ทดลองอ่าน Thriller Trainee เด็กฝึกระทึกขวัญ เล่ม 1 บทที่ 10 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Thriller Trainee เด็กฝึกระทึกขวัญ เล่ม 1 บทที่ 10 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Thriller Trainee เด็กฝึกระทึกขวัญ เล่ม 1

ผู้เขียน : 妄鸦 (Wang Ya)

แปลโดย : จื่อซิน

ผลงานเรื่อง : 无限练习生 (Wu Xian Lian Xi Sheng)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับการตาย การฆาตกรรม การทรมาน

การกักขังหน่วงเหนี่ยว การค้ามนุษย์ การบูลลี่ การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

มีการบรรยายถึงงู เลือด สภาพศพ สถานการณ์อันน่าขยะแขยง

และการกระทำที่สยดสยองต่ออวัยวะภายในของมนุษย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

  

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 10 โรงพยาบาลจิตเวช (8)

 

หมอฉู่ไม่คิดจะลดเสียงพูดประโยคนั้นลงเลย เด็กฝึกหลายคนที่เตรียมจะเดินออกจากห้องผ่าตัดจึงได้ยินเช่นเดียวกัน

เฮ่อเจี้ยนหลันหันหน้าขวับ มองชายหนุ่มผมขาวสลับกับหมอชุดกาวน์ไปมาโดยไม่คิดปิดบัง

ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่เมสสิยาห์ยังหันมามองด้วยความตกใจ นัยน์ตาสีฟ้าแต้มไว้ด้วยความกังวล

ไม่มีใครรู้ว่าการ ‘ตรวจ’ ที่หมอท่าทางอันตรายคนนี้พูดถึงที่จริงแล้วมันคืออะไร แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเรียกจงจิ่วเป็นคนแรก

แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือจงจิ่วปฏิเสธไม่ได้

ภายในโรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้ ผู้ป่วยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคำสั่งใดๆ ของแพทย์และพยาบาล เด็กใหม่ดวงซวยที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดคนนั้นคือตัวอย่างที่ดีที่สุด

ในดันเจี้ยนสยองขวัญ ผู้เข้าแข่งขันคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่ใช่แค่ต้องหลบหลีก ‘เพื่อนรัก’ ที่ไม่รู้จักชื่อพวกนั้น แต่ยังไม่มีสิทธิ์ทำร้าย NPC ไม่เช่นนั้นนอกจากจะไม่ช่วยเพิ่มคะแนนแล้วยังถูกหักคะแนนอีกต่างหาก

ก่อนหน้านี้เคยมีทีมที่ลองแหกกฎดูแล้ว พวกเขาเห็นว่าตัวเองมีไอเทมและร่างกายพิเศษจึงลงมือฆ่า NPC ตัวสำคัญในดันเจี้ยน ส่งผลให้เส้นเรื่องหลักต่อจากนั้นเละเทะไปหมด ท้ายที่สุดตอนประเมินผล ทุกคนถูกระบบหลักประเมินให้อยู่ในแรงก์ F หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกกำจัดทิ้งยกทีม

และนั่นทำให้ NPC ในดันเจี้ยนมีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในโรงพยาบาลจิตเวชที่ต้องแข่งเดี่ยวเช่นนี้

ในเมื่อพวกเขาเข้ามาในดันเจี้ยนนี้แล้ว เช่นนั้นก็ต้องทำตามกฎ คนที่แหกกฎไม่เคยมีจุดจบที่ดีเลยสักคน

“เข้าแถว มาทีละคน”

คุณหมอโบกไม้โบกมือ บุรุษพยาบาลที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยับย่นจึงผลักทุกคนในชุดผู้ป่วยให้ไปยืนอยู่ตรงทางระหว่างห้องผ่าตัดกับโถงทางเดิน ราวกับต้อนลูกเจี๊ยบอย่างไรอย่างนั้น

ผ่านไปไม่นาน ภายในห้องผ่าตัดขนาดใหญ่ก็เหลืออยู่แค่สองคน

งูสีดำที่ห้อยตัวอยู่บนหลอดไฟแลบลิ้นแผล็บ ดวงตาสีดำขลับและเย็นเยียบคล้ายหินออบซิเดียนจดจ้องแสงสีขาวนั่นไม่กะพริบ

