X
    Categories: LOVEทดลองอ่านฝันดีว่ามีเธอ ชุด Home sweet home

ทดลองอ่าน ฝันดีว่ามีเธอ ตอนที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 3

เมื่อคืนฝันดี วันนี้ฝันร้าย

ณชามีโอกาสทำตาหวานและพูดเสียงเจ็ดเสียงแปดใส่เจสได้แค่ไม่เท่าไหร่ก็ต้องแยกจากเจส เพราะหลังออกจากร้านอาหารที่บังเอิญมาเจอกันแห่งนั้นแล้ว เจสก็พาเธอไปเช็กอินเข้าห้องพักที่โรงแรม แล้วฝากให้เธอดูแลลูกๆ แทน ส่วนเขาก็ควงซูเปอร์โมเดลสุดฮอตไปคุยธุระสำคัญอย่างสบายใจเฉิบเพราะหมดห่วงกังวลเรื่องลูก

“นี่เขาเห็นฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กรึไงเนี่ย ถึงได้ทำแบบนี้ ใจร้ายชะมัดเลย!”

“ใครใจร้ายเหรอชับบบ” ลีโอในชุดว่ายน้ำที่กำลังสวมรองเท้าเตรียมออกจากห้องพักหันไปเงยหน้าขึ้นถามณชา

“แด๊ดดี้เธอน่ะสิ หลอกให้พี่มาดูแลพวกเธอ แล้วตัวเองก็หนีไปสวีตกับเชอรีลหน้าตาเฉย ร้ายกาจสิ้นดี”

“แด๊ดดี้เจสใจดีมากกก ไม่ได้ร้ายซะหน่อย พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปโรงเรียนด้วย แด๊ดดี้ใจดีให้หยุดเรียนหนึ่งวัน”

“เพราะแด๊ดดี้เจสไปสวีตกับแฟน เธอเลยเสียใจที่ไม่ได้เป็นแฟนแด๊ดดี้เจสใช่ไหม”

“ช่ายยย…อกหักดังเป๊าะเลย!” ณชาทำเสียงเซ็ง ถอนใจเฮือก

“พี่ชาชาไม่ต้องเฉียใจนะ เดี๋ยวเลาหาแฟนให้เอง ไปหากันที่ฉะวั่ยน้ำก็ด้ายยย”

ความปรารถนาของลีโอทำให้ณชายิ้มหมั่นไส้ แล้วจึงกลอกตาทำหน้าเซ็งขณะเปิดประตูพาเด็กๆ ออกจากห้องพัก “โตขึ้นพวกเธออย่าเจ้าชู้เหมือนแด๊ดดี้นะ มันไม่ดี”

“ถ้ามันไม่ดีแล้วทำไมเธอถึงชอบแด๊ดดี้เจสแล้วก็อยากเป็นแฟนด้วยล่ะ”

“…”

“ทำไมไม่ชอบพี่พีทล่ะ พี่พีทใจดีม้ากมากกก…แล้วก็พาเราไปสวนสัตว์ดั้วะ แด๊ดดี้ยังไม่เคยพาไปสักครั้งเลย”

“เธอว่าพี่ควรชอบพี่พีทมากกว่าแด๊ดดี้เธอเหรอ”

“ก็พี่พีทชอบเธอ พี่พีทบอกมาร์กี้ว่าอยากแต่งงานกับณชา แต่แด๊ดดี้ไม่ได้ชอบเธอและไม่ได้อยากเป็นแฟนเธอ แต่ว่าแด๊ดดี้ชอบเชอรีลกับใครอีกก็ไม่รุ…เยอะแยะไปหมด”

คำพูดรู้ดีอย่างแสนซื่อจนน่าเอ็นดูของมาร์กี้ เหมือนกับตั้งใจจะเตือนสติจนณชารู้สึกราวกับถูกแทงใจดำ นั่นสินะ…ทำไมถึงเธอไม่รักคนที่เขารักเธอ แทนที่จะมัวเสียเวลาปักอกปักใจอยู่กับคนที่ไม่ได้แคร์หรือรู้สึกรู้สาอะไรกับเธอเลยแบบนี้

