ทดลองอ่าน Thriller Trainee เด็กฝึกระทึกขวัญ เล่ม 1 บทที่ 9 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Thriller Trainee เด็กฝึกระทึกขวัญ เล่ม 1 บทที่ 9 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Thriller Trainee เด็กฝึกระทึกขวัญ เล่ม 1

ผู้เขียน : 妄鸦 (Wang Ya)

แปลโดย : จื่อซิน

ผลงานเรื่อง : 无限练习生 (Wu Xian Lian Xi Sheng)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับการตาย การฆาตกรรม การทรมาน

การกักขังหน่วงเหนี่ยว การค้ามนุษย์ การบูลลี่ การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

มีการบรรยายถึงงู เลือด สภาพศพ สถานการณ์อันน่าขยะแขยง

และการกระทำที่สยดสยองต่ออวัยวะภายในของมนุษย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

  

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 9 โรงพยาบาลจิตเวช (7)

 

ในลูปอนันต์ ดันเจี้ยนแรงก์ S คือดันเจี้ยนที่ทุกคนยอมรับว่ามีระดับความยากมากที่สุด

ปัจจุบันเด็กฝึกแรงก์ S และ A ที่ได้รับการประเมินจากระบบหลักเกือบทุกคนเคยผ่านดันเจี้ยนแรงก์ S กันมาแล้วทั้งนั้น จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่รอดมาจากการแข่งขันสุดโหดภายใต้กฎแห่งป่าที่ว่า ‘เข้มแข็งอยู่รอด ด้อยกว่าคัดออก’

และเนื่องจากมีอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก ดันเจี้ยนแรงก์ S จึงถูกจัดขึ้นแค่ปีละครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ยังไม่สามารถลงดันเจี้ยนแบบทีมเดียวได้ แต่ต้องมีทีมระดับสูงที่มีความพร้อมครบทุกด้านเข้าร่วมด้วยอย่างน้อยสามทีม

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น การจะเอาชีวิตรอดจากดันเจี้ยนแรงก์ S ก็ยังเป็นอะไรที่ยากมากอยู่ดี การถูกกำจัดหมดทั้งสามทีมถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากรอดชีวิตมาได้ คนคนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเปลี่ยนรกถอดกระดูกหรือการได้เกิดใหม่ และยิ่งไปกว่านั้นคือยังสามารถพาตัวเองทะยานขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้อีกด้วย

ในดันเจี้ยนแต่ละแรงก์จะมีไอเทมที่มีระดับเทียบเท่ากับดันเจี้ยนแรงก์นั้นๆ ปรากฏขึ้นมา และไอเทมแรงก์ S คือความพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นในดันเจี้ยนแรงก์ S เท่านั้น

แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ดันเจี้ยนแรงก์ S จะมีไอเทม เพราะบางครั้งดันเจี้ยนจะปรากฏออกมาในรูปแบบอื่นๆ อย่างเช่นดันเจี้ยน ‘ห้วงอนธการ’ สิ่งล้ำค่าที่สุดในนั้นก็คือวิธีการเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นครึ่งแวมไพร์ หรือการเปิดดวงตาหยินหยาง* ระดับสูงในดันเจี้ยน ‘ก้าวสู่อเวจี’ ทว่าท้ายที่สุดแล้วรูปแบบพิเศษเหล่านี้ก็ไม่ได้ต่างจากการมีไอเทมแรงก์ S ไว้ในครอบครอง

แต่ไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขันที่รอดชีวิตจากดันเจี้ยนแรงก์ S ทุกคนจะได้พบชะตาอันน่าอัศจรรย์ ปกติทุกๆ สามปีถึงจะมีผู้ถูกเลือกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา และอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีการกำจัดทิ้งแบบยกทีม

หลังจากผ่านด่านต่างๆ เหล่านั้นมาแล้ว ปัจจุบันมีเด็กฝึกระทึกขวัญ 9 คนเท่านั้นที่มีไอเทมแรงก์ S และ 9 คนนั้นแทบจะอยู่แรงก์ S กันหมด ไม่จำเป็นต้องอธิบายก็รู้ได้ว่าคุณสมบัติของไอเทมเหล่านั้นร้ายกาจแค่ไหน