จงจิ่วยืนสงบเสงี่ยมอยู่ที่เดิม แววตาเรียบเฉยราวน้ำนิ่งจ้องมองไปยังพื้นห้องมุมหนึ่ง

เขายังไม่ลืมว่าบนการ์ดตัวละครของตัวเองคือชายหนุ่มที่มีอาการออทิซึม ตอนนี้จงจิ่วก็ยังโรลเพลย์ตัวละครตัวนี้ได้ดี เขาพยายามสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ NPC ที่ดูอันตรายตัวนี้จับได้

ภาพในครรลองสายตาคือเขาที่เหยียบยืนอยู่ข้างเงาดำทอดยาวนั้นได้อย่างพอดิบพอดี ราวกับยืนอยู่หน้าปากทางของโชคชะตาที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง

รองเท้าหนังขยับเข้ามาใกล้

ก้าวข้ามโซนอันตราย

เงามืดโอบล้อมรอบตัวเขาจนมิด

ต่อมาหมอฉู่ก็ค่อยๆ ถอดถุงมือด้านซ้ายออก มือเย็นเฉียบจับคางจงจิ่ว กึ่งๆ บังคับให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น

หมอชุดกาวน์เป็นเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ใต้แสงสว่างของห้องผ่าตัด บนใบหน้าระบายยิ้มมีเลศนัย

จากระยะใกล้เท่านี้คุณหมอก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์อันน่าตกตะลึงที่ชวนให้ผู้คนหลงใหลบนตัวอีกฝ่าย มันทั้งเข้มข้นและรุนแรง เต็มไปด้วยความย้อนแย้ง

หมอฉู่จ้องนัยน์ตาสีชมพูอ่อนคู่นั้นเขม็ง อุทานด้วยความตะลึงทั้งยังล้ำลึกยากคาดเดา

“ดูสิ ผู้ป่วยออทิซึมผิวเผือกที่พบเจอได้ยากมากๆ”

จงจิ่วที่ถูกอีกฝ่ายจ้องเขม็งยังคงนิ่งเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แสดงออกมาให้เห็น

จงจิ่วถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น ยางที่มัดผมไว้หลังหูถูกแกะออกจนผมสีขาวแผ่สยายทิ้งตัวลงจากบ่าราวกับเส้นไหม

ใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขาเรียบเฉยเย็นชา ริมฝีปากบางเม้มลงเล็กน้อย เขาสวยเสียจนเหมือนตุ๊กตาไม้ที่ถูกขับเน้นความงามออกมาให้โดดเด่นอย่างประณีตในร้านขายตุ๊กตา สง่างามแต่กลับขาดจิตวิญญาณ

อาจเป็นเพราะท่าทางนิ่งเฉยเช่นนี้ที่ทำให้จงจิ่วดูน่าสนใจ

ฉึก!

ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า จู่ๆ ปลายแหลมคมของมีดผ่าตัดก็แทงทะลุเข้าไปในชุดผู้ป่วยลายทางฟ้าขาว ก่อนจะกรีดมันลงไปตามลายทางบนเสื้อ

เนื้อผ้าทิ้งตัวลงบนพื้นแผ่วเบา เผยให้เห็นผิวขาวซีดท่ามกลางบรรยากาศเยียบเย็น

ร่างกายท่อนบนของจงจิ่วไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่นิดเดียว เอวบางผอมเพรียว รูปร่างอันไร้ที่ติหดเกร็งภายใต้แสงสลัว ดูคล้ายกับหยกเนื้อดีไร้รอยแปดเปื้อน วับๆ แวมๆ ดูดีอย่างน่าอัศจรรย์

เด็กใหม่ด้านหลังกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

ซับกระสุนในสตรีมของจงจิ่วพุ่งทะยาน ยอดผู้ชมออนไลน์ตอนนี้เพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า

 

[แม่เจ้า อมก.ๆๆๆ หมอท่านนี้คือพระผู้มาโปรดแห่งยุค!]

[ฉันแคปๆๆ ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ!! อาจิ่วสวยเกินไปมั้ย ตายก่อนนะ]

[ฮือๆๆๆ ความงามแดเมจขนาดนี้ใครจะไปทนไหว! ฉันขอถาม! ใคร! ทน! ไหว!]