 

ระหว่างที่อยู่ตรงสระว่ายน้ำ มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปกับณชาและเด็กๆ อยู่สองสามราย พร้อมทั้งขออนุญาตนำรูปที่ได้โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งณชาก็ไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใด จนกระทั่งในช่วงบ่ายหลังจากเธอพาเด็กๆ ขึ้นจากสระว่ายน้ำและทานกลางวันกันเรียบร้อย เธอก็ได้รับสายจากบุรัสกร อีกฝ่ายโทรมาเหวี่ยงเรื่องที่รู้ว่าเธออยู่กับลูกๆ ของเจสที่พัทยา อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าเจสพาเชอรีลมาที่นี่ด้วย

“แล้วเธอบอกคนที่มาขอถ่ายรูปแบบนั้นจริงๆ เหรอณชา ที่ว่าเจสชวนเธอมาเที่ยวกับครอบครัวเขา และตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจสกำลังไปได้ดี!?”

“เอ่อ…ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะคะ หนูแค่บอกว่า…หนูมาพัทยากับเจส และหนูเข้ากับลูกๆ เขาได้ค่อนข้างดี ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นแบบ…เรื่อยๆ”

“ณชา!”

“ขาาา…”

“นี่เธอเสียสติไปแล้วรึไง ทำไมไม่รู้จักเข็ดจักหลาบเสียที ลืมตาตื่นซะทีเถอะแม่คุณ เธอเห็นที่เขาเอารูปเธอกับเด็กๆ ไปโพสต์นั่นไหม คนแชร์ไปเม้าท์เธอเสียๆ หายๆ กันสนุกปากยกใหญ่ ดูถูกดูแคลนสารพัดเหมือนเธอเป็นแค่ผู้หญิงถูกๆ ไม่มีค่า แถมยังเอารูปเจสกับเชอรีลไปทำมีมแซะเธอเต็มอินเตอร์เน็ต จนตอนนี้มันลามไปถึงเพจเม้าท์ดารา ที่สำคัญ…แฮชแท็กขี้มโนของเธอมันกลับมาติดเทรนด์ทวิตเตอร์อีกแล้วไปดูซะนะ!”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ…”

“มันยิ่งกว่านั้นเสียอีกย่ะ เพราะเธอโดนกระหน่ำด้วยแฮชแท็กใหม่ล่าสุดเรียบร้อยแล้ว #พี่เลี้ยง20xx น่ะตอนนี้ติดเทรนด์มาคู่กับอันเก่าเลย!”

“โหยยย”

“นี่มัวแต่เลี้ยงลูกให้เขางกๆ จนไม่มีเวลาเช็กเรื่องตัวเองเลยรึไง เธอเป็นดาราประสาอะไร เคยเห็นคุณค่าที่ฉันพยายามลงทุนปลุกปั้นเธอมาแทบตายบ้างไหมฮึ ฉันอยากจะบ้าตายกับเธอจริงๆ หัดรักศักดิ์ศรีตัวเองเสียบ้างเถอะแม่คุณ รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน!”

“โธ่ คุณโบว์คะ หนูรักศักดิ์ศรีจะตายไป เพียงแต่ว่าตอนนี้หนูแค่รักเจสมากกว่า…”

“ยายเด็กโง่ ทำไมโง่ๆๆๆๆ อย่างนี้เนี่ยฮะ เธอเป็นโรคจิตรึไง ถึงได้ชอบวอแวแต่ผู้ชายที่ไม่เคยสนใจเธอตลอดเลย!” บุรัสกรตวาดลั่นอย่างเหลืออด “แล้วถ้าเธอยังไม่คิดจะแก้ไขเรื่องนี้ล่ะก็ ฉันจะหาวิธีจัดการเองละนะ แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายละกัน!”

“เอ่อ…แล้วคุณโบว์จะทำยังไงคะ”

“ไม่ต้องรู้หรอก รอดูเอาเอง!”

