หลังจากการประชุมสิ้นสุดลงโอบเกียรติก็เดินตามหัสยุทธมายังห้องทำงานของหน่วย NIC ด้วย พวกเขากำลังวิเคราะห์เรื่องที่กัมปนาทหายตัวไปอยู่
“…อาแกมีเรื่องผู้หญิงไหมวะ”
“ไม่มีสิแปลก ยิ่งไม่มีเป็นตัวเป็นตนยิ่งสนุกกับการใช้ชีวิตแล้วก็มีผู้หญิงไปทั่ว”
“งั้นก็อาจจะอยู่กับใครสักคน”
“แต่ถ้าเห็นเป็นเบอร์โทรของพ่อฉันติดต่อไป เขาก็น่าจะรับสายนะ” จู่ๆ โอบเกียรติก็หยุดเดินทั้งที่อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงประตูห้องทำงานของ NIC อยู่แล้ว “แกว่าจะเกี่ยวกับคดีนั้นรึเปล่า”
หัสยุทธหยุดเดินตามแล้วหันไปมองเขา “ยังไง หนีหน้าไปเพราะอับอายงั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิ”
“ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรในเมื่อบทลงโทษต่างๆ ก็รู้กันอยู่แล้ว อาของแกไม่อุทธรณ์ด้วยซ้ำ”
“เออ ก็จริง”
ทั้งสองนายตำรวจเดินต่อ หัสยุทธเป็นคนผลักบานประตูเข้าไปก่อน คนที่อยู่ในนั้นต่างก็จับจ้องมาทางเขาทันที ทุกคนทำอย่างนั้นพร้อมกันจนโอบเกียรติเดินตามเข้ามาเห็นเข้าก็นึกขำ
“ลูกๆ แกรอพ่อกลับบ้านพร้อมเพรียงกันดีนะ เสียดายไม่มีขนมติดไม้ติดมือมาฝาก”
หัสยุทธไม่สนใจมุกของโอบเกียรติ เขาเดินไปที่โต๊ะประชุมกระจกกลางห้องแล้วกวักมือเรียกให้ทุกคนมาพร้อมหน้ากันตรงนั้นด้วย โอบเกียรติก็พลอยทำตัวเป็นส่วนหนึ่งของทีม เมื่อทุกคนนั่งล้อมวงเรียบร้อยแล้ว หัสยุทธก็สรุปการประชุมให้ฟัง
“ยังไม่ถูกยุบ”
“เย่…” สามสหายไชโยโห่ร้องขึ้นพร้อมกัน
“อ๋อ ที่พวกนายรอหัวหน้ากลับมาเนี่ยเพราะกลัวถูกยุบหน่วยหรอกเหรอ” โอบเกียรติหัวเราะร่วน
อาสดาถอนใจ “ไม่ตลกนะสารวัตร เกิด NIC ถูกยุบขึ้นมาจริงๆ พวกเราตายแน่”
“ไม่ตายหรอก นายก็ไปอยู่กับฉัน เจ้าวุฒิย้ายกลับไปสังกัดทีมสืบสวนอื่น ส่วนเจ้ารุสก์ไปอยู่กับหน่วยสื่อสารก็ได้มั้ง ใช้เวลาปรับตัวหน่อยแต่เดี๋ยวก็ชิน”
ปารุสก์เริ่มสนุกกับความคิดนี้ด้วย “แล้วเจ้านายของผมล่ะครับ”
“เอ้า ก็ไปเป็นลูกน้องฉันสิ จะไปยากอะไร”
“เฮ้ย ให้เกียรติรุ่นพี่ด้วย ถ้าฉันต้องย้าย ฉันก็จะไปเป็นเจ้านายแก…ไอ้โอบ”
โอบเกียรติทำเสียงชิชะอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมเงียบเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องจะเริ่มทำการประชุมกันแล้ว หัสยุทธวางซองเอกสารที่ถือกลับมาจากห้องประชุมลงบนโต๊ะแล้วยิงคำถามไปที่ปารุสก์เป็นคนแรก
“เรื่องที่ให้ทำไปถึงไหนแล้ว”
ปารุสก์ทำหน้าเลิ่กลั่ก เขาไม่คิดว่าจะถูกทวงงานต่อหน้าทุกคน โดยเฉพาะมีโอบเกียรติซึ่งถือว่าเป็นคนนอกทีมอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนหัสยุทธจะรับรู้ความรู้สึกไม่มั่นใจนั้นด้วย
“รายงานมาเถอะ เพราะถึงยังไงไอ้โอบมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
“นี่แกช่วยพูดเหมือนฉันอยู่ตรงนี้ด้วยได้ไหม” โอบเกียรติร้องขอความสุภาพ
หัสยุทธไม่สนใจเขา แต่กลับพยักหน้าให้ปารุสก์ทำสิ่งที่เขาต้องการต่อ “เอาข้อมูลแบบวิเคราะห์แล้วนะ”
ดังนั้นปารุสก์จึงหันกลับไปที่คอมพิวเตอร์ของตัวเองเพื่อดึงข้อมูลซึ่งนำเสนอเป็นกราฟิกขึ้นไปบนจอขนาดใหญ่ของหน่วย บนนั้นมีข้อความในกล่องสี่เหลี่ยมและถูกโยงใยด้วยเส้นสายกับลูกศรอีกมากมาย หัสยุทธเป็นคนเดียวที่เข้าใจข้อความทั้งหลายที่ปารุสก์ต้องการสื่อได้แทบจะในทันที เพราะเขาก็วาดผังคร่าวๆ ไว้ในหัวแล้วเช่นกัน เมื่อไม่มีใครถามอะไร ปารุสก์ก็เริ่มต้นการรายงาน…
“จากที่หัวหน้าเคยแนะนำให้ผมหาข้อมูล ผมดึงคำสั่งสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้าย แต่งตั้ง ปลด รวมถึงการให้ออกจากราชการมาพิจารณา โดยอ้างอิงจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นหลัก ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดน่าจะเป็นช่วงนี้ครับ”
ปารุสก์ใช้ปากกาเลเซอร์ยิงไปตรงปีที่เขาวงกลมไว้ในแผนภูมิ
“ช่วงปีนั้นมันคุ้นๆ” โอบเกียรติรำพึง
“ช่วงปีที่แกกับฉันได้ทุน ท่านขจรบอกฉันเองว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายในช่วงนั้น”
“ท่านขจร? ทำไมจู่ๆ พูดถึงท่านขจร”
“ฉันเพิ่งไปพบท่านมาเมื่อไม่นานมานี้”
โอบเกียรติขมวดคิ้ว “แกไปหา ผบ.ตร. คนเก่าทำไมวะ”
“เรื่อง Satan นั่นแหละ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับท่านขจร”
“เอาน่า ฟังเจ้ารุสก์ก่อน” หัสยุทธพยักหน้าให้ลูกน้องรายงานต่อ
“ครับ…ผมจับประเด็นเรื่องอำนาจ กลุ่มก้อน เส้นสาย รวมถึงการใช้งบประมาณผ่านคำสั่งพิเศษต่างๆ ในแต่ละยุคสมัยการดำรงตำแหน่งของ ผบ.ตร. ตามที่หัวหน้าแนะนำ ผมสามารถจำแนกออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามนี้ครับ”