[เชี่ย ฉันนี่รีบพุ่งตัวมาจากสตรีมของคนอื่นด้วยความไวแสง ไม่พูดอะไรเยอะขอเลียจอก่อน]

[สมกับเป็นวิชวลเบอร์หนึ่งของเด็กฝึกระทึกขวัญ…สุดยอด สุดยอด มือของฉันเริ่มแคปภาพอย่างควบคุมไม่อยู่แล้ว]

 

ดวงตาหลังแว่นกรอบทองของชายคนนั้นมืดครึ้มราวกับห้วงน้ำลึก

“งดงามมากจริงๆ…”

คุณหมอใส่แว่นอุทานให้กับภาพตรงหน้า มีดผ่าตัดเล่นแสงส่องประกายถูกควงเก็บลงไปในกระเป๋า จากนั้นเขาก็หยิบที่เจาะน้ำแข็งยาวๆ ออกมาจากกล่องด้านหลังอีกครั้ง

ครั้งนี้มันไม่ใช่ที่เจาะน้ำแข็งสำหรับการผ่าตัด แต่เป็นที่เจาะแท่งยาวๆ ที่ทำมาจากน้ำแข็งจริงๆ

เด็กฝึกที่ยืนอยู่หน้าประตูตกใจกับภาพนั้นจนขนหัวลุกชัน

พวกเขามองดูแผ่นหลังซึ่งมีรอยบุ๋มตรงบั้นเอวของจงจิ่ว ก่อนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์โหดร้ายเมื่อสักครู่ที่หมอฉู่คนนี้แทงที่เจาะน้ำแข็งเข้าไปในเบ้าตาของเด็กใหม่โดยไม่มีความลังเล พวกเขาอดจะกลืนน้ำลายลงคอให้กับการรักษาที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ได้ สองขาต่างเริ่มอ่อนแรง

แต่ผิดไปจากที่คาด เมื่อแท่งน้ำแข็งนั่นไม่ได้แทงทะลุเบ้าตาของใครอีก

เพราะมันถูกวางลงบนผิวเนียนละเอียดคล้ายหยกขาวแล้วละลายกลายเป็นน้ำหยดหนึ่ง

ทันใดนั้นมันก็ซึมลึกลงไปในผิวทันที คุณหมอมองภาพร่างกายท่อนบนของชายตรงหน้าที่กำลังหดเกร็งไปตามสัญชาตญาณด้วยความพึงพอใจ

“ให้ความร่วมมือในการตรวจของผมหน่อยนะ”

คุณหมอยังไม่หยุดมือ ปลายแหลมคมเย็นเฉียบค่อยๆ ขยับเคลื่อนดุจแมลงปอแตะผิวน้ำ คล้ายพู่กันที่วาดลวดลายลงบนกระดาษวาดรูปสีขาว อยากแต่งแต้มสีสันลงไปให้ไม่ซ้ำกัน

อุณหภูมิร่างกายของมนุษย์สูงกว่าแท่งน้ำแข็งมาก แท่งน้ำแข็งที่ละลายแล้วทิ้งหยดน้ำแวววาวเอาไว้บนร่างกายประปรายก่อนไหลหยดไปตามแนวกล้ามเนื้อจนซึมหายไปตรงช่วงเอว

ความเย็นยะเยือกและความเจ็บแสบทำให้ขนตาของชายหนุ่มผมขาวสั่นระริกด้วยความทรมาน

คางของเขายังถูกคุณหมอจับเอาไว้อยู่เหมือนเดิม ขยับเขยื้อนไม่ได้เลยสักนิด

สีหน้าของจงจิ่วเรียบเฉย ลำคอระหงเชิดเงยคล้ายกับหงส์ขาวใกล้ตาย ความบอบบางที่มาพร้อมกับความงดงามเหนือใครทำให้แววตาของคุณหมอดำมืดยิ่งกว่าเดิมจนหาแสงสว่างไม่เจอ

“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ”

มือที่จับคางจงจิ่วอยู่ออกแรงมากกว่าเดิมจนเกือบจะทำให้ช้ำ

ถึงจะเป็นเช่นนั้น จงจิ่วก็ยังไม่พูดอะไรอยู่ดี อดทนอดกลั้นยอมเผชิญทุกอย่างเงียบๆ

ฝีมือการแสดงเช่นนี้ จงจิ่วคิดว่าตัวเองสมควรได้รับรางวัลออสการ์แล้ว

เพื่อให้ชาเลนจ์เสี่ยงอันตรายสำเร็จและเพื่อให้ได้แต้มรอดชีวิตมารักษาตัวเอง เขาทุ่มเทไปมากจริงๆ แถมตอนนี้ยังต้องมาขายเรือนร่าง เปลือยกายให้ทุกคนเห็นอีก ผลกระทบหลังจากนี้ไม่ดีแน่ๆ

