซอก แม้มันจะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมากมายยังไงก็ตาม
เพราะผมคือคนที่พี่ต้องการ…และวงแหวนสีแดงที่นิ้วนางข้างซ้ายของพี่ก็ไม่ต่างอะไรกับโซ่ตรวนสีแดงที่ผมกำลังกุมเอาไว้
หัวที่มึนตึ้บเพราะฤทธิ์จากแอลกอฮอล์เริ่มคิดอะไรตื้นๆ เหมือนเด็ก ผมถือว่าคำพูดของพี่เขาที่บอกว่าจะเลียนแบบคังจีซอกเป็นประกาศิตที่ทำให้ผมมีสิทธิ์สั่งเขาให้ทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง
“พี่ครับ ถ้าอย่างนั้น…”
แม้ผมจะรู้แก่ใจดีว่าไม่ควรทำแบบนี้ แต่ปากของผมกลับพูดออกไปไม่ยอมหยุด
“พี่ช่วยแกล้งเป็นคังจีซอก…ในแบบที่ผมต้องการหน่อยได้ไหมครับ…ผมหมายถึงให้พี่เป็นตัวแทนของคังจีซอกน่ะครับ…”
หลังจากพูดจบผมก็กลับมาว้าวุ่นใจกับตัวเองว่าทำไมถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนั้นออกไป
ไอ้เหล้าบัดซบเอ๊ย จะดื่มก็ดื่มให้มันพอดีหน่อยสิ
ผมพยายามขยับลิ้นที่หนักอึ้งแก้คำที่พูดออกไปอย่างสิ้นคิด ไม่ว่ายังไงการร้องขอพี่จีกอนอย่างหน้าด้านในสิ่งที่ตัวเองต้องการจากคังจีซอกก็เป็นคำร้องขอที่น่ารังเกียจเกินไป
“ผมขอโทษนะครับ การร้องขออะไรแบบนี้มันก็น่ารังเกียจเกินไปจริงๆ นั่นแหละ…”
“นายอยากให้พี่ทำอะไรล่ะ”
ผมคิดว่าพี่เขาจะมองผมแปลกๆ แต่ผิดคาดที่พี่เขาถามผมกลับมาโดยที่น้ำเสียงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
“อยากได้แบบไหนล่ะ จะให้จูบก็ได้นะ”
คำพูดที่ฟังดูโจ่งแจ้งของพี่จีกอนทำให้ใบหน้าที่แดงก่ำอยู่แล้วของผมเห่อร้อนยิ่งกว่าเดิม
จูบ? มันเป็นคำที่ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ผมที่คิดว่าอย่างมากก็คงขอแค่กอด ดูคิดอะไรได้น่ารักและดูเด็กไปเลย
ผมใช้ปลายนิ้วกุมขมับที่ปวดตุบๆ
“พี่จะไม่คิดมากอะไร…ใช่ไหมครับ”
“พี่จะไปคิดมากอะไรได้ล่ะ”
พอถามกลับไปพี่เขาก็ถามกลับมาอีกรอบ มือของพี่เขากดลงบนขมับแทนมือของผมที่หมดแรง
“ขอแค่นอนหลับเต็มอิ่ม จะให้ทำอะไรพี่ก็ไม่สนหรอก”
พี่เขาจะทำอย่างนั้นได้จริงๆ น่ะเหรอ
ดูจากการที่พี่เขาบอกว่าคนรักที่เลิกไปเป็นผู้ชาย พี่เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่สนใจเรื่องเพศเหมือนคังจีซอก แต่ถึงอย่างนั้นพี่เขาจะไม่กระอักกระอ่วนใจที่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายตัวเองหน่อยเหรอ เหนือสิ่งอื่นใดคือพี่เขาคิดจะจูบกับคนที่กำลังมองตัวเองเป็นน้องชายตัวเองเนี่ยนะ สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการเลยด้วยซ้ำ
พี่จีกอนมองผมที่กำลังครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ก่อนจะผละมือจากพวงมาลัยรถ
“ทำใจให้สบาย สิ่งที่นายอยากให้จีซอกทำให้น่ะ ไม่ว่าอะไรก็บอกมาได้เลย”
