“คล้ายกับการทำประกันชีวิตไว้นั่นแหละค่ะ” ละอองดาวพูดบ้าง “ดิฉันต้องจองคิวไว้หลายปีกว่าจะได้บ้านพักของที่นั่น ตอนนี้จังหวะมันพอเหมาะพอเจาะ หลานชายก็จะมีคู่ชีวิตที่ดีแล้ว ดิฉันก็ไม่มีอะไรต้องห่วง”
ระหว่างที่คนในห้องกำลังพูดคุยกันถึงการวางแผนชีวิตของละอองดาวอยู่นั้น หัสยุทธก็เดินจูงมือบุษบงกชกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคุณหมอจะตาช้ำๆ ชอบกล นายตำรวจหนุ่มใหญ่เดินมาส่งว่าที่เจ้าสาวของเขาที่เก้าอี้แล้วกลับไปนั่งยังที่ของตน บุษบงกชหันไปหาละอองดาวทั้งตัว เธอคว้ามือของหญิงชรามากุมไว้แล้วพูดเสียงเบา
“หนูรู้สึกผิด”
“โถ ไม่มีอะไรที่หนูบุษต้องรู้สึกผิด นี่คือครรลองชีวิตของป้า ซึ่งป้าต้องการเป็นคนกำหนดเอง”
คุณหมอปล่อยให้น้ำตาไหลอีกครั้ง มันสร้างความสะเทือนใจให้บุคคลในครอบครัวของเธอไปด้วย ทุกคนรู้ดีว่าละอองดาวเป็นคนให้ชีวิตใหม่ ให้อนาคตแก่หัสยุทธ หากไม่มีหญิงชราคนนี้ว่าที่ลูกเขยของพวกเขาคงไม่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างที่เห็น การตัดสินใจของหญิงชรานั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการเป็นภาระกับใครอีก มันเป็นการวางทุกอย่าง ไม่มีการยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งที่ตนเองทำมาหลายปีนั้นต้องได้รับการตอบแทน นางทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ละอองดาวเช็ดน้ำตาให้ว่าที่หลานสะใภ้ มันเป็นภาพที่ทุกคนในห้องรู้สึกถึงความรักที่ส่งมอบจากหญิงชราสู่บุคคลผู้ซึ่งจะมาทำหน้าที่แทนเธอในอนาคตได้เป็นอย่างดี นั่นคือการใช้ชีวิตและการดูแลซึ่งกันและกันระหว่างเธอกับหัสยุทธ คนที่เป็นพ่อเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ใจอ่อน
“เอาล่ะ ถ้างั้นผมก็ยกลูกสาวให้เลยแล้วกัน ไม่ต้องเอาอะไรแล้ว”
“อ้าว…คุณพ่อ!”
บุษบงกชร้องเสียงหลง เมื่อทุกคนหายตกใจกับคำประกาศของชนกานต์แล้วก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะแทน
“ไม่ได้ค่ะ ยังไงทางเราก็จะจัดการให้อย่างเหมาะสม สวยงาม แม้คุณจะไม่เรียกร้องอะไร” ละอองดาวบอกด้วยรอยยิ้ม “เชื่อใจป้านะหนูบุษ”
“ค่ะ บุษเชื่อใจคุณป้า ขอบพระคุณมากนะคะ”
คุณหมอยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ละอองดาวจึงยกแขนโอบเธอไว้ด้วยความรัก แค่นี้คนเป็นพ่อแม่ก็รู้สึกว่าตัดสินใจยกลูกสาวให้ถูกคน ถูกครอบครัวแล้ว ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่และสำคัญไปกว่าความรัก ความเข้าใจที่คนจากสองครอบครัวมีให้แก่กัน
หลังอาหารค่ำที่มีความหมายของว่าที่คู่บ่าวสาวจบลง หัสยุทธก็พาละอองดาวไปส่งที่บ้าน ส่วนบุษบงกชนั้นกลับมาที่คอนโดมิเนียมของตนเพื่อรอให้หัสยุทธมาพูดคุยเรื่องของคนทั้งคู่อีกครั้ง คุณหมอยืนยันว่าเธอต้องการคุยอย่างจริงจังและต้องเป็นในที่ที่เป็นส่วนตัวเพื่อที่เธอจะสามารถร้องไห้ได้อย่างอิสระ
การตัดสินใจของหัสยุทธเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาเห็นด้วยกับความต้องการของละอองดาวแต่มันทำให้บุษบงกชรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ แม้หัสยุทธจะพยายามปลอบโยนหลายครั้งแต่เธอก็ไม่สามารถหยุดคิดถึงเรื่องนี้ได้ ว่าที่เจ้าสาวนั่งน้ำตาคลอในตอนที่หัสยุทธมาเคาะประตูห้อง เธอเดินไปเปิดให้เขาก่อนที่จะโผกอดเขาไว้ หัสยุทธกอดตอบหลวมๆ รู้ดีว่าตนเองต้องเจอพายุอารมณ์ต่อจากนี้และเขาพร้อมยอมรับมันไว้ทั้งหมด
เมื่อประตูห้องถูกปิดลงบุษบงกชก็ปล่อยโฮกับหน้าอกของเขา
“ฉันไม่อยากให้ชีวิตคู่ของเราเริ่มต้นด้วยการสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างนี้ มันควรจะเป็นการแต่งงานที่ทุกคนมีความสุข ป้าดาวสำคัญกับคุณมาก ฉันรู้สึกแย่…”
คำพูดของเธอขาดเป็นห้วงและอู้อี้ หัสยุทธกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแล้ววางคางบุ๋มลงบนเรือนผมหนาอย่างอ่อนโยน
“มันมีวิธีอื่นมั้ยที่ไม่ใช่แบบนี้”
เขาส่ายหน้าไปมา บุษบงกชรับรู้การปฏิเสธจากปลายคางที่เคลื่อนไหวบนศีรษะตน เธอยิ่งร้องเสียงดังขึ้นอีก
“ฉันจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ฉันจะได้ตัวคุณมาอยู่ด้วย แต่คุณป้าดาวต้องโดดเดี่ยว เหมือนคนที่ไม่ลงทุนอะไรแต่แค่รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์”
เมื่อฟังคำพรรณนาของเธอจบตรงนี้หัสยุทธก็หลุดขำ เขาพยายามกลั้นแล้วแต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ บุษบงกชเงยหน้าจากอกแล้วจ้องเขาด้วยแววตาดุ คราบน้ำตายังเปรอะเปื้อนอยู่เลย
“หัวเราะทำไม ฉันกำลังเครียดอยู่นะ”
นายตำรวจร่างใหญ่ยิ้มกว้างก่อนตอบ “กำลังคิดว่าตัวเองเป็นมะม่วงที่ถูกคุณเก็บ”
“บ้าเหรอ”
คุณหมอทุบหน้าอกของเขาไปทีหนึ่ง คราวนี้หัสยุทธไม่กลั้นหัวเราะแล้ว เขาตั้งใจขำเต็มที่จากนั้นก็ดึงร่างบางให้มานั่งที่โซฟากลางห้อง เขานั่งลงก่อนแล้วรวบตัวเธอให้นั่งตะแคงข้างลงบนตัก หัสยุทธมองคนรักด้วยสายตาอบอุ่น เขายิ้มอย่างปลอบโยน เช็ดน้ำตาให้ แล้วกอดเอวเธอไว้หลวมๆ