แม้จะคิดเช่นนั้น แต่แน่นอนว่าเขาที่เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นทดเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ในสมุดเล่มเล็กแล้วมากกว่าสิบรอบ

จงจิ่วยังคงจ้องมองเตียงผ่าตัดอย่างนิ่งงันด้วยแววตาเลื่อนลอย คิดในใจว่าหมอเก๊คนนี้ควรภาวนาอย่าให้ตัวเองตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา

แม้จะใช้เวลาเพียงไม่นานเมื่อเทียบกับการผ่าตัด Labotomy แต่เวลาก็ยังเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า

คงเป็นเพราะความเงียบของจงจิ่วจึงทำให้คุณหมอเริ่มเบื่อ

หมอฉู่หันมองตามสายตาของชายหนุ่มผมขาวไปแล้วระบายยิ้มที่คาดเดาอารมณ์ไม่ออก “สนใจกล่องเหล็กสีดำนั่นเหรอ”

“กล่องใบนั้นเคยใส่อะไรบางอย่างที่น่าสนใจมากๆ เอาไว้ แต่น่าเสียดายที่หลายสิบปีก่อน…มันถูกโจรขโมยไป สูญหายไร้ร่องรอย”

เด็กฝึกที่ยืนอยู่ตรงประตูเริ่มกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

จงจิ่วยืนหันหลังให้คนเหล่านั้นทั้งยังอยู่ห่างออกมาพอสมควร ด้วยเหตุนี้เขาจึงมองไม่เห็นว่าด้านหลังเกิดอะไรขึ้น

กล่องเหล็กสีดำใบนั้นไม่ธรรมดานะ! นั่นมันเบาะแสของไอเทมแรงก์ S! ใครจะไม่อยากรู้?

ทุกคนจ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มผมขาวด้วยแววตาริษยา คิดอยากพุ่งตัวออกไปตอบคำถามแทนให้รู้แล้วรู้รอด

จงจิ่วยังไม่ทันได้ตอบอะไร หมอฉู่ก็พลันปล่อยมือออกจากคางของเขา

“แต่แน่นอนอยู่แล้วว่า…”

น้ำเสียงของหมอฉู่ทุ้มต่ำน่าหลงใหล “ผมจะตามหามันกลับมา จากปัจจุบัน ไม่ใช่ในอดีต”

มือที่อยู่ภายใต้ถุงมือสีขาวแตะลงบนกระดูกไหปลาร้าวับๆ แวมๆ ของจงจิ่วอย่างแผ่วเบา

หมอฉู่กดเสียงต่ำ หัวเราะแผ่วๆ “อยากรู้มากกว่านี้มั้ย”

เนื้อสัมผัสหยาบกระด้างที่ลูบลงบนผิวไม่ได้ทำให้รู้สึกดี แค่ออกแรงนิดเดียวรอยแดงก็ปรากฏขึ้นมาบนผิวขาวซีดทันที ราวกับดอกเหมยท่ามกลางหิมะ โดดเด่นสะดุดตา

พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนจงจิ่วได้กลิ่นสนิมกับน้ำยาฆ่าเชื้อโชยมาจากรอบตัวหมอ

รวมไปถึงความสูงส่งที่เหมือนกับเบื้องบนกำลังมองลงมาด้วยความเห็นใจนั่นด้วย

ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย

จงจิ่วท่องประโยคนั้นในใจ แต่ริมฝีปากกลับเหยียดเป็นเส้นตรง พยายามข่มกลั้นโทสะเอาไว้

เขาเกลียดที่สุดเวลาโดนมองแบบนี้

คุณหมอหยอกเอินอยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ เอ่ยพูดข้างหูด้วยระดับเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน…

“นายเชื่อหรือเปล่าว่า…ระหว่างเลขสามกับเลขสี่มีตัวเลขจำนวนเต็มอยู่”

นัยน์ตาสีชมพูอ่อนเปล่งประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง

หลังจากเอ่ยประโยคนั้นจบ คุณหมอก็ล้วงสองมือลงในกระเป๋า หยัดยืนเต็มตัวอีกครั้ง รอยยิ้มขี้เล่นจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“ตรวจเสร็จแล้วครับ ร่างกายของคุณแข็งแรงดีมาก นอกจากอาการป่วยทางจิตแล้วก็ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน”