ไม่ต้องพูดถึงเด็กเก่า แม้แต่ซับกระสุนที่เข้ามาดูสตรีมแมปโรงพยาบาลจิตเวชก็แตกตื่นเช่นกัน

ผู้เข้าแข่งขันเก่าที่ถูกเลือกเข้าสู่โปรเจ็กต์เด็กฝึกระทึกขวัญล้วนเปี่ยมด้วยความสามารถ เหลือก็แต่พวกเด็กที่ไม่เคยเจอโลก ครั้นเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เข้าถึงได้แตกตื่นยิ่งกว่าเหล่าเด็กฝึก

 

[อมก.ๆๆ นี่ฉันเห็นอะไร พระเจ้า]

[คุณพระ!!! ไอเทมแรงก์ S สุดจัด!!!!!]

[ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นไอเทมแรงก์ S เป็นครั้งแรก พ่อแม่พี่น้อง ดันนี้เก็บสมบัติได้ค่า!]

[แงๆๆๆๆๆ ครั้งแรกที่ฉันได้เห็นไอเทมแรงก์ S ใกล้ขนาดนี้ ฉันจะต้องแคปภาพไว้เป็นที่ระลึก]

[น้ำตาจะไหล ขอบคุณระบบหลักที่ทำให้ความปรารถนาหนึ่งเดียวก่อนตายในดันเจี้ยนของฉันเป็นจริง5555555]

 

นอกจากซับกระสุนพวกนั้นแล้วก็ยังมีผู้ชมบางคนที่สังเกตเห็นความผิดปกติ

 

[เดี๋ยวนะ มันแปลกๆ อะ นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยนธรรมดาที่ให้แข่งเดี่ยวเหรอ ทำไมถึงมีไอเทมแรงก์ S โผล่มาได้???]

[อมก. เมนต์บนทำให้ฉันกระจ่าง ถ้าในดันเจี้ยนนี้มีไอเทมแรงก์ S โผล่มา หรือว่า… (หน้าตาหวาดกลัว.jpg)]

[แต่ดูยังไงดันเจี้ยนนี้ก็ไม่เหมือนดันเจี้ยนแรงก์ S เลยนะ ถ้าเทียบกับดันเจี้ยนแรงก์ S พวกนั้นที่ยังไม่ทันทำอะไรก็ฟ้าถล่มดินทลายคนตายเป็นว่าเล่น โรงพยาบาลจิตเวชก็น่าจะเป็นแค่ออเดิฟ ฉันไม่รู้สึกถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนเลยสักนิด]

[จริง ฉันก็ไม่เห็นว่าแมปนี้จะน่ากลัวตรงไหน…พวกเด็กใหม่ไก่อ่อนแมปข้างๆ ไม่รู้ถูกกำจัดไปแล้วเท่าไหร่ เทียบกันแล้วแมปนี้เพิ่งตายไปแค่คนเดียวเอง เธอจะบอกฉันว่านี่คือ Hell Mode ดันเจี้ยนแรงก์ S เหรอ เป็นไปไม่ได้]

 

ความเห็นในซับกระสุนแตกออกไปคนละทิศละทาง

ในบรรดาแมปแข่งขันเดี่ยวหลายพันแมปที่มีมากมายดุจขนวัว* แมปนี้น่าสนใจที่สุดแล้ว

ดันเจี้ยนโรงพยาบาลจิตเวชไม่ได้มีเพียงภารกิจรองตามหา Imposter ที่การแข่งเดี่ยวแมปอื่นไม่มี แต่ยังมีไอเทมแรงก์ S โผล่มาอีก ยิ่งไปกว่านั้นคือมีพี่ใหญ่แรงก์ S อยู่ด้วยถึงสองคน แมปกระจอกแมปอื่นที่ไม่มีแม้กระทั่งแรงก์ A ไม่มีทางเทียบติด นี่มันน่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ

แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ การที่พี่ใหญ่สองคนมาเจอกันในดันเจี้ยนก็เหมือนเป็นการบอกกลายๆ แล้วว่าความยากของดันเจี้ยนแข่งเดี่ยวนี้ต้องไม่ธรรมดา มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะเป็นดันเจี้ยนแรงก์ S

ไม่นานบรรดาซับกระสุนต่างพากันไปเรียกพวกเรียกพ้อง ขอเพียงเป็นเด็กฝึกที่อยู่ในดันเจี้ยนโรงพยาบาลจิตเวช ยอดสตรีมของพวกเขาก็จะมีพวกกินแตง** เข้ามารับชมจนพุ่งทะยานขึ้นเป็นจำนวนมาก

นอกสตรีม เด็กฝึกในห้องผ่าตัดจ้องไอเทมตาเป็นมัน

พวกเขามองของที่วางอยู่บนถาดเหล็กเก่าๆ นั่นด้วยแววตากระเหี้ยนกระหือรือ

นั่นมันไอเทมแรงก์ S เลยนะ! แรงก์ S!

ถ้าได้ไอเทมแรงก์ S มาไว้ในครอบครอง นอกจากจะมีวิธีเอาตัวรอดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวิธีแล้ว มันต้องช่วยเพิ่มคะแนนจากระบบหลักได้อีกแน่นอน

อย่างที่รู้กันดีว่าระบบหลักแจ้งกฎกติกาเอาไว้ชัดเจน เด็กฝึกแรงก์สูงจะได้รับการดูแลเหนือระดับและมีสิทธิพิเศษมากมายไม่จำกัด ทั้งนี้ยังสามารถรู้ข้อมูลการแข่งขันในรอบหน้าได้ก่อนใครอีกด้วย

แล้วแบบนี้ใครมันจะไม่อยากได้?

ใครคนหนึ่งยื่นมือออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

เด็กฝึกในทีมเฉพาะกิจอีกคนก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้า ส่วนอีกคนก็ไม่ยอมน้อยหน้ายื่นมือออกไปเช่นกัน ครั้นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นว่าตัวเองไม่มีหวังก็ถึงกับออกตัวพุ่งไปข้างหน้าทันที

ไอเทมพิเศษในดันเจี้ยนสามารถจดจำเจ้าของได้ ใครหยิบมันได้คนแรก มันก็จะผูกติดกับคนคนนั้น

ทว่าในวินาทีต่อมา จู่ๆ ก็มีไม้เท้าเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากทางด้านข้าง ขวางถาดเหล็กใบนั้นเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี

บุตรพระเจ้าขมวดคิ้ว “เดี๋ยวก่อน”

ทุกคนจ้องแสงสีทองที่ส่องประกายอยู่บนไม้เท้ามหาปุโรหิตเขม็ง ก่อนหยุดชะงักด้วยสีหน้าคลุมเครือ

ถ้าให้เลือกระหว่างผิดใจกับบุตรพระเจ้ากับได้ครอบครองไอเทมแรงก์ S เป็นใครก็คงเลือกอย่างหลัง แต่เมสสิยาห์ดันใช้ไอเทมแรงก์ S เหมือนกันเข้ามาขวางนี่สิ ชั่วขณะนั้นทุกคนจึงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองไอเทมนั้นด้วยตาปริบๆ

จูเก่ออั้นที่เพิ่งเข้ามาในห้องผ่าตัดมองเห็นเหตุการณ์นั้นเข้าพอดี

เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกสนุก แต่ไม่คิดจะเข้าไปร่วมวงด้วย

“ทุกคนใจเย็นก่อน”

หลังคุมทุกคนให้สงบลงได้ เมสสิยาห์ก็เอ่ยด้วยความจนใจว่า “พวกนายดูดีๆ แสงสว่างมันเป็นสีขาว”

เด็กฝึกตื่นตะลึง รีบหันไปมองทันที

และไม่ผิดไปจากที่คิด แสงสว่างที่อยู่ด้านหลังอักษร S เล็กๆ นั้นเป็นสีขาวจริงๆ เพียงแต่แสงไฟสีเหลืองนวลเหนือเตียงผ่าตัดที่ส่องลงมาทำให้พวกเขาสับสน ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงแยกไม่ออกในทีแรก