เสร็จจากคุยสายกับบุรัสกร…หญิงสาวผู้เป็นเจ้านายสายตรงของเธอแล้ว ณชาก็ต้องคอยรับสายจากเพื่อนรุ่นพี่ในแก๊งชะนีสายแข็งไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะเพชรพริ้ง ที่โทรมาเอาเรื่องเธอถึงสามรอบติดๆ กัน รอบแรกหล่อนอาละวาดราวกับเสียสติใส่เธอไม่ยั้ง รอบสองเบาลงหน่อย แต่พอรอบสามก็เหมือนนึกอะไรได้แล้วโทรมาวีนอีกที ก่อนจะวางสายเพราะมีงานเข้า

พอวางสายจากเพชรพริ้ง ณชาก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจเฮือก ยังไม่มีอารมณ์จะไล่เช็กข่าวตัวเองตอนนี้ เธอจึงนอนมองเพดานห้องพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นคนดื้อด้านดันทุรังแบบนี้ แต่จะว่าไป…เธอก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอะไรมากมายเพราะเจสอย่างที่ควรจะเป็น อาจเพราะชาชินกับการที่เห็นเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า โดยที่ไม่เคยคิดจะเห็นเธอเป็นอะไรที่มากเกินกว่าคำว่า ‘เพื่อนของเจมี่’ จนเธอเองก็เริ่มสับสนแล้วเหมือนกันว่า สรุปตอนนี้เธอต้องการอะไรจากเจสกันแน่…

ปรากฏว่าคืนนั้นเจสโทรศัพท์มาถึงณชาเพื่อจะขอร้องให้เธอช่วยดูแลลูกๆ ต่อจนถึงพรุ่งนี้เช้า เพราะคืนนี้เขาจะกลับดึกเนื่องจากมีปาร์ตี้ แม้จะข่มใจตอบเขาไปเสมือนยินดีช่วยด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง แต่ครั้นพอวางสายแล้วเธอก็ต้องรีบหาที่ระบายอารมณ์ ด้วยการโทรศัพท์ถึง ‘จิรวดี’ …เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่ม

“มันแย่มากจริงๆ นะคะ ถ้าคิดจะทำแบบนี้แล้วเขาหอบลูกๆ มาเป็นภาระด้วยทำไมไม่ทราบ เพราะถ้าไม่บังเอิญโชคดีมาเจอพี่เลี้ยงจำเป็นอย่างหนูเข้า เขาจะเอาลูกไปฝากไว้ที่ไหนตอนตัวเองไปแรด รบกวนพี่ดีดี้ไปบอกแซคให้ช่วยด่าพี่ชายเขาเรื่องนี้ให้ด้วยนะคะ!”

“ที่รัก…ใจเย็นๆ ก่อน สิบนาทีที่ผ่านมาเธอเอาแต่เหวี่ยงเรื่องเจสแบบไม่หยุดหายใจเลย พี่กลัวเธอขาดใจตาย”

“ก็หนูโมโห เป็นพี่ดีดี้จะโกรธไหมล่ะคะ หน็อยยย…นึกแล้วเชียวว่ามันแปลกๆ ที่อยู่ดีๆ ก็ใจกว้างชวนหนูอยู่เที่ยวต่อด้วย ทั้งที่ปกติมองข้ามหัวไปมองข้ามหัวมา ที่แท้ก็หลอกมาใช้ประโยชน์!”

“อุ๊ยตาย…ณชา ดูเหมือนว่าเธอจะตาสว่างขึ้นนิดๆ แล้วนี่นา”

“ไม่ต้องทำเสียงดีใจขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูไม่ได้ตาสว่างซะหน่อย แต่ที่ด่าๆ อยู่นี่เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเพราะกำลังโกรธ เพราะใจจริงหนูก็ยังอยากได้เขาอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ”

“ยายเด็กบ้า!”