เขาโบกมือปัด “ที่เหลือไว้ค่อยต่อพรุ่งนี้”

“ครับหมอฉู่”

บุรุษพยาบาลรีบหยิบเสื้อผู้ป่วยตัวใหม่ออกมาให้จงจิ่วใส่ทันที ก่อนที่จะกระชากแขนเรียวของจงจิ่วพาเดินออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกับเด็กฝึกคนอื่นๆ

ท่าทางสบายๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ บอกเลิกตรวจก็เลิกตรวจทันที จงจิ่วสงสัยว่าอีกฝ่ายตั้งใจพุ่งเป้ามาที่เขา

แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าตัวเองมีอะไรให้อีกฝ่ายสนใจ ทั้งๆ ที่เขาเงียบอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามาอยู่ในดันเจี้ยนนี้

จงจิ่วเหลือบมองแขนของตัวเองที่ถูกจับเอาไว้ สบโอกาสตอนที่ผู้คนเบียดเสียดกันเช่นนี้กับจุดอับสายตา ลอบยื่นมืออีกข้างออกไปยังบุรุษพยาบาลตรงหน้าเงียบๆ

ปึง

ประตูเหล็กหนาหนักปิดลงอย่างแรง

จากที่เห็น คุณหมอในชุดกาวน์ถอดแว่นออกแล้วยกมือดับไฟบนเตียงผ่าตัด

ภายในห้องตกอยู่ในความมืดมิดจนชุดกาวน์สีขาวกลืนหายเข้าไปด้วย ราวกับแยกจากกันไม่ได้ ธรรมชาติสรรค์สร้างให้เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เกิด

หลังจากจงจิ่วพลิกมือหยิบของสิ่งหนึ่งหย่อนใส่กระเป๋าของตัวเองได้ จู่ๆ หมอฉู่ก็หันมามองทางเขาแล้วยกยิ้มมุมปาก

 

[หมอคนนี้ โคตรสุด!]

[พระเจ้า ความอันตรายระดับนี้ ต้องเป็นบอสของดันเจี้ยนนี้แน่ๆ]

[ไม่แปลกใจแล้วที่ดันเจี้ยนนี้มีไอเทมแรงก์ S แต่ของแมปอื่นๆ กลับไม่มี พวกนายลองคิดดูสิ แมปนี้ดูธรรมดามาก แต่ดันมีแรงก์ S อยู่ถึงสองคน คนหนึ่งอันดับ 3 กับอีกคนหนึ่งอันดับ 7 ถ้าดูจากนิสัยของระบบหลัก ฉันว่าก็มีความเป็นไปได้ที่ดันเจี้ยนนี้จะอยู่ในระดับของดันเจี้ยนแรงก์ S นะ…]

[เดี๋ยวนะ ที่เมนต์บนบอกก็มีความเป็นไปได้ ไม่งั้นทำไมแมปอื่นถึงไม่มีไอเทมแรงก์ S เลยล่ะ แต่ดันเจี้ยนนี้กลับมี?]

[เวร ถ้าพวกนายคิดถูก งั้นก็…เพื่อเด็กใหม่ทุกคนในดันนี้ (จุดเทียน.jpg) (จุดเทียน.jpg) (จุดเทียน.jpg)]

 

จงจิ่วคิดไม่ตกกับคำใบ้ของไอเทมแรงก์ S ที่หมอฉู่บอก

‘ระหว่างเลขสามกับเลขสี่มีตัวเลขจำนวนเต็มอยู่’

 

แน่นอนว่าประโยคนั้นใช้หลักคณิตศาสตร์มาอธิบายยังไม่ได้ คำพูดนั้นไม่นับว่ามีอยู่ด้วยซ้ำ มันล้วนเป็นคำหลอกลวง

แต่ในเมื่อเบาะแสนั้นออกมาจากปาก NPC ตัวสำคัญ ดังนั้นต่อให้ดูเหมือนจะไม่สลักสำคัญก็กลายเป็นสำคัญขึ้นมาทันที หรือพูดอีกอย่างคือเบาะแสนี้มีประโยชน์กับดันเจี้ยนนี้อย่างแน่นอน

