แม้จะคิดเช่นนี้ แต่ใบหน้าของหลี่เมิ่งซียังคงสุขุม เพียงแต่หลังจากนี้ไปนางคงต้องระวังจางอี๋ไท่เป็นพิเศษ หลังจากหงจูประคองตนนั่งลง หลี่เมิ่งซีถึงได้พบว่าใต้ชุดสีแดงจัดนี้ล้วนเปียกเหงื่อจนแนบติดไปกับแผ่นหลังแล้ว
ความจริง หลี่เมิ่งซีไม่รู้ว่าชื่อเสียงของหลี่เมิ่งเฟยพี่สาวที่นางแต่งงานแทนนั้นฉาวโฉ่เพียงใดในหมู่ชาวบ้านร้านตลาด คนในคฤหาสน์สกุลเซียวต่างรู้เรื่องที่ชุยซื่อจงใจหลีกเลี่ยงการแต่งงาน หลี่เมิ่งซีทะลุมิติมาตอนที่เจ้าของร่างนี้ปฏิเสธการแต่งงานแทนพี่สาวและกำลังผูกคอตายบนขื่อ พอนางฟื้นขึ้นมาก็ถูกนายท่านสกุลหลี่กักบริเวณไว้ในเรือนหลัง ไม่ให้ติดต่อกับผู้ใด เรียนรู้ธรรมเนียมมารยาทกับหมัวมัวเพื่อเตรียมออกเรือนเท่านั้น หลี่เมิ่งซีเองก็กลัวว่าฐานะที่แท้จริงของตนเองจะถูกเปิดเผยจึงยิ่งจงใจเหินห่างกับคนสกุลหลี่ แม้แต่หลี่เมิ่งเฟยนางก็ยังไม่เคยเจอด้วยซ้ำ ไหนเลยจะรู้ว่าอีกฝ่ายนิสัยใจคอเป็นเช่นไร
ฮือๆ ถ้าหลี่เมิ่งซีตัวจริงรู้เรื่องพวกนี้จะต้องเอาหัวโขกกำแพงเป็นแน่ สวรรค์! ท่านจะล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้นะ เล่นแบบนี้ข้าอาจจะตายได้!
เหล่าไท่จวินสนทนาเรื่องทั่วไปกับนายท่านใหญ่ นายหญิงใหญ่ นายท่านใหญ่นั่งฝั่งขวามือของเหล่าไท่จวิน ถัดมาเป็นคุณชายใหญ่เซียวชิง คุณชายสามเซียวอวิ้น ตอนที่สายตาของหลี่เมิ่งซีกวาดมองคุณชายใหญ่นั้น ก็พบว่าเขากำลังมองนางอยู่ หลี่เมิ่งซีรู้สึกเหมือนกับเห็นแววเห็นใจสงสาร นางจึงรีบเลื่อนสายตาไปทางอื่น แต่กลับปะทะกับสายตาของคุณชายสามที่เหมือนบ่อน้ำลึก นางดึงสายตากลับมา รู้สึกว่าจางซื่อที่อยู่ข้างกายนั่งอย่างสง่างาม ไม่พูดไม่จา ในใจพลันคิดถึงแววร้ายกาจในดวงตาของจางอี๋ไท่ จู่ๆ หลี่เมิ่งซีก็รู้สึกว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ นางมองไม่ออกเลยสักคนเดียว สำหรับนางแล้ว ทุกคนเหมือนมีขุนเขานับพันสายน้ำนับหมื่นขวางกั้นอยู่ มีเพียงนางที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังกลางห้องโถงกว้างใหญ่นี้ นอกจากความหนาวแล้วก็มีแต่ความหนาว
ใครกันแน่ที่ต้องการสังหารคุณชายรอง เป็นคนที่อยู่ในห้องนี้หรือว่าเป็นคนอื่น ขณะที่หลี่เมิ่งซีกำลังขบคิด พลันได้ยินเสียงเหล่าไท่จวินบอกให้ตั้งสำรับ