ทุกคนนิ่งอึ้ง ชักมือกลับด้วยความเก้อกระดาก

ไอเทมเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ในดันเจี้ยนเองก็จะมีคำบอกใบ้ไว้ให้ อย่างเช่นถ้าเข้าใกล้ขอบเขตที่แน่ชัดของไอเทม คำใบ้ก็จะปรากฏขึ้นให้เห็นผ่านม่านตา ถ้าเห็นเป็นสีทองแสดงว่าเป็นไอเทมจริง แต่ถ้าเป็นสีขาวก็แสดงว่าเป็นแค่คำใบ้ไม่ใช่ของจริง

อีกอย่างคือยิ่งไอเทมแรงก์สูงมากเท่าไร เบาะแสก็จะยิ่งเยอะและหายากมากเท่านั้น

เมสสิยาห์ “สงบสติอารมณ์กันได้แล้วก็ดี อย่าแตกคอกันเพราะไอเทมพวกนี้เลย”

บุตรพระเจ้าขยับไม้เท้าลงเล็กน้อยก่อนออกแรงใช้มันเลื่อนกล่องเหล็กออกไป

“ในเมื่อเป็นคำใบ้ ตามกฎแล้วก็ต้องรับรู้พร้อมกัน”

ฝากล่องที่เต็มไปด้วยสนิมถูกเลื่อนออกไปด้านข้างจนเกิดเสียงดัง ‘เคร้ง’ เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

ทุกคนถึงกับหยุดหายใจ

คาดไม่ถึงว่าในกล่องจะว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่เลย

แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังจะเข้าไปมุงดูใกล้ๆ เพื่อดูคำใบ้ของไอเทมแรงก์ S ให้ละเอียด จู่ๆ เสียงฝีเท้าที่เดินด้วยความเร่งรีบก็ดังมาจากนอกประตูเหล็ก

บุรุษพยาบาลรูปร่างกำยำเดินแบกคนในชุดผู้ป่วยคนหนึ่งเข้ามา จากนั้นใช้เชือกหนังมัดคนคนนั้นไว้บนเตียงผ่าตัดไม้

บุคคลน่าสงสารคนนั้นที่ถูกมัดเอาไว้ใบหน้าซีดเผือด ปากคาบผ้าขนหนูผืนหนึ่ง ได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือผ่านแววตา

“คนที่ถูกจับไปขังในห้องขังเดี่ยวเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ”

เด็กฝึกพูดคุยกันเสียงแผ่ว

เนื่องจากบุรุษพยาบาลยังไม่ออกไปจึงไม่มีใครกล้าทำอะไรผลีผลาม

ในระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกันผ่านแววตา ใครอีกคนก็เดินเข้ามาทางประตูเหล็ก

คนมาใหม่สวมใส่เสื้อกาวน์สีขาว แว่นตากรอบทอง มองสำรวจเหตุการณ์ในห้องผ่าตัดด้วยความสนอกสนใจ

นี่คงเป็น ‘หมอฉู่’ ที่หัวหน้าพยาบาลพูดถึง

ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่หน้าตาของหมอคนนี้แสนจะธรรมดา แต่กลับสัมผัสได้ถึงความอันตรายและเสน่ห์ดึงดูดบางอย่างที่หลอมรวมอยู่ด้วยกัน

ราวกับเดินไต่อยู่บนลวดที่ความขัดแย้งผสานไปกับความเฉียบคม

จงจิ่วขมวดคิ้วแน่น

เขารู้สึกได้ว่าสายตาของอีกฝ่ายดูเหมือนจะหยุดมองอยู่ที่เขานานพอสมควร

จูเก่ออั้นที่เอาแต่ยืนพิงผนังไม่สนใจสิ่งใดพลันขจัดท่าทีเกียจคร้านที่เคยมีออกไปแล้วเผยท่าทางเอาจริงเอาจัง