“ก็เมื่อกี้เขาบอกนี่นา ว่าถ้ากลับกรุงเทพฯ ไปแล้วจะให้ของขวัญพิเศษกับหนูชิ้นหนึ่งเป็นการขอบคุณ พี่ดีดี้ก็รู้ว่าของขวัญจากเจสน่ะโรแมนติกแค่ไหน คราวที่แล้วที่หนูช่วยทำให้เจมี่ยอมรับน้องๆ ได้ เจสก็ตอบแทนด้วยการให้แหวนกับสร้อยเพชรกับหนูชุดหนึ่ง เป็นคอลเล็กชั่นรูปหัวใจด้วย แถมยังสลักชื่อย่อหนูไว้อีกต่างหาก คิดดูสิคะ…เขาใส่ใจหนูขนาดนี้แล้วจะไม่ให้หนูมโนได้ไง”

“นี่ แต่ตอนนี้เขากำลังหลอกให้เธอช่วยดูลูก ส่วนเขาก็ไปแรดกับผู้หญิงคนอื่นนะ แล้วคืนนี้สองคนนั้นก็นอนห้องเดียวกันชัวร์”

“ไม่จริง!”

“อย่าหลอกตัวเอง ถ้าไม่เชื่อเธอก็ไปสืบดูสิ เขาต้องนอนด้วยกันอยู่แล้วแหละ”

“แต่หนูถามมาร์กี้กับลีโอแล้ว สองคนนั้นบอกว่าเมื่อคืนพวกเขานอนกับเจส เชอรีลไม่ได้นอนด้วย”

“โถถถ…เด็กสองคนนั้นหลับลึกจะตายยย หัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยยาวถึงเช้า พอลูกหลับเจสก็คงย่องไปหาผู้หญิง แล้วที่หลอกเธอมาดูลูกให้ก็เพราะคืนนี้เขาอยากอยู่กับเชอรีลอย่างสบายใจไม่ต้องกังวล”

“พี่ดีดี้จะตอกย้ำให้หนูเสียใจทำไมเนี่ย”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าเพราะพี่ไม่ชอบที่เธอมโนหลอกตัวเองไม่เลิก”

“อันที่จริง…ถ้าลองพิจารณาอย่างมีเหตุผล คืนนี้เจสกับเชอรีลเขาก็ต้องนอนห้องเดียวกันอยู่แล้วนี่นา แล้วหนูต้องรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ด้วยหรือคะ”

“ต้องรู้สึกสิยะ!” จิรวดีแหวเสียงดัง “ผู้ชายที่เธอรักไปนอนกับผู้หญิงอื่น เธอควรรับไม่ได้แล้วก็เทเขาซะ!”

“แต่เขายังไม่ได้เป็นอะไรกับหนูนี่นา เขาก็ย่อมมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะไปมีอะไรกับใครก็ได้…”

ปลายสายพึมพำหาสวรรค์ พระเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างอ่อนใจ “งั้นก็แล้วแต่เธอละกันจ้ะแม่คนสวยใจกว้างงง…กว้างเป็นแม่น้ำ ทะล และมหาสมุทร!”

“เอาเป็นว่า…ขอหนูรอดูของขวัญพิเศษจากเจสรอบนี้ก่อนได้ไหมว่าเขาจะให้อะไร ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรให้มโนต่อได้เลย…หนูก็จะหยุด”

คนปลายสายถอนหายใจใส่ดังเฮือกใหญ่ “ไม่ต้องทำมาพูดดีเลยณชา เธอก็พูดแบบนี้ทั้งปีทั้งชาติ เพราะต่อให้เจสเลือกโดนัทห่วยๆ มาให้เธอกล่องหนึ่ง เธอก็หาเหตุผลกากๆ มามโนเข้าข้างตัวเองจนได้น่ะแหละ”

“พี่ดีดี้เนี่ย…ปากร้ายเหมือนกันนะคะ สงสัยติดเชื้อมาจากสามี”

