ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิทานรักนักษัตรปีมะเส็ง บทที่ 8
คุณชายรองเป่าแห่งสกุลจย่าอย่างเขาน่าจะรู้ดีกว่านางนะว่าเสี่ยวหงไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา เนื่องจากบิดาของเสี่ยวหงเป็นพ่อบ้านรองของสกุลจย่า ส่วนมารดาของเขาเป็นบ่าวหญิงอาวุโสที่รับผิดชอบดูแลเรื่องในบ้าน เท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่าเสี่ยวหงมีความลับและข่าวสารวงในมากมาย สมควรให้คนเช่นนี้รั้งอยู่ข้างกาย แต่เขากลับมอบนางให้แก่หวังซีเฟิ่ง ทำให้เดี๋ยวนี้เวลาหลินไต้อวี้เห็นหน้าเสี่ยวหงแล้วต้องรู้สึกสะเทือนใจและรู้สึกว่าฝ่ามือที่ตนรับไว้เมื่อปีก่อนคงต้องสูญเปล่า
“ขอแสดงความยินดีกับแม่นางหลิน คุณชายรองเป่าสอบเคอซื่อผ่านแล้ว และปีหน้าก็จะเข้าร่วมการสอบในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเจ้าค่ะ” เสี่ยวหงพูดด้วยรอยยิ้ม
หลินไต้อวี้รินชาให้นางถ้วยหนึ่ง “เจ้าไปเอาข่าวนี้มาจากที่ใด” นางรู้ว่าผลสอบเคอซื่อน่าจะประกาศออกมาในช่วงสองสามวันนี้และคิดว่าจย่าเป่าอวี้น่าจะสอบผ่าน หลินไต้อวี้รู้สึกแปลกใจแต่ไม่มาก เพราะรู้ว่าจย่าเป่าอวี้เป็นคนหัวดี หาไม่เขาจะรบราฆ่าฟันกับพวกภูตผีปีศาจทั้งบ้านได้หรือ
“สำนักศึกษาหลวงส่งข่าวมาเจ้าค่ะ เขาบอกด้วยว่าอาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงให้นำข่าวมาแจ้งนายหญิงผู้เฒ่า นายท่านรอง และนายหญิงรอง” เสี่ยวหงชี้ไปที่ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดที่อยู่ข้างตัว “เขาคือจย่าอวิ๋น เป็นคนรับใช้ใหม่ของคุณชายรองเจ้าค่ะ”
หลินไต้อวี้ผงกศีรษะให้เขาเล็กน้อยและนึกได้ว่าพี่น้องชุนทั้งสามเล่าให้นางฟังว่าข้างกายจย่าเป่าอวี้ไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติอีกแล้ว เขาจึงเลือกลูกหลานของเครือญาติห่างๆ มาเป็นคนรับใช้ประจำตัวจำนวนสองสามคน ลูกหลานของเครือญาติห่างๆ พวกนี้ไม่ใช่คนมั่งมีจึงไม่ได้เรียนหนังสือและอยากเข้ามาทำงานในคฤหาสน์สกุลจย่ากันทั้งนั้น หากนับญาติกันแล้ว จย่าอวิ๋นก็ต้องเรียกจย่าเป่าอวี้ว่าท่านอา
หลินไต้อวี้ไม่ค่อยเข้าใจว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ ช่วงนี้จย่าเป่าอวี้ถึงได้เกิดรักนวลสงวนตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั้งที่เมื่อก่อนสาวใช้ที่อยู่ข้างกายต้องมีร่วมแปดถึงสิบคน
จย่าทั่นชุนพูดยิ้มๆ ว่าเป็นเพราะนางแน่ๆ แต่หลินไต้อวี้ยังคงกังขา
“อา…ข้าวปั้นนี้ทำมาจากข้าวมรกตหรือ”
เมื่อเรียกสติกลับมาได้ หลินไต้อวี้ก็เห็นเสี่ยวหงกำลังจ้องข้าวปั้นที่เพิ่งทำเสร็จตาเป็นประกาย หลินไต้อวี้รู้สึกว่าน้ำลายใสๆ ที่เกาะอยู่บนมุมปากของนางนั้นช่างเหมือนจย่าซีชุนเวลานึกอยากกินอะไรขึ้นมาไม่มีผิด
“ใช่แล้ว เจ้าอยากชิมดูสักหน่อยหรือไม่” นางเลื่อนจานเข้าไปให้อีกฝ่าย