“โอ้ ผู้ป่วยน่าจะมากันครบแล้วนะ”

คุณหมอยกยิ้มในแบบที่ทำให้ใครต่อใครรู้สึกไม่สบายใจ ค่อยๆ มองดูผู้ป่วยในห้องทีละคน ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่เตียงผ่าตัดไม้ซอมซ่อซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง

หลังรับรู้ได้ว่าสายตาของคุณหมอหยุดอยู่ที่ตน เด็กใหม่ที่ถูกมัดอยู่บนเตียงผ่าตัดก็หวาดผวายิ่งกว่าเดิม จากนั้นจึงดิ้นรนตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่ง

“ท่านครับ ต้องทำให้เขาสงบลงมั้ย”

บุรุษพยาบาลที่เงียบมาตลอดเอ่ยปากถาม

“ไม่ต้อง”

หมอฉู่เอ่ยยิ้มๆ “ยากล่อมประสาทจะทำให้ความมีชีวิตชีวาหายไป มีแต่ความเจ็บปวดเท่านั้นที่จะทำให้คนได้สติ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีประโยชน์ต่อการรักษาอาการป่วยทางจิตด้วยไม่ใช่เหรอ”

บุรุษพยาบาลพยักหน้า

หมอฉู่หมุนตัวกลับด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็หยิบถุงมือสีขาวที่วางอยู่บนเตียงผ่าตัดขึ้นมาใส่ด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย ก่อนเดินไปหยุดหน้าตู้ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่

ตึก…ตึก…ตึก…

ชายคนนั้นงอนิ้วเคาะลงไปบนกระจกสีชาสกปรกๆ สามครั้ง

ศีรษะเหี่ยวย่นเริ่มขยับ

ลูกตาขาวซีดค่อยๆ หมุนเปลี่ยนทิศทาง มันขยับไปมาเหมือนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ความน่ากลัวแผ่ซ่านคล้ายภาพสโลว์โมชั่นในหนังสยองขวัญ

เสียงงูขู่ฟ่อเบาๆ ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด

งูสีดำลำตัวเล็กเรียวเลื้อยออกมาจากปากที่อ้าออกของศีรษะชิ้นนั้น มันแลบลิ้นสีแดงสดออกมาก่อนเลื้อยเข้าไปหามือใหญ่ที่มองเห็นโครงกระดูกแจ่มชัดอย่างเชื่อฟัง ไม่วายถูไถมือของชายคนนั้นเหมือนออดอ้อน

สัตว์เลื้อยคลานดำทมิฬพันรอบมือที่มีเส้นเลือดเขียวเด่นชัดเช่นนั้นให้ความรู้สึกงดงามอย่างน่าประหลาด

ที่พวกเขาเห็นลูกตาขยับ ที่แท้ก็เป็นเพราะข้างในมีงูพิษซ่อนอยู่!

ภาพน่ากลัวเช่นนี้ เห็นแล้วขนลุกขนชันไปตามๆ กัน

คุณหมอลูบหัวทรงสามเหลี่ยมของงูดำตัวนั้นไปมา จากนั้นยื่นมือออกไปวางตรงโคมไฟเหนือเตียงผ่าตัด

“ฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวนตอนกำลังผ่าตัด ถ้ามีใครมารบกวน…แกรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”

ราวกับงูดำตัวนั้นฟังภาษาคนออก มันเลื้อยจากมือของหมอฉู่ไปที่หลอดไฟ ลำตัวท่อนบนยกค้างกลางอากาศเผยท่าทางพร้อมโจมตี

“เด็กดี”

หมอฉู่เอ่ยชมยิ้มๆ ก่อนรับกล่องไม้ที่บุรุษพยาบาลยื่นให้มาถือไว้

“โรงพยาบาลของเราขึ้นชื่อเรื่องการรักษาอาการทางจิต มีประวัติมาช้านาน ทั้งยังเชี่ยวชาญในด้านการวินิจฉัย การผ่าตัดง่ายๆ และใช้เวลาไม่นานต่อจากนี้จะช่วยปลดปล่อยปีศาจร้ายในจิตใจของพวกคุณออกมา ทำให้พวกคุณกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง…”

