ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน อัตตา บทที่ 3-บทที่ 4 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน อัตตา บทที่ 3-บทที่ 4

นาทีที่สายตาของคนทั้งคู่ประสานกันนรบดีรู้สึกใจหาย เขาชาวาบไปทั่วตัวเพราะไม่คิดว่าจะพบบุษบงกชที่นี่ แล้วด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีทางเลยที่เขาจะหลบออกไปทันทีโดยไม่กล่าวคำขอโทษหรือพูดคุย เพราะหากทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งน่าสงสัยเพิ่มขึ้น บุษบงกชเป็นผู้หญิงที่มีเครื่องหน้าโดดเด่น การเห็นเธอผ่านกล้องวงจรปิดหลายครั้งทำให้เขาจดจำใบหน้าของเธอได้ไม่ยาก และทันทีที่ประสานสายตากันเขาก็รู้ว่าเป็นเธอ

นรบดีไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนว่าจะได้พบบุษบงกชที่นี่ การมาติดต่อประสานงานกับทางโรงแรมเป็นเรื่องที่เขาวางแผนมาก่อนนานแล้ว และไม่เคยคิดเลยว่าจะโคจรมาพบคนรักของหัสยุทธ โชคดีแค่ไหนที่เธอไม่รู้จักเขา และเธอก็จะไม่มีวันรู้จักเขาด้วย อดีตนายตำรวจเชื่อมั่นเช่นนั้น ก่อนออกจากบริเวณโถงของโรงแรม นรบดีได้เหลือบมองบุษบงกชอีกครั้งพานนึกสงสัยว่าเธอมีธุระอะไรในโรงแรมแห่งนี้…

 

ทางฝั่งหัสยุทธก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นไม่แพ้ว่าที่เจ้าสาว อีกราวสามชั่วโมงจะถึงเวลานัด ละอองดาวก็จัดแจงนำซิ่นผ้าไหมไทยของตัวเองออกมาวางบนเตียงนอนโดยมีเจ้าเดือนเสี้ยวคู้ตัวมองดูเธออยู่ไม่ห่าง หญิงชราพยายามคิดว่าสีอะไรใส่แล้วจึงจะเป็นมงคลในวันนี้

“วันอาทิตย์สีชมพูกับโอลด์โรสเป็นเดช สีเขียวเป็นศรี สีเทากับดำถึงจะเป็นมนตรีแต่ก็ดูไม่เหมาะที่จะใส่ไปขอลูกสาวเขา เดชหมายถึงอำนาจ…เอาอำนาจไปข่มเขาไม่น่าจะดี งั้นต้องเลือกอันที่เป็นโชคลาภ สิริมงคล…สีเขียวนี่แหละ ว่าไงเจ้าเสี้ยว”

เดือนเสี้ยวยกศีรษะขึ้นมานิดหนึ่งคงเพราะได้ยินชื่อของตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็ทำท่าว่าอยากจะหลับอีกครั้ง

“เฮ้อ แกนี่ไม่มีประโยชน์เลย เจ้านายแกจะแต่งงานแล้วนะ ต้องแสดงความยินดีกับเขาหน่อยสิ”

ละอองดาวยกซิ่นผ้าไหมไทยสีเขียวขึ้นมาดูใกล้ๆ อย่างพึงพอใจ จากนั้นก็จับแยกออกมาจากสีอื่นเพื่อนำเสื้อลูกไม้สีขาวที่มีอยู่หลายตัวมาเทียบ ระหว่างนั้นเจ้าของบ้านอีกคนก็มาเคาะประตูห้องพร้อมกับร้องเรียกป้าของเขาไปด้วย

“ป้าครับ ช่วยดูเนกไทหน่อย”

“เข้ามาสิ”

หัสยุทธเปิดประตูเข้ามาพร้อมเนกไทอีกสี่เส้น เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ป้าของเขานำมาวางบนเตียงหนุ่มใหญ่ก็ทำตาโต

“โห ตู้เสื้อผ้าระเบิดเหรอครับ”

“ไม่ต้องมาแซว ตัวเองล่ะ…เดินเร่ขายเนกไทเหรอ”

หัสยุทธย่นจมูกใส่แล้วเดินมาหยุดตรงปลายเตียงนอนของละอองดาว สายตาเกิดไปปะทะเจ้าเดือนเสี้ยวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคนทั้งแมวจ้องตากันด้วยความหวาดระแวงทั้งคู่

“เมื่อคืนไปไหนมา” นายตำรวจหนุ่มใหญ่ถาม “เป็นสาวเป็นนางกลับบ้านมืดค่ำ ไม่รักนวลสงวนตัว”

คราวนี้แมวสาวไม่นอนต่อแล้วแต่มันลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงจากเตียงไปทันที หัสยุทธมองตามด้วยความหมั่นไส้จนกระทั่งมันเดินผ่านบานประตูที่เปิดค้างไว้ออกไป