“ไม่ใช่ย่ะ!” จิรวดีแหวตอบเบาๆ “นี่ฟังนะ เจสเขาแค่เอ็นดูเธอเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งเท่านั้น เจสอายุมากกว่าเธอตั้งกี่ปีนับนิ้วดู แล้วเธอก็เป็นเพื่อนรักของเจมี่ด้วย แซคบอกว่าเขาเคยถามเจสเกี่ยวกับเรื่องของเธอหลายครั้ง ซึ่งพอถูกถามเจสก็จะโมโหทุกที เขาไม่ชอบให้ใครพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเขาในเชิงชู้สาว เพราะเธอเป็นเพื่อนเจมี่ มันเลยทำให้เขาลำบากใจ”

“…”

“ช่างเถอะ พี่ย้ำไปก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะยังไงเธอก็คงปิดหูปิดตาไม่ยอมรับฟังคำเตือนใครอยู่ดี แต่ปัญหาคือ…การที่เธอปล่อยให้ตัวเองมีข่าวเสียหายอย่างวันนี้ออกมาอีก ทั้งที่เพิ่งถูกปลดออกจากละคร พี่ว่าคุณโบว์คงไม่ยอมอยู่เฉยต่อไปแน่ เธอเตรียมตัวรับมือการแก้ไขสถานการณ์ของคุณโบว์ไว้ให้ดีเถอะณชา!”

เช้าวันต่อมาขณะณชาพาเด็กๆ ออกจากห้องเพื่อไปทานอาหารเช้าตอนเก้าโมง เมื่อเดินผ่านห้องข้างๆ ซึ่งเธอทราบว่าเป็นห้องพักของเชอรีล เจสก็เปิดประตูออกมาพอดี ร่างสูงใหญ่ของเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกง และสวมกางเกงขายาวสีดำ ผมสีน้ำตาลเข้มค่อนข้างยุ่ง และเขาก็ดูยับเยินไปทั้งตัว ทว่าสภาพไม่เรียบร้อยดังกล่าวกลับทำให้เจสดูมีเสน่ห์ร้อนแรงเกินธรรมดาอย่างน่ากลัว

ตอนที่ชะงักฝีเท้าหยุดมองเขา ณชาต้องบอกตัวเองให้ตั้งสติไว้ ในขณะที่เด็กชายตัวป้อมทั้งสองต่างพากันส่งเสียงทักทายผู้เป็นพ่อดังเจี๊ยวจ๊าวจนเขาต้องรีบปรามให้เบาเสียงลง เพราะเชอรีลยังหลับอยู่

“จะไปทานข้าวกันเหรอครับ”

“ค่ะ”

“ลูกลงไปหาอะไรทานกับณชาก่อนนะ แด๊ดดี้อาบน้ำเสร็จจะรีบตามลงไป” เขาบอกลูกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกับณชาพลางพยักหน้าให้หญิงสาวอย่างสุภาพอีกครั้ง เสมือนไม่รับรู้ถึงสีหน้าตกตะลึงอึ้งงันอย่างปรับอารมณ์ไม่ทันของเธอเลย “ฝากเด็กๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวผมตามไป”

หญิงสาวพยักหน้าเงียบๆ ด้วยท่าทีเรียบเฉยอย่างข่มใจ รีบจูงมือเด็กๆ เดินผละไปอย่างรวดเร็ว เธอรับรู้ได้ว่าเจสเดินตามหลังมาติดๆ เพราะห้องพักของเขาอยู่ติดกับห้องเชอรีล แต่เธอไม่ได้หันไปมองอีกเลย ทั้งที่รู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ทว่านี่นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นกับตาตอนเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอย่างเป็นส่วนตัว ความรู้สึกตื่นตระหนกที่บอกไม่ถูกทำให้เธอมึนงงเล็กน้อย เธอรักเขาและหวงแหนเขา ชอบคิดไปเองมาตลอดว่าเขาเป็นของเธอ ทั้งที่จริงเจสไม่เคยเป็นของเธอเลย…

 