 

[เชี่ย ถึงหมอคนนี้จะดูโรคจิต แต่เสียงของเขาน่าฟังมากเลยอะ]

[ตอบเมนต์บน ที่แท้ฉันก็ไม่ได้คิดไปเองคนเดียว…]

[โคตรจริง เมื่อกี้ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเสียงที่เพราะขนาดนี้เป็นของคนที่มีหน้าตาธรรมดาๆ แบบนี้ได้ไง]

[จากที่ฉันตามดูคลิปวิเคราะห์ดันเจี้ยนแรงก์สูงมาหลายคลิป ฉันสงสัยว่าเขาคือบอส]

[มีแค่ฉันคนเดียวที่นึกถึงคำใบ้ไอเทมแรงก์ S เมื่อกี้เหรอ นั่นมันไอเทมแรงก์ S เลยนะ!]

 

ไม่รู้เป็นเพราะห้องผ่าตัดเงียบเกินไป หรือเป็นเพราะแท่งโลหะที่ใช้เจาะน้ำแข็งที่คุณหมอหยิบออกมาจากกล่องไม้นั้นน่ากลัวเกินไปกันแน่ ครั้นอธิบายได้แค่ครึ่งเดียว หมอฉู่กลับหยุดพูดกลางคันเสียอย่างนั้น

“ช่างเถอะ ทุกคนเป็นผู้ป่วยเหมือนกันหมด คิดว่าคงไม่เข้าใจที่ผมพูดหรอก”

เขาไหวไหล่ “แต่ไม่เป็นไร พวกคุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ขอแค่จดจำภาพนี้เอาไว้ก็พอ”

ร่างกายของเด็กฝึกที่ถูกมัดไว้บนเตียงผ่าตัดเริ่มสั่นเทิ้ม บุรุษพยาบาลเห็นเช่นนั้นจึงใช้แผ่นหนังขนาดใหญ่ล็อกตัวเขาไว้แน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้อีก

เมสสิยาห์ส่ายหน้าน้อยๆ ให้ทุกคน ก่อนชี้ไปยังหลอดไฟกับบุรุษพยาบาลที่ยืนอยู่อีกด้าน

บุรุษพยาบาลรูปร่างสูงใหญ่กำยำยืนเฝ้าพวกเขาอย่างเข้มงวดอยู่ด้านหนึ่ง ไหนจะบนหลอดไฟนั่นอีก งูสีดำที่พิษเพียงหยดเดียวก็สามารถปลิดชีวิตทุกคนภายในห้องผ่าตัดได้กำลังจ้องเหล่าเด็กฝึกเขม็ง ถ้าพวกเขาเข้าไปวุ่นวายเมื่อไหร่ มันก็พร้อมจะโจมตีเมื่อนั้นโดยไม่มีความลังเล

หมอฉู่เมินเฉยต่อปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นของผู้ป่วย แววตาที่เขาใช้มองเด็กใหม่บนเตียงผ่าตัดเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจราวกับมองเด็กดื้อรั้นไม่เชื่อฟังคนหนึ่ง

“แป๊บเดียว ปีศาจร้ายในร่างกายของคุณก็จะถูกกำจัด”

เพิ่งเอ่ยประโยคนั้นจบ เขาก็ลงมือถ่างหนังตาของผู้ป่วยคนนั้นทันที ก่อนที่จะแทงที่เจาะน้ำแข็งในมือลงไปบนเบ้าตาด้านบนของเด็กใหม่โดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว

กลิ่นอายเย็นยะเยือกของแท่งเจาะน้ำแข็งแผ่กระจาย ซึ่งมันช่วยห้ามเลือดเอาไว้ได้ แม้มันจะถูกแทงลงบนเบ้าตา แต่กลับมีเลือดไหลออกมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น

“ฮือ…อื้อ…”

เด็กใหม่คนนั้นถูกมัดติดเตียงผ่าตัด ไร้หนทางขยับตัว ได้แต่กัดผ้าขนหนูในปากแน่นจนเลือดไหลซึม

