บทที่ 5
ผู้หญิงขาสวยกับผู้ชายคนนั้น
“สรุปว่าคุณธีเป็นเจ้าของบิวตี้บาร์ แต่คุณบุษเป็นคนริเริ่มก่อตั้งมันขึ้นมา และคุณธีก็รักน้ามากเหมือนเป็นแม่อีกคน พูดได้ง่ายๆ ว่าคุณบุษก็เป็นเจ้าของบิวตี้บาร์อีกคนหนึ่งนั่นแหละ อันนี้เป็นธุรกิจส่วนตัว ไม่ใช่กองกลางของภักดิ์โภคิน”
วันนี้กานต์มาฟิตติ้งสำหรับงานเดินแบบ นางแบบในสังกัดของโมเดลลิ่งที่หทัยรัตน์ทำงานอยู่ผ่านการแคสติ้งเข้ามาหลายคน และเพื่อนของเธอก็ตามมาดูแลนางแบบหน้าใหม่ด้วย พอเสร็จงานแล้วกานต์เลยถือโอกาสชวนเพื่อนมานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆ
หทัยรัตน์ตาโตทันทีที่เธอเล่าถึงเรื่องที่ได้เจอบุษบา จากนั้นก็อ้าปากค้างเพิ่มขึ้นเมื่อเธอเล่าต่อไปถึงการกินข้าวและช็อปปิ้ง ซึ่งพอเล่าจบปุ๊บเพื่อนก็เริ่มเทศน์ถึงความไม่รู้เรื่องรู้ราวของเธอ แล้วก็ไล่เลียงให้ฟังว่าบุษบาเป็นคนปลุกปั้นบิวตี้บาร์ขึ้นมาอย่างไร
“คุณบุษไม่เห็นพูดถึงเลยอ่ะ แล้วยังบอกว่าได้โวเชอร์มาจากแต้มบัตรเครดิตอีก” กานต์กะพริบตาปริบๆ
“แหม แล้วแกจะให้เขาแบบ ‘อ๋อ ฉันเป็นเจ้าของที่นี่เองแหละจ้ะ’ งี้เหรอ” หทัยรัตน์ขยับมือไม้ออกท่าออกทาง “แล้วโวเชอร์นั่นก็ไม่แปลกนะ ฉันยังเคยเอาแต้มบัตรเครดิตแลกโวเชอร์บิวตี้บาร์มาใช้เลย แต่ฉันก็เคยได้ยินว่าคุณบุษใจดี แจกข้าวของบ่อยๆ เขาคงคิดว่าไหนๆ มีแต้มบัตรเครดิตก็แลกเป็นโวเชอร์กิจการตัวเอง เงินวกกลับเข้ากระเป๋าไรงี้…แกน่ะ หัดอัพเดตข่าวสารให้ทันโลกบ้าง ดีนะที่แกยังเก็บความเด๋อไว้แค่ข้างใน ไม่แสดงออกไปให้โลกรู้”
“ปกติคนเราซื้อของร้านไหนต้องรู้ด้วยหรือไงเล่าว่าใครเป็นเจ้าของร้าน” กานต์บ่นงึมงำ “แถมตอนเดินในร้านพนักงานก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรกับคุณบุษเป็นพิเศษเลยนะ”
“พวกตัวเล็กๆ อาจไม่รู้จักคุณบุษกันก็ได้”
“ขนาดพนักงานยังไม่รู้จัก แล้วแกจะให้ฉันรู้จักได้ไง”
“แต่หลังจากนี้แกต้องรู้จัก” หทัยรัตน์ถลึงตาใส่เพื่อน “เขาเอ็นดูแกขนาดนี้ถือว่าเป็นบุญมาก ต่อไปนี้แกก็หัดศึกษาเรื่องคุณบุษกับเพื่อนๆ รอบตัวเขาไว้มั่ง เพราะถ้าคุณบุษเขาปรานีจะดันแกเนี่ย ดีดนิ้วเปาะเดียวเท่านั้นแหละ คอนเน็กชั่นเขากว้างไกลโยงใยทั่วทุกภาคส่วนมาก…อ้อ แล้วก็อย่าไปทำให้คุณธีโมโหด้วย ไม่งั้นก็หมดอนาคตอยู่ดี”
“เออ ว่าไป ตอนอยู่ในบิวตี้บาร์ฉันเจอผู้หญิงสวยๆ ที่ชื่อศศิด้วย คุณบุษแนะนำว่าเขานำเข้าเครื่องสำอางกับมีแบรนด์ของตัวเอง”
“เฮ้ย คุณศศิชาแน่เลยอ่ะ” โมเดลลิ่งสาวทำตาโตอีกรอบ “แจ็กพ็อตสุดอ่ะ แกนี่โชคดีจัง คุณบุษแนะนำแกให้คุณศศิรู้จักด้วยใช่ไหม”
“อืม คุณบุษยังเชียร์ให้เขาเอาฉันไปทำงานด้วยเลย”
“เริด!” หทัยรัตน์ร้องดังลั่นจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง ทว่าเธอก็ไม่นำพา ยังรัวคำพูดต่ออย่างตื่นเต้น “ครอบครัวคุณศศินำเข้าพวกสินค้าบิวตี้มานานแล้ว ปีสองปีมานี้ตัวเขาเข้ามาช่วยงานครอบครัว ล่าสุดคือกำลังสร้างแบรนด์เครื่องสำอางไทยของตัวเองอยู่ แบรนด์ชื่อเอลล่าเอลล่า แกน่าจะเคยได้ยินบ้างนะ ถ้าเขาเอาแกไปทำงานด้วยก็เจ๋งเลย…แล้วเขาว่าไงกับแกมั่ง มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“เขาบอกว่าเคยได้ยินเรื่องของฉันเลยอยากเจอตัวจริงมานานแล้ว” กานต์เล่า ทว่าพอเห็นเพื่อนทำตาเป็นประกายก็รีบพูดต่อ “เขาก็ชมฉันนะ แต่เขาอาจจะพูดตามมารยาทก็ได้ แกอย่าเพิ่งหวังไปไกล”
“หัดหวังไว้มั่งสิแกอ่ะ ชิลเกิ๊น” หทัยรัตน์บ่นกระปอดกระแปด
สาวผมซอยสั้นหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดูดเพื่อจะได้ไม่ต้องออกความเห็น…ใช่ว่าเธอไม่หวัง ถ้าได้งานจากศศิชาก็คงดีไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันเธอก็จดจำได้ดีว่าเมื่อครั้งที่เพื่อนพยายามดันเธอสุดฤทธิ์ทว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรนั้น อีกฝ่ายผิดหวังขนาดไหน