“แหม เดี๋ยวนี้พูดอะไรไม่ได้เลย สะบัดหน้าใส่ เดินหนี”

ละอองดาวหัวเราะคิกคัก “นี่…อย่าไปยุ่งกับเจ้าเสี้ยวมันมาก เดี๋ยวมันรำคาญจะหนีออกจากบ้านซะเปล่าๆ”

“นี่แมวหรือวัยรุ่น” พูดแล้วเขาก็ส่ายหน้าช้าๆ

“เหมือนกันนั่นแหละ แมววัยรุ่นไง ไหนจะให้ป้าช่วยอะไร”

หัสยุทธยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกัน โดยแต่ละข้างมีเนกไทพาดอยู่ข้างละสองเส้น ละอองดาวมองเนกไททั้งสี่กลับไปกลับมาหลายรอบก่อนถาม

“สูทสีอะไร”

“ดำอยู่แล้ว”

หญิงสูงวัยส่ายหน้า “เทา”

“หืม…แต่ผมใส่ดำแล้วหล่อ หมอบอก”

“นี่ใส่ไปให้พ่อแม่เขาดูด้วย สีดำจะทำให้หน้าเราดุเกินไป ใส่เชิ้ตสีขาว สูทเทากับเนกไทสีเดียวกันจะทำให้ดูสะอาดสะอ้าน ภูมิฐานมากกว่า” แล้วละอองดาวก็หยิบเนกไทหนึ่งในสี่เส้นนั้นออกมา “นี่เส้นนี้”

หัสยุทธหรี่ตามองผู้มีพระคุณของเขาแวบหนึ่งด้วยใบหน้ายียวนก่อนยิ้มจนเห็นฟันขาว

“ตกลงครับคุณป้าสุดที่รัก งั้นผมขอตัวไปจัดชุดตามที่ป้าบอกก่อนนะ”

“จ้า เชิญเถอะว่าที่เจ้าบ่าว”

นายตำรวจร่างใหญ่หัวเราะคิกคักอย่างกับเด็กผู้หญิง ทั้งเขินทั้งชอบใจ รู้สึกว่าตนเองกำลังมีความสุขจนเปี่ยมล้นหัวใจไปหมด แต่ตอนที่กำลังจะดึงบานประตูให้กว้างออกนั้นจู่ๆ ก็ถูกเรียกให้หยุดเสียก่อน

“เดี๋ยวหัส…”

“ครับ” เขาหันกลับมาทั้งที่ยังมีรอยยิ้มทั้งปากทั้งตา

“ป้าว่าจะขายบ้านหลังนี้นะ”

“ฮะ?” เขาอึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง “สมกับเป็นป้าหลานกัน ผมก็คิดเหมือนป้าเลย เราควรจะขายหลังนี้เพื่อไปซื้อหลังใหญ่ขึ้น พอผมมีลูกเราจะกลายเป็นครอบครัวใหญ่ทันที เนี่ยไปคุยกับเจ้ารุสก์ ลูกน้องที่ทำงานไว้แล้วเผื่อว่าเขาอยากจะซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากเรา”

“แต่ป้าจะไม่ไปอยู่กับแกหรอกนะ”

เกิดความเงียบงันหลายอึดใจกว่าคนฟังจะถามออกมาได้อีกครั้ง

“อะไรนะครับ” หัสยุทธหันหลังกลับมาทั้งตัว สายตาของเขาทั้งสงสัย ทั้งกังวล “ทำไมล่ะครับ ทำไมป้าจะไม่อยู่กับผม เพราะหมอบุษเหรอ”

“เปล่าๆๆ” ละอองดาวโบกมือไปมาเป็นพัลวัน “ป้ารักหนูบุษจะตายไป”

“แล้วทำไมครับ” หัสยุทธเดินเข้ามาหาผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิตของเขา “เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ ป้าบอกอย่างนั้นมาตลอด แล้วทำไมจู่ๆ ป้าจะไม่อยู่กับเรา แล้วถ้าไม่อยู่ด้วยกันป้าจะไปอยู่ที่ไหน ผมเป็นครอบครัวคนเดียวของป้านะ”

ละอองดาวยิ้มบางๆ แล้วถอนใจ สีหน้าไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนัก เหมือนคนที่ตัดสินใจอะไรได้อย่างเด็ดขาดแล้วเสียมากกว่า นางบอกด้วยเสียงนุ่ม

“ป้าจะไปอยู่กับเพื่อน”

“เพื่อนที่ไหนครับ ผมรู้จักมั้ย แล้วทำไมป้าต้องไปอยู่กับเขา ป้ามีครอบครัวนะไม่ใช่คนไร้ญาติ”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ...

community.jamsai.com