ไม่มีใครฉีดยาชาให้เขา เม็ดเหงื่อบนใบหน้ากับหยดน้ำตาที่เอ่อล้นบ่งบอกชัดว่ามันเป็นความเจ็บปวดที่รุนแรงมากขนาดไหน

มือของหมอฉู่จับที่เจาะน้ำแข็งนั้นไว้อย่างมั่นคง นอกจากจะไม่หยุดมือแล้ว เขายังค่อยๆ ดันมันเข้าไปให้ลึกยิ่งกว่าเดิม

ขอบตา เบ้าตา หนังศีรษะ…ท้ายที่สุดก็เคลื่อนไปถึงเป้าหมาย…

โดยหยุดอยู่ที่เนื้อสมองสีเทาและสีขาวบริเวณกลีบสมอง

กระทั่งแทงที่เจาะน้ำแข็งเข้าไปได้ครึ่งหนึ่ง หมอฉู่จึงหยิบไม้บรรทัดมาวัดระยะ หลังจากนั้นถึงพยักหน้าด้วยความพอใจแล้วหยุดมือที่จะดันที่เจาะน้ำแข็งต่อ

“เพอร์เฟ็กต์” เขาชื่นชมผมงานชิ้นเอกของตัวเองอย่างสุขใจ

เด็กใหม่บนเตียงผ่าตัดสลบเหมือดไปนานแล้วเพราะความเจ็บปวด

หนังตาของเขาถูกที่เจาะน้ำแข็งถ่างเอาไว้ แม้คุณหมอจะผละมือออกไปแล้ว แต่มันก็ยังตั้งนิ่งอยู่บนศีรษะ คล้ายดอกไม้สดใกล้บานที่เสียบอยู่ในแจกันบนแท่นโชว์สินค้า

บรรยากาศรอบด้านเงียบงัน

เด็กฝึกตกใจกับภาพความโหดร้ายตรงหน้าจนชะงักนิ่งอยู่กับที่

“อย่ามองมันด้วยสายตาแบบนั้นสิ มันคือสิ่งประดิษฐ์อัจฉริยะที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เลยนะ”

หมอฉู่หัวเราะร่วน “แค่เข้ารับการรักษา อาการป่วยของทุกคนก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่มีทางเป็นซ้ำอีกแน่นอน”

เขาวางมือลงบนที่เจาะน้ำแข็งอีกครั้ง จากนั้นค่อยๆ หมุนมันไปมาในอากาศ

เสียงขูดขีดที่ชวนให้รู้สึกเสียวฟันดังขึ้นภายในห้องอันเงียบสงบ

เมื่อนึกไปถึงความยาวของที่เจาะน้ำแข็งซึ่งมากพอให้แทงทะลุศีรษะ ทุกคนจึงมองการกระทำของหมอชุดกาวน์สีขาวด้วยความหวาดผวา

ทั้งๆ ที่คนบนเตียงผ่าตัดสลบไสลไม่ได้สติไปแล้ว แต่เม็ดเหงื่อบนใบหน้ากลับผุดซึมขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกล้ามเนื้อถูกกัดกินโดยความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้ จึงทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เป็นไปตามสัญชาตญาณ

จงจิ่วยืนอยู่ทางด้านหนึ่ง หนังตากระตุกน้อยๆ ยากจะสังเกตเห็น

การใช้อุปกรณ์คล้ายที่เจาะน้ำแข็งทำการผ่าตัด Lobotomy* เป็นวิธีการผ่าตัดที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เมื่อปี 1949 แต่ในขณะเดียวกันมันก็กลายเป็นความดำมืดของรางวัลโนเบลเช่นกัน

วิธีการผ่าตัดนี้ง่ายแสนง่าย เพียงใช้ที่เจาะน้ำแข็งกับค้อนก็สามารถทำการผ่าตัดได้แล้ว ด้วยการแทงที่เจาะน้ำแข็งเข้าไปในเปลือกตาของผู้ป่วย จากนั้นใช้มือหมุนขยับทิศทางของมันเพื่อตัดเนื้อสมองสีเทาและสีขาวตรงกลีบสมองส่วนหน้าออก