นางกำลังจะลุกขึ้นกลับได้ยินเหล่าไท่จวินบอกว่า “ซีเอ๋อร์ จวิ้นเอ๋อร์ยังไม่แข็งแรง เจ้าไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติตอนกินอาหารกลางวันที่นี่แล้ว ที่นี่มีแม่สามีกับพี่สะใภ้ของเจ้าอยู่ กลับไปดูแลจวิ้นเอ๋อร์ให้ดีเถอะ ตอนบ่ายให้อี๋เหนียงและบุตรสาวของจวิ้นเอ๋อร์ไปยกน้ำชาคารวะเจ้า เจ้าเองก็ควรพบพวกนางได้แล้ว”
หลี่เมิ่งซีรับคำ คารวะนายท่านใหญ่ นายหญิงใหญ่ ก่อนจะเดินนำหงจูกับบ่าวหญิงสูงวัยทั้งหลายออกไป
เมื่อกลับถึงเรือนของตนเอง หลี่เมิ่งซีก็พบว่าเซียวจวิ้นไม่อยู่ สาวใช้บอกว่าคุณชายรองกินอาหารเสร็จก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า จึงให้หงอวี้ประคองไปเดินเล่นในสวนดอกไม้
หลี่เมิ่งซีถือโอกาสนี้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า สั่งคนยกสำรับเข้ามา นางกินลวกๆ เพียงไม่กี่คำและสั่งให้คนนำไปเก็บยังห้องครัวเล็ก
เหนื่อยจัง! หลี่เมิ่งซีรู้สึกว่าตลอดช่วงเช้า นางเหมือนล้อที่หมุนไม่ได้หยุด อยากเอนกายบนเตียงหลับสักงีบเหลือเกิน แต่พอคิดว่าไม่รู้เซียวจวิ้นจะกลับมาเมื่อไร นางจึงหลับตาพักผ่อนบนตั่งนุ่มแทน
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ หลี่เมิ่งซีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหงอวี้ลอยมา “คุณชายรองช้าหน่อยเจ้าค่ะ”
เซียวจวิ้นกลับมาแล้ว! หลี่เมิ่งซีรีบลุกขึ้น เดินไปที่ประตู
หงอวี้เลิกม่านประคองเซียวจวิ้นเข้ามาแล้ว
“คุณชายรองกลับมาแล้วหรือ รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” หลี่เมิ่งซีย่อกาย ก้าวขึ้นไปยื่นมือหมายจะประคองเขา
เซียวจวิ้นกลับเดินอ้อมนางมานั่งลงบนขอบเตียง “ดีขึ้นมากแล้ว ไปพบเหล่าไท่จวิน นายท่านใหญ่มาแล้วหรือ”
“พบแล้วเจ้าค่ะ เหล่าไท่จวินมอบกำไลหยกมันแพะสีขาวคู่หนึ่งกับปิ่นเงินประดับทองขดพันฝังอัญมณีอันหนึ่งให้ข้าภรรยา นายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่ก็มอบของขวัญให้ด้วย” หลี่เมิ่งซีพยายามชวนคุย
“รู้แล้ว เจ้าเก็บรักษาไว้เองเถอะ” เซียวจวิ้นหยิบหนังสือตรงหัวเตียงขึ้นมาพลางพูด เหล่าสาวใช้ถอยออกไปหมดแล้ว
จู่ๆ หลี่เมิ่งซีก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี บรรยากาศเงียบงัน ชั่วขณะหนึ่งที่ไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ตรงไหนดี นางได้แต่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสำรวม ในห้องเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสองคน
“คือ…คือว่า เหล่าไท่จวินสั่งให้ข้าภรรยาพบอี๋เหนียงทั้งสี่และบุตรสาวทั้งหลายของท่านบ่ายวันนี้”