ในที่สุดก็ถึงวันที่ทั้งสองครอบครัวจะมาพบหน้ากันอย่างเป็นทางการเสียที บุษบงกชเป็นคนจัดการทุกอย่างทั้งเรื่องสถานที่นัดหมาย รวมไปถึงอาหารที่จะรับประทานร่วมกันในวันนี้ คุณหมอมานั่งรอรายงานจากผู้จัดการฝ่ายห้องอาหารและจัดเลี้ยงในล็อบบี้ของโรงแรมสปาร์คกลิ้ง (Sparkling) เพื่อตรวจทานความเรียบร้อยก่อนจะถึงเวลาสำคัญในช่วงค่ำ เมื่อกรรณิการ์ ผู้จัดการฝ่ายห้องอาหารปรากฏตัวพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ บุษบงกชก็ยิ้มทักทาย
“ไม่ต้องรีบค่ะคุณไก่ เดี๋ยวจะล้ม”
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ เช้านี้ยุ่งมากเลยค่ะ ปลีกตัวออกมาก็ไม่ได้ มีแต่คนต้องการตัวไก่ไปซะหมด”
คนพูดอารมณ์ดีและมีใบหน้าเป็นมิตรมาก รูปร่างอวบเล็กน้อยกับผมสั้นแถมมีหน้าม้านั้นทำให้เธอดูอ่อนวัยกว่าความเป็นจริง กรรณิการ์นั่งลงบนโซฟาใกล้บุษบงกชแล้วเปิดแฟ้มงานบนโต๊ะทันที
“นี่เป็นห้องอาหารที่จัดเตรียมไว้ค่ะ เป็นแบบที่คุณหมอชอบ มีดอกกล้วยไม้ตามมุมต่างๆ ของห้องและบนโต๊ะอาหารนะคะ ส่วนด้านนี้เป็นรายการอาหารค่ะ มีรูปถ่ายมาให้ดูด้วย ทุกอย่างจะพร้อมตรงตามเวลาอย่างแน่นอนค่ะ”
เมื่อมองดูทุกอย่างในแฟ้มแล้วบุษบงกชก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นเกินความจำเป็นไปมาก ทั้งที่วันนี้เป็นแค่การพบปะพูดคุยกันของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่เธอทำเหมือนกับว่าวันนี้เป็นวันหมั้นของเธอกับหัสยุทธ เมื่อคิดได้เช่นนั้นคุณหมอก็หลุดขำออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนกรรณิการ์ตกใจ
“คุณหมอมีปัญหาตรงไหนบอกไก่ได้นะคะ ไก่จะรีบแก้ไขให้ทันทีเลยค่ะ”
“ปะ…เปล่าค่ะ ขอโทษทีค่ะที่จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา ความจริงหมอขำตัวเองน่ะค่ะ พอเห็นคุณไก่ตั้งใจทำทุกอย่างมาให้ดูอย่างนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นมากเกินไป เฮ้อ แค่ทานข้าวด้วยกันเองนะคะ”
“ไม่จริงค่ะ” ผู้จัดการวัยกลางคนยกมือขึ้นห้าม “นี่ไม่ใช่แค่การทานข้าวนะคะ แต่สำหรับวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ค่ะ และโรงแรมสปาร์คกลิ้งของเราต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดความต้องการของลูกค้า เพราะเราเชื่อมั่นว่าเมื่อเริ่มต้นดีละ…”
“หยุดค่ะคุณไก่…คุณไก่กำลังอ่านสปอตโฆษณาของโรงแรมให้หมอฟังอีกแล้วนะคะ”
จากนั้นคนทั้งคู่ต่างก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“แหม คุณหมอรู้ทัน แต่ไก่พูดจริงนะคะ ไม่ใช่แค่ทานข้าวนะคะ แต่เป็นวันสำคัญของคุณหมอ ไก่ยินดีทำทุกอย่างให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพอใจค่ะ”
บุษบงกชมองคู่สนทนาด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง “ขอบคุณมากนะคะ ตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เลือกมาที่นี่”
“แน่นอนค่ะ และงานแต่งงานของคุณหมอทางโรงแรมก็พร้อมจะเสนอชื่อเพื่อเข้าแข่งขันคัดเลือกสำหรับเป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ด้วยค่ะ”