ถึงผมจะไม่ได้คล้อยตามคำพูดของพี่เขาง่ายดายขนาดนั้น แต่อารมณ์ที่เริ่มปั่นป่วนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็กำลังทำให้ผมขาดสติ
“ผมอยากทำครับ”
ผมจ้องตาพี่เขาเขม็งราวกับคนที่ตัดสินใจครั้งใหญ่พลางกำสองมือที่วางอยู่บนตักแน่น
“จูบ…ผมอยากลองจูบครับ”
ผมคิดหนักว่าถ้าพูดออกไปชัดเจนแบบนี้ พี่เขาจะตกใจหรือลำบากใจหรือเปล่า พี่เขาจะบอกว่า ‘พี่แค่ล้อเล่นกับคนเมาเท่านั้นเอง ทำไมนายถึงคิดจริงจังอะไรได้ขนาดนั้น’ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไหม…
แต่แล้วพี่จีกอนกลับใช้มือประคองใบหน้าของผมให้หันไปทางเขาพร้อมกับขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้
“เคยจูบมาก่อนไหม”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของพี่จีกอนที่เบาราวกับเสียงกระซิบดังชัดเจนอยู่ในระยะประชิด ผมรู้สึกได้ถึงมืออีกข้างของพี่เขาที่ประคองท้ายทอยของผมแล้วดึงเข้าไปหาเบาๆ พร้อมกับความคิดที่ว่าลมหายใจของเรากำลังสัมผัสกัน
“เคยครับ…”
หางตาของพี่จีกอนกระตุกราวกับไม่พอใจเล็กน้อย แม้จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่ผมก็รู้สึกราวกับมีเข็มแหลมๆ นับร้อยปรากฏขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศอันนุ่มนวล
“เมื่อไหร่ กับใคร”
เสียงที่ฟังดูทุ้มต่ำลงกว่าเดิมถามขึ้นอย่างกดดัน
“สมัยเรียนมัธยมปลาย…กับเด็กผู้ชายที่สารภาพรักกับผมครับ…”
ตอนนั้นเป็นช่วงหลังจากที่ผมรู้ตัวแล้วว่าชอบคังจีซอก ผมกำลังสับสนอยู่ในใจ แล้วก็มีเด็กผู้ชายอีกคนมาสารภาพรักกับผมโดยพรั่งพรูคำพูดแบบเด็กๆ ที่ควรจะอยู่แค่ในละครเก่าๆ หรือนวนิยายอย่างเช่นแอบมองผมมานานแล้ว ชอบผมมากจนนอนไม่หลับมาหลายคืน หรือผมเป็นคนเดียวที่เปล่งประกายท่ามกลางผู้คนในสายตาของเขา
แต่สิ่งที่มากกว่าความสับสนงุนงงที่มีผู้ชายมาสารภาพรักคือการที่ผมดันเผลอคิดไปว่าตัวเองอาจจะไม่ได้ชอบคังจีซอกจริงๆ ก็ได้ ผมเพียงแค่ชอบผู้ชายโดยที่ไม่รู้ตัวเลยคิดแค่ว่าอยากจะลองจูบดูก็เท่านั้น มันอาจจะเป็นวิธีที่น่าอายไปสักหน่อย แต่ตัวผมในตอนนั้นก็ว้าวุ่นใจหนักถึงขั้นที่คิดอะไรแบบนั้นออกมาได้จริงๆ
ดังนั้นพอถามออกไปว่าถ้าชอบผมขนาดนั้น ขอผมลองจูบได้ไหม อีกฝ่ายก็พุ่งพรวดเข้ามาราวกับกำลังเฝ้ารอช่วงเวลานี้ ถึงผมจะเป็นฝ่ายที่เอ่ยปากเสนอก่อนเอง แต่จูบในวันนั้นก็เป็นเรื่องที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนตัวแข็งทื่อทั้งที่รู้สึกเจ็บจากริมฝีปากที่ถูกบดขยี้และฟันที่กระทบกัน ในจังหวะเดียวกันผมก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างลอดผ่านช่องว่างระหว่างริมฝีปากเข้ามา ผมรู้สึกอึดอัดเหนือคำบรรยายจนเกือบสติขาดผึงฆ่าเด็กคนนั้นทิ้งไปเสียแล้ว
และนั่นก็เป็นจูบครั้งเดียวในชีวิตของผม จูบแรกที่แสนจะห่วยแตก จูบที่ทำให้ผมตระหนักได้ว่าตัวผมเองไม่ได้ชอบผู้ชายคนไหนก็ได้ แต่ชอบคังจีซอกเพียงแค่คนเดียว
อันที่จริงตอนนี้ผมเองก็ยังลังเลอยู่หน่อยๆ ว่าคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะจูบกับพี่จีกอนที่แค่เลียนแบบเป็นคังจีซอก
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ผมก็รู้สึกได้ถึงแรงกดตรงสันกรามที่ถูกพี่เขาจับให้เชิดขึ้นเล็กน้อย
“เสียดายชะมัด อืม…น่าเสียดาย”
น้ำเสียงของพี่จีกอนทุ้มต่ำและเย็นชาขึ้นมาอีกระดับ และในเสี้ยววินาทีนั้นเองผมก็พลันรู้สึกขนลุกวาบไปทั้งร่างเมื่อริมฝีปากของพี่เขาสัมผัสกับริมฝีปากของผม ผมนึกถึงประสบการณ์อันห่วยแตกกับเด็กคนนั้นขึ้นมาเลยผงะถอยหนีไปตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกมือของพี่เขาที่คอยประคองท้ายทอยอยู่ล็อกเอาไว้แน่นจนไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
“เคยลองทำกับคนอื่นแล้วนี่ รู้สึกยังไงบ้างล่ะ”
แม้ว่าน้ำเสียงของพี่เขาจะฟังดูอ่อนโยน แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมากลับหนักอึ้งชวนขนลุก และไม่ว่าดวงตาที่สบกันอยู่จะหยียิ้มอย่างเอ็นดูผมแค่ไหน แต่ผมก็รู้สึกได้ว่านัยน์ตาสีดำที่อยู่ข้างในนั้นกลับดูเย็นชาเสียจนผมรู้สึกว่ามันขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ครับ ถ้าจะให้พูดตามตรงก็รู้สึกงั้นๆ”
“โล่งอกไปที”
ก่อนที่จะทันได้เข้าใจว่าพี่เขาหมายความว่ายังไง ริมฝีปากที่เคยสัมผัสเฉียดผ่านกันไปมาก็ประกบเข้าหากันอย่างแนบแน่น
“อึก…!”
ทั้งที่เตรียมใจเรื่องจูบเอาไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงผมก็อดที่จะตกใจไม่ได้อยู่ดี และแม้ว่าริมฝีปากอ่อนนุ่มที่บดเบียดเข้าหากันจะให้ความรู้สึกอึดอัดเหมือนจูบแรกอยู่หน่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสัมผัสที่อ่อนนุ่มจนผมเผลอลืมความรู้สึกแรกนั้นไปเสียสนิท หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มไม่ใช่แค่การบดเบียดริมฝีปากเข้าหากัน เพราะเรียวลิ้นอุ่นที่เคล้าไปด้วยกลิ่นเหล้าของพี่เขาเริ่มซุกซนจนผมพลันรู้สึกเสียววาบไปทั่วทั้งตัว
พี่เขาใช้ปลายลิ้นเล็มเลียกลีบปากผมราวกับกำลังจรดพู่กันวาดลงบนกระดาษ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้งพร้อมกับสอดเรียวลิ้นเข้ามา พี่เขาละเลียดลิ้นไปตามแนวฟันที่ขบเข้าหากันแน่นด้วยความเกร็ง จากนั้นก็ขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากล่างของผมเบาๆ อย่างทะนุถนอม