ตอนที่ลงมาสมทบที่ห้องอาหารเช้าของโรงแรม เจสพอจะรู้สึกได้ว่าณชาโกรธ แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รับรู้ เขาพอจะเข้าใจได้ว่าเธอต้องรู้สึกแย่อยู่แล้วที่มาพบว่าเขาอยู่กับผู้หญิงอื่นทั้งคืน โดยทิ้งลูกๆ ให้เธอเป็นคนดูแลอย่างเห็นแก่ตัว อย่างไรก็ตาม…เขาไม่เคยรู้สึกผิดต่อณชามาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้

ภายนอกแล้วณชาไม่ได้ดูมีอะไรเปลี่ยนไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เธอยังคงมองเขาด้วยแววตาหลงใหลชื่นชมอย่างเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างเปิดเผย แต่ลึกๆ แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป แต่เขาไม่เคยใส่ใจเธอมากพอที่จะวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่ผิดสังเกตนั้นคืออะไร

“เด็กๆ ซนมากไหมครับ คุณคงลำบากน่าดู”

“ก็ไม่ซนเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ทะเลาะกันเกือบตลอดเวลาเลย”

“ขอโทษจริงๆ นะครับที่ผมรบกวนมากขนาดนี้”

“ไม่ได้รบกวนอะไรเลย ก็คุณจำเป็นจริงๆ นี่คะ แล้วอีกอย่างฉันก็สนิทกับลูกๆ คุณดีมากด้วย พวกแกสนิทกับฉันยิ่งกว่าคุณหรือแฟนคุณด้วยซ้ำ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”

ยิ้มหวานๆ ของณชาทำให้เจสชะงักไปเล็กน้อย เขาเกือบจะคิดว่าเธอจงใจพูดจาประชดประชันและทำท่ากระด้างแข็งขืนอย่างที่ไม่เคยทำกับเขามาก่อน แต่พอพิจารณาจากสีหน้าและแววตาเธออย่างชัดเจนแล้ว เขาก็รู้สึกว่าไม่น่าจะใช่ ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสของเธอยังคง…แสดงออกว่าเขาคือสุดยอดปรารถนาของเธอ บางทีการคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ก็ทำให้เขากระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย

ชายหนุ่มยอมรับว่าลำบากใจถึงขั้นรู้สึกไม่ดีที่ณชารู้สึกกับเขาแบบนั้นทั้งที่เธอเป็นเพื่อนสนิทของเจมี่…ลูกสาวของเขา แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่เพียงการวางเฉยต่อความต้องการของเธอ ภาวนาเงียบๆ ให้เธอเลิกคิดอะไรเกินเลยกับเขาโดยเร็วที่สุด เจสไม่เคยรังเกียจที่เธอคิดแบบนั้นกับเขา ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจที่เธออายุน้อยกว่ามาก อีกทั้งเธอยังเป็นผู้หญิงที่น่ารัก จิตใจดี มีความเปิดเผยจริงใจ แล้วยังเป็นคนมีอารมณ์ขันด้วย แต่เขาไม่อยากคิดอะไรเลยเถิดกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนกับลูกสาวตัวเอง เจสคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ

ระหว่างนั้นมีสายจากบุรัสกรโทรเข้ามา ณชาโดนบ่นจนหูชาอยู่ห้านาที และคงจะนานกว่านั้นมากแน่ๆ หากอีกฝ่ายไม่โดนตามไปเข้าห้องประชุมด่วน พอเธอวางสายจากเจ้านายแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ เจสก็เอ่ยขึ้น

“ผมเห็นข่าวแล้ว ตอนนี้คุณโอเคใช่ไหม”

ณชาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเจสแสดงความสนใจเรื่องส่วนตัวของเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาอาจจะกำลังรู้สึกละอายใจก็ได้ที่หลอกให้เธอมาช่วยดูแลลูก ส่วนตัวเองก็ไปเริงรักกับหญิงอื่น…ณชาคิดในใจดังนั้นแล้วก็ยิ้มหวานปานจะหยดให้เขาด้วยความยินดีอย่างไม่มีฟอร์ม…“ดีใจจัง คุณเพิ่งเคยถามแบบนี้เป็นครั้งแรก นึกว่าคุณไม่เคยรู้เรื่องอะไรของฉันเลยเสียอีก”

“แซคโทรมาเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อวานน่ะครับ” เขาเฉลย แต่หาได้ทำให้คนฟังเกิดความผิดหวังจนหัวใจเหี่ยวแฟบไม่ เธอยังคงมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกายสดใส

“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันโอเคดีทุกอย่าง เมื่อคืนยังฝันดี…ฝันถึงคุณอยู่เลย”

“ฝันว่า…?”

“ฝันว่าจุนโฮมาหาฉันที่คอนโดฯ ค่ะ…หมายถึงไอดอลเกาหลีที่ฉันติ่งอยู่น่ะ” หญิงสาวอธิบายพลางยิ้มอ่อน ตอนนี้เธอติดความเป็นติ่งเกาหลีมาจากเพื่อนรุ่นพี่ในแก๊งชะนีสายแข็งนิดหน่อย “แล้วทีนี้…จุนโฮก็จูบฉัน และขอมีอะไรด้วย แต่ทั้งที่ฉันเลิฟจุนโฮมาก แต่กลับปฏิเสธเขาแล้วบอกว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะฉันมีผู้ชายที่ฉันรักอยู่แล้ว…จริงๆ ในฝันเมื่อคืนก็ไม่มีคุณโผล่มาหรอกนะคะ แต่ฉันแค่อยากจะบอกว่าแม้แต่ในฝันฉันยังแคร์คุณถึงขนาดนั้นเท่านั้นแหละ”

เจสมองหน้าเธอแบบอึ้งงันไปเลย ก่อนจะขยับตัวพลางกระแอมกระไอเบาๆ เหมือนเสียอาการไปนิดๆ ณชาแอบขำในใจ เชื่อว่าที่เป็นแบบนี้น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนเขาเหนื่อยมากและนอนน้อย ด้วยปกติเจสไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาให้เธอเห็นง่ายๆ

“แล้ว…ที่คุณโดนถอดจากละครไปสองเรื่อง และอาจจะมีปัญหาอื่นตามมาอีก แสดงว่าเรื่องของผมมันกระทบกับงานของคุณมากจริงๆ คุณคิดว่า…เราควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไงดี ส่วนหนึ่งมันเป็นความผิดผมที่เคยขอให้คุณเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเจมี่กับมาร์กี้ลีโอ ในขณะนี้ปัญหาของผมหมดไปแล้ว แต่คุณกลับต้องมาลำบากเพราะข่าวที่มาพัวพันกับผมอยู่ ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้…”

ณชาแอบยิ้มในใจที่เห็นว่าเจสสุภาพเกินกว่าจะด่าเธอตรงๆ ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดเธอที่ชอบมโนหลอกตัวเอง ในเมื่อใจเขาเองก็ต้องคิดอยู่แล้วเพียงแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ ว่า…ต่อให้เธอมีเรื่องพัวพันหรือมีเหตุให้ต้องเจอเขากับลูกๆ ทุกวันวันละสิบรอบ แต่ถ้าเธอไม่เก็บไปมโนเป็นตุเป็นตะ แล้วเอาไปพูดหรือโพสต์ลงโซเชียลมีเดียในทำนองนั้นให้คนพากันแซะด้วยความหมั่นไส้แกมสมเพช เธอก็คงไม่ต้องเจอปัญหาอะไรเลย แต่นี่เธอทำตัวเองทั้งนั้น…

“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันแก้ปัญหาเรื่องนี้เองได้”

“แต่การที่โดนถอดจากบทนางเอกไปแล้วสองเรื่อง ความเสียหายมันไม่น้อยเลยนะครับ”