“โอ๊ย หมอไม่มีการจัดแข่งขันอะไรอย่างนั้นหรอกค่ะคุณไก่”
“อ้าว เหรอคะ งั้นก็แสดงว่าตัดสินใจเลือกโรงแรมของเราเลยสินะคะ”
“มัดมือชกกันเลยนี่นา”
คุณหมอแกล้งประชดแล้วก้มลงอ่านเอกสารในมืออย่างสนใจจนไม่ทันสังเกตว่ามีพนักงานร่างเล็กคนหนึ่งของโรงแรมเดินเข้ามาหาผู้จัดการของเธอ หญิงสาวสองคนกระซิบกระซาบกันชั่วครู่ จากนั้นบุษบงกชก็ถูกรบกวนด้วยเสียงขออนุญาต
“คุณหมอคะ ไก่ต้องขอตัวสักครู่นะคะ ไม่เกินสิบนาทีค่ะ พอดีน้องเขาแก้ปัญหาไม่ได้ คุณหมอรอสักครู่ได้ไหมคะ”
“เชิญคุณไก่ตามสบายเลยค่ะ หมอไม่หนีไปไหนหรอก”
เธอยิ้มให้แล้วมองหญิงสาวสองคนที่มีรูปร่างต่างกันเดินเร็วๆ ห่างออกไป บุษบงกชกลับมาสนใจรายละเอียดของงานในค่ำวันนี้อีกครั้ง รูปโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้เหมือนจะขาดอะไรไปบางอย่าง ในที่สุดเธอก็นึกออกว่าไม่มีเก้าอี้นั่งสำหรับหลานสาวตัวน้อยของเธอ เรื่องนี้สำคัญและจำเป็นต้องบันทึกไว้ คุณหมอควานหาปากกาในกระเป๋าถือของตัวเองอยู่พักหนึ่งแล้วต้องยอมรับว่าเมื่อเช้าเปลี่ยนจากกระเป๋าถือใบใหญ่และเธอไม่ได้ย้ายปากกาด้ามโปรดในนั้นมาด้วย ในที่สุดจึงจำเป็นต้องลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม หวังว่าเธอจะสามารถขอยืมปากกาสักด้ามได้จากตรงนั้น
อีกสองก้าวจะถึงเคาน์เตอร์อยู่แล้ว จู่ๆ ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ก่อนหน้าก็หมุนตัวกลับมาอย่างกะทันหัน และมันยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่บุษบงกชมาถึงตรงจุดปะทะพอดี แรงกระแทกทำให้เอกสารในมือของเธอร่วงลงสู่พื้น ชายคนนั้นก็ตกใจเช่นกัน แต่เขามีสัญชาตญาณที่ไวกว่า มือใหญ่ยื่นออกมาจับข้อศอกของคุณหมอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอล้มลง
“ขอโทษครับ!”
“ค่ะ”
หญิงสาวก็ตกใจมากเช่นกัน เธอเพิ่งเงยหน้าขึ้นมองชายคู่กรณีชัดๆ เขาเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่คล้ายหัสยุทธ บุษบงกชถูกสอนให้แยกบุคคลตามลักษณะเด่นของแต่ละคน แล้วเพียงแวบเดียวเธอก็ให้คำจำกัดความของชายคนนั้นขึ้นมาในสมองว่า ‘มีรอยแผลเป็นตรงหัวคิ้ว’ คนทั้งคู่สบตากันนิดหนึ่ง แล้วเขาก็ปล่อยมือจากข้อศอกของเธออย่างสุภาพ คนทั้งคู่ถอยหลังคนละก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง ชายคนนั้นยังก้มลงเก็บเอกสารที่หล่นคืนให้บุษบงกชอีกด้วย
“ขอโทษครับ ผมขยับตัวเร็วเกินไป ไม่ทันเห็นคุณ เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ต้องขอโทษเหมือนกันที่เดินเข้ามาด้านหลังเงียบๆ”
“ถ้าไม่เป็นอะไร ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เชิญตามสบายค่ะ”
ชายผู้มีรอยแผลเป็นก้มศีรษะให้เธอนิดแล้วรีบเดินจากไป บุษบงกชไม่ติดใจอะไร เธอจึงกลับมาสนใจปัญหาของตัวเองต่อ พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์รีบยิ้มกว้างให้
“ขอยืมปากกาสักด้ามได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ…นี่ค่ะ”
บุษบงกชรับมาแล้วจดบันทึกสิ่งที่ต้องการลงไปในกระดาษใบหนึ่งทันที