“อ้าปากหน่อยสิ อูซอยา”
เสียงทุ้มต่ำของพี่จีกอนพลันทำให้รู้สึกเสียววาบในช่องท้อง มันเป็นความรู้สึกที่ราวกับมีแรงฉุดกระชากมาจากที่ไหนสักที่ ยิ่งวันนี้ที่เสียงของพี่เขาฟังดูทุ้มต่ำเป็นพิเศษยิ่งแล้วใหญ่ ผมรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงจนแม้แต่จะอ้าปากก็ยังไม่ไหว อีกทั้งขอบตายังสั่นระริกคล้ายกับจะเป็นลม ทันใดนั้นดวงตาของพี่เขาก็ขยับเล็กน้อยจนเห็นเป็นรอยยิ้มชวนมองที่เหมือนกับรอยยิ้มของคังจีซอกไม่มีผิดเพี้ยน
“พี่จะทำให้นายรู้สึกดีเอง อ้าปากสิ”
ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกดีอยู่หรือเปล่า ผมสัมผัสได้แค่ความรู้สึกแปลกๆ ที่ทั้งจั๊กจี้และเจ็บแปลบเบาๆ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามันนุ่มนวล ถ้าหากว่าผมยอมอ้าปาก ผมจะรู้สึกดีกว่านี้ไหมนะ
ผมอ้าปากออกโดยอัตโนมัติขัดกับใจที่กำลังฉงนสงสัย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าเจ้าของนัยน์ตาที่สบกันอยู่ในตอนนี้นั้นไม่ใช่คังจีซอก แต่ผมก็เผลอคิดไปว่าตัวเองกำลังประกบปากจูบกับหมอนั่นอย่างลืมตัว ถ้าเป็นจูบของคังจีซอก มันจะต้องเป็นจูบที่รู้สึกต่างไปจากจูบในตอนนั้นอย่างแน่นอน
ผมรู้สึกว่าเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามานั้นกำลังเอ่ยชมผมว่าเก่งมากทันทีที่ผมยอมอ้าปากออก พี่เขาแทรกลิ้นเข้ามาผ่านแผงฟันแล้วเกี่ยวกระหวัดลิ้นที่แข็งทื่อของผม ก่อนจะกวาดต้อนสลับกับดูดดุนไปมาราวกับเค้นคลึง และทุกครั้งที่พี่เขาทำแบบนั้น ความรู้สึกเสียวซ่านจากลิ้นก็จะแล่นพล่านไปถึงช่องคอจนผมหลุดครางกระเส่าออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เรียวลิ้นของพี่เขาที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากโอบรัดรอบเรียวลิ้นของผม ก่อนจะค่อยๆ ลากผ่านเนื้อกระพุ้งแก้มด้านข้างเรื่อยไปจนถึงเพดานปากด้านบน จากนั้นลิ้นที่ลากผ่านฟันขึ้นมาเมื่อครู่ของพี่เขาก็เริ่มหยอกล้อเพดานปากของผม โดยใช้ปลายลิ้นครูดไปตามผนังเพดานปากจากด้านในลำคอออกมาด้านนอกสองสามครั้ง ก่อนจะกดลิ้นย้ำๆ กับเพดานปากของผมปิดท้ายราวกับหยั่งเชิง ทุกเสียงที่เกิดขึ้นภายในโพรงปากดังก้องเข้ามาภายในหัวของผมจนหัวที่แต่เดิมก็เบลอมากอยู่แล้วรู้สึกโคลงเคลงไปหมด
ปลายลิ้นที่โลมเลียไปทั่วเพดานปากลากไล้ผ่านแนวฟันด้านในของผมอย่างหยอกเย้า ก่อนจะเปลี่ยนมาเลียวนบนลิ้นของผมอย่างปลุกเร้าอารมณ์ย้ำๆ ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ขยับลิ้นที่อ่อนระทวยหนีเขาไปมา รู้ตัวอีกทีก็ถูกพี่เขาคว้าจับท้ายทอยและเอวเอาไว้แน่นจนผมขยับตัวถอยหนีไปไหนไม่ได้
“อึก…อ๊ะ…พี่ครับ เดี๋ยวก่อน…!”