“จริงๆ แล้วเรื่องแรกที่โดนถอด ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้บทนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะตั้งแต่มีข่าวออกมาว่าฉันจะเล่นเรื่องนั้น แฟนนิยายเขาก็พากันแอนตี้ว่าฉันไม่เหมาะที่จะรับบทนี้ โดนถอดไปก็ดีแล้ว”

“งั้นเหรอ…แต่การจะหาใครมารับบทอะไรในแต่ละครั้ง มันคงสมจริงทุกอย่างยากพอสมควรนะครับ”

ณชาพยักหน้า “อย่างเรื่องล่าสุดของฉันที่ออนแอร์อยู่ โดนด่าอย่างหนักว่าข้อมูลในละครไม่เป๊ะ แต่จริงๆ หลายจุดคนทำสคริปต์เขาเขียนมาเป๊ะแล้ว แต่ตอนถ่ายผู้กำกับเขาไม่เอามันก็ต้องเปลี่ยน ซึ่งหลายๆ ปัจจัยมันก็ควบคุมได้ยาก”

“แล้วอีกเรื่องที่คุณโดนถอดไปล่ะ คุณไม่เสียดาย?”

ณชาไหวไหล่เบาๆ ทำสีหน้าให้เขารู้ว่าเธอก็ไม่ได้แคร์สักเท่าไหร่ “ก็ไม่เชิงว่าไม่เสียดาย ฉันชอบบทนั้นมากนะ แต่การต้องเล่นเป็นบทผู้หญิงที่อายุมากกว่าตัวเองห้าปี แถมยังเป็นคนฉลาดและนิสัยดีแบบนางเอกเรื่องนั้น บอกตามตรงว่าฉันไม่มั่นใจเลย”

เจสเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ยิ้มๆ

“นางเอกเป็นสาวไฮโซที่เกิดมาในครอบครัวผู้ดี มีหน้ามีตาในสังคม และมีพร้อมไปหมดทุกอย่าง ครอบครัวอบอุ่น เรียนเก่งอย่างน่าชื่นชมมาตั้งแต่เด็ก เป็นนักเรียนทุน และเป็นนักวิจัยที่จบมาจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปเท็นของโลก เธอไม่เคยเชื่อเรื่องผี แต่อยู่ๆ ก็มากลายเป็นคนเห็นผีที่ต้องคอยให้ความช่วยเหลือผี แต่เธอไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับใครตรงๆ ได้ เพราะตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์…บอกตามตรงว่าฉันจินตนาการตัวเองเป็นผู้หญิงแบบนั้นไม่ออกเลย นอกจากจะไม่มีอะไรเหมือนเขาแล้ว ตอนนี้ฉันยังเรียนไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ แถมยังขาดเรียนบ่อยและไม่ค่อยตั้งใจเรียนด้วย นี่โดนผู้ปกครองโทรมาด่าทุกวัน เมื่อกี้ก็เพิ่งโดนไปหมาดๆ หาว่ามัวติดผู้ชายจนลืมการเรียน…”

ชายหนุ่มฟังแล้วหลุดขำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบพึมพำขออภัยเธอที่เสียเขามารยาท “ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเยาะนะครับ ขอโทษด้วย”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ฉันตั้งใจพูดเรื่องตลกให้คุณขำอยู่แล้ว” เธอบอกด้วยรอยยิ้มที่หวานยิ่งกว่าเดิม แม้จะรู้ว่าการทอดสะพานจนเกินงามมักทำให้ผู้ชายดีๆ ขยาดมากกว่าจะชอบแล้วก้าวข้ามมา แต่เธอก็จะทำ

“แต่ฟังดูแล้วน่าเสียดายบทเรื่องนั้นนะ คุณไม่ชอบรับบทอะไรที่มันท้าทายความสามารถแบบนั้นหรอกครับหรือครับ”

“ชอบค่ะ แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันท้าทายเกินไป”

เจสยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนจะหันเหความสนใจไปที่เด็กๆ เพราะไม่มีประเด็นที่จะคุยกับณชาต่อไปแล้ว

 

(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 19 มีนาคม)

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

Jamsai Editor: