บทที่ 3
เกือบห้าทุ่มแล้วปารุสก์เดินโซซัดโซเซออกมาจากร้านเกมออนไลน์ร้านหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของอาสดา เขาพยายามหาที่พักใหม่เพื่อจะก้าวออกจากความช่วยเหลือของคนที่เป็นทั้งรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน แต่เสนอแห่งไหนไปอาสดาก็ยังไม่เห็นด้วยสักที ทำให้ชายหนุ่มซึ่งเป็นเสมือนน้องคนสุดท้องของหน่วย NIC จำเป็นต้องอาศัยบ้านของอาสดาอยู่ไปก่อน และการมาเล่นเกมในร้านแทนที่จะอยู่เล่นที่บ้านก็เป็นความพยายามหาเวลาส่วนตัวให้ทั้งตัวเขาเองและอาสดา ไม่เช่นนั้นคงต้องเห็นหน้ากันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
แสงไฟหน้าร้านไม่ค่อยสว่างนัก รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดเรียงรายอยู่ตรงหน้าเป็นของนักเรียน นักศึกษาที่มาเล่นเกมออนไลน์ในร้านเช่นเดียวกันกับเขา ปารุสก์ยืนบิดขี้เกียจเพื่อยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งในร้านตั้งแต่สิบเอ็ดโมงเช้าจนถึงตอนนี้ อาหารมื้อเช้า กลางวัน และเย็นรวมกันเป็นชุดแฮมเบอร์เกอร์หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เวลาเดียวที่เขายอมลุกจากเก้าอี้คือตอนที่ปวดปัสสาวะ ชายหนุ่มอ้าปากหาวเสียกว้าง เมื่อหุบปากลงแล้วก็รู้สึกเหมือนใครกำลังยืนจ้องมองมาทางเขาในเงามืดสลัวอยู่
มีชายร่างใหญ่ยืนพิงรถเก๋งคันหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน แสงไฟจากเสาไฟฟ้าทอดตัวไม่ตรงกับตำแหน่งที่ชายคนนั้นยืนอยู่ทำให้ปารุสก์ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นคนที่ตนรู้จักหรือไม่ สัญชาตญาณการระวังภัยเตือนให้เขาระวังตัว ชายหนุ่มถอยหลังหวังจะกลับเข้าไปภายในร้านเกมออนไลน์อีกครั้ง ทันใดนั้นชายร่างใหญ่ก็ขยับตัวเช่นกัน นั่นยิ่งทำให้ปารุสก์วิตกเพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจหันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปในร้านทันที
แต่ยังไม่ทันที่ประตูอัตโนมัติของร้านจะปิดไล่หลัง เสียงสัญญาณในกระเป๋ากางเกงยีนของเขาก็ดังขึ้น
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…
ปารุสก์สะดุ้งแต่ก็ยังมีสติพอที่จะมุดลงไปใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งซึ่งว่างจากการใช้งานอยู่ จากนั้นเขาก็ล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาดู ชายหนุ่มคิดไม่ผิดว่าคนที่โทรเข้ามาคือหัสยุทธ เทวดามาโปรดในตอนที่เขากำลังมีเคราะห์แท้ๆ เหงื่อตรงขมับจับตัวกันเป็นหยดไหลลงมาข้างใบหู ปารุสก์ไม่สนใจเด็กติดเกมสองคนที่ก้มลงมามองเขาใต้โต๊ะด้วยสีหน้าสงสัย ชายหนุ่มโบกมือไล่ให้เด็กพวกนั้นกลับไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนแล้วกดรับสาย
“หัวหน้าครับ หัวหน้า…” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาการตื่นเต้นของตนทำให้ใช้เสียงที่ดังเกินไป ปารุสก์จึงรีบลดเสียงลงเป็นกระซิบ “หัวหน้าครับ ผมกำลังแย่ มีคนสะกดรอยตามผมมา”
“อืม ท่าทางมันเป็นยังไง”
“ตัวสูง ยืนซะเท่เชียว ผมไม่เห็นหน้ามันชัดๆ หรอก แต่รู้ว่ารูปร่างดีสูงใหญ่ มันยืนพิงรถอยู่หน้าร้านเกมที่ผมมาเล่นประจำ ตอนนี้ผมหลบเข้ามาในร้านอีกครั้งแล้วครับ ผมควรจะทำยังไงดี”
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่ามันสะกดรอยตามนาย”
“เราสบตากันในเงาสลัว ผมรู้สึกได้เลยว่ามันจ้องผมอยู่ ขนของผมลุกซู่ไปหมดตอนที่สบตากับมัน ผมว่ามันคงรอผมมานานแล้ว เหมือนที่หัวหน้าเคยเตือนว่าอาจจะมีใครสะกดรอยตามพวกเรา”
“ออกมาดูซิว่าหน้าตาท่าทางอย่างนี้รึเปล่า”
แล้วปารุสก์ก็เห็นหน้าแข้งของคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวที่เขาซ่อนอยู่ ขาคู่นั้นสวมกางเกงยีนสีเข้ม
“ออกมา…”
จากนั้นนายตำรวจมือใหม่คนล่าสุดของหน่วย NIC ก็ยิ้มแหยก่อนที่จะโผล่ศีรษะออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของหน้าแข้งคู่นั้น
“ราตรีสวัสดิ์ครับหัวหน้า”
หัสยุทธปิดโทรศัพท์มือถือแล้วถอนหายใจ “ระวังตัวมันก็ดี แต่ผมว่านายเล่นใหญ่ไปหน่อย”
หัวหน้าขยับถอยห่างจากโต๊ะเพื่อเปิดทางให้ลูกน้องคลานออกมา สายตาของเด็กวัยรุ่นจ้องมาที่พวกเขาสองคนอย่างสนใจ หัสยุทธจึงรีบประกาศ
“พวกนายก็กลับบ้านกันได้แล้ว นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ”
“พี่เป็นตำรวจเหรอ” หนุ่มน้อยผอมก้างใส่แว่นตาหนาเตอะคนหนึ่งถามอย่างท้าทาย
“ใช่สิ หน่วยสืบสวนซะด้วย”
“เฮ้ย!”
คราวนี้ทั้งคนใกล้คนไกลจากจุดเกิดเหตุนั้นต่างก็ชะเง้อคอและจ้องมาทางหัสยุทธเขม็ง เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาบางส่วนก็ยอมลุกจากเก้าอี้ บางส่วนยังไม่ยอมขยับออกแต่บ่นพึมพำจับใจความได้ว่ายังเหลือชั่วโมงในการเล่นเกมค้างอยู่ หัสยุทธไม่ได้จริงจังกับคำขู่ของตนเองนัก เขาแค่กลัวว่าเด็กๆ เหล่านี้จะเสียสุขภาพจึงพูดเตือนไปอย่างนั้นเอง ตอนนี้จึงหันมาพยักหน้าให้ลูกน้องเพื่อจัดการเรื่องที่เขาต้องการให้เสร็จ
“ตามมา”