“พี่ที่ไหนกัน คังจีซอกต่างหากล่ะ”
เขาแก้ชื่อที่ผมเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก ก่อนจะละเลียดเลียริมฝีปากล่างที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำลายให้ผมอย่างอ่อนโยน
“ตอนนี้นายกำลังจูบกับคังจีซอกอยู่นะ”
คำพูดของพี่เขาทำให้ผมรู้สึกสับสนไปชั่วขณะอย่างน่าประหลาด
ผมดูออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้คือพี่จีกอนด้วยอยู่ใกล้ แต่ขณะเดียวกันไอ้ความอยู่ใกล้นี้ก็ทำให้ผมอดที่จะรู้สึกสับสนไม่ได้ เพราะในสายตาของผมดวงตาอันอ่อนโยนและฝ่ามือใหญ่ที่กำลังสัมผัสกายผมของพี่เขานั้นให้ความรู้สึกเหมือนจีซอกเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเปล่า ถ้าอยู่ในสภาพปกติเต็มร้อย ผมคงไม่มีทางมองคนที่กำลังจูบอยู่ผิดไปแน่ๆ และต่อให้คล้ายกันแค่ไหนก็ไม่มีทางที่ผมจะใช้พี่เขามาเป็นตัวแทนในการจูบกับคังจีซอกอย่างเด็ดขาด
ใช่แล้ว เหล้านั่นแหละตัวการ
เพราะอย่างนั้นผมเลยเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ ว่าคนที่กำลังจูบอยู่คือคังจีซอกยังไงล่ะ
ถ้าเป็นคังจีซอก…ก็คงจะดี
ร่างกายที่แข็งทื่อพลันอ่อนยวบลง ลิ้นที่เคยอ่อนเปลี้ยเริ่มขยับเองทีละน้อย ผมบดเบียดลิ้นตัวเองกับลิ้นของพี่เขาที่รุกล้ำผมอยู่ฝ่ายเดียว และบดเบียดริมฝีปากให้แนบแน่นเข้าไปอีกจนรู้สึกเจ็บเพื่อรับการปลุกเร้าที่ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มขึ้นอีกหน่อย
แม้สัมผัสของจูบห่วยๆ ที่เคยเจอมาในอดีตจะยังคงเลือนรางอยู่ในความทรงจำ แต่สัมผัสที่น่าพึงพอใจของจูบครั้งใหม่นั้นกลับแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายผ่านริมฝีปาก ก่อนจะซึมซ่านเข้าไปในหัวของผม เสียงที่ผมได้ยินตอนนี้มีเพียงเสียงน้ำลายแฉะชื้นจากริมฝีปากที่จูบกันอยู่ เสียงครางแผ่วจากผม และเสียงลมหายใจที่ร้อนรุ่มของเราสองคน
ในระหว่างที่เราแลกจูบกันอย่างดูดดื่มและมัวเมาไปกับมันเสียยิ่งกว่าแอลกอฮอล์ ผมก็ไม่สามารถละสายตาไปจากนัยน์ตาของพี่เขาที่กำลังรับบทแสดงเป็นคังจีซอกได้เลย
การแลกจูบขณะนึกถึงคังจีซอกนั้นช่างนุ่มนวลและหอมหวาน ขณะเดียวกันก็ชวนให้รู้สึกประหม่าเหมือนกับเวลาที่เด็กน้อยไปก่อเรื่องอะไรไม่ดีมา ผมคิดอยู่ในหัวที่ว่างเปล่าราวกับไม่ใช่หัวของตัวเองตลอดว่าผมทำแบบนี้ได้จริงๆ ใช่ไหม
วินาทีที่จูบอันแสนยาวนานจบสิ้นลง ผมก็รู้สึกหน้ามืดตาลายเพราะหายใจถี่รัวจนถึงกับล้มฟุบใส่พี่เขา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพี่เขาที่ยังคงจับตัวผมไว้แน่นจนถึงตอนนี้กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมก็ดันหมดสติไปก่อนจะทันได้รับรู้คำพูดนั้น
สิ่งที่จำได้ในตอนนั้นมีเพียงไอเย็นจางๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวของพี่เขา
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน The Link of a Relationship แหวนเชื่อมรัก เล่ม 1
วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub
และร้านหนังสือทั่วไป
รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่
Meb / OOKBEE / Pinto E-book by Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN