บรรยากาศการประชุมนายตำรวจระดับหัวหน้าหน่วยถูกจัดขึ้นทุกเดือนตามปกติ แต่ครั้งนี้สำหรับหัสยุทธแล้วมันไม่ปกติ เพราะเขาต้องระมัดระวังตัวและช่างสังเกตเพิ่มมากขึ้น ความแคลงใจหลายอย่างรวมตัวกันอยู่ภายในใจแล้วปรากฏออกมาทางสีหน้าที่เคร่งขรึมผิดปกติจนทำให้โอบเกียรติต้องหันมาถามในตอนที่ตัวแทนของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังไม่เข้านั่งประจำที่ของตน
“เป็นอะไรวะ หน้ายังกับคนถูกแฟนบอกเลิก”
หัสยุทธหันไปสบตาอย่างเอาเรื่อง “แกก็หน้าเหมือนคนกินแห้ว”
“เฮ้ย รู้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าหลานนอกไส้แกฟ้อง”
“อะไร…แกไปทำอะไรก้อย”
“ไม่ได้ทำ ฉันจะไปทำอะไรเขาเล่า เขาสิทำฉันอกหัก”
“สม…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เล่าซิ”
โอบเกียรติส่ายหน้า “ไม่ใช่ตอนนี้ ว่าแต่แกเถอะมีอะไรรึเปล่า”
เขาถามซ้ำแต่หัสยุทธก็ไม่ตอบเช่นกัน นายตำรวจหนุ่มใหญ่แค่ส่ายหน้าแล้วหันกลับไปกวาดสายตามองเพื่อนร่วมโต๊ะประชุมราวสิบคนอีกครั้ง ไม่มีใครเลยที่น่าสงสัยพอว่าจะเกี่ยวข้องกับ Satan ทุกคนในที่นี้ต่างก็เป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนร่วมงาน หัสยุทธไม่เคยมีศัตรูที่ไหนอย่างน้อยก็เท่าที่เขารู้ แต่ทำไมตอนนี้เขากลับถูกเพ่งเล็งจากใครบางคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้นรบดีจะไม่ได้อยู่ในห้องประชุมด้วย แต่ก็ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าชีวิตของเขากับคนรอบข้างจะปลอดภัย เรื่องหลายเรื่องที่เคยเกิดขึ้นทำให้อดคิดไม่ได้ว่านรบดีใช้เส้นสายในสถาบันตำรวจแห่งชาติได้ดีกว่าเขาเสียอีก
หากจำแนกนายตำรวจระดับหัวหน้าหน่วยงาน โอบเกียรติเป็นคนที่เขาไว้ใจได้มากที่สุด แม้จะมีความสัมพันธ์ต่อกันแบบทั้งรักทั้งเกลียด แต่ก็มั่นใจได้ว่าคนคนนี้ไม่หักหลังเขาแน่ เพราะสิ่งที่เขามีอยู่นั้นไม่สามารถเทียบเคียงหรือทำให้โอบเกียรติอิจฉาริษยาเขาจนเกิดเป็นปมแห่งความเจ็บแค้นในใจได้ อาจจะยกเว้นเรื่องบุษบงกชไว้เรื่องหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานคนนี้ทำใจกับเรื่องนี้ได้มากแล้ว
ระหว่างที่ผู้เข้าร่วมประชุมยังจับคู่คุยกันอยู่นั้น เจ้าหน้าที่หน้าห้องก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยซองเอกสารสีน้ำตาลในมือ เขาตรงมายังตำแหน่งที่หัสยุทธนั่งอยู่ การเคลื่อนไหวนั้นดึงสายตาของผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นให้หยุดพูดคุยแล้วหันมามองหัสยุทธกับโอบเกียรติเป็นตาเดียว
“เจ้าหน้าที่ในหน่วย NIC ฝากมาให้ครับผม บอกว่าเป็นเอกสารด่วน”
“ขอบใจ”
หัสยุทธวางท่าคล้ายกับว่าสิ่งที่อยู่ในซองเอกสารนั้นเป็นความลับที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน นายตำรวจหนุ่มใหญ่ค่อยๆ เปิดซองท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ทั้งลอบมองและจ้องอย่างจริงจัง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นโอบเกียรติก็เอนตัวมาชำเลืองมองเหมือนกัน แต่หัสยุทธดึงสิ่งที่อยู่ในมือให้พ้นสายตาพร้อมทำหน้าดุ
“อะไรวะ”
“งานของฉัน แกจะยุ่งทำไม”
“ขี้หวง”
จังหวะนั้นโทรศัพท์มือถือของโอบเกียรติก็ส่งสัญญาณว่ามีข้อความเข้า หัสยุทธมองด้วยสายตาเอาเรื่อง
“เออๆ ลืมปิดเสียง ปิดแล้ว”
คนถูกเขม่นดึงมือถือขึ้นจากกระเป๋ากางเกง เห็นชื่อคนที่ส่งข้อความมาหาแล้วอดเปิดดูก่อนปิดเครื่องไม่ได้ หัสยุทธเหลือบมองเพื่อนสนิทด้วยหางตาอีกครั้ง ชักสงสัยว่าทำไมโอบเกียรติยังใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ทั้งที่การประชุมกำลังจะเริ่ม สีหน้าของโอบเกียรติดูเป็นกังวล
“มีอะไรรึเปล่า”
คนถูกถามไม่ตอบแต่ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ของตนให้หัสยุทธอ่าน มันเป็นข้อความสั้นๆ จากบิดาของโอบเกียรติเอง ในนั้นเกริกไกรถามบุตรชายของตนว่า ‘ช่วงนี้พบอาบ้างมั้ย เขาขาดการติดต่อมาสามวันแล้ว’ ยังไม่ทันที่นายตำรวจทั้งสองจะพูดคุยอะไรกันต่อ เจ้าหน้าที่หน้าห้องประชุมคนเดิมก็เปิดประตูเข้ามาอีกครั้งเพื่อที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าตัวแทนของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะมานั่งเป็นประธานการประชุมในวันนี้นั้นมาถึงแล้ว ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกัน หัสยุทธค่อยๆ วางซองเอกสารลงบนโต๊ะ เขาก็ลอบมองเช่นกันว่าใครในห้องประชุมแห่งนี้ที่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เขาครอบครองอยู่