ผู้ป่วยจิตเวชที่เคยเข้ารับการผ่าตัดด้วยวิธีการนี้มีอาการดีขึ้น ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะดีมากขึ้นเรื่อยๆ

ทว่าอาการหลังผ่าตัดกลับน่ากลัวจนชวนให้ผวา ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดจะกลายเป็นคนเซื่องซึม ใช้ชีวิตเหมือนกับศพเดินได้ ไม่หือไม่อือ ปล่อยให้คนอื่นควบคุมตัวเองได้ตามอำเภอใจ ราวกับร่างกายยังอยู่ที่เดิม แต่จิตวิญญาณกลับหายไปเสียแล้ว

และเนื่องจากกลีบสมองส่วนหน้าสัมพันธ์กับสติปัญญาของมนุษย์โดยตรง เมื่อตัดกลีบสมองส่วนหน้าออก มนุษย์จึงหลงเหลือเพียงปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณ ไม่ก็อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้น

ทว่าความเลวร้ายนี้ในสายตาของคนทั่วไปกลับกลายเป็นสิ่งยืนยันการรักษาของโรงพยาบาลจิตเวช

ด้วยเหตุนี้นอกจากการผ่าตัด Lobotomy จะได้รับรางวัลโนเบลแล้ว ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ยังมีการผ่าตัดอันน่าตกใจนี้อีกหลายหมื่นเคสทั่วโลก จนกระทั่งปี 1970 มันถึงได้ถูกยกเลิกไป

การผ่าตัดเพิ่งดำเนินมาได้สิบนาทีเพียงเท่านั้น แต่กลับเหมือนผ่านไปแล้วร้อยปี

ตอนที่หมอฉู่ดึงที่เจาะน้ำแข็งที่ส่องประกายเย็นเยียบแท่งนั้นออกมา บนนั้นมีเลือดผสมไปกับเนื้อสมองสีเหลืองอ่อนๆ ติดอยู่ด้วย เด็กฝึกที่เห็นภาพนั้นเข้าถึงกับอ้วกออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

“ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว นี่คือการรักษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโรงพยาบาลแห่งนี้”

คุณหมอโยนที่เจาะน้ำแข็งทิ้งไปอีกทางหนึ่ง “แน่นอนว่า…มันสูบพลังงานของผมไปเยอะมาก เพราะฉะนั้นถ้าอาการป่วยของพวกคุณไม่ได้ร้ายแรงมากหรือไม่ได้ทำผิดกฎเป็นว่าเล่น ปกติแล้วพวกเราจะเลือกรักษาด้วยการใช้เก้าอี้ไฟฟ้ามากกว่า ไม่ยุ่งยากดี”

“ตอนนี้ยังเช้า ผมสามารถตรวจร่างกายง่ายๆ ให้พวกคุณได้”

คุณหมอกวาดตามองก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่แผ่นหลังเหยียดตึงของชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างแม่นยำ

“หมายเลขสิบสอง เชิญคุณก่อนเลย”

จงจิ่วชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปจากห้องผ่าตัดทันที

 

* ดวงตาหยินหยาง หรือ โกสต์อาย (Ghost eyes) หมายถึงผู้ที่มองเห็นทั้งโลกของคนเป็นและโลกของคนตาย เห็นวิญญาณหรือสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นได้

* มากมายดุจขนวัว เป็นสำนวนจีน หมายถึงมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

** พวกกินแตง เป็นแสลง หมายถึงกลุ่มคนที่เอาแต่สนใจเรื่องของชาวบ้าน ไม่แยแสเรื่องของตัวเอง

* Lobotomy เป็นการผ่าตัดเพื่อตัดการเชื่อมต่อระหว่างส่วนหน้าของสมองกลีบหน้าผากกับส่วนที่เหลือของสมองเพื่อรักษาความเจ็บป่วยทางจิต โดยเฉพาะโรคจิตเภท

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com