นี่เป็นข้าวมรกตที่ท่านอาจี้ให้คนทดลองปลูกเมื่อปีที่แล้ว แต่ได้ยินว่าเดิมข้าวมรกตนี้ปลูกอยู่ที่เมืองจื๋อลี่ เมื่อย้ายมาปลูกที่เมืองจินหลิงเหมือนมันจะไม่ถูกกับน้ำกับดินที่นี่ ทำให้แม้จะปลูกไปแล้วหลายหมู่ แต่ผลผลิตที่ได้จำนวนหนึ่งร้อยตั้น กลับมีสีซีดจาง ทั้งเม็ดข้าวยังไม่อวบอ้วน แต่สำหรับหลินไต้อวี้ ข้าวพวกนี้เป็นของของนาง นางจึงกินได้อย่างมีความสุข
“ได้ยินว่าข้าวมรกตในจวนหมดแล้ว เหตุใดแม่นางหลินจึงมีได้” เสี่ยวหงหยิบข้าวปั้นก้อนหนึ่งไปอย่างไม่เกรงใจและถือโอกาสหยิบส่งให้จย่าอวิ๋นอีกก้อนหนึ่งด้วย เห็นได้ว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันดี
“ก่อนหน้านี้ข้าไปเอาจากครัวใหญ่มาไว้ที่ครัวเล็กแล้วค่อยๆ หุง” เนื่องจากหลินไต้อวี้ไม่แน่ใจเรื่องสถานการณ์ปริมาณข้าวในจวน ตอนปีใหม่พอพี่จี้กลับไปที่คฤหาสน์สกุลหลิน เขาเลยช่วยเอากลับมาให้นางไม่น้อย
พี่จี้บอกว่าข้าวจำนวนหนึ่งร้อยตั้นนี้ให้นางโดยเฉพาะ แต่ต่อให้หลินไต้อวี้ตะกละกินมากเพียงใดก็ไม่มีทางกินได้มากถึงเพียงนั้น นางจึงเก็บไว้แค่ครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งแบ่งไปให้ครอบครัวสกุลจี้กับพวกชาวนาในฐานะที่พวกเขาเป็นคนปลูกและดูแลด้วยความยากลำบาก ขอเพียงพวกเขามีความจริงใจต่อนาง เจ้านายอย่างหลินไต้อวี้ก็มีน้ำใจมากพอ
“จริงสิ ท่านอารองเป่าของเจ้ายังไม่กลับอีกหรือ”
“น่าจะเกือบถึงแล้วขอรับ” จย่าอวิ๋นรีบกลืนข้าวปั้นที่อยู่ในปากเพื่อพูดตอบ
หลินไต้อวี้ส่งสายตาบอกเสวี่ยเยี่ยนให้รินชามาถ้วยหนึ่ง เพราะเกิดจย่าอวิ๋นมาข้าวปั้นติดคอตายอยู่ที่ที่พักของนาง หลินไต้อวี้ย่อมต้องมีความผิด
“แม่นางหลิน แย่แล้วเจ้าค่ะ!”
นางเงยหน้าขึ้นเห็นฉิงเหวินวิ่งตะโกนมาอย่างร้อนใจ ไม่เหลือความใจเย็นอย่างที่เคย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือฉิงเหวิน” สามารถทำให้อีกฝ่ายหน้าซีดได้เช่นนี้รับรองว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
“ระหว่างที่เดินมาข้าได้ยินพวกหมัวมัวบอกว่าไม่รู้คุณชายรองเป่าไปทำอะไรให้นายท่านโกรธเลยถูกลงโทษด้วยกฎบ้านเจ้าค่ะ” ฉิงเหวินหายใจหายคอไม่ทัน แต่ก็ยังรีบบอกข่าวออกมาให้ทุกคนรู้
หลินไต้อวี้ตะลึง เป็นไปไม่ได้ ท่านลุงรองผู้แสนสุภาพอ่อนโยนของนางผู้นั้นน่ะหรือจะระเบิดโทสะ จย่าเป่าอวี้ไปทำอะไรถึงได้ทำท่านลุงรองโกรธถึงเพียงนั้นได้
“ฉิงเหวิน รีบไปเชิญนายหญิงผู้เฒ่า” หลินไต้อวี้ไม่รอช้า
“เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ฉิงเหวินรีบวิ่งจนฝุ่นตลบ
หลินไต้อวี้เป็นคนวิ่งได้ไม่เร็วแต่ยังอุตส่าห์ยกกระโปรงขึ้นวิ่งตามไป เพราะรู้ดีว่าเวลาคนโกรธยากโกรธขึ้นมาแล้วย่อมไม่เหมือนกับคนทั่วไป หากไม่รีบห้ามไว้ สวรรค์รู้ดีว่านางอาจไม่ได้ออกเรือนแต่ต้องครองตัวเป็นม่ายแทน
หรือไม่ก็ต้องปลิดชีพเพื่อแลกกับป้ายสดุดีภรรยาผู้ซื่อสัตย์ อย่างนั้นยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก!
(ติดตามต่อได้ในเล่ม)