บทที่ 4
ห้องประชุมขนาดเล็กของโรงแรมสปาร์คกลิ้งถูกตกแต่งใหม่ให้กลายเป็นห้องรับประทานอาหารค่ำสำหรับครอบครัว จานกระเบื้องเคลือบและเครื่องแก้วราคาแพงถูกนำมาจัดวางไว้บนโต๊ะกระจกรูปไข่ ที่รองจานสีขาวลายลูกไม้ขลิบทองช่วยส่งให้ภาชนะทุกชิ้นดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก แม้กระทั่งเก้าอี้ซึ่งบุด้วยผ้าไหมสีขาวไข่มุกก็ดูเหมือนจะชักนำให้ทุกคู่สายตาต้องหยุดมองที่มันก่อน ทุกอย่างในห้องเป็นสีเรียบยกเว้นดอกกล้วยไม้ซึ่งบุษบงกชเลือกไว้หลายพันธุ์ เมื่อนำมาจัดวางทั้งใส่แจกันบนโต๊ะและอยู่ในกระถางตามมุมต่างๆ แล้วยิ่งทำให้บรรยากาศของทั้งห้องเกิดสีสันสวยงามละลานตาไปหมด ว่าที่เจ้าสาวมองดูภาพเหล่านั้นด้วยความพึงพอใจ
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณไก่ หมอพอใจมาก”
“ยินดีค่ะ ได้ยินอย่างนั้นไก่ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ ดีใจที่ลูกค้าพิเศษของเราชอบ”
คุณหมอหันกลับมาหากรรณิการ์แล้วยอมรับออกมาตรงๆ “ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีกค่ะ แม้จะรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
คนฟังยิ้มกว้าง “คุณหมอได้รับสิทธิ์นั้นค่ะ วันสำคัญอย่างนี้ต้องตื่นเต้น…ถูกต้องแล้วค่ะ แล้ววันนี้คุณหมอก็สวยมากจริงๆ”
หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งรู้ตัวดีว่าเธอมีอายุล่วงวัยที่ผู้หญิงคนอื่นนิยมแต่งงานกันมาได้พักหนึ่งแล้วถอนใจอย่างอิ่มสุข คุณหมอสวมชุดแส็กสั้นยี่ห้อหรูสีขาวนวล ใส่เครื่องประดับเพียงเล็กน้อยเพื่อให้เครื่องสำอางที่แต่งแต้มบนใบหน้านั้นสะกดสายตาคนมองมากกว่า ริมฝีปากอิ่มสวยด้วยสีกุหลาบยามยิ้มแล้วเห็นฟันขาวแทบจะเป็นประกายราวไข่มุก ผมหนาถูกรวบขึ้นเผยให้เห็นต้นคอขาว ไรผมที่ตกลงมาเล็กน้อยทำให้เธอดูอ่อนหวาน เมื่อมีความสุขจนล้นเปี่ยมเช่นนี้รอยยิ้มของเธอมันจึงเป็นการยิ้มทั้งปากทั้งตาดูน่ามอง
“ขอบคุณค่ะ” บุษบงกชแก้เขินโดยการก้มลงดูนาฬิกาบนข้อมือ “อีกสิบนาทีคุณพ่อคุณแม่คงมาถึง นี่หมอนัดครอบครัวให้มาเร็วกว่าฝั่งสารวัตรราวสิบห้านาทีค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ ไก่คิดว่าฝ่ายชายจะต้องมาก่อนซะอีก”
“ก็บ้านหมอมีสมาชิกเยอะกว่าน่ะสิคะ กว่าจะนั่งเรียบร้อยลงตัวสารวัตรคงมาถึงพอดี รายนั้นชอบมาก่อนเวลาด้วยค่ะ…ถ้าไม่ติดงานน่ะนะคะ”
สองสาวหัวเราะกันคิกคัก แล้วเสียงหัวเราะก็พลันต้องสะดุดลงเพราะโทรศัพท์มือถือของบุษบงกชดังขึ้น เธอขอตัวรับสาย ผู้จัดการฝ่ายห้องอาหารของโรงแรมจึงหลบออกไปจากบริเวณห้องจัดเลี้ยงนั้นเพื่อให้แขกมีเวลาส่วนตัว คุณหมอเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหาร มือข้างหนึ่งลูบผ้าบุเก้าอี้อย่างมีความสุข ซึ่งรอยยิ้มนั้นอาจไม่ใช่เพราะความพึงพอใจต่อสัมผัสที่มือแต่มันเป็นเพราะคนในสายมากกว่า
“ฮัลโหล…ค่ะ”
“น่าจะถึงในสิบห้านาทีนี้ครับ”
“โอ๊ะ ไม่ต้องรีบนะคะ ครอบครัวของฉันยังมาไม่ถึงเลย”
“ทำไมล่ะ ผมไปถึงก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”
“งั้นยังไงก็ได้ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ
“ครับผม แล้วเจอกัน”
แค่ได้ยินเสียงของเขา บุษบงกชก็รู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าว คุณหมอต้องพยายามลดอาการตื่นเต้นของตัวเองลง เธอหลับตาแล้วหายใจเข้าออกลึกๆ
…
“โห นี่ถึงขนาดต้องทำสมาธิกันเลยนะ”
เสียงแหบห้าวที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านข้าง เมื่อบุษบงกชลืมตาขึ้นก็เห็นรอยยิ้มล้อจากพี่ชายของเธอพร้อมกับเจ้าหญิงน้อยในอ้อมแขน
“หม่อนไหมคนสวยของอา”
บุษบงกชหันไปสนใจหลานสาวในชุดกระโปรงฟูฟ่องแทนที่จะเลือกคำแก้ตัวมาให้ธีรวุฒิ เธอยื่นมือออกไปเพราะอยากจะอุ้มเจ้าตัวเล็ก แต่พี่ชายกลับไม่ยอมยกให้