จงจิ่วคิดว่านอกจากคำใบ้นั้นจะเกี่ยวกับไอเทมแรงก์ S ที่แสนลึกลับแล้ว มันยังเชื่อมไปถึงเส้นเรื่องหลักของดันเจี้ยนนี้ด้วย

หลายสิบปีก่อน ตรงกับข้อมูลที่ได้มาจากหนังสือพิมพ์เก่าๆ ในห้องอ่านหนังสือพอดี ตอนนั้นโรงพยาบาลจิตเวชยังเป็นแค่ฐานทัพทางการทหารสมัยสงครามอยู่เลย แถมมันยังเป็นสาเหตุที่ทำให้โรงพยาบาลประหลาดแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นด้วย

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จำนวนเต็มที่เป็นปริศนานั้นคืออะไรกันแน่ มันเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน กล่องเหล็กสีดำใบนั้นเคยบรรจุไอเทมแรงก์ S อะไรเอาไว้ แล้วมันเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักของดันเจี้ยนนี้ยังไง

หลังบุรุษพยาบาลปล่อยตัวเขาแล้วหันหลังเดินจากไป จงจิ่วยังยืนคิดทบทวนอยู่ที่เดิม

ครั้นหลุดออกจากภวังค์ รอบตัวจงจิ่วกลับถูกรายล้อมไปด้วยเด็กฝึก

ดวงตาของเด็กฝึกพวกนั้นฉายแววละโมบ มองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ความริษยา และความละโมบ น่าสะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก

“นี่ พวกเราเรียกนายตั้งนาน ทำไมไม่เห็นตอบอะไรเลย”

“สรุปแล้วหมอคนนั้นบอกอะไรนาย ถามแล้วทำไมไม่ตอบ”

“นายจะอมไว้คนเดียวใช่มั้ย ทั้งๆ ที่ทุกคนเป็นคนเจอคำใบ้ด้วยกันอะ ฉันจะบอกให้นะว่าผู้พบเห็นมีสิทธิ์รับรู้! เหมือนกัน!”

จงจิ่ว “…”

เขามีเหตุผลที่จะสงสัยว่านี่เป็นความตั้งใจของหมอประสาทคนนั้น

แม้จงจิ่วจะดูเข้าถึงยากไม่น่าคบ แต่พอตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว

การปรากฏตัวของหมอฉู่คนนั้นทำแผนของจงจิ่วเละเทะไปหมด เขาอยู่รอข้อมูลของเช้าวันนี้กับบุตรพระเจ้าแล้วค่อยหนีออกไปไม่ได้แล้ว

บัดซบเอ๊ย

จงจิ่วก่นด่าอยู่ในใจก่อนเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทีเกียจคร้าน

“หือ ฉันจำเป็นต้องบอกพวกนายเหรอ ถ้าเข้าใจไม่ผิด พวกนายกำลังขอร้องให้ฉันบอกข้อมูลอยู่ใช่มั้ย

แล้วนี่คือท่าทางของคนที่กำลังขอร้องเหรอ”

คนอื่นๆ ตกตะลึงไปตามๆ กัน

ภาพจำของพวกเขาที่มีต่อคนผมขาวคนนี้คือความงดงามและไม่สุงสิงใคร ครั้นเห็นอีกฝ่ายได้คำใบ้ของไอเทมแรงก์ S มาจึงคิดจะข่มขู่เพื่อให้อีกฝ่ายยอมบอกข้อมูล ไหนเลยจะคิดว่าแรงก์ E คนนี้จะไม่ยอมโอนอ่อน แถมยังตอกหน้าพวกเขากลับมาอีก ชั่วขณะนั้นทุกคนที่เคยเสียงดังโหวกเหวกเมื่อสักครู่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

จูเก่ออั้นที่เตรียมจะเดินจากไปก็ชะงักทันที ก่อนเคลื่อนสายตาขึ้นมองด้วยความสนใจ

  

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน Thriller Trainee เด็กฝึกระทึกขวัญ เล่ม 1

วางจำหน่ายแบบรูปเล่มที่เว็บไซต์ Jamsai Store, ร้าน Jamclub

และร้านหนังสือทั่วไป

   

รวมถึงในรูปแบบอีบุ๊กที่

Meb / OOKBEE / Fictionlog / Naiin App / SE-ED / Hytexts / comico และ ARN

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com